คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : INTRO
Intro
มนุษย์เราเกิดมาเพื่ออะไร?
เคยถามตัวเองตอนอยู่ในช่วงใกล้เตรียมเอ็น ที่มีความคิดแบบนั้นผุดเข้ามาในหัวอาจเป็นเพราะผมกำลังวิตกกับเรื่องเข้ามหาลัยก็เป็นได้ คนเราเกิดมาบนโลกใบนี้ถูกดูแลในวัยเด็กและโตเป็นผู้ใหญ่และใช้ชีวิตเพื่อรอวันตายอย่างนั้นน่ะเหรอ?
มนุษย์เราใช้เวลาอยู่ในรั้วสถานศึกษาตั้งแต่ห้าหกขวบยันยี่สิบสองบางคนก็ยี่สิบห้าหรืออาจจะมากกว่านั้น ผมเชื่อว่าใครหลายคนก็คงเบื่อหน่ายชีวิตสัปรังเคที่ต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียนแล้วนั่งจมปุกอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมตั้งแต่แปดโมงเช้ายันสี่โมงเย็นและเป็นแบบนั้นทุกวี่ทุกวันตลอดเวลาสิบหกปี
ผลการเรียนของผมเรียกได้ว่าดีมากจนเป็นที่น่าพอใจของพ่อแม่ รถเบนซ์ราคาแพงใหม่เอี่ยมจอดอยู่หน้าบ้านหลังจากผมกลับมาถึงพร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของพ่อกับแม่ นั่นคือรางวัลชิ้นแรกของผมที่พ่อซื้อให้หลังจากสอบเข้ามหาลัยชื่อดังที่ท่านคาดหวังไว้ได้
ชีวิตมหาลัยของผมมีสีสันครบทุกรูปแบบเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสังคมและเรื่องการใช้ชีวิต ผมเป็นคนเต็มที่กับทุกอย่างเพราะไม่ชอบทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ถ้าคิดจะทำแล้วก็ควรทำให้ถึงที่สุดสิจริงไหม?
ก็ไม่อยากโดนใครตราหน้าว่ามีดีแค่หน้าตานี่ครับ (หัวเราะ)
ส่วนเรื่องผู้หญิงนั่นผมก็เต็มที่เหมือนกัน ใครสวยใครดูดีผมก็ตามจีบจนได้นั่นแหละ ต่อให้สวยราวกับนางฟ้ามาเกิด เล่นตัวหยิ่งยโสแค่ไหนผมก็เอาชนะใจเธอจนได้ มีเพื่อนที่ดีถึงแม้จะไม่ถึงขั้นตายแทนกันได้แต่ผมก็ขาดพวกมันไปไม่ได้เหมือนกัน ผมและเพื่อนๆ หลังจากเรียนจบต่างก็แยกย้ายกันไปตามเส้นทางของตัวเอง บ้างก็ทำงานเป็นวิศวะกร บ้างก็ทำงานสายการบินแต่ผมไม่ต้องดิ้นรนอะไรเหมือนคนอื่นเพราะพ่อแม่ปูทางไว้ให้ผมเรียบร้อยตั้งแต่แรกแล้ว ก็เก้าอี้ประธานบริษัทถูกวางไว้เพื่อให้ผมไปแทนพ่อนี่ครับ
แต่ผมเริ่มจะมีปัญหานิดหน่อยหลังจากเรียนจบและเริ่มใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว เข้าทำงานได้ไม่นานความรู้สึกเบื่อหน่ายก็สาดเทเข้ามาในหัวของผม ชีวิตจำเจที่ต้องเข้าทำงานทุกวัน ประชุมโปรเจคจนดึกดื่น ถ้าเทียบกับชีวิตวัยรุ่นแล้วมันช่างแตกต่างกันเสียเหลือเกิน
เบื่อ...
คำเดียวที่มันเด่นชัดอยู่ในมโนความคิดของผม...
ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะเหรอ?
ผมก็คงหาผู้หญิงสักคนไว้แก้เซ็งล่ะมั้ง ถึงแม้ว่าผมจะมีว่าที่เจ้าสาวค้ำคออยู่แล้วก็ตามทีแต่ตอนนี้ผมชักจะเบื่อวงจรชีวิตแบบนั้นแล้วสิ...
จนกระทั่ง...
กึ่ก!
ขวดเบียร์ขนาดเหมาะมือวางลงบนเคาน์เตอร์บาร์ขณะที่เสียงเพลงจากลำโพงดังกระหึ่มพร้อมกับร่างของหนุ่มสาวมากมายที่กำลังวาดลวดลายอยู่บนฟลอร์ แสงสียามค่ำคืนทำให้ ‘ชเวซีวอน’ นึกย้อนมองตัวเอง
วันนี้วันที่สามแล้วสินะ...
ภาพของผู้ชายคนนั้นมันเด่นชัดอยู่ในหัวของผม...
ผมสีน้ำตาลอ่อนตัดเข้ากับใบหน้าเรียวได้รูป...
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่แต่งแต้มบนใบหน้าของเขา...
ไม่ว่ากี่ครั้งที่เจอ...เขามักจะอยู่ในชุดดำเสมอ
ผมไม่รู้หรอก...ไม่รู้เลยว่าเขามองผมด้วยสายตาแบบไหน
ผมไม่ใช่เกย์ ผมพูดได้เต็มปาก
แต่ผม...กลับมาที่นี่...
เพียงเพราะว่าอยากเจอ ‘เขา’
ผู้ชายชุดดำคนนั้น...
ขณะที่ผมกำลังตกอยู่ในห้วงของความคิดก็รู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้นเพียงเพราะสายตาหันไปเห็น ‘เขา’
คนที่ทำให้ผมต้องมาที่นี่โดยไร้เหตุผล...
ไม่สิ...
เหตุผลที่ผมมาที่นี่...ก็เพราะว่าอยากเจอเขาต่างหาก...
ขวดเบียร์ถูกวางลงที่เดิมก่อนจะยันตัวลุกขึ้นอย่างช้าๆ สายตายังคงจดจ้องอยู่ที่ใครคนหนึ่งที่กำลังมองมาที่ผมเช่นกัน...อีกแล้ว...รอยยิ้มนั่น...
ราวกับต้องมนต์สะกด...
ทั้งที่มีคนมากมายยืนกีดขวางอยู่แต่ผมกลับตัดสินใจเดินแหวกผู้คนเพื่อที่จะเข้าไปหาชายหนุ่มผมสีน้ำตาลคนนั้น...นี่ผมกำลังจะทำอะไร จะเข้าไปทำความรู้จักแล้วทักทายด้วยคำว่า ‘สวัสดี’ งั้นเหรอ?
ฮะๆ ...ผมยังไม่ทันคิดเลยด้วยซ้ำ...
แต่เพียงชั่วพริบตาเดียว...แค่พริบตาเดียวเท่านั้นคนที่อยู่ในสายตาผมเมื่อไม่กี่วินาทีนี้กลับหายไปแล้ว...คิ้วหนาขมวดเข้าหากันก่อนจะมองซ้ายขวา
ไม่จริงน่า...เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้อยู่เลยนี่...
ในห้องน้ำก็ไม่มี...มองไปทางไหนก็เห็นแค่แสงสีที่ระยิบระยับท่ามกลางความมืด เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มร่างผอมโปร่งปรากฏตัวออกมาให้เห็นเพียงไม่กี่วินาทีแล้วก็หายลับไป...ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ความรู้สึกของผมตอนนี้มันตีกันไปหมด
ผมกำลังทำอะไรอยู่...
แต่คำถามนั้นกลับถูกกลบด้วยความรู้สึก ‘ผิดหวัง’ เสียมากกว่า
ผมคาดหวังว่าจะได้เจอกับเขาอีกครั้งแล้วก็ได้เจอจริงๆ แต่คนอย่างผมไม่คิดว่าแค่ได้เจอกันมันพอแล้วหรอก...โอเค...ใช่...ผมไม่ได้เป็นเกย์...แต่การที่ผมสนใจผู้ชายคนหนึ่งนั่นอาจจะเป็นแค่ความรู้สึกถูกชะตาก็ได้ไม่ใช่เหรอ?
เห็นแผ่นหลังที่คิดว่าน่าจะใช่คนที่ตามหาอยู่ ชายหนุ่มผิวขาวตัดกับชุดดำที่สวมใส่กำลังเดินออกไปข้างนอกและผมบอกตัวเองว่าคราวนี้ผมจะไม่ปล่อยให้เขาคลาดสายตาไปอีกครั้งเป็นแน่
.
.
ปรี๊นน!
เสียงแตรรถยนต์ดังขึ้นตรงสุดหัวมุมถนนพร้อมกับเสียงก่นด่าของมนุษย์ที่ไร้มารยาท รถรายังคงวิ่งอยู่ถึงแม้ว่าเวลานี้จะล่วงเลยเที่ยงคืนมาแล้ว ผมยืนหอบหายใจอยู่หน้าประตูสถานที่เริงรมย์พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ตัว
“โธ่เว้ย!”
สบถด้วยความหัวเสียเมื่อสิ่งที่ตั้งใจไว้นั้นล้มเหลวไม่เป็นท่า นัยน์ตาคมยังคงมองไปรอบข้างหวังว่าคนที่กำลังตามหาอยู่จะยังคงอยู่ระแวกนี้...ความรู้สึกผิดหวังถาโถมเข้ามา คนอย่างชเวซีวอนไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว ถามตัวเองว่าถ้าได้เจอและพูดคุยสักครั้งแล้วจะเป็นยังไงต่อ
แลกเบอร์กันแล้วนัดทานข้าวอย่างนั้นน่ะเหรอ?
แต่จะอะไรก็ช่างเถอะตอนนี้ผมรู้แค่ว่า...
ผมอยากเจอเขาอีกครั้ง...
ผู้ชาย...ชุดดำคนนั้น...
.
.
บนยอดตึกสูงใจกลางกรุงโซลที่เงียบสงบจนดูน่ากลัว...เจ้าของร่างโปร่งขาว ผมหยักศกสีน้ำตาลกำลังยืนกระตุกยิ้มจ้องมองไปยังใครคนหนึ่งที่กำลังกระวนกระวายจนเสียความเป็นตัวเองไปเพราะเขา ร่างสูงยังคงวิ่งไปตามฟุตปาธเพื่อตามหาสิ่งที่เขาคิดว่ามีอยู่จริงโดยไม่รู้เลยว่าคนที่กำลังตามหานั้นอยู่ไม่ไกลนี้เอง
“อา...ดูหมอนั่นสิ”
เสียงของชายอีกคนดังขึ้นแทรกความเงียบสงัด ปีกสีดำสยายออกพร้อมกับชะเง้อหน้าลงไปข้างล่างตึกสูง ผิวปากทำลายความเงียบหย่อนขาลงไปข้างล่างก่อนจะหันไปมองใครอีกคนที่ยืนนิ่งก่อนหน้า
“เกมส์เริ่มแล้ว...”
TBC.
TALK
สวัสดีแควนขับวอนคยู
หลายคนคงสาปแช่ง หลายคนคงดีใจที่เรากลับมาเขียนวอนคยู
แต่ที่สาปแช่งก็คงเป็นเรื่องที่ไม่ยอมไปแต่งแฟนฉันต่อ
555555555555 แต่งสลับกันไปแล้วแต่อารมณ์คนเขียนอ่ะนะ
ช่วงนี้เป็นไรไม่รู้สุขภาพจิตแย่มาก เขียนเกรียนๆไม่ออก
คงมีคำถามว่า
“พี่ขำคะ แล้วทงเฮคู่ใครคะ?”
จริงๆเราแอบอยากเขียนเป็นสามพีนะ แต่ไม่เชิงสามพีหรอก รออ่านดู
แต่ตอนจบมี SPECIAL ทงเฮแน่ๆ จ้า~
ความคิดเห็น