ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หนีTeenดันไปโผล่โลกใหม่

    ลำดับตอนที่ #1 : หนีTeenไปโลกใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 58


    ตอนที่1 หนีTeenไปโลกใหม่


    “แ..งวิ่งไปทางนั้น ตามมันไป”


    คุณเคยดูองค์บากภาคแรกไหม ฉากที่ จา กะพี่หม่ำ โดนโจทก์ไล่กระทืบ สภาพผมตอนนี้ก็แบบนั้นล่ะ เด็กช่างกลสิบกว่าคน ไม้หน้าสาม ประแจเลื่อน ตะไบ เรียกว่าอาวุธครบมือ แถมไอ้คนหน้าตาเหมือนคนติดยารอยสักเต็มตัว ที่หน้ามีรอยฟกช้ำ ก็พกสปาต้ายาวเป็นศอกมาด้วย ไม่อยากคิดว่าถ้ามันไล่ผมทัน สภาพผมจะเป็นไง.


    ส่วนที่หน้าไอ้รอยสัก(ขอเรียกมันแบบนี้ละกัน)มีรอยฟกช้ำ สาเหตุก็มาจากผมนี่ล่ะ. ก็ไม่ได้มีอะไรมากโรงเรียนช่างคู่อริ เดินสวนกัน ผมไปมองหน้ามัน มันก็ถามมาว่า


    “มองหา...อมึงเหรอ”


    อันนี้ยังพอทนเพราะมันมากัน2คน  


    (แถมตรูเป็นเด็กวัดไม่มีพ่อมีแต่หลวงตาเลี้ยงมา ที่แกพูดมันก็ถูก พยายามมองหาพ่ออยู่เหมือนกันแต่พ่อตรูคงไม่หน้าตาอุบาทว์แบบแกหรอก) ผมคิดในใจ.


    แต่พอเดินผ่านมันไปสองสามก้าวมันก็พูดตามหลังมาว่า


    “ช่างกลxxx  แม่งมีแต่พวกป๊อดว่ะ ตุ๊ดว่ะ ถุ้ย!!”


    เท่านั้นล่ะสติผมก็ขาดผึง. ชวนมัน2คนลงไปคุยกันข้างทางทันที ซึ่งพวกมันคงคิดไม่ถึงว่าผมแค่คนเดียวจะกล้าหาเรื่องกับพวกมัน. แน่ล่ะเพราะมันไม่รู้ว่าผมหน่ะเป็นมวย.


    ไอ้คนแรกผมเตะเข้ากรามมันลงไปกองในทีเดียว. ส่วนไอ้รอยสักนี่ มันค่อนข้างอึดก็เลยค่อนข้างน่วมพอสมควร. หลังจากเจ้ารอยสักมันลงไปกองแล้ว ผมดันไปปากเสียพูดใส่มันว่า


    “เฮอะ เห็นรอยสักเต็มตัว นึกว่าจะแหน ที่แท้ก็ผักตบ”


    เป็นเรื่อง มันมองหน้าผมตาแดงก่ำ ยังกะจะกินเลือดกินเนื้อ ผมคงไปลบหลู่หิ้งมันเข้าแล้ว.


    พอได้เห็นสายตาอาฆาตของเจ้ารอยสัก สติสตังที่ขาดผึงไปในตอนแรกก็กลับมา ก็ได้แต่คิดว่าไม่น่าหาเหาใส่หัวเล้ย. หลวงตาก็คอยย้ำคอยเตือนว่าให้เลิกนิสัยใจร้อนนี่ซะ ไอ้ผมก็เลิกไม่ได้ซักที พอโดนคนอื่นหยามเข้าหน่อยผมก็ฟิวส์ขาดไปมีเรื่องกับเขาได้ทุกทีซิน่า


    “ต้องเลิกนิสัยใจร้อนนี่ให้ได้”


    ผมย้ำกับตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ และครั้งนี้ผมก็สัญญากับตัวเองว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย. (ถรุ้ยส์ๆๆๆ) เสียงเอคโค่ดังก้องในหัวผม


    วันต่อมาผมพยายามเดินหลบเลี่ยงไม่เดินไปยังเส้นทางเดิม ที่อาจจะเจอกับโจทก์ที่ผมเล่นงานไปเมื่อวาน แต่ไอ้รถเมล์ที่ผมจะใช้กลับบ้านมันก็มีอยู่สายเดียว เลยทำให้ไม่มีทางเลือก และผมก็เจอกับไอ้รอยสักอีกจนได้ และคราวนี้มันไม่ได้มาคนเดียว แต่มาเป็นสิบ!!


    “ด่าพ่อยังพอทน แต่หยามรอยสักแก้งค์โพธิ์ดำ มึงตาย!!”


    อ้าวไอ้ลูกอกตัญญูนี่ แล้วไอ้ผักตบมันใหญ่กว่าแหนนะเฟ้ย เอ็งไม่คิดว่าข้าชมเอ็งรึงาย


    วิ่งซิครับ อยู่ให้มันเหยียบทำแมวอะไร


    เพราะผมฝึกมวยเป็นประจำ เรื่องวิ่งเลยไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมน่ะนะ เพื่อให้ตัวเบาที่สุด ผมเลยทิ้งกระเป๋าสะพายวิ่ง ซึ่งในนั้นก็มีหนังสือเรียน5-6เล่มและก็การ์ตูนที่เช่ามาอ่านอีก2-3เล่ม ไม่มีเวลามาเสียดายแล้ว ณ เวลานี้


    ตอนนี้ผมพยายามวิ่งไปทางชุมชน เพราะหวังว่าจะเจอกับคุณตำรวจซักคน เขาจะได้ช่วยหยุดไอ้พวกหอกหักนับสิบที่ไล่ตามผมมา


    อนิจา เจอแต่จ่าเฉย


    เ…..ดแหม๋ม!! นี่ไม่ใช่ช่วงกีฬาสีนี่คร้าบ คุณตำรวจหายไปใหนกันโม้ด


    ทำไงดีฟระ เออใช่โทรศัพท์ไง ตามพวกที่โรงเรียนมาซิ ไม่ก็โทรหาตำรวจ แล้วมือถือผมล่ะ  


    ครับ อยู่ในกระเป๋าสะพาย


    (ฟาาฟ้ฟา่หห่สฟห่าฟ่าหสาฟ่หฟา…………..!!!.)


    หลังจากวิ่งและวิ่ง ผมก็สลัดพวกมันหลุดไปได้2-3คนมั้ง ในนั้นไม่เห็นไอ้รอยสักด้วย คงยังเจ็บแผลอยู่เลยตามมาไม่ทัน เออก็ดีเห็นสปาต้ายาวเป็นศอกของมันแล้วเสียวสันหลังสุดๆ แต่ถึงงั้นไอ้ที่ตามมาก็อาวุธครบมืออยู่เหมือนเดิม ทิ้งไปบ้างก็ได้ครับพี่ แหม่


    จนผมวิ่งมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำ ที่ด้านนึงผมก็ได้เห็นแสงสว่าง ราวกับแสงส่องทางไปสวรรค์.


    ไอ้รอยสักมันนั่งมาบนรถกระบะพร้อมเพื่อนมันอีกกลุ่มใหญ่ท้ายกระบะนั่น แน่นอนอาวุธครบ.


    (โอ้โห ล่าตรูคนเดียวพาพวกมาสิบกว่าคน แมนโครตๆ)


    ไอ้รอยสักโดดลงมาจากรถพร้อมกับสปาต้ายาวเป็นศอก อาวุธคู่ใจของมัน ดูราวกับอัศวินเจได.


    “วันนี้ล่ะ มึงจะได้ไปนอนกองใต้ผักตบ!!”


    ท้ายสะพาน 6 คน ไม้หน้าสาม 2 ตะใบ 2 ประแจเลื่อน 2 .หัวสะพาน7คน ประแจเลื่อน4 ตะใบ1 ประแจปากตาย 1 และ อัศวินเจได.


    ส่วนผมนอกจากตะกรุดหลวงตาที่ให้คอ ก็มีแต่ตัวยืนเปล่าๆ เอ..หรือจะไฟว์ หาเรื่องตายชัดๆ ส่วนด้านล่างของสะพานเป็นเป็นคลองประปาช่วงแคบๆ. กะเอาจากพื้นน้ำถึงราวสะพานนี่ น่าจะซัก5เมตรมั้ง


    อา...ถึงน้ำจะเน่าก็ยังเห็นเงาจันทร์ ไม่ต้องเดาก็คงรู้ว่าผมจะทำไง โดดล่ะครับ


    คิดว่าพวกมันคงไม่โดดลงมาแน่เพราะน้ำคลองนี้สุดจะเน่า แถมคลองตรงนี้ก็ขนาบด้วยบ้านคน ว่ายน้ำแล้วไปขึ้นบ้านใครซักหลัง ขอเขาหลบ ไม่ก็ขอให้ช่วยโทรตามตำรวจให้ ก็น่าจะรอดนะ นั่นคือสิ่งที่ผมคิด


    ดูเหมือนตอนนี้จะมีบางอย่างแปลกๆเกิดขึ้นแล้วซิ


    คุณคิดว่าถ้าคุณกระโดดลงจากสะพานสูงราว5เมตรจากพื้นน้ำ จะใช้เวลากี่วินาที ผมว่าไม่เกิน2วิ


    แต่ว่าตอนนี้ผมยังไม่กระแทกน้ำเลย แถมตอนนี้เงาจันทร์ในน้ำมันเริ่มเคลื่อนตัวออกห่างผมไป และจมลงไปในน้ำ จะอธิบายยังไงดีล่ะ เหมือนเงาจันทร์มันทำให้น้ำเป็นหลุมจมลึกลงไป


    ใช่ ยังกับ รูหนอน แบบในหนังไซไฟที่เคยดูเลย


    ผมตกลงไปเรื่อยลึกลงๆ นานแค่ใหนไม่รู้น่าจะหลายนาทีอยู่เพราะผมแหกปากร้องจนเสียงแห้ง และในที่สุดผมก็เห็นแสงที่ปลายหลุมนั่น แสงที่ค่อยๆสว่างขึ้นเรื่อยๆ ขนาดหลับตาแล้ว แสงมันยังส่องผ่านเปลือกตาเข้ามา พูดได้ว่ามันเป็นแสงสว่างที่สุดเท่าที่ชีวิตเคยเห็นมาก็ว่าได้ จนผมได้แต่คิดว่า


    (ตากุบอดแหงๆ)


    ตูม!!


    เสียงตัวผมกระแทกน้ำ เจ็บ จุก จนพูดไม่ออก. ถ้าคิดตามระยะเวลาที่ผมตกลงมา ก็คงประมาณโดดร่มจากชั้นบรรยากาศล่ะมั้ง ผมไม่น่าจะรอดนี่ อ๊ะหรือว่าช่วงเวลาที่อดรีนาลีนหลั่ง เพราะตื่นเต้นสุดขีดจนทำให้เวลารอบตัวช้าลง ระยะเวลาไมกี่วิรู้สึกว่ายาวนานหลายนาที แบบในการ์ตูน แสงที่ว่าภาพที่เห็นก็เกิดจากการที่อดรีนาลีนหลั่งซินะ. เป็นไปได้


    ก่อนที่จะคิดอะไรฟุ้งซ่านมากไปกว่านี้ ผมตระหนักว่า ณ ตอนนี้ผมจมน้ำอยู่นี่หว่า ถ้าไม่รีบว่ายขึ้นไปให้โผล่พ้นผิวน้ำ ได้กลายเป็นปุ๋ยให้ผักตบชวาใต้สะพานแหงๆ


    กว่าจะโผล่พ้นน้ำผมก็กินน้ำไปหลายอีก แต่ไม่รู้สึกถึงกลิ่นเหม็น ซ้ำยังรู้สึกสดราวกับดื่มน้ำจากเครื่องกรองที่กรองมาแล้วหลายสิบรอบก็มิปาน. นี่ท่านผู้ว่าที่เคารพ ทำความสะอาดคลองให้เราแล้วรึนี่.


    ในขณะที่พยายามลืมตาก็นึกขึ้นมาได้ว่า ถ้าน้ำในคลองสะอาดพวกมันก็อาจโดดตามลงมาก็ได้นี่ ผมเลยรีบปัดน้ำออกจากหน้าและรีบลืมตา.และมองหาทางหนีทีไล่ ก็เลยได้เห็น ที่ๆผมยืนอยู่ ณ เวลานี้ ไม่ใช่คลองประปาที่ผมโดดลงมาแน่ๆ


    มันเป็นสายน้ำที่ไหลมาจากน้ำตก ด้านหลังเป็นป่า เต็มไปด้วยพืชพันธุ์หลากชนิด แบบที่ผมเคยเห็น จากในหนังสือ และไอ้ที่ก็ไม่เคยเห็นก็มี รอบๆน้ำตก มีก้อนหินหลากสีคล้ายอัญมณี ลอยอยู่กลางอากาศ แสงจากดวงอาทิตย์ส่องกระทบหินพวกนั้น ทำให้ละอองจากน้ำตกมีแสงคล้ายกับออโรร่าของขั้วโลกแบบที่เคยเห็นในสารดีเลยล่ะ


    มันช่างเป็นป่าที่สวยจนเหลือเชื่อ คือถ้าบอกว่านี่เป็นสวรรค์ ผมยังเชื่อเลย.


    เอ๊ะ หรือว่าผมตายแล้ว ขึ้นสวรรค์กันนะ


    ขณะที่กำลังนึกถึงความดีอะไรที่ผมทำไว้จนทำให้ ตัวผมได้ขึ้นสวรรค์ ตอนนั้นเองผมก็ได้เห็นสิ่งมีชีวิตแรกของป่านี้





    มันเป็นตัวอะไรที่น่าจะยืนอยู่หน้าวัดแจ้งไม่ก็วัดโพธิ์นะ เขียวโง้ง ถือกระบองขนาดใหญ่ ส่วนสูงก็พอๆกับหน้าวัด คือเกือบ 7เมตร


    ครับ ไอ้ตัวที่อยู่ตรงหน้าผมคือ ยักษ์


    คือถ้าเจอคนนี่ สถาณการณ์แบบใหนผมก็ยังพอมีสติคิดหาทางหนีทีไล่ได้ แต่เจออะไรแบบนี้ บอกตรงๆว่าไปไม่เป็น คิดอะไรไม่ออกยืนขาแข็ง.


    (ตายแน่กุ)


    เจ้ายักษ์นั่นเงื้อกระบองไปด้านหลัง เตรียมจะฟาดผม ถ้าไม่นับว่าตอนนี้ผมสติแตกยืนตัวแข็งทื่อ ตัวผมเองก็ยืนอยู่กลางน้ำ ไม่มีทางหนีทันแน่ๆ และตอนนั้นผมก็ได้ยินเสียงจากด้านหลังผม


    “พสุธาเอ๋ย จนกลายเป็นหอกแหลมทิ่มแทงศัตรูข้า โอมเพี้ยง”


    บางอย่างลอยผ่านหน้าผมไป ดูคล้ายกับ เม็ดข้าวสาร  ลอยไปตกลงตรงเท้าของเจ้ายักษ์นั่น พื้นดินบริเวณนั้น ก็กลายเป็นหอกแหลมขนาดใหญ่ พุ่งเข้าแทงเจ้ายักษ์นั่น จนทะลุออกไปอีกทาง.


    “บาดเจ็บตรงใหนรึเปล่าเจ้าหนุ่ม” เจ้าของการโจมตีเมื่อครู่ถาม


    และเมื่อผมได้เห็นหน้าชายคนนั้น เพลงน้าแอ็ดก็อินโทรขึ้นมาในหัวทันที


    (บางระจัน บางระจัน บางระจัน มิอาจยืนอยู่ถึงวันเพ็ญเดือน12 ร้องซ้ำ)


    “นายจัน หนวดเขี้ยว” ผมหลุดปากออกไป


    ชายคนนั้นอายุราวๆ 40กว่าๆ รูปร่างกำยำตัวสูงใหญ่ สูงกว่าผมที่สูง 175 ซ.ม. อย่างเป็นได้ชัด ไว้ทรงผมไทยโบราณแสกกลาง  มีหนวดดำสวยได้รูป นุงโจงกระเบน แขนขาใส่เกราะเหล็กทั้ง2ข้าง ตรงกลางลำตัวมีรอยสัก แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ที่สำคัญมันกำลังเรืองแสงด้วย.


    “ผิดแล้วเจ้าหนุ่ม ข้าหาได้มีนามเช่นนั้นไม่ อ๊ะ เจ้าว่าคนรู้จักเจ้า ชื่อจัน แต่มีฉายาต่อท้ายว่าหนวดเขี้ยวรึ เพราะเหตุใด”


    “เอ่อ คงเพราะเขามีหนวดโค้งคล้ายเขี้ยว ล่ะมังครับ”


    ผมตอบ ว่าแต่สถาณการณ์แบบนี้ดันคุยเรื่องหนวดกันนี่นะ


    ผมควรทำอะไรล่ะ หลังจากโดดสะพานหนีตีน เข้ารูหนอนข้ามมายังอีกโลก เจอยักษ์ จะทุบกบาล และก็มีนักรบไทยโบราญ ใช้ข้าวสารเสกฆ่ายักษ์นั่น


    ผมควรจะ

    ข้อ ก. เต้นแซมบ้า ข้อ ข.ร้องเพลงฮิปฮอป ข้อ ค. รำไทเก็ก ข้อ ง. คุยเรื่องหนวด


    ครับ ข้อ ง. คุยเรื่องหนวด เหมาะสมที่สุดแล้ว


    “อุ๊บ๊ะ!! ข้ารึหลงกลุ้มใจว่าควรใช้ฉายาอันใดดีถึงจะเหมาะกับตัวข้าอยู่นานนับปี ในที่สุดข้าก็คิดออกเสียทีว่าตัวข้าควรมีฉายาเยี่ยงไร เพราะเจ้าและคนรู้จักเจ้า นายจันหนวดเขี้ยว นั่นทีเดียว ที่ชี้ให้ข้าได้เห็นทาง”


    “จากนี้ไปชื่อของข้าและฉายา คือ อินทรีย์ หนวดงาม”  ชายคนนั้นประกาศพร้อมกับลูปหนวดตัวเอง ด้วยท่าทีภูมิใจสุดๆ


    ยินดีด้วยนะครับท่านอินทรีย์ คุณได้รับฉายา 1 Ea ว่าแต่ตอนนี้รู้สึกมึนหัวยังไงพิกลแฮะ ดูเหมือนท้องฟ้ามันค่อยๆมืดลงๆ ใกล้ค่ำแล้วซินะ


    “ว่าแต่เอ็งเถอะเจ้าหนุ่ม มีชื่อเสียงเรียงใด”


    “ผมชื่อ พิชัย ….”


    ยังไม่ทันพูดนามสกุล ผมก็ล้มหน้าคว่ำลงบนน้ำ และสลบไป




















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×