ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) KAIDO - the man who love you

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 62










    Chapter 4








              อีกหนึ่งกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัยที่หลายๆคนจะได้พบเจอคือการคัดเลือกดาวเดือนประจำคณะ


              หลังใช้ชีวิตในการเรียนผ่านไปได้ประมาณเกือบหนึ่งอาทิตย์ สุดท้ายก็มาถึงวันที่เหล่าผู้หญิงและผู้ชายที่หน้าตาดีและพอใช้ได้ถูกเรียกออกมาพร้อมกันเพื่อเข้าสู่การคัดเลือก


              จอมและเชคยืนอยู่ข้างกันพร้อมกับนักศึกษาชายอีกสองสามคนที่ถูกรุ่นพี่ดาวเดือนก่อนหน้าดึงตัวออกมาขณะกำลังรับน้องอยู่เพื่อนำมาตัวพวกเขามาคัดเลือกผู้ที่จะเป็นเดือนคณะ ตัวแทนของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ในปีนี้


              จอมไขว้มือไปข้างหลังเพราะเขายืนอยู่แบบนี้มานานประมาณเกือบสิบนาทีก่อนจะสอดสายตามองไปยังบริเวณรอบๆก่อนจะเห็นพี่เค้กนั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับเพื่อนพร้อมเท้าคางมองแล้วหัวเราะออกมาให้เขาเห็น


              เด็กหนุ่มตัวสูงถอนหายใจแล้วทำท่าเบะปากใส่ด้วยความเบื่อจนเค้กต้องส่ายหัวก่อนที่ชื่อของจอมจะถูกเรียกออกมาจากรุ่นพี่ตรงหน้า


              “น้องจอม จรณินทร์ เดชเดชากุลใช่มั้ยครับ”


              “ครับ”


              “สูงเท่าไหร่อ่ะเรา”


              “อ่า ประมาณ 182 ครับ”


              รุ่นพี่หวีดร้องออกมาเสียงเบาก่อนที่จะมองเขาแทบจะทะลุแล้วเปลี่ยนสายตาไปมองที่เชคแทน


              “ตอนนี้อ่ะใจพี่ชอบน้องจอมกับน้องเชค หน้าตา ส่วนสูงอะไรคือดีหมดเลย”


              “เชคดีกว่าครับ”


              เพราะจอมไม่ได้อยากเป็นเลยสักนิด เขาเลยเสนอชื่อเพื่อนตัวเองออกมาก่อนจะผายมือไปยังเพื่อนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ


              เชคจิ๊ปากออกมาก่อนจะยกขาขึ้นเตะขาของจอมเบาๆทันที


              “ไอ้เหี้ย จอมมึงหยุดเลย”


              “มึงนั่นแหละ กูไม่เอา”


              ยืนเถียงกันสองคนก่อนที่รุ่นพี่ตรงหน้าจะยกมือห้ามเอาไว้เพราะจะเสียเวลาการเข้ากิจกรรมของน้องๆไปมากกว่านี้


              พี่ที่ดูแลดาวเดือนเรียกอรุณที่กำลังนั่งกดโทรศัพท์ให้มายืนตรงหน้าก่อนจะชี้ไปยังเด็กทั้งสองคนโดยที่ไม่ลืมให้นักศึกษาชายที่เหลือกลับไปนั่งที่ให้เรียบร้อย


              “อรุณเลือกที เอาคนที่แกคิดว่าดี”


              หน่วยตาคมมองรุ่นน้องทั้งสองคนสลับไปมาก่อนที่จะหยุดสายตาไว้ที่จอม น้องชายคนสนิทของบุณ แล้วเหล่สายตาไปมองยังลานกิจกรรมที่กำลังเล่นเกมกันอย่างสนุกสนาน


              ช่วงแขนกว้างยกขึ้นกอดอกก่อนที่อรุณจะนั่งลงกับโต๊ะตรงหน้า


              “คนนี้แล้วกัน สูงดี อกผายไหล่ผึ่งใช้ได้”


              ปลายนิ้วของอรุณหยุดอยู่ตรงหน้าของเชคก่อนที่เด็กหนุ่มที่ตัวสูงกว่าจอมจะแอบร้องโอดโอยออกมา


              “โอเค ถ้าอย่างงั้นพี่รบกวนน้องเชคหน่อยนะ ต่อจากนี้เดี๋ยวเราไม่ต้องเข้ากิจกรรมแล้ว มาเก็บตัวฝึกดาวเดือนกับพี่นะครับ”


              “คร้าบ”


              เชคตอบเสียงยานก่อนที่รุ่นพี่จะปล่อยพวกเขาไปเข้ากลุ่มกับปีหนึ่งตามเดิม แขนของจอมยกขึ้นกอดคอเพื่อนตัวสูงก่อนจะขยี้หัวของเชคไปแรงๆ


              “สุดยอดว่ะ เดือนคณะ”


              “แม่ง พี่เค้าเอาอะไรมองว่ากูดีวะ”


              ทั้งสองคนเดินไปนั่งต่อท้ายเพื่อนๆที่กำลังฟังกติกาการเล่นเกมอยู่ก่อนเชคจะขยี้ผมตัวเองซ้ำสองหลังรู้สึกไม่ค่อยพอใจ



              “ไม่รู้เหมือนกัน”


              จอมยิ้มตอบกลับไปก่อนจะหันกลับไปยังโต๊ะด้านหลังที่อยู่ไกลออกเล็กน้อย เขาเห็นอรุณนั่งอยู่กับรุ่นพี่คัดเลือกดาวเดือนพร้อมทั้งริมฝีปากเรียวที่ตอบคำถามของรุ่นพี่เหล่านั้นอยู่ตลอดแต่สายตากลับมองมายังบริเวณลานกิจกรรมไม่ขาด


              นัยน์ตาคมมองตามสายตาของอรุณก่อนจะเห็นพี่ลันยืนอยู่ตรงกลางวงและกำลังอธิบายกติกาเกมรวมถึงมีเด็กปีหนึ่งสามคนที่ถูกเรียกออกมาสาธิตและหนึ่งในนั้นมีพี่เนียนอย่างพี่บุณ


              เห็นแล้วก็นึกขำ สองวันแรกที่ได้เป็นพี่เนียน พี่ชายคนสนิทถึงกับมาเคาะห้องของจอมเพื่อบ่นยาวเป็นหางว่าวว่าหวาดกลัวจะเจอน้องปีหนึ่งมากๆ รวมทั้งขอโทษจอมที่ไม่ได้บอกก่อนแถมยังขอให้เขาช่วยดูแลระหว่างที่ตัวเองกำลังทำหน้าที่อีกต่าง


              แน่นอนว่าจอมก็ต้องดูแลพี่ชายตัวเองอยู่แล้วเพราะตลอดเวลาที่เติบโตมาพี่บุณเลี้ยงจอมอย่างกับเป็นน้องแท้ๆของตัวเอง เพราะฉะนั้นเวลานี้อะไรที่จอมพอจะช่วยได้ จอมก็จะช่วย


              “มึง ไอ้เตี้ยนั่นชื่ออะไรนะ”


              เชคชี้นิ้วไปยังพี่บุณที่กำลังเล่นเกมอยู่ตรงกลางวงก่อนที่จอมจะเหยียดแขนแล้วเท้าไปข้างหลังเพื่อเอนตัว


              “บุณ”


              “อืม”


              “มึงถามทำไม”


              “เปล่า กูแค่คิดว่ามันเหมือนเด็กดี ดูอ๊องๆ ยิ้มไปทั่ว”


              “มั้ง”


              “ไม่รู้ดิ เห็นแล้วรำคาญลูกตา”


              “ไหนวันแรกมึงบอกน่ารัก”


              เชคส่ายหัวให้กับคำพูดของจอมก่อนจะโบกไม้โบกมือปฏิเสธ


              “คิดซะว่ากูไม่เคยพูดนะ”


              จอมหัวเราะออกมาก่อนที่นั่งดูเพื่อนๆบางส่วนที่ถูกเรียกออกไปเล่นกิจกรรมต่อ


              ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แน่นอนว่าในวันที่สองที่จอมเข้ารับน้อง สิ่งที่เขาได้รับมาจากรุ่นพี่ปีสองก็คืออุปกรณ์บ่งบอกความเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งของคณะ


              มีทั้งผ้าพันคอ ป้ายชื่อ โบว์สีแดงติดอก และถ้าเป็นผู้หญิงก็จะมีโบว์ผูกผมเพิ่มมาให้อีก เรียกได้ว่าพร็อพเยอะจนเชคบ่นเกือบทั้งอาทิตย์ว่าลืมนู่นลืมนี่ตลอดเวลาจนต้องกลับไปเอาที่หอก่อนรับน้องแทบทุกวัน


              เขาขยับปลายผ้าพันคอหลังรู้สึกว่าด้านหลังมันเบี้ยวแล้วกลับมานั่งขัดสมาธิก่อนจะรู้สึกถึงแรงขยับของผ้าพันคอจากด้านหลัง


              เด็กหนุ่มหันกลับไปมองก่อนจะเห็นฝ่ามือเล็กของใครบางคนที่กำลังจัดผ้าพันคอให้กับเขาแล้วคนนั้นก็นั่งลงมายังที่ว่างข้างๆจอม


              “ใส่ยังไงให้เบี้ยว”


              เค้กบ่นออกมาเสียงเบาเพราะเห็นแล้วขัดหูขัดตาเกินกว่าจะนั่งมองผ้าพันคอเบี้ยวๆของไอ้เด็กตัวสูงนี่เฉยๆเลยต้องเดินออกมาจากโต๊ะที่นั่งอยู่แล้วจัดแจงให้เองเสียเลย


              “แต่พี่ก็จัดให้ผมแล้วนี่”


              “ก็เพราะมันเบี้ยว”


              เค้กเท้าคางแล้ววางแขนลงกับขาของตัวเองพลางมองไปยังกลางวงของกิจกรรมแต่ก็ยังเอ่ยตอบเด็กข้างๆที่นั่งยิ้มมองเขาไม่หยุด


              “แต่ยังไงก็..”


              “...”


              “ขอบคุณนะครับ”


              จอมขยับเข้ามาใกล้แต่ยังเว้นระยะห่างไว้เล็กน้อยก่อนจะกล่าวขอบคุณคนที่นั่งข้างๆพร้อมกับเค้กที่ตอบเสียงอือออกมาในลำคอเบาๆเหมือนคนไม่สนใจ


              กิจกรรมยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆก่อนที่เสียงกลองจากด้านหลังจะดังขึ้นเพราะเพื่อนที่อยู่กลางวงถูกทำโทษด้วยการเต้น


              เค้กขมวดคิ้วออกมาหลังเสียงดังเกินควรและเขาอยากออกไปจากตรงนี้ นิ้วเล็กสะกิดเข้าที่ช่วงขายาวของจอมก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้เพื่อพูดกับอีกฝ่าย


              “ไปกินข้าวกันมั้ย”


              จอมเหล่ตามองก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาจนเค้กต้องดีดจมูกของเด็กตรงหน้าไปด้วยความหมั่นไส้


              ก็แค่หิว แล้วอรุณกับลันมันก็ไม่ว่างไปกินด้วยอยู่แล้ว แถมบุณยังเป็นพี่เนียน มีแค่จอมเท่านั้นแหละที่พอจะไปกินด้วยได้ เพื่อนคนอื่นก็เสียงดัง และเค้กค่อนข้างที่จะรำคาญ


              “พี่อยากกินอะไร คิดเลย”


              จอมขยับเข้ามาใกล้เพื่อตอบคำถามของเขาและแน่นอนว่าเค้กได้กลิ่นน้ำหอมประจำตัวของเด็กข้างๆเขาอีกแล้ว


              คนตัวเล็กกว่าพยักหน้ารับพร้อมเดินออกไปจากบริเวณที่ทำกิจกรรมปล่อยให้จอมมองตามก่อนที่ศอกของเชคจะแตะเข้ากับสีข้างของเพื่อนผิวแทน


              “แน่ะ อะไรยังไงวะ”


              “เปล่า”


              “กูเห็นมึงคุยกับพี่เค้าโคตรบ่อย”


              “เออ มึงอย่าเสือก”


              เชคเบ้ปากใส่ก่อนที่จอมจะดันไหล่กว้างของเพื่อนให้อีกคนหันกลับไปมองที่กลางวงเช่นเดิมพร้อมทั้งเชคที่หัวเราะออกมา


              สุดท้ายเด็กปีหนึ่งทุกคนถูกเรียกรวมให้กลับไปนั่งที่แถวตามเดิม รวมทั้งจอมและเชคที่ลุกขึ้นแล้วไปนั่งประจำที่ด้านหน้าสุดของกลุ่มโดยที่มีบุณวิ่งตามมาอย่างว่องไว


              “เป็นไงๆ ใครได้เป็นเดือนอ่ะ”


              บุณถามออกมาอย่างตื่นเต้นเพราะอีกใจก็แอบลุ้นให้น้องตัวเองได้เป็น


              “ไอ้พี่เดือนปีสองมันเลือกกู”


              เชคหันกลับมาตอบพลางกลอกตาหลังทีภาระหน้าที่เพิ่มมาหนักกว่าใครเพื่อนก่อนที่บุณจะยิ้มแหยให้


              “ดีแล้ว เชคหล่อไง”


              “ขนลุก”


              เพื่อนด้านหน้าของเขาดันหัวพี่บุณไปเบาๆก่อนจะหันกลับไปฟังรุ่นพี่ปีสองเช่นเคยก่อนที่จอมจะลูบกลุ่มผมนิ่มของรุ่นพี่คนสนิทบริเวณที่เชคแกล้งเมื่อครู่ให้เบาๆด้วยความเอ็นดูหลังบุณเบะปากออกมา


              “เย็นนี้ไปกินข้าวมั้ย.. บุณ”


              เกือบแล้ว จอมเกือบเรียกพี่บุณออกมาอยู่แล้วเชียว


              “ไปกับใครเหรอ”


              “พี่เค้ก”


              บุณจิ้มที่แผ่นหลังกว้างของน้องก่อนจะทำสายตาล้อเลียนออกมา


              “อะไรยังไงน้า”


              โดนคำถามนี้รอบที่สองและจอมก็ดันหน้าผากของพี่ชายคนสนิทไปเบาๆ


              “ก็แค่กินข้าว แล้วตกลงจะไปมั้ยบุณ”


              “ไม่อ่ะ เดี๋ยวต้องไปซื้อของ”


              “กับ?”


              บุณส่ายหน้าออกมาเบาๆเมื่อชื่อของคนที่ไปด้วยไม่สามารถพูดออกมาได้ตรงนี้และจอมก็เข้าใจในทันที


              สุดท้ายเด็กปีหนึ่งทุกคนก็ได้รับกระเป๋าของตัวเองคืนจากพี่ปีสองและเริ่มทยอยกันกลับบ้านหลังกิจกรรมรับน้องเสร็จสิ้นไปอีกวัน


              จอมและบุณเดินออกมายังลานจอดรถก่อนที่จะมีเค้ก และอรุณเดินตามหลังมา


              “ไม่ทราบว่าน้องบุณกับน้องจอมจะไปไหนครับ”


              สีหน้าทะเล้นของอรุณทำเอาบุณอยากจะพุ่งเข้าไปตีหน้ามันแรงๆแต่ติดที่ว่าตอนนี้เขาไม่ใช่รุ่นพี่ปีสองแต่เป็นน้องปีหนึ่งถึงได้เอาคืนมันแบบนั้นไม่ได้


              “กำลังจะไปกินข้าวครับ”


              เป็นจอมที่ตอบกลับไปก่อนที่อรุณจะกอดอกแล้วพยักหน้ารับ สายตาล้อเลียนถูกส่งมาให้บุณอย่างไม่ขาดสายจนรุ่นพี่ตัวเล็กของจอมต้องเดินมาหลบหลังเพราะไม่อยากมองหน้าอรุณให้ความอดทนที่มีอยู่หมดไปในตอนนี้


              จอมมองรุ่นพี่ตัวขาวตรงหน้าที่ดูต่างออกไปจากตอนที่คัดเลือกเดือนคณะก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียงเบา เมื่อครู่ยังตีหน้าเข้ม ขึงขังแถมตอนมองหน้าเขาราวกับคนไม่อยากมองกันเสียเต็มประดา แต่พอมาคราวนี้ดันยิ้มกว้างจนน่าหมั่นไส้แบบที่พี่บุณเคยบอกจริงๆ


              “กลับนะจอม”


              “จะเดินกลับเองเหรอ” บุณบอกลาก่อนจะพยักหน้าให้กับคำถามของน้อง


              “ไปรอที่หอ เดี๋ยวไปรับ”


              คนตรงหน้าของเขาพูดออกมาลอยๆโดยที่ไม่ได้ระบุชื่อก่อนที่อรุณจะเดินล้วงกระเป๋ารถคันหรูของตัวเองที่จอดเอาไว้ใต้อาคารพร้อมบุณที่บอกลาจอมอีกครั้ง


              “ไปนะ สวัสดีครับพี่เค้ก”


              “อืม”


              เค้กตอบรับบทของบุณก่อนที่จะเหลือเพียงแค่เขาและจอมเพียงสองคน


              “กินอะไรดีครับพี่”


              “เดี๋ยวเดินไปทางนี้ รถอยู่ตึกสาม”


              รุ่นพี่ตัวเล็กชี้ไปยังทางลัดผ่านตึกก่อนที่ทั้งสองคนจะเริ่มเดินไปด้วยกัน เค้กยื่นมือมากระตุกผ้าพันคอของเด็กตรงหน้าจนจอมตกใจแทบหงายหลังพร้อมหันไปหาอีกคน


              “พี่มีอะไรครับ”


              “ถอดด้วย วันที่แจกก็บอกแล้วไงว่าเสร็จกิจกรรมแล้วให้ถอด”


              “จริงด้วย”


              จอมถอดอุปกรณ์ออกทีละชิ้นโดยเหลือผ้าพันคอไว้อย่างสุดท้ายก่อนจะหยุดเดินเพื่อแก้ปมที่บุณมัดเอาไว้ให้และเขาหัวเสียกับมันเล็กน้อยเพราะมันแน่นเกินกว่าที่จอมจะแก้ออกได้ภายในคราวเดียว


              “มานี่”



              เด็กตัวสูงถูกจับไหล่ให้หันหน้าไปหาก่อนที่เค้กจะส่งมือมาคลายปมผ้าพันคอแทนมือของจอมพร้อมกับขมวดคิ้วเรียวเข้าหาทันทีเมื่อมันรัดแน่นกว่าที่ตัวเองคิด


              “แก้ได้มั้ย”


              “อยู่เฉยๆ”


              คนตัวเล็กกว่าช้อนสายตาดุขึ้นมองจนจอมต้องยอมยืนนิ่งให้เค้กจัดการต่อด้วยตัวเอง


              ฝ่ามือเล็กพยายามแกะปมออกอย่างไม่ลดละจนเค้กเผลอตัวขยับเข้าใกล้มากกว่ที่จอมคิดจนเขาต้องก้าวถอยหลังให้หนึ่งก้าวเพื่อที่จะมาให้ตัวเองเซล้มลงไปกับพื้นและแน่นอนว่ามันคงเกิดภาพที่ไม่น่ามองเท่าไหร่หากเขาล้มไปแล้วพี่เค้กล้มตามลงมาด้วย


              หน่วยตาคมพยายามก้มมองฝ่ามือเล็กและปมผ้าพันคอตรงหน้าก่อนที่จะขยับสายตามองใบหน้าของอีกคนที่ใกล้จนเห็นแพขนตายาวของเค้กอย่างชัดเจน รวมถึงรอยกระฝ้าเล็กน้อยที่เกิดจากการตากแดดและก็ต้องยอมรับว่าผิวของเค้กขาวไม่ต่างจากพี่บุณเลยด้วยซ้ำ


              “มองอะไรนักหนา”


              ดูเหมือนจอมจะตั้งใจมองเกินไปจนคนตรงหน้าช้อนสายตาขึ้นมามองพร้อมกับรอยยิ้มของเขาที่ส่งไปให้ตามเคย


              “มองพี่”


              “น้องของบุณนี่น่ารำคาญจริง”


              จอมไม่เถียงกลับแต่ปล่อยให้เค้กแก้ปมผ้าพันคอต่อไปจนสุดท้ายมันก็หลุดออกจากคอของเขาจนได้ ก่อนที่รุ่นพี่ตัวเล็กที่ยืนใกล้กันเมื่อครู่จะขยับออกแล้วยัดผ้าใส่มือเขาทันที


              “ใครผูกให้วะ โคตรแน่น”


              “เพื่อนตัวเล็กของพี่นั่นแหละ”


              เค้กกลอกตาเมื่อได้ยินชื่อบุณออกมา เขานึกได้ว่าตอนปีหนึ่งเคยขอให้บุณผูกให้และสุดท้ายต้องใช้เวลาแก้ปมเกือบสิบนาทีเพราะอีบุณมันรัดแน่นเกินมนุษย์มนา


              “แต่ก็ดีนะพี่เค้ก”


              “ดีบ้าอะไร”


              “ดีสิ”


              “...”


              “เพราะผมได้ใกล้พี่มากกว่าเดิมไงครับ”


              คิดๆดูอีกทีแล้ว ทั้งบุณแล้วก็น้องของมันนั่นแหละ น่ารำคาญทั้งคู่เลย!







    //








              “ลันให้ซื้อไรมั่ง”


              ใบสั่งซื้อของเพิ่มสำหรับเตรียมการรับน้องถูกยื่นมาให้กับบุณที่กำลังเข็นรถเข็นคันใหญ่อยู่ก่อนที่เขาจะรับมาไว้ในมือแล้วไล่อ่านรายการอย่างละเอียด


              “งบอ่ะ”


              “ลันให้มาสี่พัน ถ้าไม่พอเดี๋ยวสำรองไปก่อนแล้วค่อยไปเบิก”


              “มาแล้วก็ช่วยกันดูด้วยอีสัสอรุณ กูตัวแค่นี้”


              อรุณหัวเราะออกมาก่อนที่จะเดินเข้ามากอดคอเพื่อนตัวเล็กเอาไว้แล้วขยี้ผมสีม่วงของบุณไปแรงๆ


              “ลืมไป เพื่อนกูมันไอ้เตี้ย”


              “ทำไมลันกับเค้กถึงปล่อยให้กูมากับคนปากหมาแบบมึงเนี่ย ประสาทจะแดก”


              “มากับคนหล่อแบบกูมึงควรดีใจ”


              อรุณยักคิ้วให้ตอบกลับมาจนบุณต้องกลอกตามองบนให้มันเป็นรอบที่ร้อยหลังได้ยินอรุณอวยความหล่อของตัวเอง


              ข้าวของจำเป็นที่อยู่ในรายการถูกโยนใส่รถเข็นจนมันหนักขึ้นกว่าเดิมและต้องใช้แรงมากขึ้นเพื่อที่จะเข็นรถจนอรุณถอนหายใจออกมาหลังเห็นเพื่อนตัวเองพยายามอย่างหนักที่จะดันรถไปข้างหน้า


              ”แรงมึงก็มีแค่นี้ ทำไมชอบไม่เจียมตัว”


              คนตัวสูงกว่าเดินเข้าไปแทรกแล้วควบคุมรถเข็นเอาไว้เองก่อนที่บุณจะเบะปากใส่เขาทันที


              “กูก็ผู้ชาย เลิกพูดเหมือนกูอ่อนแอซะที”


              “มึงก็รู้ตัวดีว่ามึงไม่ไหว แล้วมึงก็รู้ว่าสุดท้ายยังไงกูก็ช่วยมึงถ้ามึงขอ”


              บุณไม่ใส่ใจฟังแต่กลับหันกลับแล้วเดินหนีอรุณไปตามทางของห้างสรรพสินค้า


              นิ้วเล็กไล่เรียงไปตามรายการสั่งซื้อก่อนจะหันกลับมามองสินค้าในรถสลับไปมาพร้อมพยักหน้ากับตัวเอง


              “ครบแล้วนะ กลับเลยมั้ย”


              “ก็ได้ เริ่มหิวละ”


              ทั้งสองคนเดินไปตามทางเพื่อหาเคาน์เตอร์คิดราคาก่อนที่บุณจะหยุดชะงักแล้วเดินเลี้ยวเข้าโซนครีมอาบน้ำและแชมพูสระผมโดยที่อรุณจำเป็นต้องเลี้ยวรถเข็นตามเข้าไปถึงแม้จะอยากคิดเงินแล้วรีบไปกินข้าวแค่ไหนก็ตาม


              “เดี๋ยวขอซื้อยาสระผมแป๊ปนึง”


              “มึงใช้ของไร”


              “กูใช้ของเด็กอ่ะ ใช้แบบธรรมดาไม่ได้ มันจะมีรังแคเยอะมาก”


              “ไอ้พวกหัวอ่อนแอ”


              บุณโชว์นิ้วกลางใส่เพื่อนปากหมาก่อนที่อรุณจะหัวเราะออกมาแล้วหยุดรถเข็นรอเอาไว้พร้อมเดินเข้ามาหาเพื่อนสนิทของตน


              “ถึงจะใช้ของเด็กแต่มันหอมนะมึง เมื่อวานก็พึ่งสระไป กูชอบอ่ะ”


              “หอมจริง?”


              “เออดิ”


              “ไหนขอพิสูจน์”


              ช่วงแขนยาวดึงเอวของบุณเข้ามาใกล้ก่อนจะจรดปลายจมูกเข้ากับกลุ่มผมนิ่มที่ไปย้อมสีมาหลายครั้งแล้วหลังเข้ามาในมหาวิทยาลัย


              ตัวของบุณนิ่งไปในทันทีก่อนที่นัยน์ตาเรียวจะกลอกมองซ้ายขวาไปมาพร้อมกับฝ่ามือที่บีบขวดแชมพูแน่นขึ้นจนปลายเล็บเปลี่ยนเป็นสีขาวด้วยความเกร็ง


              บุณเคยเห็นอรุณเล่นแบบนี้กับเค้กและสิ่งที่เค้กมอบกลับคืนไปคือฝ่ามือหนักที่ตีเข้าที่แผ่นหลังกว้างและขาที่ยกขึ้นเตะหน้าแข้งอรุณจนเพื่อนตัวสูงเดินแบบคนไม่สมประกอบไปหลายวัน


              แต่ต่างกับบุณที่ไม่รู้จะต้องทำยังไงเมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้


              อรุณขยับใบหน้าออกก่อนจะก้มมองคนที่ยืนนิ่งไปโดยที่ไม่แม้แต่เงยหน้ามามอง


              “บุณ”


              “...อื้ม”


              Rrrrrrrrrr


              เสียงโทรศัพท์ในกางเกงสแลคของอรุณดังขึ้นก่อนที่ช่วงแขนยาวจะปล่อยออกมาเอวของบุณแล้วเดินแยกออกไปรับสายของคนที่โทรมา


              “ว่าไงคะ... อ๋อ กำลังจะคิดเงิน”


              “...” ลันโทรมาแน่ๆเลย


              “โอเค เดี๋ยวรีบกลับ แล้วจะกินอะไรมั้ย... ไม่เหรอ ครับๆ เดี๋ยวเจอกัน”


              “ไปเถอะ”


              บุณตัดบทโดยที่ไม่รู้ว่าอรุณจะเดินกลับมาพูดอะไรก่อนที่จะออกแรงทั้งหมดลากรถเข็นไปยังเคาน์เตอร์คิดเงินและไม่ได้หยิบแชมพูสระผมติดมือมาสักขวดเลยด้วยซ้ำ


              ตลอดทางบุณนั่งกอดอกและพิงศีรษะเข้ากับกระจกพร้อมหลับตาลงเพื่อไม่เปิดโอกาสให้คนขับรถได้พูดอะไรออกมากับเขาสักนิด ก่อนจะปล่อยให้รถคันหรูแล่นเข้าสู่ใต้ตึกคณะแล้วรีบขนของลงหลังอรุณจอดรถสนิททันที


              บุณนั่งรอลันเช็คของตามรายการก่อนที่เพื่อนสนิทอีกคนจะเดินมากอดเขาเอาไว้จากข้างหลังแล้วโยกไปมา


              “เหนื่อยเปล่าน้องบุณของพี่ลัน”


              สายตาที่จับจ้องโทรศัพท์เปลี่ยนมาเงยหน้ามองเพื่อนที่ก้มมองตัวเองก่อนที่บุณจะยิ้มกว้าง


              “สบ๊าย ของแค่นี้”


              “น่ารักตลอดอ่ะมึง ป่ะๆ กลับกันนะ”


              ลันดึงบุณให้ลุกขึ้นและแน่นอนว่าบุณปฏิเสธไม่ได้ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินมาถึงรถคันเดิมที่บุณคุ้นตามาตั้งแต่ปี 1


              “เดี๋ยวขับไปส่งหอ บุณขึ้นเลย”


              ลันยิ้มแย้มตามปกติแต่บุณมองเข้าไปเห็นหน้าคนในรถพลางส่ายหน้าไปเบาๆ


              “เดี๋ยวกูกลับเอง มึงไปเหอะ อยากเดินอ่ะ”


              ลันขมวดคิ้วทันทีก่อนจะจับไหล่เล็กๆทั้งสองข้างของเพื่อนเอาไว้


              “มึงพูดแบบนี้ทีไรแสดงว่ามึงมีเรื่องให้ไม่สบายใจแน่ๆ”


              “เปล่าจ้า แค่อยากเดิน มึงไปเหอะ เดี๋ยวกูจะแวะซื้อข้าวด้วย”


              “แน่นะบุณ”


              “ไม่ต้องคิดมากหรอกลัน มันไม่มีอะไร”


              เพราะมันไม่มีอะไรจริงๆอย่างที่บุณหมายถึง


              เขายืนมองลันขึ้นรถของอรุณก่อนที่จะเดินเลยผ่านไปเพื่อมุ่งหน้ากลับหอไปพักผ่อน แต่เดินไปได้เพียงไม่นานและไม่ถึงสิบก้าวเลยด้วยซ้ำ บุณกลับได้ยินเสียงคนวิ่งตามหลังมาพร้อมกับข้อมือเล็กที่ถูกดึงรั้งเอาไว้อย่างแรง


              บุณต้องหันกลับไปเผชิญหน้ากับคนสูงกว่าอย่างอรุณก่อนที่จะพยายามดึงข้อมือออกจนสำเร็จเพราะคนตรงหน้าไม่ได้จับเอาไว้แน่นมากเท่าไหร่


              “มีไรไอ้สัส”


              พูดหยาบและพยายามไม่นึกถึงสิ่งที่อรุณทำเพราะสายตาของบุณมองไปยังลันที่นั่งรออยู่ในรถ


              เมื่ออรุณก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว บุณก็เดินถอยหนีไปหนึ่งก้าวเช่นกัน


              อรุณถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นท่าทางของอีกคนก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าพลางเท้าเอวอย่างไม่พอใจ


              “เรื่องเมื่อกี้ที่ห้าง กู—-“


              “ช่างมัน มึงไม่ต้องพูดถึงจะดีมาก”


              เพราะบุณรู้ว่าคนอย่างอรุณมันเล่นไปทั่วมากแค่ไหน เขาโบกมือปัดพยายามไม่ให้คนตรงหน้าคิดอะไรมากก่อนจะส่งยิ้มกลับไป


              “งั้นมึงก็กลับดีๆ กินข้าวด้วย”


              “มึงพาลันไปกินข้าวเถอะ กูไปละ”


              ไม่ได้ตอบรับความเป็นห่วงของเพื่อนกลับไปแต่บุณเลือกที่จะโบกมือลาคนตรงหน้าแล้วหันหลังกลับโดยไม่สนใจว่าอรุณจะเดินกลับไปขึ้นรถทันทีเลยหรือไม่


              ฝ่าเท้าเล็กพาตัวเองเดินผ่านร้านค้าร้านอาหารต่างๆมาโดยไม่สนว่าตัวเองจะหิวมากแค่ไหน แต่เวลานี้บุณแค่อยากกลับไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเองก็เท่านั้น แค่นั้นจริงๆ








    //









              Legendary!


              เสียงเกมส์ดังก่อนที่เสียงป้อมแตกจะดังขึ้นถัดมาหลังจอมกดนิ้วลงบนจอโทรศัพท์ยิกๆอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อชัยชนะ


              โทรศัพท์ถูกกดออกหน้าเกมต่อไปเรื่อยๆก่อนที่จะปรากฎให้เห็นว่าการเล่นครั้งนี้เขาได้ MVP มาครอบครองอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มที่พึงพอใจในฝีมือของตัวเองที่ไม่เคยตก


              คนตัวสูงลุกออกจากเตียงนอนขนาดกว้างพลางเดินมาหยิบขวดน้ำแล้วเปิดออกเพื่อดื่มดับกระหายก่อนจะได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้อง


              คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนที่จอมจะเปิดประตูออกพร้อมกับใบหน้าของเค้กที่ปรากฎให้เห็นอยู่ตรงหน้าเขาและจอมมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดไป


              "พี่เค้ก?"


              "ไปห้องบุณกัน"


              จอมเดินตามคนที่อายุมากกว่าตัวเองหนึ่งปีมายังชั้นห้าและเดินมายังหน้าห้องของบุณที่อยู่


              ประตูห้อง 505 ถูกไขเข้าไปโดยกุญแจที่อยู่ในมือของเค้กก่อนที่จอมจะเห็นเพียงไฟหน้าห้องน้ำที่เปิดอยู่ดวงเดียว  เขาเดินตามคนที่ตัวเล็กกว่าเข้าไปภายในห้องนอนก่อนจะเห็นก้อนผ้าห่มที่คาดเดาว่าน่าจะคลุมร่างพี่บุณไว้ตามแบบฉบับที่พี่ชายของตัวเองชอบทำ


              เค้กนั่งลงข้างๆก้อนผ้าห่มนั้นพลางดึงผ้าสีขาวออกเผยให้เห็นบุณที่นอนกระพริบตามองพวกเขาอยู่


              "ไม่ง่วงรึไง"


              นาฬิกาที่บุญแขวนเอาไว้บอกเวลาสี่ทุ่มครึ่งพอดีพร้อมกับบุณที่ส่ายหัวตอบคำถามของเพื่อน


              คนตัวเล็กที่นอนอยู่ภายใต้ผ้าห่มค่อยๆขยับตัวเข้ามาใกล้กับเค้กแล้วเปลี่ยนตำแหน่งศีรษะจากที่เคยวางบนหมอนเปลี่ยนมาวางบนตักนิ่มๆของเพื่อนแทน


              ฝ่ามือเล็กของเค้กค่อยๆลูบไปมาบนกลุ่มผมสีม่วงที่เขาช่วยบุณย้อมกับมือก่อนจะเงยหน้ามองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่มองเขากลับมาด้วยแววตาสงสัย


              เค้กส่งสัญญาณบอกว่าจะเล่าให้ฟังทีหลังก่อนที่บุณจะยื่นมือของตัวเองไปจับมือของจอมไว้ และจอมจำได้ว่าสมัยเด็กๆเวลาที่นอนด้วยกันแล้วพี่บุณฝันร้าย อีกฝ่ายมักจะขอจอมจับมือเสมอเพื่อความสบายใจ


              จอมรับรู้ได้ทันทีว่าบุณมีเรื่องที่ไม่สบายใจแต่ยังไม่พร้อมจะบอก แต่เขาก็ปล่อยให้ฝ่ามือเล็กของพี่ชายคนสนิทจับไว้อยู่แบบนั้นก่อนจะลูบปลายนิ้วโป้งไปตามมือเรียวเล็กที่แม่ของจอมบอกอยู่เสมอว่ามือของบุณสวยเพียงใด


              ลมหายใจของคนที่นอนตักเค้กอยู่ค่อยๆผ่อนเข้าออกช้าๆหลังถูกขับกล่อมจากทั้งเพื่อนและน้องชายรวมถึงแอร์ที่เปิดไว้ทำให้บุณยาภรณ์เข้าสู่ห้วงนิทราได้ง่ายกว่าเก่า เค้กค่อยๆจับศีรษะของเพื่อนที่นอนอยู่บนตักของตัวเองเปลี่ยนไปนอนบนหมอนนิ่มแทนแล้วจัดแจงผ้าห่มให้คลุมตัวเพื่อให้บุณได้นอนหลับสบายและไม่ต้องตื่นมากลางดึกด้วยความกังวลใดๆ


              จอมถอยออกมาปล่อยให้รุ่นพี่ตัวเล็กจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่เค้กจะเดินตามออกมาพร้อมปิดประตูห้องให้บุณอย่างแผ่วเบา


              นัยน์ตากลมโตช้อนมองเขาก่อนที่จะถอนหายใจออกมา


              "...."


              "ถ้ายังไม่พร้อมจะพูดไม่เป็นไร"


              จอมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่มแต่เค้กกลับส่ายหน้าเบาๆ


              "บุณอยากให้เล่า แต่บุณไม่รู้จะเล่าให้จอมฟังยังไง"


              เค้กเดินมายังบันไดหนีไฟก่อนจะนั่งลงกับขั้นบันไดรวมถึงจอมที่ขยับตัวลงนั่งตามมา


              "ตอนเย็นน่าจะพาบุณไปกินข้าวด้วยกันนะ"


              เค้กเกริ่นออกมาก่อนจะที่จะถอนหายใจอีกครั้งแล้วเท้าแขนเข้ากับหัวเข่าเล็กพลางยกมือปิดหน้า


              จอมมองภาพของคนที่นั่งข้างเขาก่อนจะขมวดคิ้วออกมาด้วยความไม่สบายใจ สมองของจอมนึกย้อนไปถึงเมื่อตอนเย็นตอนร่ำลากับพี่บุณเพื่อแยกย้ายกันก่อนเขาจะไปกินข้าวกับพี่เค้ก


              "พี่อรุณ"


              ชื่อของบุคคลที่สามถูกเอ่ยขึ้นมาก่อนที่เค้กจะหันกลับมามองเขาพร้อมกับเม้มริมฝีปากเข้าหากัน


              "รู้มั้ย...ว่าบุณชอบใคร"


              เพราะเค้กรู้มาตลอดว่าบุณรู้สึกอะไร และรู้สึกยังไงกับใคร แต่เขาไม่เคยพูดหรือไม่เคยบอกคนอื่นเพราะบุณเองก็ไม่อยากบอกออกไป ทำได้เพียงแค่คอยขัดขวางหรือคอยเตือนเพื่อนให้รู้ว่าสิ่งที่ควรจะคิดหรือควรทำตอนนี้มันคืออะไร สิ่งใดไม่ควรทำ และสิ่งไหนที่ควรจะหยุด


              "ตอนแรกผมไม่รู้... แต่ตอนนี้คิดว่ารู้"


              ดูจากสีหน้าของเค้กแล้วเดาได้ไม่ยากเท่าไหร่


              รุ่นพี่ปีสองพิงแผ่นหลังเข้ากับขั้นบันไดที่อยู่สูงกว่าพลางถอนหายใจออกมาอีกครั้ง


              จอมหันไปมองอีกคนก่อนจะถือวิสาสะยื่นฝ่ามือหนาไปกอบกุมมือเล็กที่บีบเข้าหากันอยู่พร้อมกับส่งยิ้มให้กับเค้ก


              "ผมอยู่ตรงนี้ ผมช่วยพี่ดูแลพี่บุณได้"


              "แค่ไม่อยากให้บุณไม่ร่าเริง"


              "..."


              "มันเข้มแข็งเกินไป ไม่เคยร้องไห้ออกมาสักแอะถึงจะเจ็บปวดแค่ไหน แต่บางทีเก็บทุกอย่างเอาไว้ในใจมันก็ออกทางสีหน้าหมด"


              วันนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่บุณโทรมาหาเค้กพร้อมกับเสียงที่ดูเหมือนจะสะอื้นเล็กน้อยจนเขาต้องเดินมาจากหอเพื่อมาดูแลเพื่อนเองกับมือ  ตั้งแต่มาถึงบุณก็เงียบและไม่พูดจาอะไรเลยสักคำ บางทีก็ทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อนหลังอ่านไลน์คณะแล้วทำเป็นชวนเขาคุยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 


              จนพอดึกเข้าเค้กก็อยากให้บุณเข้านอนแต่คนเป็นเพื่อนบอกเขาเองกับปากว่าให้ไปตามจอมมาและสุดท้ายบุณถึงได้ยอมหลับลงง่ายๆเพราะมีคนที่ทำให้สบายใจอยู่ข้างๆถึงสองคน


              "พี่บุณคงไม่อยากให้ใครเป็นห่วง"


              "ไม่ห่วงก็ต้องห่วงอยู่ดี เชื่อสิเดี๋ยวพรุ่งนี้มันก็ทำเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"


              "..."


              "ถ้าบุณไม่โอเคก็แค่อยากให้พูดออกมาบ้าง ถึงยังไงพี่ก็รับฟัง"


              ฝ่ามือหนาอีกข้างยกขึ้นลูบหลังปลอบคนที่กำลังรู้สึกแย่ไม่แพ้บุณก่อนที่เค้กจะมองเขาพร้อมแววตาที่แทบจะร้องไห้


              "ผมเชื่อว่าวันนึงพี่บุณจะพูดออกมาเอง แต่วันนี้ถ้าพี่รู้ว่าพี่บุณไม่สบายใจ สิ่งที่พี่ทำได้ก็แค่อยู่ข้างๆพี่บุณ ถึงพี่บุณจะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่เชื่อเถอะครับ... ถ้าพี่บุณเลือกที่จะโทรหาพี่ ก็เท่ากับว่าพี่นั่นแหละคือคนที่ทำให้พี่บุณสบายใจได้มากที่สุดแล้ว"


              ฝ่ามือของจอมอบอุ่นและมันบีบมือให้กำลังใจเค้กในทุกๆคำพูดที่จอมพูดออกมา


              คนตัวเล็กกว่าพยักหน้าก่อนจะส่งยิ้มกลับคืนไปให้เด็กหนุ่มแล้วถอนหายใจออกมาเพื่อฮึบน้ำตาที่กำลังจะไหลเอาไว้


              "ผมว่าแล้วเชียว... รู้สึกเหมือนพี่อรุณจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าผม"


              "มันคิดว่าจอมชอบบุณ"


              "อย่างงี้นี่เอง"


              จอมพยักหน้าก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงเบาเมื่อใครๆก็ชอบคิดแบบนั้นเวลาเห็นเขากับพี่บุณ


              คิ้วเรียวของเค้กขมวดมองเด็กตรงหน้าก่อนที่จอมจะมองเขากลับพร้อมยิ้มกลับมาให้


              "เหมือนพี่มีอะไรอยากจะถามผม"


              "ก็อรุณคิดว่าจอมชอบบุณ"


              "แล้ว.."


              "แล้วชอบจริงๆมั้ย"


              เขาไม่ได้นึกรำคาญที่เจอคำถามนี้ซ้ำอีกครั้ง  แต่จอมกลับบีบฝ่ามือเล็กที่เขากำลังจับอยู่แน่นขึ้นพลางก้มมอง


              "ตอนนี้ผมจับมือใครอยู่"


              "..."


              "คิดว่าผมยังชอบพี่บุณอยู่มั้ย"


              เค้กไม่ได้ตอบออกมาสักคำถามแต่กลับเลือกที่จะดึงฝ่ามือออกแล้วเปลี่ยนไปหลบตาเด็กตรงหน้าที่จ้องมองตัวเองแทน


              "อย่าถือสาอรุณมันเลยนะ จะพยายามบอกให้มันไม่ต้องยุ่งกับบุณมาก ให้ทำเหมือนที่เพื่อนคนอื่นทำก็พอ"


              "แล้วพี่ลัน?"


              "ไม่รู้เหมือนกัน สับสนวุ่นวาย"


              เค้กเบื่อเรื่องรักๆใคร่ๆเพราะมันวุ่นวายอย่างที่บอก


              เขาลุกขึ้นจากบันไดก่อนจะปัดกางเกงแล้วหันกลับมาหาเด็กที่นั่งอยู


              "จะกลับแล้วนะ.. ยังไงก็ขอบคุณที่มาหาบุณเป็นเพื่อน"


              "พี่ชายผมทั้งคน"


              "...อือ"


              จอมลุกออกจากที่นั่งก่อนจะเดินลงจากบันไดไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนที่ตัวเล็กกว่าด้วยระยะที่ค่อนข้างใกล้จนเค้กต้องเงยหน้าขึ้นมาเด็กหนุ่มตรงหน้าแทนแผ่นอกที่อยู่ในระดับสายตาของเขา


              ฝ่ามือหนาวางลงบนกลุ่มผมนิ่มก่อนที่จอมจะลูบเบาๆ

              
              ถ้าเป็นคนอื่นเค้กคงเตะปลิวไปแล้วเพราะอรุณมันก็เคยโดนแบบนั้นตอนที่มาเล่นอะไรพิเรนทร์จนน่าขนลุก แต่ไม่รู้ทำไม.. พอมาคราวนี้ตัวของเค้กดันแข็งทื่อเป็นท่อนไม้เสียอย่างงั้น


              "ไม่ว่าพี่จะถามผมอีกกี่รอบ สิ่งที่ผมจะยืนยันและให้คำตอบพี่มันก็ยังเป็นเหมือนเดิม"


              "..."


              "ผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่บุณ สักนิดผมก็ไม่เคยรู้สึก มีแค่ความเป็นพี่น้องเท่านั้น"


              "..."


              "แล้วผมก็อยากให้พี่คิดดูดีๆ... ว่าเมื่อกี้ผมจับมือใคร"


              "..."


              "แล้วถ้าผมไม่ได้ชอบพี่บุณ.. ผมจะชอบใคร"


              เหมือนเป็นการบอกความรู้สึกออกมากลายๆ เค้กเม้มริมฝีปากก่อนจะเดินหนีมาที่หน้าลิฟต์พร้อมกดปุ่มอย่างว่องไว แต่จะพยายามหนียังไงสุดท้ายเขาก็ต้องให้จอมไปส่งอยู่ดีเพราะไม่มีคีย์การ์ดแตะประตูออก มีแต่กุญแจสำรองของห้องบุณก็เท่านั้น


              เด็กหนุ่มรุ่นน้องเดินตามมาหลังเข้าลิฟต์ด้วยกันและเค้กไม่พูดอะไรออกมาสักคำแถมหลบหน้ากันทุกครั้งที่เผลอหันไปสบตาเด็กตัวสูงคนนี้ เขายืนหยุดรออยู่หน้าประตูหอก่อนที่คนข้างหลังจะยื่นแขนมาพาดกับไหล่เค้กแล้วแตะคีย์การ์ดให้


              ใบหน้าคมของคนตัวสูงด้านหน้าโน้มลงมาพลางกระซิบบอกรุ่นพี่ตัวเล็กตรงหน้าเสียงเบา


              "ฝันดีครับ พี่เค้ก"


              "อือ.. ฝันดี"


              "..."


              "ไอ้เด็กบ้า"


              ประตูถูกเปิดออกก่อนที่คนด้านหน้าเขาจะเดินออกไปพร้อมทั้งรอยยิ้มของจอมที่ผุดขึ้นมาราวกับคนที่มีความสุข เขาควงกุญแจในมือก่อนจะกลับเข้าลิฟต์ไปเพื่อกดขึ้นไปยังชั้น 6 แล้วกลับห้องนอนของตัวเอง


              แอร์เย็นฉ่ำถูกเปิดทันทีหลังฝ่าเท้าก้าวเข้าห้องก่อนที่จอมจะกระโดดนอนหงายลงบนเตียงกว้างพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ยังคงอยู่บนใบหน้าและไม่จางหายไป


              เขายิ้ม และยิ้มอีกครั้งให้กับความรู้สึกที่ล้นอยู่ในใจตอนนี้


              วันนี้เป็นวันที่ดีและมีความสุขสำหรับจรณินทร์จริงๆ :)


















    #ดวงใจจรณินทร์



              เป็นกำลังใจให้ความวุ่นวายที่พี่เค้กต้องรับมือและการเดินหน้ารุกของน้องจอมด้วย ร้ายไม่หยุดเลย 


              บวกกับเป็นกำลังใจให้คนเขียนแบบเราด้วยนะคะ พยายามทำให้ดีที่สุด อาจจะติดขัดบ้างแต่ก็พยายามนะ 


              see you soon 


        
                             
      B
      E
      R
      L
      I
      N
      ❀
           
      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×