ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] WonKyu ft.HaeEun | He's mine "Teacher"

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 9 : HURT

    • อัปเดตล่าสุด 2 มิ.ย. 55


      

     

     

     

     

     


    Chapter 9

    ครูเป็นสิ่งมีชีวิตที่...อยู่ห่างไกลจากผมมาก

     



     

     

    ระหว่างทางกลับบ้านผมกับครูไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก เหตุการณ์เมื่อครู่มันยังคงทำให้ผมตกใจไม่หาย บางทีผมก็เป็นคนดวงดีอย่างที่ครูทงเฮบอกจริงๆ นั่นแหละครับ ชอบสร้างเรื่องให้ครูต้องลำบากใจอยู่เรื่อยเลย สีหน้าตอนครูเห็นเธอคนนั้นมันยากที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูด มันอาจจะเป็นความเจ็บปวดที่แสดงออกมาทางสีหน้า หรือถ้าเป็นไปได้ ผมอยากภาวนาว่าสิ่งที่ผมคิดอยู่มันเป็นแค่เรื่องโกหก...

     


    ถ้าเกิดผมไม่โทรหาฮยอกแจตอนแวะขอไปเข้าห้องน้ำ ผมอาจจะพูดอะไรโง่ๆ ออกไปก็ได้...

     

     

    เฮ้! พี่อย่าแย่งผมคุยได้ไหมเนี่ย

    นี่ฮยอกแจ นายรู้จักผู้หญิงคนนั้นเหรอไง เอามาให้พี่คุยกับคยูฮยอนดีกว่า นายไปอาบน้ำแล้วอ่านหนังสือได้แล้วนะ

    ย๊าห์!’

    คยูฮยอน ยังอยู่ไหม

    ผมยังอยู่ครับครู

    จะว่ายังไงดีล่ะ...ก็อย่างที่ครูบอกนายไปเมื่อกี้นั่นแหละ...ว่าซนอึนซอคือแฟนเก่าของซีวอน

    ...ครับ

    นายโอเคนะ?

    โอเคครับครู

    แล้วตอนนี้สองคนนั้นทำอะไรกันอยู่นายถึงออกมาโทรหาฮยอกแจได้เนี่ย

    เขานั่งคุยกันอยู่ครับ ผมคิดว่าบางทีผมน่าจะให้เวลาเขาทั้งคู่ได้คุยกันบ้าง

    ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอกนะคยูฮยอน เพราะทั้งคู่ต่างก็ตัดสินใจตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องมันต้องจบแบบนั้น

    งั้นผมควรทำยังไงดีครับครู...ตอนที่เขานั่งคุยกัน ถึงแม้จะใช้ประโยคที่อ้อมค้อมกำกวมจนทำให้ผมนึกไม่ถึงแต่พอมารู้เองแบบนี้แล้วก็รู้สึกเจ็บเหมือนกันครับ...

    ซีวอนเป็นคนเลือกที่จะถอยออกมาเอง หลังจากที่อึนซอปฏิเสธการขอแต่งงานของเขาเมื่อหกปีที่แล้ว หลังจากนั้นอึนซอก็ไปอยู่ญี่ปุ่นสามปีกลับมาก็เป็นครูที่โรงเรียนโกอึมจุนนั่นแหละ เขาทั้งคู่ขาดการติดต่อกันตั้งแต่ตอนนั้น ครูยังนับถือซีวอนมันเลย ใจแข็งน่าดู...

    ครูคงรักเธอมากสินะครับ ผมไม่แปลกใจเลย

    ไม่อยากพูดบั่นทอนความรู้สึกหรอกนะ เพราะครูเองก็ไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับซีวอนสักเท่าไหร่ แต่คนที่รู้ดีที่สุดไม่ใช่ครู ไม่ใช่นาย ไม่ใช่อึนซอ แต่เป็นหมอนั่นต่างหาก

    เพราะผมแท้ๆ เลยครับ

    ไม่เอาน่า...อย่าโทษตัวเองสิ แต่จำไว้อย่างนะอย่าพยายามฝืนตัวเองเพื่อคนอื่น นายต้องซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองให้มากนะรู้ไหม?

    ขอบคุณมากนะครับ

     

     

     

    ถ้าครูไม่เงียบมาตลอดทั้งทางผมคงไม่รู้สึกแย่แบบนี้ แต่จะว่าเป็นความผิดของครูก็ไม่ได้อีกนั่นแหละครับ ผมพยายามเข้าใจครู พยายามเข้าถึงความรู้สึกครู มันคงไม่แปลกอะไรถ้าเขาจะรู้สึกอะไรบางอย่างตอนที่เห็นอดีตคนรัก...

     

     

     

    ก็เขาเลิกกันทั้งที่ยังรักกันอยู่นี่ครับ...

     

     

     

     

    อึนซอปฏิเสธเพราะเธอไม่พร้อม

    หมายความว่า...ถ้าเกิดวันไหนวันหนึ่งเธอจะกลับมา...

    ครูไม่รู้ นายอย่าพยายามคิดอะไรที่มันทำร้ายตัวเองเลยคยูฮยอน

     

     

     

    ครูยังไม่ได้ไปเยี่ยมครูที่ปรึกษาผมใช่ไหม เราไปกันนะครับผมอยากเจอเธอผมหันไปยิ้มกับคนข้างๆ ด้วยท่าทีตื่นเต้นเกินจริง ผมควรจะทำตามที่ครูทงเฮแนะนำ...แต่ผมก็ทำไม่ได้ครับ

    ครูแวะไปก่อนหน้านี้แล้วล่ะ ถึงจะอยู่ได้ไม่นานแต่ก็รับรู้แล้วว่าเธอสบายดี เรากลับบ้านกันดีกว่าประโยคนี้ให้ความรู้สึกเหมือนถูกปิดประตูใส่หน้า ครูพยายามเลี่ยงที่จะพูดคุยกับผมอยู่หรือเปล่านะ หรือว่าบางทีครูอาจจะอยากอยู่เงียบๆ ตามลำพัง

     


    แล้วสิ่งที่ผมทำได้ในตอนนี้มีอะไรบ้าง...

     


    พอถึงบ้านครูก็เดินลับหายเข้าไปในห้องเลยล่ะครับ...ตอนนี้ในหัวผมมันว่างเปล่า ความรู้สึกหลายอย่างประดีประดังเข้ามาพร้อมๆ กันไม่ว่าจะเป็นความเศร้าที่เห็นครูอาลัยอาวรณ์เธอ ไหนจะความรู้สึกสงสาร เห็นใจที่ทำให้ครูต้องมาเจอเธอคนนั้น

    ผมเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับวางกระเป๋าลง ทิ้งตัวนอนบนเตียงถอดแว่นวางไว้ข้างๆ แล้วหลับตา ถ้าเกิดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ครูจะได้เจอคุณอึนซอมันก็คงดีสำหรับผม แต่ผมไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วในใจของครูคิดยังไง ครูอาจหวังว่าจะได้เจอเธอสักวันตั้งแต่หกปีที่แล้ว บางทีครูอาจจะดีใจและพร้อมที่จะกลับไปหาเธอได้ทุกเมื่อ เพียงแค่คิดถึงภาพเก่าๆ ตอนที่ถูกครูกอด ครูจูบ น้ำตามันก็รื้นขึ้นมาเสียอย่างนั้น ผมเกลียดตัวเองจริงๆ ที่เป็นเด็กเจ้าน้ำตาแบบนี้ แค่คิดว่าสักวันครูจะกลับไปหาเธอแล้วผมก็เป็นได้แค่นักเรียนคนหนึ่งที่ระบุสถานะตัวเองไม่ได้แล้วมันก็เจ็บครับ เจ็บอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมไม่เคยคิดเลยว่าความรักมันจะทำให้คนเราเจ็บปวดได้ถึงขนาดนี้

     

    คืนนั้นผมร้องไห้จนเผลอหลับไป มื้อเย็นก็ไม่ได้ออกไปกิน ผมไม่รู้เลยว่าครูทำอะไรต่อหลังจากนั้น พอตื่นมาตอนเช้าผมก็เลยเขียนโน๊ตทิ้งไว้แล้วออกไปโรงเรียนก่อน ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าชานชาลาสถานีรถไฟใต้ดินแล้วล่ะครับ...ชานชาลาที่มีเพียงแค่ผมกับผู้คนมากมายที่ยืนรอรถไฟเท่านั้น ผมเดินเบียดผู้คนเข้าไปจนอยู่ข้างในสุด...โดนเบียดเข้าไปข้างในจนยืนติดกับประตูอีกฝั่ง ผมรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกเหมือนกับครั้งก่อนเลยล่ะแต่คราวนี้มันไม่เหมือนกันแล้วครับ...ครั้งนี้ไม่มีใครอีกคนมาคอยยืนบังให้แล้วไม่มี...

     

     



    .

    .

     

     

     

    โอเคหรือเปล่า?ฮยอกแจถามผมด้วยความเป็นห่วงครับ ปรกติน้ำเสียงเขาจะดูทะเล้นๆ อยู่แล้วแต่ครั้งนี้ไม่ น้ำเสียงของเขาดูอ่อนลงราวกับกลัวว่าผมจะเป็นจะตายกับเรื่องนี้

    โอเคครับ

    โอเค ถ้านายโอเค ฉันก็โอเค

    ว่าแต่นายอ่านอะไรอยู่เหรอครับ

    อ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาคในอีกสามวันข้างหน้าไง

    อ๋อ...นั่นสินะครับ ผมยังไม่ได้แตะหนังสือเลยล่ะ แย่จังผมหัวเราะแห้งๆ แล้วเปิดหนังสือขึ้นมาดูบ้าง ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองดูไร้ค่าที่ปล่อยให้ความรู้สึกทุกอย่างบงการชีวิต ผมยังต้องสอบนะ ผมจะละเลยการเรียนไปไม่ได้

    มาโรงเรียนเองโดยที่ไม่บอกครูซีวอนแบบนี้เตรียมตอบคำถามเขาแล้วหรือยัง

    เตรียมแล้วครับ ผมมีเวรทำความสะอาดห้องวันนี้ก็เลยรีบมาก่อน

    หลบหน้าเขาแบบนี้มันดีแล้วเหรอ

    ไม่ดีครับ แต่ผมขอแค่วันนี้วันเดียว พรุ่งนี้ผมจะกลับไปเป็นคยูฮยอนคนเดิมครับผมสัญญาผมหยิบหนังสือมาหนึ่งเล่มพร้อมกับเปิดมันทีละหน้า

    คนเดิมที่นายพูดถึงน่ะมันยังไง? นายจะตัดใจจากครูซีวอนแล้วงั้นเหรอ? ฮยอกแจจ้องหน้าพร้อมกับเอามือปิดหนังสือผมลง ผมหันไปมองเขาแล้วยิ้มบางๆ

     

     

    ไม่หรอกครับ...ผมจะกลับไปทำเพื่อครูให้เต็มที่ต่างหาก...

     

     

     

     

    .

    .

     

    มินโฮ

    อืม

    คืนนี้มาช่วยติวที่ห้องให้หน่อยสิ ว่างไม่ใช่เหรอ

    ฉันไม่ว่าง

    อ้าว ไหนตอนแรกบอกว่าว่างไง?

    เพราะครูทงเฮอยู่กับนาย ฉันก็เลยไม่ว่าง

    ไม่เอาน่า เขาก็อยู่ส่วนเขา เราก็อยู่ส่วนเรา มาติวข้อสอบตัวต่อตัวกันดีกว่านะ... ฮยอกแจกอดคอร่างสูงขณะที่เรากำลังนั่งติวหนังสือกันในช่วงเที่ยงหลังกินข้าวเสร็จครับ มินโฮดูจะน้อยใจฮยอกแจอยู่ไม่ใช่เล่น เพราะจากที่ฟังๆ มาแล้วมินโฮเขาดูไม่ต่างอะไรจากชู้หมายเลขหนึ่งของฮยอกแจเลย

    ไม่เอา

    น่า~”

    อ้าว...นั่นครูซีวอนยืนคุยกับใครอยู่ หน้าไม่คุ้นเลย

    เราทั้งสี่คนหันไปมองครูที่กำลังยืนคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง มอง....มองตามจนกระทั่งทั้งคู่ขึ้นรถไปด้วยกัน ผมได้ยินเสียงของฮยอกแจอยู่ในโสตประสาท ตอนนี้ผมกำลังหูอื้อไปหมด ขามันไม่มีแรงแม้ที่จะยืนขึ้น...ผมรู้สึกได้ถึงหัวใจตัวเองที่มันเต้นช้าลง มันเจ็บแปลกๆ ครับ...จากที่ตอนแรกคิดว่าผมน่าจะอยู่ได้ ผมจะไม่เป็นไรกับเรื่องนี้

     

     


    แต่พอเจอเข้าจริงๆ แล้วมันก็เจ็บ...

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    เย็นวันนั้น บนโต๊ะอาหารที่เงียบสงบต่างไปจากทุกวัน ได้ยินเพียงแค่เสียงช้อนกระทบจานก็เท่านั้น ผมกำลังพยายามคิดหาเรื่องมาชวนครูคุยอยู่ล่ะ แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ผมก็ยิ่งคิดไม่ออก ในหัวผมมีแต่เรื่องนี้ เรื่องที่ครูเปลี่ยนไปจากเดิม

     

     

    ครูกำลังรู้สึกผิดต่อผมใช่ไหม รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำกับผมลงไป...

    ตอนนี้คุณอึนซอกลับมาแล้ว ที่ตรงนั้น ที่ๆ เคยว่างเปล่ามานาน...

    มันก็ยังเป็นของเธอ...

     

     

     

    ครูครับ วันนี้ผมสอบเก็บคะแนนภาษาอังกฤษได้ 15/30 ล่ะ ชวดตกไปนิดเดียวเองครับ ฮะๆ

    ครูวางช้อนลงก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองผมที่กำลังยิ้มเก้ออยู่ สายตาของครูมันกำลังเชือดเฉือนหัวใจผมมากในตอนนี้

    ทำไมไม่พยายามให้มากกว่านี้ นี่แค่เก็บคะแนนถ้าเกิดสอบปลายภาคแล้วนายตกขึ้นมาล่ะ มันจะฉุดเกรดนายสักแค่ไหนรู้บ้างไหม?

     

     

    น้ำเสียงเย็นชากับสายตาที่ว่างเปล่า...

    มันมักจะมาพร้อมกันเสมอ...

     

     

    อ่า...นั่นสินะครับ ผมนี่แย่จริงๆ เลย แต่ผมสัญญานะว่ามะรืนนี้ผมจะทำให้ดีที่สุด ผมจะไม่สอบตกสักวิชาให้ครูได้... ยังพูดไม่ทันจบครูก็ลุกพรวดทันทีก่อนจะเดินออกไปข้างนอก...ผมหน้าชาไปหมด ชาไปหมดแล้วครับ...

    ผมถอดแว่นออกแล้ววางช้อนลงก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง ผมขออยู่กับความไม่ชัดเจนเหมือนก่อนหน้านี้ซะยังจะดีกว่าที่จะต้องพบเจอกับความชัดเจนแบบนี้ ผมไม่รู้เลยว่าตอนนี้ครูกำลังคิดอะไรอยู่ ที่ครูกลับไปเจอคุณอึนซออีกครั้งนั่นเพราะเขาแน่ใจในความรู้สึกของตัวเองแล้วใช่ไหมครับ...

     

     

     

    ถ้าเป็นอย่างนั้น...เด็กอย่างผมมันก็ไม่สำคัญอะไรแล้วใช่ไหม...

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    เช้าวันรุ่งขึ้น...วันนี้ผมคิดว่าจะไปโรงเรียนก่อนครูเหมือนกับเมื่อวาน เพราะผมมั่นใจแล้วว่าวันนี้ครูคงไม่อยากไปโรงเรียนพร้อมผมสักเท่าไหร่แต่พอก้าวออกมาถึงหน้าบ้านก็รู้สึกวูบตรงหัวใจอีกครั้งครับ...เมื่อพบว่ารถที่เคยจอดตรงนี้มันไม่อยู่แล้ว...

     

     

    ครูไปโรงเรียนก่อนผมแล้วล่ะครับ...

     

     

    วันนี้ผมไปเรียนสายเพราะเอาแต่ยืนเหม่ออยู่ชานชาลาสถานีรถไฟใต้ดิน พอไปถึงก็ถูกครูหักคะแนนความประพฤติเลยล่ะ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมโดนอะไรแบบนี้ แต่ผมก็ยอมรับผิดในสิ่งที่ผมทำไปครับ...ผมรับผิดทุกอย่าง...ทุกอย่างเลย...

     

    พอเดินไปถึงหน้าห้องเรียนก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนรอผมอยู่หน้าห้อง สีหน้าของเขายังคงตึงเครียดเหมือนกับทุกครั้งที่ผมเห็น ในมือข้างหนึ่งของเขามีกระเป๋าสีดำขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มากอยู่ด้วย ผมคาดว่าข้างในนั้นคงจะเป็นเสื้อผ้าสักชุด

     

    พ...พ่อ...

     

    เสียงซุบซิบในห้องดังลอดออกมาในขณะที่พ่อเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม เขาหลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ผมไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองที่เห็นพ่อมาเหยียบโซลแบบนี้...

     

     

    กลับปูซานกับพ่อเดี๋ยวนี้

     

     

    ประโยคนั้นทำให้ผมตกใจอยู่ไม่น้อย ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจู่ๆ พ่อถึงคิดจะพาผมกลับบ้านแบบนี้

    กลับ...กลับบ้านเหรอครับ?

    พี่สาวแกมันร้ายนัก โกหกปู่กับย่าว่าฉันอนุญาตให้แกมาอยู่โซล กว่าจะหาเวลาว่างมาที่นี่ได้รู้ไหมว่าฉันเหนื่อยแค่ไหน

    ผม...ผมขอโทษครับพ่อ...

     

    ผมไม่เคยรู้เลยว่าพี่อาราโกหกปู่กับย่าเรื่องที่จะพาผมมาอยู่ด้วย ผมได้เพียงแค่ก้มหน้ารับฟังคำบ่นด่าของพ่อที่มีต่อพี่อาราก่อนจะหันเข้าไปมองในห้องเรียน ผมเห็นฮยอกแจทำท่าจะเข้ามาหาผมแต่ก็โดนมินโฮกับจงฮยอนรวบตัวเองไว้ ผมยิ้มให้กับพวกเขา...เพื่อนๆ ที่ผมรักถึงแม้ว่าเราจะรู้จักกันได้เพียงไม่นาน แต่พวกเขาก็ทำให้ผมรู้ว่าคนโซลไม่ได้แย่อย่างที่คิด ตอนนี้ความรู้สึกหลายๆ อย่างมันสาดเทเข้ามาใส่ผมไม่ยั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพื่อน เรื่องสอบ และเรื่องของหัวใจ...

     

     

    ถ้าผมกลับปูซานกับพ่อตอนนี้...แล้วผมจะได้เจอกับครูอีกหรือเปล่าครับ...

     

    ผมยังอยากเจอเขา อยากกอดเขาเหมือนอย่างเคยแต่พอนึกถึงความเป็นจริงแล้ว คนที่คิดไปเองนั่นก็ไม่ใช่ใครมันคือผมเอง ครูอาจจะรำคาญผมแล้วก็ได้ ก็คนที่เขารอมานานได้กลับมาแล้วนี่ครับ...

     

     

    แต่ครูครับ...

    ผมแค่อยากอยู่ตรงนั้น...ข้างๆ ครู...

    ผมจะไม่สร้างความเดือดร้อนหรือทำให้ครูลำบากใจอีกก็ได้...แต่...

     

     

     

    อย่าปล่อยมือผมไม่ได้เหรอครับ...

     

     

     

     

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ตายๆ ฉันบอกแล้วใช่ไหมล่ะตาแก่ว่ายัยอารามันโกหกเรา แกก็ไม่เชื่อ

    อย่ามาโบ๊ยกันสิยัยแก่ ก็เห็นดีเห็นงามพอๆ กันนั่นแหละน่า

    พอหลานเข้ามากอดนิดกอดหน่อยก็ทำเป็นใจอ่อนไปเรื่อย แกนั่นแหละ

     

    เสียงสองแก่ถกเถียงกันท่ามกลางเสียงนกร้องและกระแสลมของบรรยากาศชนบท ผมได้เพียงแค่นั่งเหม่อลอยออกไปข้างนอกหลังจากที่พ่อกลับบ้านไปแล้ว ทำไมผมถึงไม่ดีใจเลยสักนิดที่ได้กลับมาอยู่ที่นี่ ที่ๆ ผมรัก กลับไปเป็นเด็กบ้านนอกที่เดินไปโรงเรียนทุกวัน ให้อาหารไก่ทุกเช้า รดน้ำแปลงผัก ทุกๆ อย่างที่เป็นวงจรชีวิตของผม...

     

    ว่าแต่อยู่ที่โน่นเป็นยังไงบ้าง อารามันดูแลแกดีหรือเปล่าหา?

    คยูฮยอน...คยูฮยอนอา...แกเป็นอะไรไปทำไมไม่คุยกับปู่กับย่าล่ะ? ปู่ขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับวางมือลงบนไหล่ ผมหันไปยิ้มให้กับทั้งคู่เมื่อนึกถึงคนที่ดูแลผมเป็นอย่างดี

    พี่อาราเป็นแอร์โฮสเตสครับย่า เธอต้องบินไปต่างประเทศอยู่บ่อยๆ เพราะฉะนั้นเธอถึงฝากผมไว้กับเพื่อนสนิทเธอ

    ย่าห์...ยัยตัวแสบนั่นก็เหลือเกิน พาน้องนุ่งไปแล้วแทนที่จะดูแลแต่ดันเอาไปฝากคนอื่นไว้แบบนี้มันใช้ไม่ได้

    เขาจิกหัวแกใช้เยี่ยงทาสหรือเปล่า? ปู่ยื่นหน้าเข้ามาถามด้วยความสงสัย ผมส่ายหน้าพรืดก่อนจะหันหน้าเข้าหาปู่

    เขาดูแลผมอย่างดีเลยล่ะครับ

    เขาคงได้เงินจากพี่แกน่ะสิ ไม่งั้นคงไม่ทำดีกับแกร้อก...

    ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับย่า...

    แล้วที่โรงเรียนนั่นเป็นยังไงบ้าง มีแปลงผักใหญ่ๆ เหมือนที่โรงเรียนของแกไหม?

    มีแต่สวนดอกไม้ครับย่า ที่นั่นเขาไม่ปลูกผักกันหรอก

    อะไรกัน! คนพวกนั้นสักแต่จะซื้อของกินโดยที่ไม่รู้จักปลูกผักไว้ทำกับข้าวสินะ ไม่เหมือนแม่ครัวที่โรงเรียนแกเลย

     

    ผมยิ้มบางๆ เมื่อเห็นปู่กับย่าพูดไม่หยุดเลยหลังจากที่ได้เจอผม คนแก่สองคนที่เอาแต่ถกเถียงกันแต่ก็อยู่ด้วยกันมาจนแก่เฒ่าแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกอิจฉาอยู่ลึกๆ ผมหยัดตัวลุกขึ้นพร้อมกับลงไปใส่รองเท้า

    แกจะไปไหนน่ะ?

    ไปร้านหนังสือในเมืองครับย่า

    แกอย่าคิดที่จะหนีกลับโซลล่ะ พ่อแกเดือดเป็นฟืนเป็นไฟมากนะตอนที่รู้ว่าแกไปอยู่ที่นั่น

    ผมรู้แล้วครับ แล้วจะรีบกลับมานะ

     

     

     

    .

    .

     

     

     

    ผมเลือกซื้อหนังสือติวภาษาอังกฤษมาสองเล่ม ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมซื้อมันมา อาจเป็นเพราะประโยคนั้นของครูที่ทำให้ผมรู้สึกผิด จริงๆ ผมควรจะตั้งใจเรียนวิชานี้ตั้งนานแล้วแทนที่จะสอบพอให้ผ่านและหลีกเลี่ยงมันทุกวิถีทางแบบนี้ ผมโค้งหัวขอบคุณพนักงานขายแล้วเดินออกมาหยุดอยู่หน้าร้าน บรรยากาศเดิมๆ คนหน้าตาเดิมๆ ที่ผมพบเจออยู่บ่อยๆ จู่ๆ ผมก็นึกขึ้นได้ว่าถ้าเกิดครูรู้เรื่องนี้แล้วจะเป็นยังไงนะ...เขาจะแค่พยักหน้าเข้าใจหรือว่าจะออกมาตามหาผม...

     

     


    ฝันลมๆ แล้งๆ น่าโจคยูฮยอน...

     

     

     


    RRRrrrr!!!

    ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อโทรศัพท์มือถือในมือมันสั่น ผมมองจออยู่ครู่หนึ่งชั่งใจว่าจะกดรับดีไหม กลัวกับสิ่งที่จะได้ยินในอีกไม่กี่วินาทีต่อไปข้างหน้า กลัวว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่คิด...

     

    สวัสดีครับครู...

    ( คยูฮยอน ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน? )

    ผม...อยู่ปูซานแล้วล่ะครับ...

    ( ..................... )

    ครูครับ ครูไม่ต้องเป็นห่วงผมนะ ผมไม่โดนพ่อว่าสักแอะเลย ท่านก็แค่ตกใจน่ะครับ...ส่วนปู่กับย่าก็ดีใจมากที่เห็นผมกลับบ้าน

    ( ..................... )

    ครูไม่ยอมตอบอะไรกลับมาเลยสักคำ บางทีครูอาจจะกำลังโกรธผมอยู่ก็ได้

    นี่ก็บ่ายกว่าๆ แล้ว ครูกินข้าวหรือยังครับ วันนี้ไม่มีออกข้อสอบแล้วนี่...ผมตากผ้าไว้ถ้ายังไงครูอย่าลืมกลับไปเก็บด้วยนะครับ

    ( คยูฮยอน... )

    ......................

    ผมกำโทรศัพท์มือถือแน่นพร้อมกับกอดหนังสือไว้แนบอก พยายามกลั้นเสียงเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้ยิน ผมรู้สึกเจ็บปวดอีกครั้งเพียงแค่ได้ยินเสียงของครู...ทำไมผมต้องคิดถึงครูอยู่ได้ ทั้งที่คิดถึงเมื่อไหร่ผมก็ต้องเจ็บเมื่อนั้น ผมอยากเป็นแค่เด็กโง่ๆ คนหนึ่งที่รักใครไม่เป็น ผมไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เลยครับ...

     

     


    ผม...

    ผม...คิดถึงครูจังเลยครับ...

     


     

    สุดท้ายผมก็ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาจนได้ ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองยืนอยู่ตามลำพังบนโลกใบนี้เพียงแค่คิดว่าจะไม่ได้เจอหน้าครูอีกมันก็เจ็บ...

    ผมขอโทษนะครับที่ทำให้ครูเดือดร้อนอยู่เรื่อย...แต่ต่อไปนี้ครูไม่ต้องห่วงนะ ผมคงไม่ได้กลับไปเจอครูอีกแล้ว ผมสะอื้นจนตัวโยน ผมไม่สนใจหรอกว่าจะมีใครยืนหัวเราะเยาะผมอยู่

    ...ครูครับ

    ( ...................... )

    เรื่องต่อไปนี้มันอาจจะทำให้ครูลำบากใจสักหน่อย...แต่ช่วยทนฟังมันอีกสักนิดนะครับ

    ( ...................... )

    มันคงเป็นเรื่องสุดท้ายแล้วล่ะครับที่จะทำให้ครูต้องลำบากใจ...

    ( ...................... )











    ผม...รักครูนะครับ...







    ( ...................... )

     

     

     










     

    ผมรักพี่ครับ...พี่ซีวอน...

     

     






     

     

    หมั่บ...

    ผมเบิกตากว้างเมื่อถูกใครอีกคนสวมกอดจากข้างหลัง วงแขนแกร่งกอดรัดผมแน่นยิ่งขึ้นพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่ผมคุ้นเคย...ไม่จริงใช่ไหม...ผมกำลังฝันอยู่แน่ๆ มันไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด...

     

     

    แต่ถ้ามันเป็นความฝัน...ก็อย่างเพิ่งปลุกผมขึ้นมาเลยนะครับ...

     

     

     

    กลับบ้านเรากันเถอะ...คยูฮยอน

     

















    TALK

    จริงๆ เขียนยาวกว่านี้อ่ะ แต่ตัดไปตอน 10 ดีกว่า
    แต่...พี่ซีวอนจะพาคยูกลับเลยเหรอ แล้วพ่อคยูล่ะ? 
    เรื่องนี้ถึงหูครูพ่อน้องคิยูแน่ . _.




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×