หัตถ์เทพสังหาร

ลำดับตอนที่ #3 : คัมภีร์ปลอม???

บทที่3



    จุดชีพจรบนร่างกายมีทั้งหมด 8 จุดสำคัญๆแบ่งเป็น

จุดที่กลางกระหม่อม จุดที่ลำคอ จุดที่กลางหน้าอก จุดที่ท้องน้อย จุดที่ข้อมือทั้งสองข้าง และจุดที่ข้อเท้าทั้งสอง ทั้งหมดล้วนสำคัญ เพราะการโคจรพลังนั้นต้องผ่านจุดเหล่านี้ทั้งสิ้น

    จากในคัมภีร์ ถูกบันทึกไว้ว่า การจะฝึกหัตถ์ภูผานั้นต้องทำใจให้เป็นกลางไม่เอนเอียงไปทางด้านใดด้านหนึ่ง โคจรพลังที่จุดกลางกระหม่อม ปล่อยพลังไหลไปตามทาง ผนึกไว้ที่กลางหน้าอก  สร้างพลังอีกสายจากจุดที่ข้อมือทั้งสองปล่อยให้ไหลสวนกันสลับไปมา ถึงเวลานี้ อัครเรช

รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ลำแขนทั้งสองข้างมาก แต่เขาคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกยุทธทุกคนต้องผ่าน เขาจึงอดกลั้นเอาไว้และฝึกต่อไป โดยหารู้ไม่ว่านั่นอาจเป็นการทำให้ถูกธาตุไฟเข้าแทรกได้

    ขั้นตอนต่อไปในคัมภีร์บอกว่าหลังสร้างพลังสองสายแล้ว ให้นำมารวมกันไว้ที่จุดท้องน้อย

แล้วปล่อยให้ไหลไปสู่ชีพจรที่ข้อมือด้านขวา ครบแล้วจึงทำอย่างนี้อีกรอบหนึ่งแต่ให้ลงที่จุดชีพจร

ทางข้อมือด้านซ้าย ในเวลาเดียวกัน ลำแขนทั้งสองข้างของอัครเรช ก็ทวีความทรมานมากขึ้นเรื่อยๆ

จนเขาต้องกระอักเลือดออกมา สาริน  รีบวิ่งเข้ามาดูอาการ ถามอย่างร้อนรนว่าเขาฝึกผิดวิธีหรืออย่างไร

สาริน รีบหยิบคัมภีร์เปิดออกดู สีหน้าตกใจบนใบหน้าของสารินทำให้อัครเรชเป็นกังวล

    ความจริงแล้วการที่ให้ฝึกพลังสวนทางกันนั้นไม่สามารถเป็นไปได้เลยเพราะจะทำให้ธาตุไฟเข้าแทรกได้อย่างง่ายดาย ฉะนั้นถึงแม้มันจะเป็นคัมภีร์ยุทธก็จริงแต่มันก็เป็นของปลอมอาจถูกทำขึ้นเพราะความต้องการของใครบางคน

อัครเรชทำสีหน้าผิดหวัง

    เสียงตะโกนโหวกเหวกปะปนกับเสียงอาวุธขัดกันดังอยู่หน้าบ้านร้างที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่

พวกเขาหมดทางเลือกจึงต้องออกไปเผชิญหน้าด้วยตนเอง คราวนี้ขุนนางไม่ได้มาพร้อมกับทหารแต่มาพร้อมกับมือปราบที่ทางการส่งมาจับพวกเขาสองคน ดูท่าทางแล้วฝีมือไม่เบาทีเดียว

สารินถึงแม้จะมีวรยุทธติดตัวบ้าง แต่คงไม่สามารถต่อกรกับคนมากขนาดนี้ได้ พวกมือปราบไม่พูดพร่ำทำเพลง ทุกคนมุ่งหน้ามาที่ อัครเรช เพราะรู้ว่าเขาไม่มีวรยุทธ ดาบถูกฟันลงมา อัครเรชยกมือปัดป้องตามสัญชาติญาณ เลือดไหลนองบนพื้น แต่ทว่าเลือดนั้นไม่ใช่ของอัครเรช เป็นเลือดของมือปราบที่ถูกปลายดาบหักปักลงบนหน้าอกของเขา แขนของอัครเรชไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน เขารูสึกเพียงแต่ว่ามีอะไรเบาๆมาสะกิดที่แขนเขา เป็นดั่งลมพัดผ่านเท่านั้น เขายังไม่เชื่อสายตาตัวเองเท่าไหร่นัก แต่มันก็ทำให้เขานึกขอบคุณคัมภีร์นั่นจริงๆ สารินยังคงแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะ

สารินคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่คัมภีร์งี่เง่านั่นจะเป็นของจริง

ซึ่งความจริงแล้วคัมภีร์นั่นเป็นของที่ใช้ทำหลอกผู้คนเท่านั้น แต่คงจะเป็นลิขิตสวรรค์ที่มันสามารถให้พลังแก่อัครเรชได้ เมื่อสารินรู้สึกตัว ก็รีบโคจรพลังรับมือกับพวกมือปราบทันที

อัครเรชยังไม่รู้ว่าหมัดของเขานั้นจะมีอานุภาพสักเท่าไร เขานึกอยากทดสอบพลังของมันเขาจึงหมายตามือปราบที่ดูแข่งแกร่งที่สุดในกลุ่มนั้น แล้วเข้าไปหมายจะเอาชีวิตมัน ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลขนาดไหน ทันทีที่หมัดของเขาสัมผัสกับดาบของมือปราบ มันให้ผลเกินกว่าที่ตัวเขาจะคาดเดาได้ ดาบแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเมื่อถูกต้องกับหมัดของเขา เมื่อผ่านดาบไปแล้วก็ถึงตัวของมือปราบ ร่างของมือปราบถูกบดแหลกเหลวทั้งกระดูกรวมถึงอวัยวะภายใน ร่างของมือปราบกระเด็นไปหลายสิบเมตร มันเป็นสิ่งที่เขาต้องการตลอดมา นั่นคือความแข็งแกร่ง

“ทีนี้ข้าก็สามารถก็แค้นให้ท่านได้แล้ว ท่านพ่อท่านแม่” อัครเรชพูดกับตัวเอง

หลังจากที่อัครเรชจัดการกับพวกมือปราบเสร็จแล้ว แต่พวกเขาก็ยังมีเรื่องให้ลำบากใจ เพราะการที่จะทำร้ายขุนนางนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ เพราะถ้าถูกนำไปกราบทูลต่อกษัตริย์ แล้วมีราชโองการลงมาให้ให้นำตัวมาประหารล่ะก็ เรื่องคงไม่จบง่ายๆเป็นแน่ พวกเขาจึงจำใจต้องปล่อยมันไป หลังจากเสร็จเรื่องแล้ว ทั้งสองคนก็ถกเถียงกันเรื่องคัมภีร์ยุทธปลอมๆนั่น สารินว่ามันเป็นของปลอม แต่อัครเรชสนใจเพียงแต่ว่ามันทำให้เขามีความแข็งแกร่งอยู่ในมือไว้ได้เขาก็พอใจแล้ว