ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [got7] the enemy (markson)

    ลำดับตอนที่ #4 : - 4 -

    • อัปเดตล่าสุด 6 ธ.ค. 60


    THE ENEMY

    4

     

     

    “ฉันจะไม่มีวันทำร้ายนายเด็ดขาด...

     

    ไม่มีวัน”

     

     

     

    แจ็คสันรองน้ำล้างหน้าตัวเองอีกครั้งและอีกครั้งตามจำนวนรอบประโยคของมาร์คที่เขาเผลอนึกถึง คนตัวขาวมองใบหน้าของตัวเองที่เปียกซกผ่านกระจก เริ่มตั้งแต่ผมหน้าม้าของเขาที่ยาวจนทิ่มตา ใต้ตาคล้ำเล็กน้อยเพราะนอนไม่พอ และเมื่อมาถึงริมฝีปาก หัวใจก็เต้นรัวพร้อมกับภาพของเหตุการณ์ตรงระเบียงที่แจ่มชัดในความคิดเขาเหลือเกิน ที่จริงไม่ใช่แค่คำพูดของอีกคนที่ทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองแต่มันยังพ่วงด้วยการกระทำที่เพิ่งเกิดขึ้น แจ็คสันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกคนทำไปเพราะอะไรแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าทำไมตอนที่ใบหน้าของมาร์คเขยิบเข้ามาใกล้เขาถึงไม่หลบไปซะ...

     

    แต่ถ้าลองนึกจากปริมาณเบียร์ที่มาร์คกินเข้าไปแล้ว คำตอบที่แจ็คสันคิดออกตอนนี้คงจะมีแค่เพราะเมาล่ะมั้ง ส่วนเหตุผลที่เขาไม่ยอมหลบนั่น...

     

    “นี่นายจะยืนล้างหน้าอีกนานไหม” แจ็คสันสะดุ้งเฮือก รีบปิดน้ำแล้วหันไปทางประตูทันที มาร์คในสภาพที่มีแค่กางเกงนอนขายาวตัวเดียวกำลังมองแจ็คสันด้วยสายตาหงุดหงิดอย่างเปิดเผย ชายหนุ่มถอนหายใจทีหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่รอคำตอบจากอีกฝ่าย หยิบยาสีฟันมาบีบลงบนแปรงของตัวเองและยืนหลับตาแปรงฟันข้างๆ แจ็คสันรู้สึกทำตัวไม่ถูกต่างจากอีกคนที่ยังมีท่าทีสบายๆ คนตัวขาวเม้มปากอย่างทุกครั้งที่ชอบทำเมื่อประหม่าก่อนจะตัดสินใจหยิบแปรงสีฟันมาแปรงฟันบ้าง

     

    มาร์คก้มลงไปบ้วนปากและล้างหน้าหลังจากแปรงฟันเสร็จเรียบร้อย เขยิบไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาซับน้ำตามใบหน้าและยืนพิงเคาท์เตอร์ มองดูแจ็คสันที่กำลังจัดการกับตัวเองอย่างตั้งอกตั้งใจจนเกินไป ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อนึกสนุกบางอย่าง เขาเคลื่อนตัวไปด้านหลังอีกฝ่ายก่อนจะยื่นมือเท้ากับเคาท์เตอร์กักตัวเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขนตัวเองอย่างสมบูรณ์ และความใกล้ชิดนั่นทำเอาแจ็คสันที่กำลังก้มหน้าล้างแปรงสีฟันสะดุ้งเฮือกเป็นรอบที่สองของวัน

     

    “เอ่อ .. ค...คุณมาร์ค...” แจ็คสันรู้สึกไปไม่เป็น เขาชะงักมือที่อ่างล้างหน้า เอ่ยเรียกชื่ออีกคนออกมาเสียงแผ่วแถมยังตะกุกตะกัก จู่ๆใจดวงน้อยกำลังเต้นระรัวจนกลัวว่าคนที่แนบชิดอยู่ด้านหลังจะได้ยินมันเข้า เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรตั้งแต่ได้ยินสิ่งที่มาร์คพูดเมื่อคืน แต่มันเป็นอาการที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย แจ็คสันจึงพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกปั่นป่วนในหัวใจตัวเองด้วยการทำอย่างอื่น เช่นล้างแปรงสีฟันตัวเองต่อ

     

    แต่ไม่ว่ายังไงแก้มแดงๆนั่นมันก็หนีไม่พ้นสายตาของมาร์คอยู่ดี มาร์คเห็นมันตั้งแต่ตอนแรกที่เข้ามาในห้องน้ำแล้ว พอเห็นท่าทีเร่งรีบอยากจะออกไปจากห้องน้ำเร็วๆมันเลยทำให้เขารู้สึกอยากแกล้งเด็กคนนี้สักหน่อย มาร์คยื่นหน้าเข้าไปจนแก้มแทบจะชิดกับแก้มของแจ็คสัน ลมหายใจอุ่นที่อยู่ใกล้เล่นเอาแจ็คสันตัวแข็งทื่อ

     

    มาร์คทำเป็นหยิบแปรงสีฟันสีพีชที่แจ็คสันเพิ่งจะใช้ไปมาดู “นี่นายใช้ของจินยองงั้นเหรอ?”

     

    ทั้งคำถามและน้ำเสียงอันเรียบนิ่งของมาร์คทำให้แจ็คสันที่ก้มหน้าอยู่รีบเงยขึ้นมาอธิบาย สีหน้าของแจ็คสันนั้นรู้สึกผิดจนมาร์คแทบจะกลั้นรอยยิ้มไว้ไม่อยู่ พอรู้อยู่ว่าแจ็คสันซื่อมากแต่ไม่คิดว่าจะซื่อขนาดที่เชื่อว่าคนอย่างเขาจะคิดมากเรื่องแกะแปรงสีฟันอันใหม่มาใช้ แต่มาร์คก็ยังตีหน้าขรึมฟังคนตัวขาวที่เล่าที่มาของการเจอแปรงสีฟันอันนี้ต่อ

     

    “คือผมไม่รู้จริงๆว่าเป็นของคุณหมอจินยอง ผมขอโทษนะครับ อย่าโกรธผมเลยนะคุณมาร์ค” แจ็คสันบอกเสียงอ่อนจนแทบจะเรียกได้ว่าหงอย เขาขบริมฝีปากตัวเองอย่างประหม่า แค่ได้รับความ

    ช่วยเหลือจากมาร์คและคนอื่นๆมันก็ทำให้แจ็คสันรู้สึกเป็นภาระและรบกวนมากพออยู่แล้ว นั่นเลยเป็นเหตุผลที่เขาต้องใส่ใจทุกๆอย่างและทุกการกระทำของตัวเองแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม

     

                และสำหรับแจ็คสันการเอาของส่วนตัวของคนอื่นมาใช้มันแย่มากๆ

     

    “ยังไงไว้ผมจะซื้อ-”

     

    “คิดมากเกินไปแล้วมั้งเด็กโง่” มาร์คพูดอย่างใจดีราวกับว่าแจ็คสันเป็นเด็กตัวน้อยๆ เขายีผมแจ็คสันเล็กน้อยอย่างปลอบประโลม ดวงตาอันเศร้าสร้อยราวกับแบกโลกทั้งใบทำเอามาร์คไม่อยากเล่นอะไรต่อ ชายหนุ่มวางแปรงสีฟันลงที่เดิมข้างๆกับของเขาก่อนจะถอยจากอีกคนโดยไม่ลืมที่จะบอกว่าวันนี้คนตัวขาวจะต้องเจอกับอะไรบ้าง รวมทั้งเรื่องสรรพนามที่อีกฝ่ายมักจะเรียกเขาอย่างเป็นทางการจนมันน่ารำคาญใจ

     

    “แล้วก็เลิกเรียกฉันแบบนั้นสักที ทำอย่างกับว่าเราห่างเหินกันไปได้”

     

    ประตูห้องน้ำถูกปิดลงโดยคนที่เพิ่งออกไป เหลือไว้เพียงความอ่อนโยนอันเบาบางกับเสียงของหัวใจที่กลับมาเต้นระรัวมากกว่าเก่า

     

    จะให้เขาเรียกว่าพี่มาร์คงั้นเหรอ

     

    แจ็คสันหลับตาแน่น ...

     

    “บ้าชะมัดเลย”

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

    หลังจากจัดการกับมื้อเที่ยงเสร็จ มาร์คตั้งใจพาแจ็คสันไปที่สนามยิงปืนขององค์กรเพื่อให้คนตัวขาวได้คุ้นชินกับอาวุธและเสียงของมัน แต่ว่าสนามดันปิดปรับปรุงทำให้เขาเปลี่ยนใจไปที่ยิมสำหรับออกกำลังกายที่อยู่ข้างๆกันแทน ยิมที่ว่าเป็นตึกสูงสี่ชั้น โดยชั้นล่างเป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนทั่วไป มีเบาะนั่งและร้านสะดวกซื้อ ชั้นสองและชั้นสามจะเป็นชั้นสำหรับการออกกำลังกายและซาวน์น่า ส่วนชั้นบนสุดนั้นเป็นห้องโล่งเอนกประสงค์ ซึ่งมาร์คกำลังจะทำให้มันเป็นลานฝึกซ้อมการต่อสู้สำหรับแจ็คสัน

     

    “เคยต่อยกับใครบ้างไหม” มาร์คถามขึ้น

     

    แจ็คสันนั่งนึกอยู่สักพักก่อนจะตอบออกมา “ก็... มีบ้างครับ สมัยมัธยมน่ะ”

     

     มาร์คพยักหน้ารับรู้พลางคิดเรื่องการสอนคนตัวขาว ถ้าเคยมีชกต่อยกับคนอื่นมาบ้างก็ดีเขาจะได้ข้ามเรื่องพื้นฐานไปสอนพวกเทคนิคที่จำเป็นและสำคัญแทน เขายืนพิงเสาปูนขนาดใหญ่รอจนกระทั่งแจ็คสันพร้อมและเดินเข้ามาหา มาร์คกระตุกยิ้ม เลียเขี้ยวตัวเองอย่างใจเย็น และเมื่อเด็กน้อยเข้ามาใกล้ขึ้นเขาก็อาศัยจังหวะนี้พุ่งตัวเข้าประชิดก่อนจะคว้าข้อมืออีกคนไว้แล้วเหวี่ยงตัวแจ็คสันกระแทกเข้ากับเสาปูนอย่างไม่เบานัก

     

    “อึ่ก”

     

    “เหม่ออะไรอยู่แจ็คสัน”

     

    “ผ...ผมเปล่า”

     

    แรงกระแทกสร้างความเจ็บปวดให้แจ็คสันไม่น้อยเลย แต่ในเมื่อมาร์คตั้งใจจะสอนเขาแล้ว เขาจะอ่อนแอให้อีกฝ่ายรู้ไม่ได้เด็ดขาด แจ็คสันพยายามขยับแขนเพื่อให้หลุดจากการรัดกุมของมาร์ค แต่ว่าการทำแบบนั้นยิ่งทำให้มาร์คกดข้อมือไพล่หลังเขาแน่นขึ้นไปอีกจนรู้สึกเจ็บกว่าเก่า

     

    แจ็คสันเคยมีเรื่องมาบ้างก็จริง แต่มันไม่ใช่แบบนี้

     

    “คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะหลุดรึไง”

     

    ...มีแต่ทำให้เจ็บตัวกว่าเดิม

     

    มาร์คคิดในใจแต่ยังไม่หยุดกดทับคนตรงหน้าจนแทบจะกลืนหายไปกับพื้นปูนหยาบ นอกจากจะซื่อจนบื้อแล้ว มาร์คยังได้รับรู้อีกข้อหนึ่งของแจ็คสันนั่นก็คือ

     

    ดื้อพอสมควร

     

    “อั่ก”

     

    ใจสู้ดีด้วย

     

    เสียงเมื่อกี๊คือเสียงของเขาเอง มาร์คผละออกมาเมื่อโดนแจ็คสันกระทุ้งศอกเข้าใส่จนแทบจุก พอรู้ว่าเขาไม่ยั้งมือแจ็คสันเองก็คงไม่คิดจะออมแรงเช่นกัน ตอนนี้เขากำลังยืนมองลูกหมาที่กำลังขู่ด้วยการตั้งการ์ดและจ้องเขาเขม็งจนน่าเอ็นดูแปลกๆ

     

    “คุณเล่นทีเผลอ ขี้โกงเกินไปแล้วครับ”

     

    “ว่าไงนะ?” มาร์คขมวดคิ้วกับสรรพนามที่แจ็คสันเรียกทั้งๆที่เขาเพิ่งบอกให้เลิกเรียกไป และเหมือนว่าคนเด็กกว่าจะเพิ่งรู้ตัวเลยมีแววตารู้สึกผิด ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแต่ยังตั้งท่าพร้อมสู้อยู่แบบนั้น จนมาร์คนึกขำ เขารู้แล้วล่ะว่าแจ็คสันมีความตั้งใจกับการฝึกครั้งนี้มาก เขาเองก็จะตั้งใจสอนอยู่หรอก แต่การที่แจ็คสันเรียกเขาว่าคุณแบบนั้นนี่มันทำให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อยแฮะ

     

                บางทีมาร์คควรเริ่มสอนให้แจ็คสันจำสิ่งที่เขาบอกให้ได้เสียก่อนดีกว่า

     

                ฟึ่บ

     

                “..!!

     

    แจ็คสันตาโตทันทีที่จู่ๆก็โดนมาร์คกระชากเข้าไปก่อนที่อ้อมแขนแข็งแรงจะกอดเอวเขาเอาไว้แน่น สองแขนของเขาแนบสนิทอยู่กับแผ่นอกอีกฝ่าย แก้มของเขาร้อนผ่าวเมื่อเห็นว่าใบหน้าของมาร์คห่างเพียงหนึ่งคืบเท่านั้น ระยะห่างอันน้อยนิดระหว่างทั้งสองคนทำเอาแจ็คสันไม่กล้าขยับตัว แม้มาร์คจะตัวบางกว่าแต่เรื่องพละกำลังนี่แจ็คสันขอยอมแพ้

     

    “คุณ-“

     

    “ฉันบอกนายว่ายังไง”

     

    นายตำรวจยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนเห็นได้ชัดว่าแจ็คสันหน้าแดง แววตาของเด็กน้อยสั่นระริกและใช้ฟันกระต่ายซี่เล็กขบกับริมฝีปากสีช้ำของตัวเอง มาร์ครู้ว่าแจ็คสันจำได้แต่แค่ไม่ยอมพูดออกมาเท่านั้น ดื้อดึงแบบนี้มันเหมือนว่าเด็กนี่กำลังปฏิเสธเขา ซึ่งมาร์คไม่ชอบ

     

    “...”

     

    “เงียบทำไม หรือต้องให้ฉันเข้าไปฟังนายใกล้กว่านี้?” มาร์คไม่ใช่คนที่ชอบขู่ เขาพูดจริงทำจริงอยู่แล้ว จนกระทั่งปลายจมูกโด่งแตะเข้ากับปลายจมูกรั้นเชิดของคนในอ้อมแขน แจ็คสันจึงสะบัดหน้าหนีพร้อมกับเรียกมาร์คด้วยสรรพนามใหม่อย่างที่อีกคนต้องการ

     

    พี่มาร์ค

     

    มาร์คยิ้ม “ก็แค่นั้น”

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

                เวลาล่วงเลยไปจนถึงห้าโมงเย็น มาร์คดื่มน้ำพลางมองแจ็คสันที่ซ้อมเตะต่อยอยู่กับกระสอบทรายอยู่ที่มุมหนึ่ง หลายชั่วโมงที่เขาได้สอนแจ็คสันทำให้เขารู้ว่าเด็กคนนี้มีทักษะอยู่ไม่น้อยจนน่าแปลกใจ ยิ่งเวลาที่มีสติครบถ้วนแจ็คสันสามารถหลบหลีกการเข้าหาของเขาได้แทบทุกครั้งแถมตอบโต้ด้วยความเร็วทันที แต่เมื่อไหร่ที่เผลอก็อย่างที่เห็นในตอนแรก ทำเหมือนเรี่ยวแรงจะหายไปซะหมด แถมหน้ายังแดงเหมือนคนจะเป็นไข้

     

    วันนี้พอแค่นี้ก่อนจะดีกว่า

     

                มาร์คเดินเข้าไปหาแจ็คสันพร้อมกับยื่นน้ำให้แต่ทว่าการรับรู้ของเด็กหนุ่มมีเพียงกระสอบทรายตรงหน้าและแรงที่อัดใส่มันเท่านั้น ในหัวของเขาตอนนี้มีแต่คำว่าต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้ ออกแรงให้มากกว่านี้ แจ็คสันจะอ่อนแออีกไม่ได้แล้ว

     

                โดยเฉพาะกับมาร์ค แจ็คสันจะให้อีกคนผิดหวังในตัวเขาไม่ได้เด็ดขาด

     

    หมับ

     

                “อ๊ะ พี่มาร์ค” แจ็คสันสะดุ้งด้วยความตกใจ แขนของเขาถูกจับให้หยุดโดยคนที่เขาเพิ่งเรียกชื่อ มาร์คดึงมือแจ็คสันไปดูก่อนจะบอกให้เจ้าตัวได้ดูบ้าง ดวงตากลมโตมองตามข้อนิ้วของตัวเองที่ปรากฏรอยช้ำจนเกือบจะห้อเลือดอย่างน่ากลัว และทันทีที่ร่างกายได้หยุดพัก ความร้าวระบมก็โจมตีทั้งร่างกายจนแจ็คสันแทบจะยืนไม่อยู่

     

    “อยากจะตายก่อนรึไง” มาร์คขมวดคิ้วทำหน้าดุใส่แจ็คสันก่อนจะพาร่างที่อ่อนปวกเปียกจวนจะล้มเข้าไปในลิฟต์ เขาเหลือบมองอีกคนเป็นระยะอย่างเป็นห่วง ใบหน้าของแจ็คสันเริ่มซีดเซียวและมีอาการหายใจหอบแรงขึ้น

     

                ตอนนี้แจ็คสันเหมือนคนที่กำลังจะจมน้ำ หูเขามันอื้อจนแทบไม่ได้ยินเสียง พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แต่เหมือนว่าทำเท่าไหร่อากาศมันก็ไม่เต็มปอดเสียที เส้นเลือดในสมองกำลังเต้นตุบจนเขารู้สึกทรมานและถ้าหากไม่มีผนังลิฟต์แจ็คสันคิดว่าตัวเองคงจะล้มตึงลงไปแล้วแน่ๆ

     

                ตึ๊ง

     

                เสียงลิฟต์ดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดออก แจ็คสันรับรู้ได้ถึงความร้อนจากมือของมาร์คก่อนที่ภาพทุกอย่างจะพร่ามัวและตัดเป็นความมืด

     

                ตุ้บ!

     

                “แจ็คสัน!

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

                “แจ็คสันไข้ขึ้นสูงมาก ฉันว่าคงต้องให้พักร่างกายไปสักระยะก่อนจะดีกว่า”

     

                นายแพทย์ปาร์คเอ่ยขึ้นหลังจากตรวจร่างกายของแจ็คสันเสร็จ รอยฟกช้ำที่เห็นก็รู้ทันทีว่ามาร์คพาแจ็คสันไปทำอะไรมา สีหน้าของเด็กหนุ่มมีความทรมานจากอาการปวดตามร่างกายจนเขาตัดสินใจฉีดยาบรรเทาอาการให้ อย่างน้อยในเวลาแบบนี้เขาก็อยากให้แจ็คสันได้พักผ่อนอย่างสบายและเต็มอิ่มมากที่สุด จินยองเก็บอุปกรณ์ที่เตรียมมาใส่กระเป๋าพยาบาลก่อนจะบอกให้มาร์คที่ทำหน้าเครียดออกไปคุยกับเขาที่ด้านนอก เพราะถ้าขืนยังอยู่ข้างใน จินยองคงเผลอเสียงดังจนแจ็คสันตื่นขึ้นมาแน่ๆ

     

                จินยองปิดประตูก่อนจะยืนมองเพื่อนสนิทตัวเองด้วยสายตาตำหนิ

     

    “ฉันบอกนายแล้วใช่ไหมว่าอย่ากดดันแจ็คสันจนเกินไป เขาเพิ่งจะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บแค่ไม่กี่วันเองนะมาร์ค”

     

    “อืม ฉันรู้ ฉันผิดเอง”

     

    มาร์คยอมรับอย่างไม่มีข้อโต้แย้งอะไรทั้งนั้น เขาเห็นท่าทางที่ดูปกติดีของแจ็คสันก็เลยคิดเอาเองว่าร่างกายของอีกฝ่ายน่าจะหายดีแล้ว อีกอย่างตอนอยู่ที่ยิมเองแจ็คสันก็ตอบสนองเขาอย่างเต็มที่ไม่มีกั๊กแรงแม้แต่น้อย มาร์คเลยไม่เอะใจสักนิดไงว่าแจ็คสันกำลังฝืนตัวเองอยู่

     

    “เฮ้อออออ ฉันจะช่วยนายยังไงดีวะ” คุณหมอหนุ่มถอนหายใจก่อนจะเสยผมขึ้น พอมาร์คยอมรับมาง่ายๆแบบนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องต่อว่าอีกฝ่ายอีก เขารู้อยู่ว่าเพื่อนเขาต้องแบกอะไรไว้บ้าง และการทำให้แจ็คสันพร้อมรับมือกับภารกิจขององค์กรภายในเวลาอันสั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งร่างกายของแจ็คสันไม่ค่อยแข็งแรงแบบนี้ด้วย

     

     จินยองเอื้อมมือไปบีบไหล่มาร์คอย่างให้กำลังใจ “นายก็ใจเย็นหน่อยแล้วกัน”

     

    “แค่นี้ฉันก็เย็นจนจะเป็นน้ำอยู่แล้ว นายน่าจะรู้ดีที่สุดนะว่าปกติแล้วฉันเป็นคนใจร้อนขนาดไหน” มาร์คหัวเราะหึก่อนจะเดินไปที่ห้องครัวแล้วเปิดตู้เย็นหยิบกระป๋องเบียร์ออกมาโดยไม่ลืมที่จะเอามาเผื่อเพื่อนสนิทของตัวเอง มาร์คโยนมันไปให้จินยองที่รับได้อย่างแม่นยำ

     

    “ดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อย”

     

    “อย่างนี้ทุกทีสิน่า”

     

     

    ...

     

     

    จินยองกลับไปแล้ว เหลือเพียงแต่มาร์คที่นั่งอยู่คนเดียวบนโซฟาบริเวณห้องรับแขก ทั้งช่วงค่ำมานี้เขาครุ่นคิดถึงแต่เรื่องของแจ็คสัน เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้แจ็คสันเป็นแบบนี้หรอก แต่การที่อยู่ตัวคนเดียวมานานมันทำให้มาร์คสอบตกเรื่องการดูแลคนอื่น อันที่จริงแม้กระทั่งตัวเอง บางครั้งมาร์คยังลืมนึกถึงเลยด้วยซ้ำไป หากเพียงแต่เขาสังเกตอีกสักนิดก็คงจะรู้ว่ามันถึงขีดจำกัดของร่างกายแจ็คสันแล้ว และเด็กนั่นคงไม่ต้องนอนซมขนาดนี้

     

    เกลียดความรู้สึกหน่วงๆแบบนี้ชะมัด

     

    มาร์คถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปทางห้องนอนเพราะได้ยินเสียงประตู แจ็คสันในชุดนอนตัวโคร่งของจินยองค่อยๆเดินไปทางห้องครัวโดยไม่รู้ว่าเขากำลังมองตามอยู่ อาจจะเป็นเพราะไม่ได้เปิดไฟตรงนี้ด้วยมั้ง แจ็คสันถึงไม่ทันสังเกต

     

    ไม่ระวังตัวเอาซะเลย

     

    มาร์คตัดสินใจลุกขึ้นและเดินไปหาคนที่กำลังเทน้ำดื่มอย่างเงียบเชียบ

     

    “เป็นยังไงบ้าง”

     

    “แค่ก! พ..พี่มาร์ค” แจ็คสันสำลักน้ำทันทีที่เห็นมาร์คยืนอยู่ข้างๆ ในทีแรกเขาคิดว่าไม่มีใครอยู่แล้วซะอีก ไฟทั้งห้องก็ปิดไว้เหลือแต่ส่วนห้องครัวเอาไว้ พอได้ยินเสียงทุ้มๆนั่นแจ็คสันก็เลยตกใจนิดหน่อย

     

    “ที่ฉันถามน่ะ ไม่ได้ยินรึไง?”

     

    “เอ่อ ก็ดีขึ้นมากแล้วครับ” แจ็คสันกำลังโกหกคำโต ความจริงแล้วเขาปวดระบมไปทั้งตัว ที่ฝืนลุกตัวเองออกมาจากเตียงอุ่นๆได้เขาก็ชื่นชมตัวเองในใจมากแล้ว เด็กหนุ่มรู้สึกประหม่าไม่น้อยเมื่อเห็นสายตาจับผิดจากคนโตกว่า และเพื่อเลี่ยงสถานการณ์ที่จะโดนจับโกหกได้ แจ็คสันเลยตัดสินใจขอตัวกลับไปนอนต่อ

     

    แต่ทว่ามาร์คกลับคว้าต้นแขนเขาเอาไว้และบีบมันเต็มแรงจนเขาร้องลั่น

     

    “หึ เดี๋ยวนี้หัดโกหกแล้วเหรอ” มาร์คกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นสีหน้าเหยเกเพราะความเจ็บของแจ็คสัน เด็กนี่คงจะไม่รู้ว่าเขาไม่ชอบเด็กโกหก

     

    แค่พูดความจริงออกมามันยากนักรึไง

     

    “อึ่ก ปล่อยผมนะครับ” แจ็คสันกัดริมฝีปากตัวเองแน่นข่มเสียงร้องเพราะแรงบีบจากอีกฝ่าย โชคดีที่มาร์คยังใจดียอมปล่อยแขนเขาตามที่ร้องขอ แจ็คสันลูบต้นแขนตัวเองป้อยๆ ภาวนาให้ไม่มีรอยช้ำอะไรเพิ่มเติมอีก

     

    เด็กหนุ่มกำลังจะเบี่ยงตัวเองหลบอีกคนเพื่อกลับไปที่ห้องนอน แต่ทว่าสัมผัสแผ่วเบาที่รอยช้ำตามข้อนิ้วของแจ็คสันกับสายตาจริงจังที่มาร์คมองมาทำให้เขาต้องหยุดนิ่ง

     

    “ฉันไม่ชอบคนโกหก”

     

    “...”

     

    “ทีหลังเจ็บก็บอกเจ็บ”

     

    “...”

     

    “ไม่ไหวก็บอกว่าไม่ไหว”

     

    “...”

     

    “นายคงรู้ใช่ไหมว่ามันมีความหมายว่ายังไง”

     

    “ผม-“

     

    “อย่าทำให้ฉันเป็นห่วงนายไปมากกว่านี้เลยแจ็คสัน”

     

     

     

    .

    .

    .

    To be continue

     

     

     

                 

    ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ วันที่กลับมาอัพฟิคเรื่องนี้อีก บอกตรงๆเลยค่ะว่ากลับมาเพราะคอมเม้นจริงๆ

    ที่หายไปนานเพราะไม่มีเวลาว่างและอีกอย่างคือพล็อตหายค่ะ!!! นั่นหมายฟามว่า

    เราต้องมาวางใหม่ทั้งหมด ทำให้กว่าจะกลั่นออกมาถึงตอนจบนี่ใช้เวลานานมากๆ

    และตอนนี้ของเราก็แต่งอยู่สามวัน ฮือออออออออออ ชอบนักแลทำให้นุ้งดูน่าฉงฉาน อิอิ

    ขอบคุณทุกคอมเม้นและทุกคนที่เคยเข้ามาอ่าน หลงมาอ่าน หรืออะไรก็ตาม

    เราดีใจมากๆที่ฟิดของเราทำให้คนอ่านชอบและสนุก มีความซึ้ง ฮึก /กอดแจ็คสันแน่น

    เราสัญญาว่าจะทำให้ฟิคเรื่องนี้ดำเนินไปจนถึงตอนจบให้ได้ มาลุ้นไปด้วยกันนะคะว่าจะออกมายังไง

    และเหมือนเดิมใครขี้เกียจเม้น เรามีoptionติดแท็กตามทวิตเตอร์ให้เลือกใช้ #fictheenemy

    ปล.เรารักคนอ่านและคนติดตามทุกคน ขอบคุณจริงๆ /ปาดน้ำตา




     

     

     

     
               CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×