ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จอมมารที่รักโปรดกักขังข้าไว้นานๆ #ผู้กล้าภัยสังคม

    ลำดับตอนที่ #3 : จอมมารกับรักแรก

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 65


     

    บทที่ 2

     

    จอมมารอเมทิสเป็นอินคิวบัส

    อินคิวบัสเป็นปีศาจราคะที่ใช้มนต์เสน่ห์ล่อลวงมนุษย์และกินพลังงานชีวิตเป็นอาหาร

    ในอดีตตอนที่เขาถึงช่วงวัยที่สมควร เขาเองก็ได้ใช้มนต์ล่อลวงหามนุษย์ที่ชื่นชอบเช่นกัน

    ตอนนั้นเขาได้พบมนุษย์ที่มีพลังราวกับรวมความอบอุ่นของทั้งโลกเอาไว้ เป็นพลังชีวิตที่หอมหวานอ่อนโยนและเย้ายวนให้เขาเข้าไปลิ้มลองอย่างมาก

    สุดท้ายแล้ว เมทิสก็ได้เข้าไปในฝันของชายคนนั้น ทั้งดึงดูดและหลอกล่อให้คนคนนั้นมอบพลังชีวิตออกมา ฝันหนึ่งตื่นนั้นผู้โดนดูดพลังชีวิตไปจะจำอะไรไม่ได้

    แต่พอเมทิสได้ลิ้มลองความหอมหวานนั้นครั้งแรกแล้ว เขาไม่สามารถมีใครคนไหนอีกได้เลย

    คนคนนั้นคือผู้กล้า

    ด้วยความสงสัย เขาเคยถามอินคิวบัสคนอื่นในเผ่า ว่าเคยมีใครดูดพลังชีวิตของผู้กล้าอีกไหม แต่ทุกคนในเผ่าไม่เคยมีใครทำได้

    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาเป็นจอมมารรึเปล่าถึงได้ล่อลวงเข้าฝันผู้กล้าได้ทั้งๆ ที่อินคิวบัสคนอื่นทำไม่ได้

    ผู้กล้านั้นมีพลังชีวิตเต็มเปี่ยมจริงๆ

    และด้วยธรรมชาติของเผ่าพันธ์ มักทำให้เขาทนต่อสิ่งเย้ายวนไม่ได้ ทุกคืนวันจันทร์เต็มดวง เป็นช่วงเวลาที่พลังของอินคิวบัสขึ้นถึงจุดสูงสุด

    ทุกวันเหล่านั้น เขามักเข้าไปในฝันของผู้กล้า ในฝันผู้กล้ามักจะจำเขาได้เสมอ

    ฝ่ามือแข็งแกร่งนั้นประคองใบหน้าเขาอย่างอ่อนโยน อ้อมแขนนั้นโอบกอดเขาอย่างหวงแหน และเรียกเขาว่า

    'เมทิส'

    คนคนนั้นมักชอบจุมพิตลงบนหน้าผากเขา บอกเขาว่าตรงนี้ของเขาน่าเอ็นดู มันเป็นสาเหตุหนึ่งที่เขาไว้ทรงผมเปิดหน้าผากให้ผู้กล้าได้เห็นและจุมพิตลงไปได้เสมอ พฤติกรรมนี้ส่งผมมาถึงตัวเขาในความเป็นจริงด้วย บางทีเขาคงคิดว่าถ้าทำแบบนี้ผู้กล้าในความเป็นจริงจะชอบเขาเหมือนในฝันที่คนคนนั้นมักลืมไปแล้วบ้าง

    ในฝันนั้นพวกเรารักกันอย่างแท้จริง มีรักลึกซึ้ง ไม่พรากจากกัน

    แต่ในความเป็นจริงนั้นแตกต่าง

    พวกเราเป็นเพียงจอมมารและผู้กล้าที่ต้องฟาดฟันกันจนกว่าฝ่ายไหนฝ่ายหนึ่งจะแหลกสลายไปเท่านั้น

    เรื่องที่เขากักขังผู้กล้าไว้ก็เหมือนกัน

    จอมมารชั่วร้ายที่คิดข่มเหงผู้กล้าและใช้ผู้กล้ามาบำเรอตนเอง ผู้กล้าจะต้องเกลียดและชิงชังเขา จะต้องขัดขืนอย่างเต็มกำลัง

    มันควรจะเป็นแบบนั้น แต่ว่าทำไมตอนนี้ผู้กล้าถึงทำตัวแปลกไปได้ล่ะ!

    ทำไมคนคนนั้นถึงเสนอตัวให้เขาจนเขาตั้งตัวไม่ถูกแบบนี้!

    เป็นแบบนี้ได้ยังไง!

     

    ...

    จอมมารนั่งตัวสั่นอยู่บนเตียง

    พ่อบ้านชรามองดูจอมมารที่รักประดุจบุตรชายห่อตัวคุมโปงอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียงแล้ว ก็อ่อนใจจนถามออกมา

    "ท่านจอมมาร เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ"

    "..." กึก..กึก...กึก

    จอมมารยังคงตัวสั่นอยู่

    อัลฟองเซ่นึกย้อนถึงหัวค่ำวานนี้ที่จอมมารเดินไปเดินมาอยู่ในห้องและพร่ำบ่นเรื่องผู้กล้า พอนึกถึงคำแนะนำของตัวเองแล้วก็เข้าใจ

    "กับผู้กล้าแล้ว ไปกันไม่ดีเหรอครับ" เขาถามออกไปดังเช่นทุกครั้ง

    คำว่า 'ผู้กล้า' ไปกระตุ้นต่อมบางอย่างของจอมมารเข้าจากอาการสั่นก็เริ่มจะร้องไห้ออกมาแทน

    "อัลฟองเซ่"

    "ครับ กระผมเอง เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ"

    "เขา..เขาไม่ได้ขัดขืนข้า"

    ขัดขืด?

    พ่อบ้านชราหันไปมองนอกริมหน้าต่าง ตรงนั้นเป็นกระจกบานใหญ่ที่ฉายภาพดวงจันทร์เต็มดวงด้านนอก

    คงไปหาผู้กล้าเพราะเรื่องนั้นด้วยสินะ

    อัลฟองเซ่ถอนหายในแล้วกล่าวออกมา

    "แล้วมันไม่ดีเหรอครับ"

    "..."

    "ที่เขาคนนั้นไม่ได้ขัดขืนท่านในความเป็นจริง มันทำให้ท่านรู้สึกไม่ดีเหรอครับ"

    จอมมารตั้งสติ เขาหลับตาลง คิดตามการคำกล่าวนั้นของพ่อบ้าน

    "เปล่า มันดีมาก"

    ตอนที่ยั่วยวนออกไปและโดนฝ่ายนั้นตอบรับมาด้วยความกระตือรืนล้น มันเป็นความรู้สึกที่ราวกับฝันไป 

    ไม่คิดว่าจะลงเอยแบบนั้นจริงๆ ตอนนั้นจอมมารเตรียมพร้อมสำหรับการขัดขืนของผู้กล้าไว้แล้ว เพราะคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีใจให้เขาและเขาที่คิดบังคับฝืนใจผู้กล้าก็จะยิ่งชั่วร้ายในสายตาของผู้กล้าเข้าไปอีกแต่จอมมารมั่นใจในมนต์เสน่ห์ของตนเอง จะต้องใช้รูปลักษณ์จอมมารล่อลวงผู้กล้าให้เปิดฝันออกมาให้ได้

    อย่างน้อยผู้กล้าในฝันก็ชอบจอมมาร และจำจอมมารในฝันได้เสมอ

    ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันจะได้ใช้มนต์เสน่ห์อะไรนั่น ผู้กล้าก็ดันทำลายโซ่ข้อมืออย่างรวดเร็วและเสนอตัวออกมาในทันที ดูยินดีให้เขาจับต้องกายซะจนเขาที่เตรียมแสดงบทจอมมารชั่วร้ายผู้ฝืนใจผู้กล้าไว้ไม่รู้จะตอบโต้ต่อไปยังไงดี

    เนื้อเรื่องที่ไม่ได้เตรียมบทมาตอบโต้ได้ทันแบบนี้ทำให้จอมมารตัดสินใจก้าวถอยหลังและหนีออกมา

    เขาคิดถึงท่าทีของผู้กล้าที่วิ่งไล่ตามเขามาอย่างไม่ลดละก็ตัวสั่นขึ้นมาอีกรอบก่อนที่จะกระชับผ้าห่มเข้ามาคุมตัวเองมากขึ้น

    อัลฟองเซ่มองท่าทางน่าเอ็นดูนั่นพร้อมกับยิ้มมุมปาก เขากล่าวออกมาอีก

    "งั้นที่เขาไม่ขัดขืนคำขอท่านก็เป็นเรื่องดีนี่ครับ"

    "...แต่ว่ามันแปลกนี่ กับผู้กล้าที่ไม่รู้เรื่องอะไรในฝันที่ผ่านมาของข้าและฟาดฟัดข้าด้วยอาวุธในความเป็นจริงเสมอ มันต่างกัน"

    คราวนี้อัลฟองเซ่เงียบไปนาน ก่อนจะกล่าวออกมา

    "กระผมเข้าใจแล้ว"

    "หือ?" จอมมารเงยหน้าขึ้นจากผ้าห่ม "อัลฟองเซ่?"

    เขาหวังจะถามพ่อบ้านของตนอีกสักหน่อยว่าหมายความว่ายังไงแต่พ่อบ้านปีศาจของเขาก็ออกไปซะแล้ว

    เอ๋?

    จอมมารนั่งงงในดงผ้าห่ม พ่อบ้านก็เข้าใจยาก ผู้กล้าก็เข้าใจยาก เขากลุ้มจริงๆ

    เขากลับมาคิดเรื่องผู้กล้าต่อ เขากำลังคิดว่าที่ผู้กล้าไม่ขัดขืนเขาเป็นเพราะอะไรกันแน่ 

    ความคิดเข้าข้างตัวเองอย่างผู้กล้าเองก็ชอบเขาเหมือนกันนั้นโดนบัดทิ้งไป เพราะถ้าชอบกันจริงๆเรื่องมันคงไม่ยุ่งยากแบบนี้

    ที่เหลือก็มีแค่....ผู้กล้าโดนเขาล่อลวงและพ่ายแพ้ให้กับกิเลสในใจ มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?

    จอมมารเองก็ไม่ได้ไม่ชอบที่ผู้กล้าเป็นแบบนี้หรอกนะ ความจริงแล้วถ้าพ่ายแพ่ง่ายขนาดนี้ ออกจะง่ายสำหรับเขาด้วยซ้ำ มนุษย์ที่มีพลังชีวิตเต็มเปี่ยมแถมมีกิเลสในใจนั้นเป็นงานง่ายของปีศาจราคะ มันจะดีขึ้นมากถ้าผู้กล้าสนใจเขาและง่ายต่อการล่อลวง

    แต่ถ้าโดนล่อลวงง่ายอย่างนั้น ทำไมอินคิวบัสคนอื่นถึงเข้าไปในฝันผู้กล้าไม่ได้เลยล่ะ?

    เรื่องนี้มัน...

    ตอนนั้นเองก็คล้ายจะมีแสงสว่างวาบออกมาภายในหัวของจอมมาร คล้ายมีบางอย่างที่เขามองข้ามไป อะไรบางอย่างที่...

    "ท่านเข้าไปไม่ได้ครับ"

    ???

    เสียงของอัลฟองเซ่ดังออกมาจากหน้าประตู ปิดกั้นความคิดของจอมมารไว้ชั่วคราวจนจอมมารหันไปสนใจบทสนทนาหน้าประตูห้องแทน

    เพราะตอนที่หนีผู้กล้าเขาวิ่งตะเลิดออกมาจนเสียกิริยาไปหมด ภายในหัวคิดอยากจะกลับเข้ามาในห้องของเขาและมุดเข้าผ้าห่มเท่านั้น ไม่รู้ว่าข้างนอกหลังเขาเข้ามาจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

    แว่วได้ยินเสียงคุ้นเคยเสียงหนึ่งออกมาไกลๆพร้อมกับเสียงพ่อบ้านของเขา คนคนนั้นพูดอะไรสักอย่าง แต่มันเบามากจนเขาจับใจความไม่ได้ ที่จับความได้ก็มีแต่คำของพ่อบ้านเขาเท่านั้น

    อัลฟองเซ่พูดว่า

    "ท่านจอมมารสั่งเอาไว้ว่าห้ามท่านมาพบ ข้าให้ท่านเข้าไปไม่ได้หรอกครับ"

    คนที่เขาห้ามเข้าพบ?

    จอมมารนึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมิ่อไม่นานมานี้ ที่แดนเหนือหนึ่งในอาณาเขตของเขาเกิดปัญหาขึ้น เดิมทีแล้วเจ้าเมืองฝั่งนั้นไม่ยอมรับตำแหน่งจอมมารของเขาและมีเรื่องรายงายมาเรื่อยๆ เขาเคยตักเตือนไปแล้วหนหนึ่ง แต่ฝั่งนั้นก็ยังยึดติดอยู่กับกฎเก่าๆของปีศาจ โจมตีมนุษย์ผู้บริสุทธิจนเรื่องแดงและดังไปถึงหูคณะผู้กล้า สุดท้ายไม่ต้องรอเขาลงทัณฑ์ก็จบไปด้วยดาบเดียวของผู้กล้า ขุดหลุมฝังตัวเองไปเรียบร้อยโดยที่จอมมารไม่ต้องทำอะไรสักนิด 

    ความผิดนี้ก็พอที่จอมมารอเมทิสจะยึดตำแหน่งและเนรเทศปีศาจที่เห็นดีเห็นงามกับเจ้าเมืองคนเก่าออกไปจากเขตเหนือได้แล้ว แต่เหมือนพวกตาแก่หัวโบราณจากฝั่งเหนือถือดีเป็นปีศาจเลือดบริสุทธ์ มาตามราวีกวนใจเขาไม่เลิก นั่นเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เขาไม่ยินดีพบหน้าคนพวกนั้น แต่ก็เลี่ยงการปะทะเรื่อยมา

    ตอนนี้คงเลี่ยงไม่ได้แล้ว ปัญหานี้ควรจบสักที

    "ไม่เป็นไรอัลฟองเซ่ ให้เขาเข้ามาได้" จอมมารก้าวลงจากเตียงและจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ เขาเก็บซ่อนหลักฐานความกระวนกระวายใจที่เขาแสดงออกมาเมื่อครู่จนมิดหวนคืนบทบาทจอมมารอย่างทุกทีเมื่อนั่งสงบนโต๊ะประจำตำแหน่งของเขาในห้อง 

    เพื่อความสมจริง จอมมารเลื่อนเก้าอี้ให้หันหลังและตั้งท่าเหม่อมองท้องฟ้ายามกลางคืนด้านนอกกระจกแผ่กลิ่นอายของจอมมารอย่างเต็มภาคภูมิ

     

    ...

    เสียงประตูด้านนอกเลื่อนเปิดช้าๆ พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาในห้อง 

    ไม่รอให้บุคคลมาใหม่ได้กล่าวอะไร จอมมารก็เปิดปากแสดงอำนาจของตัวเองออกมาทันที

    "อย่างแรกเลย ข้าไม่เคยให้เจ้าต่อปากต่อคำกับข้าได้"

    "..."

    "ที่ข้าให้เจ้ามาพบในครั้งนี้เพราะข้ารำคาญเต็มทนแล้วที่ต้องเล่นเกมกับเจ้า"

    "..."

    ตึก

    เสียงฝีเท้าที่หยุดลงนั้นเริ่มใกล้เข้ามา

    อา คิดแล้วว่าต้องไม่ยอมง่ายๆแน่ๆ เจ้าพวกปีศาจน่ารำคาญนั่น

    เขาต้องจัดการอย่างเด็ดขาดให้ได้

    ตึก

    เมื่อฝีเท้านั้นใกล้เข้ามาอีกครา จอมมารก็ปล่อยไอสังหารออกไป มันรุนแรงกว่าปกติมากเพราะวันนี้จันทร์เต็มดวงทำให้พลังปีศาจในกายจอมมารพุ่งขึ้นสูงสุด

    และเขาต้องการข่มขู่คู่ต่อสู้และบีบบังคมให้อีกฝ่ายยอมจำนน

    จอมมารประกาศออกไป

    "ตอนนี้ข้าคือจอมมาร อำนาจข้าเป็นที่สุด ข้าสั่งให้เจ้าทำอะไรเจ้าก็ต้องทำตามนั้น!"

    ตึก

    ฝีเท้ายังคงใกล้เข้ามา

    ยังไม่ยอมแพ้งั้นเหรอ จอมมารเริ่มโมโหขึ้นมาจริงๆ

    "เลิกกวนใจข้าสักที!"

     

    ...

    ตึก

    ฝีเท้าหยุดลงแล้ว มันหยุดลงข้างตัวจอมมารพร้อมกับเสียงคุ้นเคยเสียงหนึ่ง

    "ใครกวนใจท่านอย่างนั้นรึ?"

    "!!"

    จอมมารแตกตื่นตกใจ เขาไม่ต้องหันกลับไปเขาก็รู้ว่านี่เสียงใคร

    ผ...ผู้กล้า!

     

     

     

     

     

     

    Talk : คำถาม ทำไมผู้กล้าถึงเป็นภัยสังคม

    คำตอบ มันเป็นบั๊กของระบบผู้กล้าค่ะ ทำผู้กล้ารุ่นก่อนๆอับอายขายหน้า---แค่ก ล้อเล่นน่ะ 555 

    ความจริงก็เพราะมาเจอจอมมารนั่นแหละ เขาว่าความรักทำให้คนเป็นบ้า ผู้กล้าดีๆก็เผยสันดานจริงๆออกมาเสียคนเพราะคนรักได้เหมือนกัน 5555

     

    ปล.จอมมารยังเดาฝีเท้าผู้กล้าไม่ออกเลยแต่ขณะเดียวกันอิผู้กล้ามันเดาฝีเท้าคนที่ชอบได้ตั้งแต่ปากทาง นี่ผู้กล้าหรือหมาตำรวจ เอาความสามารถมาใช้แต่อะไรแบบนี้หมด5555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×