คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 9 : HURT
Chapter 9
ครูเป็นสิ่งมีชีวิตที่...อยู่ห่างไกลจากผมมาก
ระหว่างทางกลับบ้านผมกับครูไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก เหตุการณ์เมื่อครู่มันยังคงทำให้ผมตกใจไม่หาย บางทีผมก็เป็นคนดวงดีอย่างที่ครูทงเฮบอกจริงๆ นั่นแหละครับ ชอบสร้างเรื่องให้ครูต้องลำบากใจอยู่เรื่อยเลย สีหน้าตอนครูเห็นเธอคนนั้นมันยากที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูด มันอาจจะเป็นความเจ็บปวดที่แสดงออกมาทางสีหน้า หรือถ้าเป็นไปได้ ผมอยากภาวนาว่าสิ่งที่ผมคิดอยู่มันเป็นแค่เรื่องโกหก...
ถ้าเกิดผมไม่โทรหาฮยอกแจตอนแวะขอไปเข้าห้องน้ำ ผมอาจจะพูดอะไรโง่ๆ ออกไปก็ได้...
‘เฮ้! พี่อย่าแย่งผมคุยได้ไหมเนี่ย’
‘นี่ฮยอกแจ นายรู้จักผู้หญิงคนนั้นเหรอไง เอามาให้พี่คุยกับคยูฮยอนดีกว่า นายไปอาบน้ำแล้วอ่านหนังสือได้แล้วนะ’
‘ย๊าห์!’
‘คยูฮยอน ยังอยู่ไหม’
‘ผมยังอยู่ครับครู’
‘จะว่ายังไงดีล่ะ...ก็อย่างที่ครูบอกนายไปเมื่อกี้นั่นแหละ...ว่าซนอึนซอคือแฟนเก่าของซีวอน’
‘...ครับ’
‘นายโอเคนะ?’
‘โอเคครับครู’
‘แล้วตอนนี้สองคนนั้นทำอะไรกันอยู่นายถึงออกมาโทรหาฮยอกแจได้เนี่ย’
‘เขานั่งคุยกันอยู่ครับ ผมคิดว่าบางทีผมน่าจะให้เวลาเขาทั้งคู่ได้คุยกันบ้าง’
‘ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอกนะคยูฮยอน เพราะทั้งคู่ต่างก็ตัดสินใจตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องมันต้องจบแบบนั้น’
‘งั้นผมควรทำยังไงดีครับครู...ตอนที่เขานั่งคุยกัน ถึงแม้จะใช้ประโยคที่อ้อมค้อมกำกวมจนทำให้ผมนึกไม่ถึงแต่พอมารู้เองแบบนี้แล้วก็รู้สึกเจ็บเหมือนกันครับ...’
‘ซีวอนเป็นคนเลือกที่จะถอยออกมาเอง หลังจากที่อึนซอปฏิเสธการขอแต่งงานของเขาเมื่อหกปีที่แล้ว หลังจากนั้นอึนซอก็ไปอยู่ญี่ปุ่นสามปีกลับมาก็เป็นครูที่โรงเรียนโกอึมจุนนั่นแหละ เขาทั้งคู่ขาดการติดต่อกันตั้งแต่ตอนนั้น ครูยังนับถือซีวอนมันเลย ใจแข็งน่าดู...’
‘ครูคงรักเธอมากสินะครับ ผมไม่แปลกใจเลย’
‘ไม่อยากพูดบั่นทอนความรู้สึกหรอกนะ เพราะครูเองก็ไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับซีวอนสักเท่าไหร่ แต่คนที่รู้ดีที่สุดไม่ใช่ครู ไม่ใช่นาย ไม่ใช่อึนซอ แต่เป็นหมอนั่นต่างหาก’
‘เพราะผมแท้ๆ เลยครับ’
‘ไม่เอาน่า...อย่าโทษตัวเองสิ แต่จำไว้อย่างนะอย่าพยายามฝืนตัวเองเพื่อคนอื่น นายต้องซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองให้มากนะรู้ไหม?’
‘ขอบคุณมากนะครับ’
ถ้าครูไม่เงียบมาตลอดทั้งทางผมคงไม่รู้สึกแย่แบบนี้ แต่จะว่าเป็นความผิดของครูก็ไม่ได้อีกนั่นแหละครับ ผมพยายามเข้าใจครู พยายามเข้าถึงความรู้สึกครู มันคงไม่แปลกอะไรถ้าเขาจะรู้สึกอะไรบางอย่างตอนที่เห็นอดีตคนรัก...
ก็เขาเลิกกันทั้งที่ยังรักกันอยู่นี่ครับ...
‘อึนซอปฏิเสธเพราะเธอไม่พร้อม’
‘หมายความว่า...ถ้าเกิดวันไหนวันหนึ่งเธอจะกลับมา...’
‘ครูไม่รู้ นายอย่าพยายามคิดอะไรที่มันทำร้ายตัวเองเลยคยูฮยอน’
“ครูยังไม่ได้ไปเยี่ยมครูที่ปรึกษาผมใช่ไหม เราไปกันนะครับผมอยากเจอเธอ” ผมหันไปยิ้มกับคนข้างๆ ด้วยท่าทีตื่นเต้นเกินจริง ผมควรจะทำตามที่ครูทงเฮแนะนำ...แต่ผมก็ทำไม่ได้ครับ
“ครูแวะไปก่อนหน้านี้แล้วล่ะ ถึงจะอยู่ได้ไม่นานแต่ก็รับรู้แล้วว่าเธอสบายดี เรากลับบ้านกันดีกว่า” ประโยคนี้ให้ความรู้สึกเหมือนถูกปิดประตูใส่หน้า ครูพยายามเลี่ยงที่จะพูดคุยกับผมอยู่หรือเปล่านะ หรือว่าบางทีครูอาจจะอยากอยู่เงียบๆ ตามลำพัง
แล้วสิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้มีอะไรบ้าง...
พอถึงบ้านครูก็เดินลับหายเข้าไปในห้องเลยล่ะครับ...ตอนนี้ในหัวผมมันว่างเปล่า ความรู้สึกหลายอย่างประดีประดังเข้ามาพร้อมๆ กันไม่ว่าจะเป็นความเศร้าที่เห็นครูอาลัยอาวรณ์เธอ ไหนจะความรู้สึกสงสาร เห็นใจที่ทำให้ครูต้องมาเจอเธอคนนั้น
ผมเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับวางกระเป๋าลง ทิ้งตัวนอนบนเตียงถอดแว่นวางไว้ข้างๆ แล้วหลับตา ถ้าเกิดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ครูจะได้เจอคุณอึนซอมันก็คงดีสำหรับผม แต่ผมไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วในใจของครูคิดยังไง ครูอาจหวังว่าจะได้เจอเธอสักวันตั้งแต่หกปีที่แล้ว บางทีครูอาจจะดีใจและพร้อมที่จะกลับไปหาเธอได้ทุกเมื่อ เพียงแค่คิดถึงภาพเก่าๆ ตอนที่ถูกครูกอด ครูจูบ น้ำตามันก็รื้นขึ้นมาเสียอย่างนั้น ผมเกลียดตัวเองจริงๆ ที่เป็นเด็กเจ้าน้ำตาแบบนี้ แค่คิดว่าสักวันครูจะกลับไปหาเธอแล้วผมก็เป็นได้แค่นักเรียนคนหนึ่งที่ระบุสถานะตัวเองไม่ได้แล้วมันก็เจ็บครับ เจ็บอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมไม่เคยคิดเลยว่าความรักมันจะทำให้คนเราเจ็บปวดได้ถึงขนาดนี้
คืนนั้นผมร้องไห้จนเผลอหลับไป มื้อเย็นก็ไม่ได้ออกไปกิน ผมไม่รู้เลยว่าครูทำอะไรต่อหลังจากนั้น พอตื่นมาตอนเช้าผมก็เลยเขียนโน๊ตทิ้งไว้แล้วออกไปโรงเรียนก่อน ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าชานชาลาสถานีรถไฟใต้ดินแล้วล่ะครับ...ชานชาลาที่มีเพียงแค่ผมกับผู้คนมากมายที่ยืนรอรถไฟเท่านั้น ผมเดินเบียดผู้คนเข้าไปจนอยู่ข้างในสุด...โดนเบียดเข้าไปข้างในจนยืนติดกับประตูอีกฝั่ง ผมรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกเหมือนกับครั้งก่อนเลยล่ะแต่คราวนี้มันไม่เหมือนกันแล้วครับ...ครั้งนี้ไม่มีใครอีกคนมาคอยยืนบังให้แล้วไม่มี...
.
.
“โอเคหรือเปล่า?” ฮยอกแจถามผมด้วยความเป็นห่วงครับ ปรกติน้ำเสียงเขาจะดูทะเล้นๆ อยู่แล้วแต่ครั้งนี้ไม่ น้ำเสียงของเขาดูอ่อนลงราวกับกลัวว่าผมจะเป็นจะตายกับเรื่องนี้
“โอเคครับ”
“โอเค ถ้านายโอเค ฉันก็โอเค”
“ว่าแต่นายอ่านอะไรอยู่เหรอครับ”
“อ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาคในอีกสามวันข้างหน้าไง”
“อ๋อ...นั่นสินะครับ ผมยังไม่ได้แตะหนังสือเลยล่ะ แย่จัง” ผมหัวเราะแห้งๆ แล้วเปิดหนังสือขึ้นมาดูบ้าง ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองดูไร้ค่าที่ปล่อยให้ความรู้สึกทุกอย่างบงการชีวิต ผมยังต้องสอบนะ ผมจะละเลยการเรียนไปไม่ได้
“มาโรงเรียนเองโดยที่ไม่บอกครูซีวอนแบบนี้เตรียมตอบคำถามเขาแล้วหรือยัง”
“เตรียมแล้วครับ ผมมีเวรทำความสะอาดห้องวันนี้ก็เลยรีบมาก่อน”
“หลบหน้าเขาแบบนี้มันดีแล้วเหรอ”
“ไม่ดีครับ แต่ผมขอแค่วันนี้วันเดียว พรุ่งนี้ผมจะกลับไปเป็นคยูฮยอนคนเดิมครับผมสัญญา” ผมหยิบหนังสือมาหนึ่งเล่มพร้อมกับเปิดมันทีละหน้า
“คนเดิมที่นายพูดถึงน่ะมันยังไง? นายจะตัดใจจากครูซีวอนแล้วงั้นเหรอ?” ฮยอกแจจ้องหน้าพร้อมกับเอามือปิดหนังสือผมลง ผมหันไปมองเขาแล้วยิ้มบางๆ
“ไม่หรอกครับ...ผมจะกลับไปทำเพื่อครูให้เต็มที่ต่างหาก...”
.
.
“มินโฮ”
“อืม”
“คืนนี้มาช่วยติวที่ห้องให้หน่อยสิ ว่างไม่ใช่เหรอ”
“ฉันไม่ว่าง”
“อ้าว ไหนตอนแรกบอกว่าว่างไง?”
“เพราะครูทงเฮอยู่กับนาย ฉันก็เลยไม่ว่าง”
“ไม่เอาน่า เขาก็อยู่ส่วนเขา เราก็อยู่ส่วนเรา มาติวข้อสอบตัวต่อตัวกันดีกว่านะ...” ฮยอกแจกอดคอร่างสูงขณะที่เรากำลังนั่งติวหนังสือกันในช่วงเที่ยงหลังกินข้าวเสร็จครับ มินโฮดูจะน้อยใจฮยอกแจอยู่ไม่ใช่เล่น เพราะจากที่ฟังๆ มาแล้วมินโฮเขาดูไม่ต่างอะไรจากชู้หมายเลขหนึ่งของฮยอกแจเลย
“ไม่เอา”
“น่า~”
“อ้าว...นั่นครูซีวอนยืนคุยกับใครอยู่ หน้าไม่คุ้นเลย”
เราทั้งสี่คนหันไปมองครูที่กำลังยืนคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง มอง....มองตามจนกระทั่งทั้งคู่ขึ้นรถไปด้วยกัน ผมได้ยินเสียงของฮยอกแจอยู่ในโสตประสาท ตอนนี้ผมกำลังหูอื้อไปหมด ขามันไม่มีแรงแม้ที่จะยืนขึ้น...ผมรู้สึกได้ถึงหัวใจตัวเองที่มันเต้นช้าลง มันเจ็บแปลกๆ ครับ...จากที่ตอนแรกคิดว่าผมน่าจะอยู่ได้ ผมจะไม่เป็นไรกับเรื่องนี้
แต่พอเจอเข้าจริงๆ แล้วมันก็เจ็บ...
.
.
เย็นวันนั้น บนโต๊ะอาหารที่เงียบสงบต่างไปจากทุกวัน ได้ยินเพียงแค่เสียงช้อนกระทบจานก็เท่านั้น ผมกำลังพยายามคิดหาเรื่องมาชวนครูคุยอยู่ล่ะ แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ผมก็ยิ่งคิดไม่ออก ในหัวผมมีแต่เรื่องนี้ เรื่องที่ครูเปลี่ยนไปจากเดิม
ครูกำลังรู้สึกผิดต่อผมใช่ไหม รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำกับผมลงไป...
ตอนนี้คุณอึนซอกลับมาแล้ว ที่ตรงนั้น ที่ๆ เคยว่างเปล่ามานาน...
มันก็ยังเป็นของเธอ...
“ครูครับ วันนี้ผมสอบเก็บคะแนนภาษาอังกฤษได้ 15/30 ล่ะ ชวดตกไปนิดเดียวเองครับ ฮะๆ”
ครูวางช้อนลงก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองผมที่กำลังยิ้มเก้ออยู่ สายตาของครูมันกำลังเชือดเฉือนหัวใจผมมากในตอนนี้
“ทำไมไม่พยายามให้มากกว่านี้ นี่แค่เก็บคะแนนถ้าเกิดสอบปลายภาคแล้วนายตกขึ้นมาล่ะ มันจะฉุดเกรดนายสักแค่ไหนรู้บ้างไหม?”
น้ำเสียงเย็นชากับสายตาที่ว่างเปล่า...
มันมักจะมาพร้อมกันเสมอ...
“อ่า...นั่นสินะครับ ผมนี่แย่จริงๆ เลย แต่ผมสัญญานะว่ามะรืนนี้ผมจะทำให้ดีที่สุด ผมจะไม่สอบตกสักวิชาให้ครูได้...” ยังพูดไม่ทันจบครูก็ลุกพรวดทันทีก่อนจะเดินออกไปข้างนอก...ผมหน้าชาไปหมด ชาไปหมดแล้วครับ...
ผมถอดแว่นออกแล้ววางช้อนลงก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง ผมขออยู่กับความไม่ชัดเจนเหมือนก่อนหน้านี้ซะยังจะดีกว่าที่จะต้องพบเจอกับความชัดเจนแบบนี้ ผมไม่รู้เลยว่าตอนนี้ครูกำลังคิดอะไรอยู่ ที่ครูกลับไปเจอคุณอึนซออีกครั้งนั่นเพราะเขาแน่ใจในความรู้สึกของตัวเองแล้วใช่ไหมครับ...
ถ้าเป็นอย่างนั้น...เด็กอย่างผมมันก็ไม่สำคัญอะไรแล้วใช่ไหม...
.
.
เช้าวันรุ่งขึ้น...วันนี้ผมคิดว่าจะไปโรงเรียนก่อนครูเหมือนกับเมื่อวาน เพราะผมมั่นใจแล้วว่าวันนี้ครูคงไม่อยากไปโรงเรียนพร้อมผมสักเท่าไหร่แต่พอก้าวออกมาถึงหน้าบ้านก็รู้สึกวูบตรงหัวใจอีกครั้งครับ...เมื่อพบว่ารถที่เคยจอดตรงนี้มันไม่อยู่แล้ว...
ครูไปโรงเรียนก่อนผมแล้วล่ะครับ...
วันนี้ผมไปเรียนสายเพราะเอาแต่ยืนเหม่ออยู่ชานชาลาสถานีรถไฟใต้ดิน พอไปถึงก็ถูกครูหักคะแนนความประพฤติเลยล่ะ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมโดนอะไรแบบนี้ แต่ผมก็ยอมรับผิดในสิ่งที่ผมทำไปครับ...ผมรับผิดทุกอย่าง...ทุกอย่างเลย...
พอเดินไปถึงหน้าห้องเรียนก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนรอผมอยู่หน้าห้อง สีหน้าของเขายังคงตึงเครียดเหมือนกับทุกครั้งที่ผมเห็น ในมือข้างหนึ่งของเขามีกระเป๋าสีดำขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มากอยู่ด้วย ผมคาดว่าข้างในนั้นคงจะเป็นเสื้อผ้าสักชุด
“พ...พ่อ...”
เสียงซุบซิบในห้องดังลอดออกมาในขณะที่พ่อเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม เขาหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ผมไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองที่เห็นพ่อมาเหยียบโซลแบบนี้...
“กลับปูซานกับพ่อเดี๋ยวนี้”
ประโยคนั้นทำให้ผมตกใจอยู่ไม่น้อย ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจู่ๆ พ่อถึงคิดจะพาผมกลับบ้านแบบนี้
“กลับ...กลับบ้านเหรอครับ?”
“พี่สาวแกมันร้ายนัก โกหกปู่กับย่าว่าฉันอนุญาตให้แกมาอยู่โซล กว่าจะหาเวลาว่างมาที่นี่ได้รู้ไหมว่าฉันเหนื่อยแค่ไหน”
“ผม...ผมขอโทษครับพ่อ...”
ผมไม่เคยรู้เลยว่าพี่อาราโกหกปู่กับย่าเรื่องที่จะพาผมมาอยู่ด้วย ผมได้เพียงแค่ก้มหน้ารับฟังคำบ่นด่าของพ่อที่มีต่อพี่อาราก่อนจะหันเข้าไปมองในห้องเรียน ผมเห็นฮยอกแจทำท่าจะเข้ามาหาผมแต่ก็โดนมินโฮกับจงฮยอนรวบตัวเองไว้ ผมยิ้มให้กับพวกเขา...เพื่อนๆ ที่ผมรักถึงแม้ว่าเราจะรู้จักกันได้เพียงไม่นาน แต่พวกเขาก็ทำให้ผมรู้ว่าคนโซลไม่ได้แย่อย่างที่คิด ตอนนี้ความรู้สึกหลายๆ อย่างมันสาดเทเข้ามาใส่ผมไม่ยั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพื่อน เรื่องสอบ และเรื่องของหัวใจ...
ถ้าผมกลับปูซานกับพ่อตอนนี้...แล้วผมจะได้เจอกับครูอีกหรือเปล่าครับ...
ผมยังอยากเจอเขา อยากกอดเขาเหมือนอย่างเคยแต่พอนึกถึงความเป็นจริงแล้ว คนที่คิดไปเองนั่นก็ไม่ใช่ใครมันคือผมเอง ครูอาจจะรำคาญผมแล้วก็ได้ ก็คนที่เขารอมานานได้กลับมาแล้วนี่ครับ...
แต่ครูครับ...
ผมแค่อยากอยู่ตรงนั้น...ข้างๆ ครู...
ผมจะไม่สร้างความเดือดร้อนหรือทำให้ครูลำบากใจอีกก็ได้...แต่...
อย่าปล่อยมือผมไม่ได้เหรอครับ...
.
.
“ตายๆ ฉันบอกแล้วใช่ไหมล่ะตาแก่ว่ายัยอารามันโกหกเรา แกก็ไม่เชื่อ”
“อย่ามาโบ๊ยกันสิยัยแก่ ก็เห็นดีเห็นงามพอๆ กันนั่นแหละน่า”
“พอหลานเข้ามากอดนิดกอดหน่อยก็ทำเป็นใจอ่อนไปเรื่อย แกนั่นแหละ”
เสียงสองแก่ถกเถียงกันท่ามกลางเสียงนกร้องและกระแสลมของบรรยากาศชนบท ผมได้เพียงแค่นั่งเหม่อลอยออกไปข้างนอกหลังจากที่พ่อกลับบ้านไปแล้ว ทำไมผมถึงไม่ดีใจเลยสักนิดที่ได้กลับมาอยู่ที่นี่ ที่ๆ ผมรัก กลับไปเป็นเด็กบ้านนอกที่เดินไปโรงเรียนทุกวัน ให้อาหารไก่ทุกเช้า รดน้ำแปลงผัก ทุกๆ อย่างที่เป็นวงจรชีวิตของผม...
“ว่าแต่อยู่ที่โน่นเป็นยังไงบ้าง อารามันดูแลแกดีหรือเปล่าหา?”
“คยูฮยอน...คยูฮยอนอา...แกเป็นอะไรไปทำไมไม่คุยกับปู่กับย่าล่ะ?” ปู่ขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับวางมือลงบนไหล่ ผมหันไปยิ้มให้กับทั้งคู่เมื่อนึกถึงคนที่ดูแลผมเป็นอย่างดี
“พี่อาราเป็นแอร์โฮสเตสครับย่า เธอต้องบินไปต่างประเทศอยู่บ่อยๆ เพราะฉะนั้นเธอถึงฝากผมไว้กับเพื่อนสนิทเธอ”
“ย่าห์...ยัยตัวแสบนั่นก็เหลือเกิน พาน้องนุ่งไปแล้วแทนที่จะดูแลแต่ดันเอาไปฝากคนอื่นไว้แบบนี้มันใช้ไม่ได้”
“เขาจิกหัวแกใช้เยี่ยงทาสหรือเปล่า?” ปู่ยื่นหน้าเข้ามาถามด้วยความสงสัย ผมส่ายหน้าพรืดก่อนจะหันหน้าเข้าหาปู่
“เขาดูแลผมอย่างดีเลยล่ะครับ”
“เขาคงได้เงินจากพี่แกน่ะสิ ไม่งั้นคงไม่ทำดีกับแกร้อก...”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับย่า...”
“แล้วที่โรงเรียนนั่นเป็นยังไงบ้าง มีแปลงผักใหญ่ๆ เหมือนที่โรงเรียนของแกไหม?”
“มีแต่สวนดอกไม้ครับย่า ที่นั่นเขาไม่ปลูกผักกันหรอก”
“อะไรกัน! คนพวกนั้นสักแต่จะซื้อของกินโดยที่ไม่รู้จักปลูกผักไว้ทำกับข้าวสินะ ไม่เหมือนแม่ครัวที่โรงเรียนแกเลย”
ผมยิ้มบางๆ เมื่อเห็นปู่กับย่าพูดไม่หยุดเลยหลังจากที่ได้เจอผม คนแก่สองคนที่เอาแต่ถกเถียงกันแต่ก็อยู่ด้วยกันมาจนแก่เฒ่าแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกอิจฉาอยู่ลึกๆ ผมหยัดตัวลุกขึ้นพร้อมกับลงไปใส่รองเท้า
“แกจะไปไหนน่ะ?”
“ไปร้านหนังสือในเมืองครับย่า”
“แกอย่าคิดที่จะหนีกลับโซลล่ะ พ่อแกเดือดเป็นฟืนเป็นไฟมากนะตอนที่รู้ว่าแกไปอยู่ที่นั่น”
“ผมรู้แล้วครับ แล้วจะรีบกลับมานะ”
.
.
ผมเลือกซื้อหนังสือติวภาษาอังกฤษมาสองเล่ม ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมซื้อมันมา อาจเป็นเพราะประโยคนั้นของครูที่ทำให้ผมรู้สึกผิด จริงๆ ผมควรจะตั้งใจเรียนวิชานี้ตั้งนานแล้วแทนที่จะสอบพอให้ผ่านและหลีกเลี่ยงมันทุกวิถีทางแบบนี้ ผมโค้งหัวขอบคุณพนักงานขายแล้วเดินออกมาหยุดอยู่หน้าร้าน บรรยากาศเดิมๆ คนหน้าตาเดิมๆ ที่ผมพบเจออยู่บ่อยๆ จู่ๆ ผมก็นึกขึ้นได้ว่าถ้าเกิดครูรู้เรื่องนี้แล้วจะเป็นยังไงนะ...เขาจะแค่พยักหน้าเข้าใจหรือว่าจะออกมาตามหาผม...
ฝันลมๆ แล้งๆ น่าโจคยูฮยอน...
RRRrrrr!!!
ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อโทรศัพท์มือถือในมือมันสั่น ผมมองจออยู่ครู่หนึ่งชั่งใจว่าจะกดรับดีไหม กลัวกับสิ่งที่จะได้ยินในอีกไม่กี่วินาทีต่อไปข้างหน้า กลัวว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่คิด...
“สวัสดีครับครู...”
( คยูฮยอน ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน? )
“ผม...อยู่ปูซานแล้วล่ะครับ...”
( ..................... )
“ครูครับ ครูไม่ต้องเป็นห่วงผมนะ ผมไม่โดนพ่อว่าสักแอะเลย ท่านก็แค่ตกใจน่ะครับ...ส่วนปู่กับย่าก็ดีใจมากที่เห็นผมกลับบ้าน”
( ..................... )
ครูไม่ยอมตอบอะไรกลับมาเลยสักคำ บางทีครูอาจจะกำลังโกรธผมอยู่ก็ได้
“นี่ก็บ่ายกว่าๆ แล้ว ครูกินข้าวหรือยังครับ วันนี้ไม่มีออกข้อสอบแล้วนี่...ผมตากผ้าไว้ถ้ายังไงครูอย่าลืมกลับไปเก็บด้วยนะครับ”
( คยูฮยอน... )
“......................”
ผมกำโทรศัพท์มือถือแน่นพร้อมกับกอดหนังสือไว้แนบอก พยายามกลั้นเสียงเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้ยิน ผมรู้สึกเจ็บปวดอีกครั้งเพียงแค่ได้ยินเสียงของครู...ทำไมผมต้องคิดถึงครูอยู่ได้ ทั้งที่คิดถึงเมื่อไหร่ผมก็ต้องเจ็บเมื่อนั้น ผมอยากเป็นแค่เด็กโง่ๆ คนหนึ่งที่รักใครไม่เป็น ผมไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เลยครับ...
“ผม...”
“ผม...คิดถึงครูจังเลยครับ...”
สุดท้ายผมก็ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาจนได้ ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองยืนอยู่ตามลำพังบนโลกใบนี้เพียงแค่คิดว่าจะไม่ได้เจอหน้าครูอีกมันก็เจ็บ...
“ผมขอโทษนะครับที่ทำให้ครูเดือดร้อนอยู่เรื่อย...แต่ต่อไปนี้ครูไม่ต้องห่วงนะ ผมคงไม่ได้กลับไปเจอครูอีกแล้ว” ผมสะอื้นจนตัวโยน ผมไม่สนใจหรอกว่าจะมีใครยืนหัวเราะเยาะผมอยู่
“...ครูครับ”
( ...................... )
“เรื่องต่อไปนี้มันอาจจะทำให้ครูลำบากใจสักหน่อย...แต่ช่วยทนฟังมันอีกสักนิดนะครับ”
( ...................... )
“มันคงเป็นเรื่องสุดท้ายแล้วล่ะครับที่จะทำให้ครูต้องลำบากใจ...”
( ...................... )
“ผม...รักครูนะครับ...”
( ...................... )
“ผมรักพี่ครับ...พี่ซีวอน...”
หมั่บ...
ผมเบิกตากว้างเมื่อถูกใครอีกคนสวมกอดจากข้างหลัง วงแขนแกร่งกอดรัดผมแน่นยิ่งขึ้นพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่ผมคุ้นเคย...ไม่จริงใช่ไหม...ผมกำลังฝันอยู่แน่ๆ มันไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด...
แต่ถ้ามันเป็นความฝัน...ก็อย่างเพิ่งปลุกผมขึ้นมาเลยนะครับ...
“กลับบ้านเรากันเถอะ...คยูฮยอน”
TALK
จริงๆ เขียนยาวกว่านี้อ่ะ แต่ตัดไปตอน 10 ดีกว่า
แต่...พี่ซีวอนจะพาคยูกลับเลยเหรอ แล้วพ่อคยูล่ะ?
เรื่องนี้ถึงหูครูพ่อน้องคิยูแน่ . _.
ความคิดเห็น