คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : กว่าจะถึงวันนั้น
การสอบเอนทรานซ์ใน พ.ศ. 2546 เป็นการสอบระบบใหม่ในสมัยนั้น คือมีการสอบวัดความรู้ 2 ครั้ง ในเดือนตุลาคมและมีนาคม คะแนนเต็ม 100 คะแนนทุกวิชา ห้ามสอบเกิน 20 วิชา วิชาหลัก เช่น คณิตศาสตร์ 1-2 ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สังคม วัดแววความเป็นครู วิทยาศาสตร์ ฟิสิกซ์ เคมี ชีววิทยา ฝรั่งเศส เยอรมัน จีน ญี่ปุ่น และวิชาเฉพาะ เช่น ความถนัด การวาดเส้น ดนตรี
การเอนท์ครั้งแรกในเดือนตุลาคม สิ่งที่ต้องทำคงจะเป็นการอ่านหนังสือ อ่านทั้งวัน ไม่มีการให้ทำอย่างอื่น ห้ามดูทีวี ห้ามฟังเพลง ห้ามเล่นอินเตอร์เนท เช้าตื่นมาก็ต้องจับหนังสือ พอจะกินข้าวก็เอาหนังสือไปนั่งอ่านด้วย อ่านจนไม่รู้เดือนรู้ตะวัน ตะบี้ตะบันอ่าน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ฉันทำไม่ได้เลย อาจจะมีคนบอกว่าให้อ่านข้อสอบเก่าเยอะๆ แต่ฉันก็ไม่ค่อยมั่นใจ เพราะหนังสือข้อสอบมักจะเฉลยผิดอยู่เสมอๆ แต่ละเล่มเฉลยไม่ตรงกันเลย ฉันอาจมีความคิดที่แปลกแยกนิดนึง ฉันคิดว่าการเก็บรายละเอียดจากหนังสือที่มีข้อความเยอะๆ ทำให้เราเข้าใจในเนื้อหามากกว่าคำตอบที่ฉาบฉวย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อต้องอ่านหนังสือเรียนที่มีตัวหนังสือมากๆคือเมื่ออ่านชั่วโมงแรกก็พอจะจำได้ แต่พอตกบ่าย อ่านแค่ผ่านตา ง่วงและหลับ
การสอบครั้งแรกของฉัน ฟิตอ่านหนังสือมาก ครูแนะแนวไปซื้อใบสมัครให้ แต่นักเรียนต้องไปสมัครกันเอง (ซื้อใบสมัครที่ไหนต้องไปสมัครที่นั่น) ตอนนั้นไปสมัครที่จุฬา ไปถึงก็ต้องรับบัตรคิว จะมีพี่ๆมาขายสมุด เมื่อถึงคิว เราก็ทำตามขั้นตอนการพิมพ์ชื่อ โรงเรียน รหัสวิชาสอบ แปะรูปและตรวจสอบความถูกต้อง หลังจากนั้น ทางกระทรวงจะส่งสถานที่สอบให้เรา ครั้งแรกฉันได้สอบที่โรงเรียนเอกชนชายชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งเพื่อนๆก็พากันอิจฉาเพราะได้สอบห้องแอร์ บางคนถึงกับเตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วย การสอบใช้เวลา 2 ชั่วโมง ห้ามนักเรียนออกจากห้องสอบก่อนครึ่งชั่วโมง วันแรกสอบภาษาไทย อังกฤษและสังคม วันที่2 สอบวิทยาศาสตร์และคณิต2 ดูเหมือนว่าแต่ละคนจะทำข้อสอบเร็วมาก เพราะไม่ได้คิด เข้าไปจ้ำจี้แล้วก็ออกมา ฉันก็อุตส่าห์ทำได้ตั้ง 2-3 ข้อ จาก 36 ข้อ เช่นเดียวกับการสอบคณิต1วันสุดท้าย
เมื่อสอบเสร็จ นักเรียนแต่ละคนก็ต่างรอคอยผลคะแนนสอบ ซึ่งประกาศในอินเตอร์เนท
และแล้ววันนั้นก็มาถึง ช่วงเช้าที่โรงเรียน นักเรียนต่างพากันพูดถึงการตรวจดูผลคะแนนซึ่งจะกลับไปเปิดอินเตอร์เนทดูในตอนเย็น ทุกคนมีอาการตื่นเต้นมาก ในช่วงบ่าย พ่อแม่ของเพื่อนคนหนึ่งโทรมาบอกว่าได้จดหมายแล้ว เพื่อนๆแต่ละคนก็กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ ฉันก็ยังรู้สึกเฉยๆ คิดว่ากลับไปบ้านคงจะรู้เอง แต่พอกลับถึงบ้านเห็นจดหมาย ใจก็เต้นตูมตาม ค่อยๆเอากรรไกรตัดซองจดหมายและค่อยๆหยิบใบคะแนนออกมา ค่อยๆเปิดมันออก ช๊อค! ได้คะแนนน้อยจัง แต่ละวิชา 50 กว่า คะแนนเต็ม100 ทั้งนั้น แถมคณิตยังได้แค่ 30 กว่าคะแนน แต่ก็ดูจะเก่งในการมั่วอยู่พอการ เพื่อนๆแต่ละคนโทรศัพท์กันกริ๊งกร๊าง บ่นกันว่าได้คะแนนน้อย ตื่นเต้นกันอยู่หลายวัน จากนั้นก็เหมือนเดิม ไม่ตั้งใจเรียน เล่นเหมือนเดิม ขี้เกียจขึ้นด้วยซ้ำ
การสอบครั้งที่ 2 ในเดือนมีนาคม ฉันดูจะเริ่มขี้เกียจยิ่งขึ้น ไม่ค่อยอ่านหนังสือ อ่านแล้วจะหลับ ตื่นขึ้นมาอ่านต่อ ก็งงๆลืมของเก่าหมดแล้ว ขั้นตอนในการสมัครก็เหมือนเดิม ที่เดิม แต่เปลี่ยนสถานที่สอบ ครั้งนี้ได้ที่โรงเรียนหญิงล้วนที่เป็นชื่อพันธุ์ส้ม คราวนี้รู้สึกมั่นใจในวิชาภาไทยมากขึ้น แต่วิชาอื่นแย่ลง เวลาก็ผ่านไปเนิ่นนาน กว่าคะแนนสอบจะออก
ประมานทุ่มกว่าๆ ขณะที่ฉันล้างจานอยู่หลังบ้าน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เพื่อนฉันโทรมาบอกว่าคะแนนออกแล้วในเนท ส่วนมากคะแนนสอบครั้งที่ 2 จะลดลงจากครั้งแรก เมื่อฉันบอกเลขที่สมัครให้เพื่อนเช็คให้ เพื่อนก็ตอบกลับมาว่า “เสียใจด้วย เปิดไม่ได้ เวบล่ม” โอเค ไม่เป็นไร ฉันเลยใจเย็นนั่งดูทีวีถึงเที่ยงคืน คิดไปคิดมา เปิดเนทดีกว่า จะได้รู้ไปเลย เปิดปุ๊บติดปั๊บ พิมพ์เลขที่สมัครเสร็จ คลิ๊ก โห! คะแนนแย่มากๆ ได้น้อยกว่าคราวที่แล้วอีก ขนาดคราวที่แล้วยังได้แค่นั้น คราวนี้ได้น้อยกว่า ใจแป้วเลยคืนนั้นนอนไม่หลับ คิดมาก กลัวจะไม่ติด เพื่อนคนอื่นคงจะไปเข้ามหาลัยเอกชนกันหมด แล้วเราล่ะ ถ้าไม่ติดจะไปอยู่ไหน จะไปอยู่ม.เอกชนเหมือนคนอื่นหรอ มีหวังพ่อได้ฆ่าเราตายแน่ๆ จะไปเรียนมหาลัยเปิด ก็ดูจะว่างเกินกลุ้มใจเหลือเกิน
เวลาผ่านไปจนถึงวันที่ต้องซื้อใบสมัครเลือกคณะ ชุดละ 50 บาท มีหนังสือหนาเตอะเล่มสีเขียว ข้างในอธิบายวิธีเลือกคณะ มีชื่อคณะต่างๆในมหาวิทยาลัยที่เราจะต้องตัดและแปะใส่ใบสมัคร ยังมีรายละเอียดของมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชนอยู่ด้วย ตัดสินใจอยู่นานกว่าจะตัดรหัสออกมาแปะ อันดับ 1 ฉันเลือก นิเทศศาสตร์ จุฬา (ขาดอีก 70 คะแนน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา) อันดับ 2 นิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ (ขาดอีก 28 คะแนน) อันดับ 3 มนุษยศาสตร์ เอกอังกฤษ มศว (ขาดอีก 33 คะแนน) อันดับ 4 บริหารการจัดการ เกษตรศาสตร์ (วัดดวงขาดอีก 8 คะแนน) ใครถามก็คงจะงงว่าทำไมถึงเลือกคณะไม่ใกล้เคียงกันเลย แล้วยังเลือกคณะที่คะแนนไม่ถึงอีกด้วย คำตอบคือ วัดดวง ถ้าดวงจะได้เรียนก็คงจะได้เรียนเอง ลุ้นมากๆ ภาวนาอยู่ทุกวันขอให้ติดที่ใดที่หนึ่งด้วยเถอะ แม่ฉันไปบนกับพระพรหมไว้ว่าถ้าฉันเอนท์ติดจะให้พ่อพาฉันไปไหว้ ญาติๆ คนข้างบ้าน หรือคนรู้จัก ก็เพ่งเล็งว่าจะติดรึเปล่า นั่งบ่นกับเพื่อนทุกวันว่าเหลือเวลาอีกเป็นเดือนกว่าจะประกาศผล ระหว่างการรอนั้นก็เปิดเนททุกวัน ดูความคืบหน้า ยิ่งใกล้วันประกาศแต่ละคนก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2546 ฉันเปิดเนทถี่ขึ้นอีก เปิดดูทั้งเวบกระทรวง ทั้งเวบบอร์ดเกี่ยวกับการเอนทรานส์ มีทั้งข่าวล่าว่าจะประกาศวันที่ 2 ไปม.เกษตรวันที่ 3 หรือประกาศ 4 ไป 5 ประกาศ 5 ไป 6 และบอกว่าประกาศวันที่ 10 แน่นอน
ความคิดเห็น