ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Shadow Fighting

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 เซิร์ท

    • อัปเดตล่าสุด 31 ส.ค. 55


    Shadow Fighting

     บทที่ 1

    เซิร์ท 

    แฮกๆเสียงหายใจอันเหนื่อยหอบดังขึ้นท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำ  ชายวัยกลางคนในมือถือกระเป๋าสีดำอีกมืออุ้มเด็กทารกหนีจากอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถระบุได้ในทางวิทยาศาสตร์ ต้องรีบแล้ว.. เสียงของชายคนดังกล่าวพูดขึ้นโฮกเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังของชายคนนั้น  เมื่อหันกลับไปก็ต้องพบกับความสยดสยอง เมื่ออสุรกายที่มีแต่ในตำนานกลับโผล่ขึ้นมา ร่างสูงใหญ่กว่า3เมตรปกคลุมไปด้วยขนที่แข็งและหยาบกร้าน เล็บอันแหลมคมที่สามารถจะฉีกกระชากได้ถึงแม้จะเป็นเหล็กกล้าก็ตาม บนศรีษะมีเขาลักษณะคล้ายเขาแพะ นัยตาสีแดงก่ำ และเขี้ยวที่แหลมคมที่พร้อมจะขย้ำสองชีวิตด้านหน้ามัน  ในมือถือขวานสองคมขนาดใหญ่กว่ารถยนต์ที่มีรอยบิ่นจากการฟันมานับไม่ท่วน มิโนทอร์!!!   มันไม่น่ามาอยู่ที่นี่ได้พูดจบชายคนดังกล่าวก็เริ่มออกวิ่งทันที แต่ไม่วิ่งได้ไม่ถึงห้าเมตรก็ถูกขวานขนาดใหญ่ซึ่งถูกขว้างมาปักขวางทางไว้ ชายคนดังกล่าวหน้าซีดเผือด เพราะขวานขนาดใหญ่นั้นปักห่างออกไปไม่ถึงสืบเซนติเมตรถ้าวิ่งเร็วกว่านี้ขาดครึ่งแน่ชายคนนั้นคิดในใจพลางหันกลับไปเผชิญหน้ากับอสุรกายตนนั้นดูท่า...แกจะไม่ยอมให้ฉันไปซินะ

    โฮกกก อสุกายคำรามแทนคำตอบ ถ้าจะไปก็คงต้องล้มแกก่อนซินะ ถึงจะไปได้น่ะชายคนดังกล่าวหามุมที่อันตรายไม่สามารถเข้าถึงได้และวางเด็กทารกไว้ที่นั่นแล้วเอื้อมมือไปหยิบของบางอย่างในกระเป๋าสีดำออกมา มันเป็นเหล็กสีเงินยาวประมาณสิบเซนติเมตรสลักไว้ด้วยลายวิจิตรงดงามและมีเพชรขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณหนึ่งเซนติเมตร  ชายคนดังกล่าวใช้นิ้วหัวแม่มือกดที่เพชรเม็ดนั้นพลันเรื่องอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น แท่งเหล็กเกิดแสงสีเงินสว่างไสวและเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น จากแท่งเหล็กกลับกลายเป็นเกราะแขนสีเงินที่ประดับด้วยลายวิจิตรงดงามขนาดใหญ่  ย้ากกกกกกก พริบตาเดียวร่างของชายคนดังกล่าวกลับอ้อมมาอยู่ด้านหลังของอสุรกายขนาดยักตัวนั้นแล้วง้างหมัดที่หุ้มไปด้วยเกราะแขนสีเงินและชกเข้าใส่อสุรกายตัวนั้นทันที เจ้าอสุรกายรู้สึกได้ถึงอันตรายจากด้านหลังของมันจึงรีบหันตัวกลับทันที แต่ทว่าการกระทำของมันกลับสูญเปล่าเพราะหมัดที่หุ้มไปด้วยเกราะแขนสีเงินขนาดใหญ่ได้กระแทกแผ้นหลังมันอย่างรุนแรงไปแล้ว ตูมมม !!!” อสุรกายขนาดใหญ่ลอยกระเด็นออกไปอย่างไม่น่าเชื่อและกระแทกกับผนังตึกอย่างจังจนทำให้เกิดรอยร้าวขนาดใหญ่และค่อยๆทรุดลงอย่างหมดแรงฉับพลันนั้น เกิดหมอกสีดำปลกคลุมร่างของมิโนทอร์ตามมาด้วยความรู้สึกเย็นแผ่นหลังวาบ พริบตานั้นชายคนดังกล่าวจึงสะบัดแขนไปด้านหลังทันที  เคร้ง !!!  เสียงของเกราะแขนกระทบกับสิ่งของบางอย่างและตกลงที่พื้น ชายคนดังกล่าวก้มหน้าลงไปมองก็พอว่าสิ่งที่กระทบกับเกราะแขนของตนนั้นคือมีดสั้นเล่มหนึ่ง ใบมีดเป็นสีเงินวาว ส่วนด้ามมีทำจากทองคำสลักลายกุหลาบไว้ ซัคคิวบัสอย่างนั้นหรือชายคนดังกล่าวพูดกับตัวเองพลางเหงือเม็ดใหญ่ก็ผุดขึ้นมาจากใบหน้าเพราะรู้สึกได้จากกลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายที่ปรากฎขึ้นจากด้านหลัง เขาจึงรีบหลังกลับไปมองทันที ปรากฎเป็นร่างหญิงงามราวเทพธิดาร่างหนึ่ง กำลังย่างเท้าออกจากหมอกสีดำตรงหน้า ถึงแม้ชายคนดังกล่าวจะไม่เคยเห็นซัคคิวบัสก็ตาม แต่กลิ่นอายชั่วร้ายที่ออกมาจากหญิงงามตรงหน้าเขานั้น ทั้งมีดสั้นที่เขาสกัดไว้ จึงแน่ใจได้ทันทีว่าหญิงงามที่ปรากฎต่อหน้าเขานั้นคือซัคคิวบัสแน่นอนสกัดมีดสั้นของข้าได้งั้นรึ  ทำได้ไม่เลวทีเดียว เสียงอันไพเราะราวกับดุริยางค์สวรรค์ดังขึ้น ท่านต้องการสิ่งใดกัน  จึงได้ลงมือทำร้ายข้า ชายคนดังกล่าวถามขึ้น เจ้ามีสิ่งที่ข้าต้องการ จงยกสิ่งนั้นให้ข้าซะ แล้วเจ้าจะได้จบชีวิตอย่างมีความสุขภายใต้นามของข้า”  ซัคคิวบัสพูดพลางชี้มือไปที่เด็กทารกที่อยู่ในซอกตึกที่ยากจะมองเห็นได้ข้าคงทำเช่นนั้นไม่ได้ชายคนดังกล่าวพูดพลางขยับตัวเพื่อปิดช่องตึกไว้ พลางมีเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า แย่แล้ว...ลำพังเราคนเดียวคงจะถูกซัคคิวบัสฆ่าได้ในเวลาอันเร็วเป็นแน่ ช่ายคนดังกล่าวคิดในใจ พลันรู้สึกได้ถึงจิตสังหารอันรุนแรงที่แผ่ออกมาเจ้าปฎิเศษข้าอย่างนั้นรึ เสียงอันเกรี้ยวกราดของซัดคิวบัสดังขึ้น ถ้าเช่นนั้น   เจ้าจงหายไปจากโลกนี้ซะ”  พรึ่บ !!!  ทุกอย่างดำมืด อ้าว เฮ้ย!  ไฟดับ!”  เสียงหนึ่งดังขึ้น  ว้า ! กำลังถึงจุดไคล์แม็กซ์เลย  ไฟดันดับซะได้  เซงว่ะ เสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น นั่นสิ  เดือนนี้แกจ่ายค่าไฟรึยัง เสียงที่สามหันไปถามเสียงแรก แหะๆ ขอโทษที  เดือนนี้ฉันช็อตว่ะ เสียงที่หนึ่งกล่าวขึ้น เฮ้ออออ !!” อีกสองเสียงถอนหายใจพร้อมกัน พลันรอบตัวก็สว่างขึ้นอีกครั้ง ไฟมาแล้วๆๆ ดูต่อดีกว่า”  เสียงที่หนึ่งดังขึ้นอีกครั้งเจ้าของเสียงเป็นชายหนุ่มผมยาวหยักศกสีน้ำตาลเข้ม นัยตาสีแดงเพลง นี่แกดูเรื่องนี้มากี่รอบแล้วเซิร์ท เสียงที่สามดังขึ้นเจ้าของเสียงเป็นชายหนุ่มรูปร่างล่ำสัน ผมสั้นสีดำและมีนัยตาสีเดียวกับสีผม เอาน่าเรย์ ก็ฉันชอบเรื่องนี้นี่นา เซิร์ทตอบกลับไปพลางยิ้มร่า แล้วเสียงที่สองก็ดังขึ้น ฉันหิวแล้วล่ะ ไปหาอะไรกินกันเถอะ  ฉันเลี้ยงเอง เจ้าของเสียงที่สองเป็นชายหนุ่มท่าทางเจ้าสำอาง ผมยาวประบ่าสีเงินยวง นัยตาสีอำพัน ทั้งสองมีท่าทีลังเล แต่พอได้ยินคำว่าเลี้ยงก็หูตั้งหางกระดิกระริกระรี้กันใหญ่ แกพูดจริงนะ  ดาร์คเซิร์ทถามขึ้นมา จริงสิฉันจะโกหกแกทำไม  แต่ครั้งหน้าแกต้องเลี้ยง เซิร์ทได้ยินดังนั้นก็คอตกทันทีแต่ก็ตอบรับไปก็ได้ๆ คราวหน้าฉันเลี้ยงเอง”   “งั้นเราไปกันเถอะ  เดี๊ยวร้านจะปิดเอาเรย์พูดขึ้นมา  ทั้งสามออกจากห้องพักแล้วไปใช้บริการของรถโดยสารประจำทาง บางที...ฉันก็อยากมีพลังแบบในหนังบ้างนะ คงเท่ดีพิลึกเสียงของเซิร์ทพูดขึ้นมาขณะนั่งอยู่บนรถโดยสาร เพ้อเจ้อ !!!!!”  เสียงของดาร์คละเรย์ดังขึ้นพร้อมกัน  เชอะ!! ฉันก็แค่พูดเฉยๆ  ไม่ได้อยากจริงซะหน่อย เซิร์ทตัดพ้อขึ้นมา เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนทั่งสองได้เป็นอย่างดี เรย์ แกทำรายงานของอาจารย์รอวร์เสร็จหรอยัง ดาร์คเปลี่ยนเรื่องหันไปถามเรย์ทันที ยังเลยว่ะ  แต่เซิร์ททำเสร็จแล้วนี่ เรย์ตอบพลางหันหน้าไปทางเซิร์ท อื้อ ฉันทำเสร็จแล้วล่ะ เดี๊ยวกลับไปเอาให้ลอกแล้วกันพอเซิร์ทพูดจบก็ถึงศูนย์อาหารพอดี ที่นี่ถูกเรียกว่าซีพอยน์ เป็นศูนย์รวมของวัยรุ่นขนาดใหญ่ มีทั้งเด็กแรพ ฮิปฮอป รวมไปถึงนังเลงประจำถิ่นด้วย ทั้งสามไม่รอช้าเพราะเสียงร้องเริ่มดังประท้วงขึ้นมา จึงรีบเดินเข้าไปในโรงอาหาร  ทันทีที่นั่งลงกับโต๊ะก็ปรากฎภาพบริกรสามมิติขึ้นมาทันที รับอะไรดีครับ เสียงของบริกรสามมิติดังขึ้น ผมขออันนี้สามที่ครับ ดาร์คพูดพลางชี้มือไปที่รูปอาหาร กรุณารอซักครู่นะครับ พอพูดจบบริกรสามมิตืก็หายไปทันที ไม่ถึงสองนาทีอาหารก้อปรากฎตรงหน้าทั้งสาม  ทั้งหมดไม่รอช้ารีบกินทันทีเพราะตอนนี้หิวมากแล้ว พอกินเสร็จดาร์คจ่ายค่าอาหารเรียบร้อยเสียงของเรย์ก็ดังขึ้น นี่ๆ  พวกแกดูไอ้พวกนั้นดิ  มันใถเงินคนอื่นอีกแล้วว่ะ เรย์พูดพลางชี้ให้ดูกลุ่มนักเลงประมาณ 8-9 คนกำลังยืนล้อมกลุ่มนักเรียนหญิงประมาณ 4-5 คนไว้  จะเข้าไปช่วยใหมดาร์คหันไปถามเซิร์ท แต่ เซิร์ทกลับไปอยู่ที่โต๊ะแล้ว คาร์คจึงรีบหันไปมองที่กลุ่มนักเลง ปรากฎว่าเซิร์ทเดินเข้าไปเรียบร้อยแล้ว นี่พวกนายน่ะ  ไม่มีจะกินกันแล้วหรือไง ถึงได้มาใถเงินชาวบ้านเขาแบบนี้น่ะ เสียงของเซิร์ทดังขึ้นท่ามกลางวงนักเลง แกพูดแบบนี้ อยากตายนักหรือไงนักเลงที่ท่าทางเป็นหัวโจกพูดขึ้น ฉันไม่ได้อยากตาย  แต่ดูท่าพวกนายคงใกล้จะหิวตายแล้วซินะ  ถึงได้มาไถเงินคนอื่นไปกินข้าวแบบนี้น่ะ เซิร์ทพูดพลางทำหน้ายียวนใส่ นี่แกจงใจจะกวนประสาทฉันใช่ใหม  ฉันจะให้แกเห็นนรกของจริงนักเลงหัวโจกพูดพลางเงื้อหมัดขึ้น ของจริงน่ะ  แบบนี้ต่างหากล่ะพริบตานั้นร่างของนักเลงหัวโจกก็ทรุดลงทันที  ถ้าคนปรกติมอง จะเห็นว่านักเลงคนนั้นเป็นลมไป แต่ถ้าเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้จะเห็นว่าเซิร์ทได้ปล่อยหมัดเข้าปลายคางถึงสามหมัดจึงทำให้นักเลงหัวโจกสลบไปในทันที นักเลงที่เหลือเห็นท่าไม่ดีจึงพูดขู่ว่า แกกล้ามีเรื่องกับแก๊ง เค้าแมวโหดหรอ เซิร์ทได้ยินดังนั้นจึงพูดพลางปล่อยจิตสังหารออกไปโดยไม่รู้ตัว จะเค้าแมว หรือ กาเหว่า ฉันก็ไม่สนทั้งนั้น แต่ถ้าฉันเห็นว่าใครทำเรื่องอะไรชั่วๆล่ะก็  ฉันเล่นไม่เลี้ยง  พวกนักเลงรู้สึกได้ถึงจิตสังหารถึงกับเหงื่อซึมแผ่นหลัง แล้วแกจะได้เจอดี นักเลงคนหนึ่งพูดทิ้งท้าย ในจังหว่ะเดียวกันกับที่เรย์และดาร์ควิ่งมาถึงพอดี เป็นไงบ้าง จัดการไม่หมดรึไงเนี่ย เรย์ถามขึ้นพลางมองไปที่กลุ่มนักเลงที่ตัวสั่นเป็นลูกนกพึ่งเกิด ใครว่าล่ะ   ยังไม่ได้ลงมือต่างหาก  แกจะเอาด้วยใหมล่ะ เซิร์ทถามเรย์พลางขยับร่างกายเหมือนคนกำลังจะออกกำลังกาย ก็ดีเหมือนกันนะเรย์   ฉันอยากไปเดินเที่ยวต่อแล้วว่ะ ดาร์คพูดขึ้นพลางถอนหายใจเบาๆ แต่ในแววตามีแววซุกซนแฝงอยู่ นี่แกจะมีเรื่องกับพวกเราเค้าแมวโหดอย่างนั้นหรอนักเลงคนหนึ่งพูดขัดจังหว่ะขึ้นมา เพราะได้ยินการสนทนาทั้งหมดจากทั้งสาม ลำพังแค่เซิร์ทที่แค่ปล่อยจิตสังหารออกมาก็ทำให้พวกมันแทบจะสลบกันอยู่แล้ว แต่นี่มีอีกสองคนที่ไม่รู้มาจากใหน แต่รูปร่างล่ำสันของเรย์และจิตสังหารของเซิร์ทนั้นบอกพวกมันได้เป็นอย่างดี  ว่านี่แหละของจริง ยังไม่รวมอีกคนที่ท่าทางเจ้าสำอางนัยตาสีอำพันคอยจดจ้องและหาวิธีการอยู่ตลอดเวลา ถ้าเปรียบเรย์เป็นหน่วยบุกทะลวง เซิร์ทเป็นแม่ทัพ คนสุดท้ายคงเป็นกุนซืออย่างไม่ต้องสงสัย นี่เรย์ ฉันขอสี่คนทางขวานะที่เหลือนายจัดการแล้วกัน”  เซิร์ทพูดพลางมองไปที่กลุมนักเลงที่ยืนอยู่ด้านขวาของกลุ่มนักเรียนหญิง จะเอาอย่างนั้นหรอ.....โอเคๆ อีกสี่คนฉันจัดการเอง  เมื่อเรย์พูดจบกลุ่มนักเลงต่างก็ชักมีดชักไม้ออกมาทันที อยากตายก็เข้ามา นักเลงคนหนึ่งตะโกนขึ้นด้วยความกลัวสุดขีดพลางพุ่งตัวเข้าหาเรย์และง้างไม้เบสบอลเพื่อจะฝาดเข้าที่ศรีษะของเรย์ หาที่ตายเลยนะนั่น  เซิร์ทและดาร์คพูดขึ้นพร้อมกัน   บึ้ก!!!  เสียงไม้กระทบกับเสียงเนื้อดังขึ้น  นักเลงยิ้มกริ่มเพราะไม้เบสบอลของมันสั่งทำพิเศษจึงทำให้แข็งกว่าเหล็กธรรมดา มีแรงแค่นี้หรือ เรย์พูดพลางใช้มือดันไม้เบสบอลที่ทาบอยู่ที่ศรีษะตัวเองออก ตาฉันบ้างล่ะนะ หมัดซ้ายถูกปล่อยเข้าท้องน้อยของนักเลงอย่างจัง ทำให้นักเลงตัวงอเป็นกุ้ง ยังไม่จบแค่นั้น เรย์ใช้มือทั้งสองข้างจับเข้าที่ศรีษะขอองนักเลงที่ระดับอยู่ที่ประมาณเอวของเรย์ แล้วกระทุ้งเข่าเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง     ตึง!!   พรวดดด !!  เลือดของนักเลงคนดังกล่าวพุ่งเป็นสายออกจากรูจมูกและปาก โหดไม่เปลี่ยนเลยแฮะ ดาร์คและเซิร์ทพูดขึ้นมาพร้อมกันพลางกลั้นหัวเราะ ในขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั้นเสียงของนักเลงคนหนึ่งก็ดังขึ้น เฮ้ยพวกแก   ถ้าไม่อยากให้ผู้หญิงคนนี้ตายจงยอมกราบขอโทษพวกฉันซะ นักเลงคนหนึ่งพูดพลางใช้มีพกจ่อที่คอของนักเรียนหญิงคนหนึ่ง เรย์ที่กำลังอาละวาดอยู่พลันหยุดชะงักและพูดว่า พวกแกนี่มันเลวครบรูปแบบจริงๆ เซิร์ท ฉันขอหมดเลยแล้วกันนะเรย์หันไปทางเซิร์ท แต่ปรากฎว่าเซิร์ทไม่อยู่ (อีกแล้ว)    ตูมมมมม!!!!  ร่างของนักเลงที่ใช้มีดจ่อคอนักเรียนหญิงอยู่ ถูกมือของเซิร์ทผลักที่หน้าผากแล้วกดลงกระแทกกับพื้นเสียงดังสนั่นบาดเจ็บสาหัสทันที  นักเลงคนอื่นทำท่าจะเข้าไปช่วยเพื่อน แต่ถูกเสียงของดาร์คขัดไว้ก่อน อย่าเข้าไปนะ ถ้าเข้าไปพวกนายตายหมดแน่เสียงที่จริงจังของดาร์คทำให้พวกนักเลงเชื่อทันทีว่า ถ้าเข้าไปละก็ ตายแน่!!!’  พอได้แล้วเซิร์ท  พวกนี้มันกลัวจนหัวหดแล้ว เรย์พูดพลางชี้มือไปทางพวกนักเลงที่เกาะกลุ่มกัน พวกแกจำใสกะโหลกไว้เลยนะ  ว่าถ้าฉันเจอพวกแกอีก  รับรองได้เลย  ฉันจะไม่ปล่อยไปอีกแน่”  เซิร์ทกล่าวออกมาด้วยท่าทางเย็นชาพลางแผ่จิตสังหารออกมาเป็นระยะๆ  “ขอบคุณพวกพี่ๆมากนะคะ”  เด็กสาวคนหนึ่งกล่าวขอบคุณเซิร์ทด้วยสายตาเป็นประกายสุดๆจนเพื่อนที่อยู่ข้างหลังอดแซวไม่ได้ ไม่เป็นไรครับน้อง พี่ยินดีช่วยเสมอ”  เซืร์ทพูดพลางยิ้มน้อยที่มุมปาก ซึ่งเกือบทำให้เด็กสาวคนนั้นใจละลายลงไปกองกับพื้นเลยทีเดียว พี่ชื่อเซิร์ทนะ  พวกน้องชื่ออะไรกันบ้าง”  “หนูชื่อวิวค่ะ คนที่ใส่แว่นชื่อแอน ส่วนคนผมสั้นที่ดูเย็นชาๆนั่นชื่อเบลค่ะ”  (บอกแค่คนที่สำคัญๆนะครับ หัวไม่แล่นอ่ะ) พอทุกคนทักทายกันหมดแล้วแอนก็ถามเซิร์ทขึ้นว่า ทำไมพวกพี่เก่งกันจังเลยคะ แค่สองคนก็ไล่นักเลงที่มีพวกมากกว่าตัวเองหลายเท่าไปได้.....หรือว่า!!!.....พวกพี่เป็นยอดมนุษย์ใช่ใหมคะ  ไม่สิ   โหดอย่างนี้ต้องเป็นอสูร โอ ยอดเลย... พอแอนพูดเสร็จก็ทำท่าทีเคลิ้มฝันอยู่พักใหญ่โดยไม่ทันได้สังเกตุสีหน้าของเซิร์ทที่มีสีหน้าหดหู่อย่างชัดเจน

    11 ปีก่อน

    ถอยไปนะไอ้ปิศาจ”   “ว้าย!! อย่าไปยุ่งกับเด็กคนนั้นสิลูก มันเป็นปิศาจ”  เสียงนินทาและเสียงด่าทอดังขึ้นรอบๆตัวเซิร์ท ผมไม่ใช่ปิศาจนะ เซิร์ทตะโกนขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่ใหลอาบแก้มทั้งสองข้าง เซิร์ทเกิดในตะกูลขุนนางชั้นต่ำของเมืองโอร์ฮันเซีย โดยที่มารดาของเซืร์ทนั้นมีตำแหน่งทอฝ้าเพื่อให้ขุนนางชั้นสูงใส่ จนมาวันหนึ่งมารดาของเซิร์ทได้พบกับชายผู้หนึ่งซึ่งเป็นเทพพระเจ้าแห่งเปลวเพลิง นิครอคปลอมตัวมาเพื่อสำรวจผืนพิภพมีชื่อว่า ทั้งคู่พบรักกันและตกลงแต่งงานกันจนมารดาของเซิร์ทตั้งท้องได้หกเดือน นิครอคจึงเปิดเผยความจริงของถานะตนเองให้ฟัง สาเหตุที่บอกเพราะว่า องค์มหาเทพเรียกตัวเพื่อเตรียมตัวทำสงครามกับฝ่ายมาร หลังจากนิครอคจากไปได้สามเดือน มารดาของเซิร์ทก็คลอด และตั้งชื่อบุตร เซิร์ท  ยักษาเจ้าแห่งเปลวอัคนี’ 

     

     

     

    นิยายเรื่องนี้กระผมแต่เป็นเรื่องแรกนะคับ  หัวไม่ค่อยแล่นเท่าไหร่ แต่แค่อยากลองแต่งดู ติได้เต็มที่เลยนะคับผมจะได้เอาไปปรับปรุงแก้ไข ของคุณมากคับ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×