ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [got7] the enemy (markson)

    ลำดับตอนที่ #1 : - 1 -

    • อัปเดตล่าสุด 22 มิ.ย. 58


     

    THE ENEMY

    1

     

     

                ปัง! ปัง! ปัง!

     

                เสียงกระสุนดังก้องทั่วท่าเรือร้างแห่งหนึ่งในปูซาน แสงไฟจากปลายกระบอกปืนสว่างวาบขึ้นเป็นระยะเมื่อผู้ถือทำการเหนี่ยวไก เสียงร้องโอดโอยกับเสียงกระสุนเจาะเข้าเนื้อหนังที่ดังปะปนกันไปนั้นฟังแล้วน่าสะอิดสะเอียนไม่น้อยแต่ทว่าไม่ใช่สำหรับเขา

                ชายหนุ่มยืนแนบแผ่นหลังเข้ากับตู้คอนเทนเนอร์อันใหญ่ซึ่งตอนนี้ทำหน้าที่เป็นเสมือนเกราะกำบัง ขยับบลูทูธอันจิ๋วที่หูให้เข้าที่เข้าทางเพื่อรอฟังสถานการณ์จากคนอื่นๆซึ่งกระจายล้อมรอบท่าเรือแห่งนี้

               

    “ฝั่งนายเป็นยังไงบ้าง มาร์ค? ได้ยินฉันไหม?”

               

    “จัดการพวกลูกกระจ๊อกได้แล้ว ตอนนี้ยังไม่มีอะไร...” ตอบกลับไปเสียงเบา สายตาคมสอดส่องไปรอบๆ ท้องฟ้าที่มืดสนิทมีเพียงแสงสลัวของดวงจันทร์ทำเอาเขาต้องระวังตัวเองขึ้นอีกเท่าตัว การประมาทเพียงแค่นิดเดียวอาจจะหมายความว่าอาชีพตำรวจของเขาคงต้องหยุดเพียงแค่นี้ เหลือบมองนาฬิกาอีกครั้งก่อนจะกำชับปืนในมือแน่นเมื่อเสียงรถยนต์เริ่มใกล้เข้ามาทุกที สูดลมหายใจเข้าลึก อดประหม่าไม่ได้ถึงแม้จะออกภาคสนามมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็ตาม

     

    อีกห้านาที...

     

    ร่างสูงโปร่งย้ายไปยังตู้เหล็กอีกตู้ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่นัก เขาค่อยๆเขยิบตัวไปทีล่ะนิดจนกระทั่งหยุดอยู่ที่สุดปลายตู้ จิตใจจดจ่อแต่เป้าหมายในรถคันหรูจนลืมระวังตัวเอง โดนแสงสว่างจากไฟหน้ารถยนต์ส่องเยื้องมาจนปรากฏเป็นเงาอย่างชัดเจนทำเอาเขาต้องรีบถอยกลับไปให้พ้นจากรัศมีความอันตราย

     

    แต่เหมือนว่ามันจะช้าไป

     

    “เฮ้ย เมื่อกี๊เห็นเงาใครอยู่ตรงนั้นวะ แกไปดูดิ๊” หนึ่งในลูกน้องคนหนึ่งสั่งก่อนที่เงาคนพร้อมปืนในมือจะเริ่มตรงมาทางนี้และใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มาร์คใจเต้นระรัว มือที่กระชับด้ามโลหะสีดำสนิทชื้นเหงื่อไม่ต่างจากตามไรผมสีสว่าง ขายาวพยายามก้าวถอยหลังออกมาให้เงียบที่สุดและ...

     

                ปัง!

     

                .

               

                .

     

    เสียงลั่นไกดังขึ้นพร้อมกับเขาที่พลิกตัวหลบไปที่ด้านหลังตู้เหล็กเย็นๆได้อย่างทันท่วงที

     

    “แม่งไม่เห็นจะมีใครเลยนี่หว่า ถุย เสียเวลาทำมาหากินจริง” มาร์ครอสักพักก่อนจะโผล่หน้าออกไปมองให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้แล้ว คลายมือที่จับด้านปืนออกมากดนวดขมับที่ตึงจนปวดไปหมดพลางหลับตาตั้งสมาธิที่หลุดลอยไปจนเกือบจะเอาตัวไม่รอด เขาได้ยินเสียงคนพูดคุยกันเป็นระยะเรื่องราคาและสินค้าล็อตใหญ่ ถึงจะจับใจความไม่ได้แต่ก็พอรู้ว่าธุรกิจสกปรกทั้งนั้น ชายหนุ่มแค่นหัวเราะหึ ตอนนั้นที่เห็นรถของมันใจของเขาแทบอยากจะฝ่ากระสุนออกไปยิงหัวให้ตายด้วยมือของตัวเอง แต่เพราะคำสั่งจากเบื้องบนที่ต้องการจับเป็นเท่านั้นทำให้เขาต้องใจเย็นอยู่แบบนี้ ทั้งที่สำหรับเขาแล้วการรักษาชีวิตของตัวเองมันไม่จำเป็นเท่าไหร่ด้วยซ้ำ มาร์คไม่ได้มีครอบครัวหรืออะไรอีกแล้ว

    ไม่สิ ความจริงเขาเคยมี พี่สาวของเขาคือคนในครอบครัวคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ แต่เมื่อห้าปีก่อนพวกมันเป็นคนพรากเอาสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตเขาไป มันจับพี่ส่งไปพร้อมสินค้าของพวกมัน มาร์คยังจำได้ดีว่ารสชาติของความรู้สึกใจสลายเป็นยังไง... และสัญญากับตัวเองว่าไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้เขาจัดการพวกมันได้ เขาจะยอมทำทุกอย่าง นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาถึงได้ยืนอยู่ตรงนี้

     

    “มาร์ค! เฮ้! พระเจ้า นายโอเครึเปล่า ฉันได้ยินเสียงปืนมาจากฝั่งนาย”

     

    น้ำเสียงร้อนรนจากเพื่อนร่วมทีมดังขึ้นทันทีที่เขากดเปิดสวิตซ์บลูทูธอีกครั้ง มาร์คลืมตาขึ้นมาด้วยสภาพจิตใจที่สงบกว่าเดิมก่อนจะตอบกลับไป “ยังไม่ตาย..”

     

    “แต่กำลังจะตาย เล่นซ่อนหาเก่งนักนะไอ้ตำรวจเวร” น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมมาพร้อมกับปลายกระบอกปืนสั้นแบบเก็บเสียงจ่อชิดกับขมับ แน่นอนว่าคนอื่นๆในทีมย่อมได้ยินประโยคเมื่อกี๊ด้วยถึงได้โวยวายกันจนมาร์คนึกรำคาญ ชายหนุ่มปล่อยปืนในมือลงพื้น เตะให้ไกลออกไปตามสัญชาตญาณ ดึงเครื่องมือสื่อสารอันเล็กออกจากหู หันมาเผชิญหน้ากับชายร่างใหญ่ตรงๆและยกมือทำท่ายอมแพ้ แต่ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มกวนประสาทจนคนมองคิ้วกระตุก

     

    “แกนี่มั...”

     

    ผลั่ก!

     

    มาร์คใช้จังหวะนี้ยกเท้าถีบไปที่หน้าอกของศัตรูเต็มแรงจนร่างนั้นเสียหลักไม่เป็นท่าก่อนจะเตะเข้าที่มือจนอาวุธสีดำขลับกระเด็นร่วง อาศัยความว่องไวของตัวเองพุ่งไปคว้ามันเอาไว้ได้ก่อนที่อีกฝ่ายจะตั้งตัวได้ทัน

     

    ปัง! ปัง!

     

    “อ..อ๊ากกก!! ก..แก..”

     

    เขาเหนี่ยวไกทันทีอย่างไม่ลังเล กระสุนเจาะเข้าที่น่องขาทั้งสองข้างอย่างแม่นยำจนร่างแข็งแรงร่วงลงไปกองที่พื้น สีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความทรมาน มาร์คเดินเข้าไปใกล้ ปืนสั้นสีดำสนิทเล็งตำแหน่งหัวของคนที่กลายเป็นรองภายในเวลาไม่ถึงนาที

     

    “คนที่จะตาย มันคือแก ไม่ใช่ฉัน”

     

    ปัง!

     

    มาร์คเก็บปืนก่อนจะหยิบกระสุนพร้อมทั้งอาวุธพกพาที่ค้นได้จากร่างที่ไร้ลมหายใจมาเก็บไว้ โชคดีจริงๆที่ปืนนี่มันเก็บเสียง ไม่งั้นคนที่จะเป็นศพแทนมันคงไม่พ้นเขาแน่ๆ มือเอื้อมไปหยิบบลูทูธมาใส่หูกำลังจะบอกให้คนอื่นรู้ว่าเขายังไม่ตาย แต่เสียงปืนที่ดังระรัวขึ้นทำให้มาร์คต้องรีบวิ่งไปตามเสียงทันที

     

    ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!

     

    ตอนนี้ตรงที่เจรจาเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงจากคนของเขากับพวกมัน ทั้งเสียงปืน เสียงสิ่งของแตกกระจายดังติดต่อกันแทบไม่หยุด บริเวณที่ชายหนุ่มอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดปะทะเท่าไหร่นัก แต่ค่อนข้างปลอดภัยกว่า มาร์คหอบหายใจแนบหลังพิงตู้เหล็กหยิบปืนมาถือไว้ในท่าที่ถนัดก่อนจะโผล่ออกไปยิงฝ่ายตรงข้ามสองสามนัดพร้อมกับสอดส่องหาบอสใหญ่ของวันนี้

     

    shit!” มาร์คสบถ เขาโดนกระสุนนัดหนึ่งพุ่งถากต้นแขนขวาจนเป็นแผลใหญ่ลึก กัดฟันฝืนความเจ็บร้าวไปทั้งแขนและยิงสวนกลับไป ท่ามกลางความวุ่นวายและมืดสลัวแบบนี้เขาหาหัวหน้าพวกมันไม่เจอเลยให้ตายสิ

     

    เครื่องมือสื่อสารอันเล็กถูกโยนทิ้งเมื่อมันไม่สามารถใช้งานได้ มาร์คมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้น กระสุนที่มีก็ใกล้หมดเต็มทีแต่เขากลับติดต่อใครไม่ได้สักคนเดียว

     

    “เฮ้ย!

     

    ปัง!

     

    และนั่นคือกระสุนนัดสุดท้ายของเขา

     

                เสียงปืนดังลั่นก่อนจะตามมาเสียงฝีเท้าที่วิ่งเข้ามาทำเอามาร์คต้องรีบวิ่งหนีออกจากจุดเดิม พอมาได้ไกลพอสมควรก็ตัดสินใจเลี้ยวเข้าไปหลบในซากตู้ขึ้นสังกะสีเก่าๆ นึกขอบคุณท่าเรือร้างแห่งนี้ที่มีตู้บรรจุของมากมายให้เกมซ่อนหานี้ต้องใช้เวลามากขึ้น และเมื่อร่างกายได้หยุดพักอาการปวดหนึบที่แขนก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง

     

                มาร์คจับแผลสดที่ยังคงเปียกชุ่มไปด้วยเลือดเพราะขยับตัวแทบตลอดเวลา ก่อนที่ใจจะหายวาบเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตลอดทางเขาคงได้ทิ้งร่องรอยให้มันได้ดมกลิ่นตามมากันแน่ๆ และเสียงขยับปืนกับเงาคนเดินที่ใกล้เข้ามานั้นเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่มาร์คคิดนั้นถูกต้อง

     

                เขากลั้นหายใจนิ่ง รอจนกระทั่งชายคนนั้นเข้ามาได้จังหวะ

     

    ฟึ่บ

     

    กร่อบ

     

     มาร์คกระชากร่างที่เดินเข้ามาใช้วงแขนล็อคตรงคอแน่นก่อนจะออกแรงหักทีเดียวจนได้ยินเสียงกระดูกดังลั่น เขาปล่อยร่างที่นิ่งสนิททิ้งลงพื้น หยิบหมวกแก็ปมาสวมทับกลุ่มผมสีสว่าง ถอดเสื้อตัวนอกชุ่มเลือดคาวออกสวมทับด้วยเสื้อคลุมตัวหนาแทน รวมทั้งเอาปืนมาเหน็บข้างเอว เดินออกมาเจอกับพวกมันอีกสามสี่คนที่เพิ่งตามมาได้พอดี

     

    “เจออะไรไหมวะ” หนึ่งในนั้นถาม มาร์คเพียงแค่ส่ายหน้า เขาไม่ได้โดนซักไซ้อะไรต่อและเดินตามพวกนั้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเดินช้าลงจนรั้งท้ายก่อนจะแยกออกมาและวิ่งไปจุดนั้นทันที

     

    .

    .

    .

     

    “หยุด นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยอมมอบตัวซะ” มาร์คตะโกนเสียงก้อง ยกปืนขึ้นเล็งไปยังชายวันกลางคนที่ยืนหันหลังด้วยท่าทางสบายๆอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไรตรงกลางโกดัง เขาไม่มีวันลืมผู้ชายคนนี้ มันคือบอสใหญ่ที่องค์กรของเขาต้องการ คนที่เป็นสาเหตุของเรื่องเลวร้ายในชีวิตเขาและวันนี้มาร์คต้องจับตัวมันไปให้ได้

     

    นายโจวกวางอุง

     

    “อย่าคิดจะเล่นอะไรตุกติก ผมไวกว่าคุณ คุณก็รู้” มาร์คเตรียมเหนี่ยวไกเมื่อเห็นว่าในมือของอีกฝ่ายก็มีปืนไม่ต่างจากเขา กวางอุงหัวเราะลั่นชอบใจและหันกลับมายกยิ้มกว้าง ทั้งใบหน้าและแววตาดูไม่ปกติจนชายหนุ่มเริ่มรู้สึกถึงลางไม่ดี

     

    กวางอุงหยิบปืนขึ้นมาจ่อหัวตัวเอง

     

    ..!!!

     

    “คิดจะฆ่าฉันเหรอมาร์ค?”

     

    ชายหนุ่มกำลังมือสั่นด้วยความรู้สึกโกรธจากน้ำเสียงที่แสนจะกวนประสาท ยิ่งได้เห็นท่าทางที่ไม่ได้เกรงกลัวต่ออะไรยิ่งทำให้เขาอยากจะยิงมันให้ตายๆไปสักที “ทิ้งปืนลงเดี๋ยวนี้...”

     

    “นี่จะให้ฉันพูดอีกกี่ครั้ง ว่าตำรวจกระจอกอย่างพวกแก...”

     

    ปลายนิ้วเหี่ยวย่นสอดเข้าไปเตรียมพร้อมจะลั่นไก

     

    “ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”

     

    ปัง!!

     

    เสียงปืนดังสนั่นพร้อมกันก่อนที่ร่างท้วมจะลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น เลือดสีสดไหลออกจากรูบนหัวและมือที่เขาจงใจจะยิงเพื่อไม่ให้กวางอุงปลิดชีพตัวเองสำเร็จ

     

    แต่มาร์คช้าเกินไป

     

    “โธ่เว้ย!!!” มาร์คถอดหมวกปาลงพื้น เสยผมชื้นเหงื่อขึ้น ยกมือที่ยังสั่นไม่หยุดขึ้นมาจ้องด้วยความรู้สึกทั้งโมโหทั้งโกรธตัวเอง ริมฝีปากขบเข้าหากันแน่นจนแทบปริแตก ถ้าตอนนั้นเขาไม่สั่นแบบนี้ บางที.. บางทีเขาคงจับไอ้คนสารเลวไปได้แล้ว

     

    ติ๊ด ติ๊ด ..

     

    มาร์คหันไปตามต้นเสียงของอะไรบางอย่างดังขึ้นมาจากตัวของนายกวางอุง ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ ย่อตัวลงแกะกระดุมเสื้อที่ตึงเป็นรูปอย่างผิดปกติออกก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นแท่งระเบิดเวลาจำนวนหนึ่งผูกติดกับตัวเอาไว้

     

    แปลก...

     

    คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น หยิบมีดพกอันเล็กมาคาบไว้ พยายามหาเส้นตัดการทำงานที่พันกันอย่างยุ่งเหยิง แต่ต้องหยุดความพยายามเมื่อเห็นเวลาถอยหลังลงเรื่อยๆจนเหลือเพียงแค่สามนาทีเท่านั้น มาร์คยังไม่อยากไปตอนนี้ ความรู้สึกเขาบอกว่ามันต้องมีอะไร มาร์คค้นไปทั่วทั้งตัวศพตรงหน้าก่อนที่มือจะไปสะดุดกับรอยแปลกบริเวณลำคอ ไม่ลังเลที่จะกระชากมันออกทันที

     

    ใบหน้าของชายแปลกหน้าคือสิ่งที่ปรากฏออกมาให้เห็น ไม่ต้องเสียเวลาคิดให้นานก็รู้ว่าโดนหลอกเข้าให้แล้ว เสียงเวลาถอยหลังยังดังไม่หยุด ตัวเลขลดลงเหลือเพียงแค่สามสิบวิเท่านั้น มาร์ครีบหยิบซากผิวหนังปลอมแล้วรีบวิ่งออกจากโกดังนั้นอย่างรวดเร็ว

     

    ตู้ม!!!

     

    เพล้ง!!!

               

                เสียงระเบิดดังก้องทั่วท่าเรือรกร้าง หน้าต่างกระจกแตกกระจาย แสงไฟสว่างวาบลุกโชนเผาโกดังและสิ่งรอบข้างตามความรุนแรงของสิ่งที่ผสมอยู่ในนั้น มาร์คที่วิ่งมาได้ไกลก็ยังโดนแรงอัดกระแทกเข้าใส่จนเสียหลักล้มลงไถไปตามพื้นปูนหยาบ ชายหนุ่มยันตัวขึ้นลุก เบ้หน้าด้วยความเจ็บ ตามตัวมีรอยถลอกและฟกช้ำอยู่ไม่น้อย แขนขวาเขาไร้ความรู้สึกไปแล้วจากแผลที่เริ่มอักเสบหนัก

                มาร์คเดินไปนั่งพักที่ลังไม้เก่า ถอดเสื้อตัวหนาออกเหลือเพียงแค่เสื้อยืดตัวใน จัดการฉีกแขนเสื้อที่ขาดรุ่ยออกมาและคาบมันเอาไว้ก่อนจะทำการมัดไปที่บาดแผล รู้สึกตึงที่หน้าท้องแปลกๆจึงเปิดเสื้อขึ้นดูก็พบเครื่องติดตามจิ๋วที่กำลังทำงาน ไฟสีแดงส่องกระพริบรัว

     

                มาติดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

     

                “ฮึก... ช่วย... พี่.. แค่ก!”  

               

                ..!!

     

                ความคิดทุกอย่างหยุดลง ชายหนุ่มสะดุดกึกหันขวับไปตรงบริเวณซากตู้คอนเทนเนอร์ด้านหลัง เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปตามเสียงที่ว่า มือจับด้ามมีดพกที่กระเป๋ากางเกงด้านหลังเอาไว้มั่น มาร์คขมวดคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นที่มาของเสียงนอนแผ่บนพื้นสกปรกไปด้วยของเหลวสีแดงเข้ม

     

                 นี่มันเด็กที่ไหนกัน..

     

    “ช่วย.. อึก! แค่กๆ!

     

                เขาวิ่งตรงไปที่ร่างของชายวัยรุ่นที่หายใจระรวยรินอย่างไม่รอช้า ทรุดลงนั่งใช้มือกดบาดแผลถูกยิงที่ข้างเอวเอาไว้เพื่อห้ามเลือด เด็กนั่นสะดุ้งร้องแผ่วด้วยความเจ็บ ลืมตาปรือปรอยขึ้นมองมาที่เขา

     

                “ฮ.. ช่วยพี่ผม.. ต้องช่วย.. !!

     

    “อดทนไว้ ฉันจะช่วยนายเอง อย่าเพิ่งหลับ เข้าใจรึเปล่า” ร่างตรงหน้าเขากระตุกและไอออกมาเป็นลิ่มเลือด เด็กนั่นหลับตาไปอีกครั้งเหมือนจะฝืนไม่ไหวแล้ว ลมหายใจเริ่มแผ่วจนเขาแทบจะไม่รู้สึก เมื่อมาร์คจับชีพจรก็พบว่ามันเริ่มช้าลงเต็มที

     

    และมาร์คกำลังรู้สึกร้อนใจ

     

    เมื่อไหร่พวกเขาจะมากันสักที!

     

    “ฉันบอกว่าอย่าเพิ่งหลับไง! อดทนไว้สิ!” มาร์คพูดเสียงดังจนเด็กน้อยยอมลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ริมฝีปากแตกช้ำพึมพำประโยคที่จับใจความไม่ได้ นอกจากแผลที่โดนยิงแล้วก็ยังมีแผลฟกช้ำตามใบหน้า รอยแตกที่ศีรษะ ดูเหมือนจะโดนซ้อมมาหนักพอสมควร แต่ทำไม.. ตอนนี้มีแต่คำว่าทำไมเต็มหัวไปหมด

     

    ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้...

     

    เอี๊ยด

     

    ฟึ่บ

     

    “มาร์ค!

     

    มาร์คหรี่ตาลงกับแสงไฟสูงจากรถแลนด์โรเวอร์ขององค์กร และเมื่อกี๊คือเสียงเรียกของจินยองเพื่อนฝ่ายพยาบาลคนสนิทของมาร์ค จินยองรีบวิ่งเข้าไปหามาร์ค ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจกับคราบเลือดทั่วตัวเพื่อนของตัวเองและคนแปลกหน้าอีกคน จินยองกำลังจะอ้าปากถามแต่ก็โดนมาร์คแทรกขึ้นมาเสียก่อน

     

    “อย่าเพิ่งถาม เอาคนมาช่วยเขาที”

     

    จินยองพยักหน้าก่อนจะหันไปสั่งหน่วยพยาบาลที่เหลือ ร่างหมดสติของเด็กนั่นถูกยกขึ้นเตียง หน้ากากออกซิเจนถูกครอบปากและจมูกเพื่อทำการช่วยเหลือเบื้องต้นทันที

     

    มาร์คที่ลุกขึ้นยืนได้แล้วเปิดชายเสื้อขึ้นเล็กน้อยให้เห็นเครื่องติดตามที่ยังทำงานอยู่แล้วเอ่ยถามเพื่อนสนิทเสียงเรียบ “นายเป็นคนติดไอ้นี่ให้ฉันใช่ไหม”

     

    จินยองมองตามก่อนจะหัวเราะแหะ

     

    รู้ว่าเพื่อนสนิทไม่ชอบให้ใครมาแตะตัวเท่าไหร่ และก็รู้ด้วยว่ามาร์คชอบทำเป็นเก่ง(ถึงจะเก่งจริงๆก็ตาม) ชอบทำออกนอกแผน(ที่มักจะสำเร็จทุกครั้ง) แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ คืนก่อนที่จะมาที่นี่เขาแอบใส่ยานอนหลับให้มาร์คกินก่อนจะย่องเข้าไปในห้องแล้วติดเครื่องติดตามจิ๋วอันนี้ไว้

     

    “ก็ใช่ไง ต..แต่นายอย่ามาโกรธฉันน่ะเว้ย! ถ้าไม่มีไอ้เครื่องนี่ป่านนี้นายกับเด็กนั่นได้นอนตายที่นี่ไปแล้ว” จินยองรีบชิงโวยวายก่อน มาร์คส่ายหน้า สายตาดันเหลือบไปเห็นหมวกสแนปแบ็คสีดำที่หล่นอยู่ เขาเดินไปหยิบมันขึ้นมาสะบัดเล็กน้อย ก่อนจะพิจารณาตัวอักษรภาษาอังกฤษที่อยู่บนนั้น

     

    “นั่นอะไรเหรอ” จินยองเดินตามมาดู มันก็แค่หมวกวัยรุ่นธรรมดานี่นา

     

    “บางทีอาจจะเป็นของเด็กนั่น อ..โอ๊ย” มาร์คปล่อยหมวกในมือมาจับต้นแขนขวาที่ร้าวระบมหนัก จินยองเห็นอย่างนั้นก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ถึงจะเห็นคนเจ็บมามากมายแต่พอเป็นเพื่อนสนิทตัวเองแล้วก็เป็นแบบนี้ทุกที

     

    “ไป ไปขึ้นรถเดี๋ยวนี้เลยมาร์ค!!” ออกแรงประคองคนเจ็บที่สีหน้าเริ่มไม่สู้ดี แต่มาร์คก็คือมาร์ค ชายหนุ่มขืนตัวเองออกจนคุณหมอใจเย็นอย่างจินยองเริ่มจะโมโห

     

    “ไอ้มาร์ค!!

     

    “อะไร ฉันแค่จะไปเอาหมวกนั่น ทำเป็นโกรธไปได้จินยอง” มาร์คหัวเราะในลำคอ อดขำท่าทางฮึดฮัดของจินยองไม่ได้ เมื่อหยิบหมวกขึ้นมาได้แล้วก็เดินนำลิ่วไปขึ้นรถที่เปิดประตูค้างเอาไว้ ทิ้งให้คุณหมอยืนอ้าปากค้างกับนิสัยกวนประสาทของเพื่อนตัวเอง

     

    “ฉันจะแกล้งตัดแขนนายให้ขาดไปเลยคอยดูสิ”

     

    ...

     

    ตลอดทางมาร์คเอาแต่นั่งจ้องตัวอักษรภาษาอังกฤษสีขาวสี่ตัวบนหมวกพลางนึกถึงใบหน้าขาวช้ำกับผมสีบลอนด์สว่างของเด็กคนนั้น

     

    W A N G

     

    มันหมายความว่ายังไงกัน

     

     

    .

    .

    .

    To be continue

     

     

     

                 

    มันคือนามสกุลของน้องไงมาร์ค /ตอบให้

    ไม่รู้จะทอล์คอะไรดีฮือ เอาเป็นว่าฝากติดตามกันด้วยนะคะ

    คิดแท็กไว้แล้ว #fictheenemy เชิญบ่นทวงกันได้ตามใจชอบ

    T v T แต่งบู๊ๆไม่ค่อยเก่งแต่อยากแต่ง อยากให้แก้ไขตรงไหนบอกได้นะ

    สุดท้ายนี้ คือเรารักแจ็คสันมาก เราขอโทษที่เราต้องทำร้ายน้องนิดหน่อย

    (นี่ขนาดไม่รู้จะทอล์คอะไรยังพิมพ์ซะเยอะ โอเค ไปก็ได้)

     

     #ดิทคำนิดหน่อย

     

    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×