ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BLAZE’ TWIN ฝาแฝดจอมเวทย์ กับ เจ้าชายแห่งรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #5 : ผู้คุมหอแห่งทิทเธอร์เนียร์

    • อัปเดตล่าสุด 20 มี.ค. 56


    ราตรีที่ 5

    ผู้คุมหอแห่งทิทเธอร์เนียร์

     

     

     

               

     

     

    ฉันอยู่นี่”

    เสียงปริศนาดังมาจากตรงมุมตึกของอาคารคริสตัล ทุกคนจับจ้องไปที่บริเวณนั้น กระโปรงพลิ้วตามสายลมออกมาจากมุมตึกนิดๆจนรู้ว่ามีใครบางคนอยู่ตรงนั้น

    แกรกๆ

    เสียงเหมือนล้ออะไรบางอย่างกำลังเลื่อนอยู่บนผืนหญ้า เผยให้เห็นหญิงสาวผมเปียสีทอง แว่นตากลมโตอันหนาเตอะก็โดนปิดด้วยหน้าม้าของเธอที่ยาวบดบังดวงตาและใบหน้าทีก้มมองแต่พื้นเอาไว้ทำให้มองเห็นได้ไม่ถนัดนัก

    ร่างบางนั้นนั่งอยู่บนรถเข็นที่กำลังพาร่างเธอมาที่สนามหญ้าอย่างอัตโนมัติ โดยที่เธอไม่ได้บังคับมัน เรียกเสียงฮือฮาให้กับทุกคนบริเวณนั้น ที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีผู้พิการมาเป็นนักเรียนที่นี่ ในมือของเด็กสาวโอบอุ้มตุ๊กตากระต่ายสีชมพูที่ดูเก่ามากแล้วไว้แน่น เหมือนเกรงว่าใครจะมาแย่งมันไปจากเธอ

    ซีเบลล์กับโปเซียมองจับจ้องไปยังเธออย่างจกใจ ใช่แล้ว เด็กสาวคนนั้นคือนักเรียนหญิงที่พวกเธอนั่งข้างๆในหอประชุมนั่นเอง เธอไม่คิดว่าหล่อนจะไม่สามรถเดินได้เหมือนคนอื่นเลย

    รถเข็นเคลื่อนมาถึงได้แค่ตรงขอบสนามก็ต้องหยุดชะงักลง บีวิลลีมองด้วยความสงสัยว่าทำไมเธอถึงหยุดอยู่แค่ตรงนั้น

    “เธอคือลูเซีย ฟอแคลสใช่มั้ย” บีวิลลีถาม

    เด็กสาวนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าตอบอย่างช้าๆ เหมือนร่างที่ไร้วิญญาณ เธอขยับปากนิดๆเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา ทำให้ทุกคนเงียบลงเพื่อพยายามจะฟังเสียงที่เบายิ่งกว่าเสียงลมพัดของเธอ

    “อะ...เอ่อ...พื้นหญ้าที่นี่...มัน...ชั้นว่ามัน...ฮึๆ” เด็กสาวขยับมุมปากเล็กน้อยเหมือนจะแยกเขี้ยวออกมาขู่คนอื่น ทำให้ใบหน้าที่ดูลึกลับของเธอกลับยิ่งน่ากลัวเข้าไปอีก

    ฟิ้ว~

    ลมที่แสนเยือกเย็นพัดมาวูบหนึ่ง ใบไม้แห้งปลิวไปทั่ว ผมที่ดูรุงรังของลูเซีย ฟอแคลส ที่นั่งอยู่ในรถเข็นปลิวตามกระแสลมไป เผยให้เห็นใบหน้าขาวซีดของเธอได้ชัดขึ้น เธอกอดตุ๊กตาไว้แน่นกว่าเดิมเพราะความเย็นยะเยือกของสายลม

    “หญ้าที่นี่มันทำไมหรอ” นักเรียนชายคนที่โดนซีล็อบขนาดจิ๊วของบีวิลลีที่อยู่ในแถวตะโกนถามขึ้นอย่างกล้าๆกลัว

    “หญ้าที่นี่...ฉันว่า..มันหนาดีนะ...ถ้าเอาศพมาทิ้งไว้...คงจะไม่มี...ใครเห็น...ฮึๆ”

    ลูเซีย ฟอแคสหัวเราะออกมาเบาๆ ทุกคนในบริเวณนั้นขนลุกซู่เมื่อได้ยินคำพูดแปลกๆของเธอ จะพูดบางอย่างต่ออีก

    “แต่ว่า...รถเข็นของฉัน...จะเปื้อนหญ้าเอาเปล่าๆ...มัน...ฮึๆ..มัน...ฮึๆ...” เธอขยับมุมปากหัวเราะน้อยๆให้เห็นฟันขาวน้อยๆ อย่างน่าขนลุก

    โครม!!

    “กรี๊ด~”

    เสียงกรี๊ดของพวกนักเรียนหญิงดังลั่นสนามเมื่อกิ่งไม้ขนาดใหญ่หักและตกลงมาเสียงดังบนพื้นหญ้า จนพวกเธออดคิดไม่ได้ว่าเด็กสาวในรถเข็นนั้น...เป็นอะไรกันแน่

    ซีเบลล์หันไปมองกิ่งไม้อย่างอึ้งจนพูดไม่ออก นี่เธอต้องอยู่ห้องเดียว ใช้ชีวิตในรั้ว ช่วยเหลือ ไปไหนมาไหนกับ...

    “ปีศาจ!!” นักเรียนหญิงคนหนึ่งชี้ไปทางลูเซีย ฟอแคลส และตะโกนออกมาเสียงดัง ทำให้นักเรียนคนอื่นกรี๊ดดังลั่น พากันถอยหนีออกห่างคนในรถเข็นอย่างแตกตื่น

    ซีเบลล์มองพวกนักเรียนคนอื่นที่มองลูเซีย ฟอแคลสอย่างรังเกียจ เธอถอนหายใจและเดินไปทางรถเข็นอย่างไม่เกรงกลัว แต่คนที่ดูอยู่กลับลุ้น แตกตื่นจนกันไปหมด ตะโกนให้เธออย่าเข้าไปใกล้ปีศาจ แต่นั่นก็เหมือนกับเพียงเสียงลมพัดผ่านหูซีเบลล์ไปเท่านั้น

    สาวแว่นผมเปียบนรถเข็นก้มหน้าลงมองพื้นต่ำไปอีกเมื่อซีเบลล์เดินมานั่งข้างๆรถเข็นของเธอ เธอพยายามหลบหน้าไม่สบตาสีเพลิงของซีเบลล์และกอดตุ๊กตาไว้แน่นกว่าเดิมอีก

    ซีเบลล์มองอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงไม่มองหน้าเธอ และไม่คิดจะมองอะไรตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย

    “เจ้ารูมเมสกับข้าใช่มั้ย” ซีเบลล์ถามพลางคลี่ยิ้มบางๆออกมา

    ลูเซียนิ่งค้างอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาเหลือบมองหน้าซีเบลล์นิดหนึ่ง เธอสบตากับซีเบลล์ผ่านแว่นหนาเตอะ จนซีเบลล์ไม่อาจรู้ได้ว่าเธอกำลังมองอะไร แววตาเป็นอย่างไร

    “เจ้าเป็นรูมเมสของข้านะ” ซีเบลล์พูดพลางเอื้อมมือไปจับมือที่ขาวซีดและเย็นยะเยือกเหมือนศพ

    ลูเซียสะดุ้งนิดๆกับการกระทำของซีเบลล์ เธอดึงมือออกและวางมันลงบนตักเหมือนไม่ต้องการให้ใครมาสัมผัสมัน จนซีเบลล์อดรู้สึกไม่ได้ว่าคนตรงหน้ารังเกียจเธอหรือเปล่า

    “อะ...เจ้าน่ะ...ไม่กลัวปีศาจ...อย่างข้าหรอ” เสียงกระซิบเล็กๆส่งมาถึงซีเบลล์

    เธอมองหน้าผู้ส่งสารมาให้เธออย่างงงๆก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ

    “55 เจ้านี่พูดอะไรกัน เราเป็นเพื่อนกันนะ แล้วเจ้าก็เป็นแม่มดเหมือนกับข้า กับทุกคน ใครจะบอกว่าเจ้าเป็นปีศาจยังไงข้าก็ไม่เชื่อหรอก มันไร้สารจะตายไป ถึงเจ้าจะเป็นปีศาจจริงข้าก็ไม่กลัวหรอกนะ^^

    “พะ...เพื่อน...งั้นหรอ” ลูเซียกล่าวออกมาเสียงเบาเหมือนเธอไม่เข้าใจ

    “เอาล่ะๆ พอกันได้แล้ว ทุกคนรีบขึ้นหอแล้วเก็บของให้เรียบร้อย วันนี้ทุกคนพักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้เราจะเริ่มเรียนกันอย่างเต็มที่ หอพักของพวกเธอจะอยู่ทางด้านตะวันออกของหอประชุม แยกย้ายกันได้จ่ะ” บีวิลลีพูดขึ้นพลางชี้ไปที่ยอดหอคอยใกล้ๆกับหอคริสตัล

    ทุกคนในสนามเริ่มทยอยกันขนสัมภาระของตัวเองไปที่หอพักพร้อมกับรูมเมสไปเป็นคู่ๆ อาจารย์ต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ต่างๆ ทิ้งไว้ให้ซีเบลล์กับรูมเมสอยู่ตรงขอบสนามเงียบๆ

    แกรกๆ!!

    รถเข็นเคลื่อนถอยหลังไปและเคลื่อนไปตามทาง ซีเบลล์หยิบกระเป๋าและเดินตามไปอย่างรีบร้อน

    “กระเป๋าเจ้าล่ะ” ซีเบลล์เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

    “อยู่ที่ผู้คุมน่ะ” เด็กสาวตอบเสียงเบาก่อนจะก้มกอดตุ๊กตาบนรถเข็นที่เคลื่อนไปตามทาง ทำให้ซีเบลล์งงเล็กน้อย ไม่เข้าใจในคำพูดของเธอ

     

    ครืด~ ครืด~

     

     

     

     

     

     

     

    เสียงเหมือนวัตถุหนักๆโดนลากกับพื้น หากแต่เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของหนักๆถูกลากแต่อย่างใด แต่เป็นเสียงหายใจของสิ่งมีชีวิตร่างยักษ์ แววตาดุร้าย ผิวหยาบสีน้ำตาลเข้ม ที่เรียกว่า ‘โทรล จับจ้องมองซีเบลล์กับรูมเมสอยู่หน้าเคาเตอร์ชั้นล่างของหออย่างไม่ละสายตา ตั้งแต่ก้าวแรกที่เธอเข้ามาในหอพัก

     

     

     

     

     

     

    “เอออออออออ” เสียงเรอของร่างยักษ์ตรงหน้าดังสั่น ซีเบลล์ได้แต่ทำหน้านิ่งมองอย่างไร้อารมณ์

     

     

     

     

     

    “โอเค คุณยักษ์ตัวโต ข้าจะไปห้องข้ายังไง -.,-?” ซีเบลล์ยืนท้าวคางมองหน้าผู้คุมหออย่างนิ่งเฉยๆ ในขณะที่ลูเซียแต่ก้มแต่ก้มหน้าปิดปากเงียบไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

     

     

     

     

    “วาร์เดอร์! ข้าชื่อวาเดอร์”

     

     

    “โอเค วาเดอร์ ข้าอยากพักผ่อนที่ห้องของข้าจะแย่แล้ว เจ้าคงไม่ปล่อยให้เพื่อนข้าที่ป่วยเดินไม่ได้ต้องมานั่งอยู่อย่างงี้นานๆหรอกนะ”

    ตึง!!!

    มือใหญ่ของโทรลวางลงบนเคาเตอร์เสียงดังจนสั่นสะเทือนไปหมด พลางยื่นหน้ามาจ้องดวงตาสีเพลิงของซีเบลล์อย่างไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก

    “กุญแจของเจ้า...” เสียงแหบพร่าของวาร์เดอร์  โทรลร่างยักษ์กล่าวพลางยกมือที่ว่างบนเคาเตอร์ออกเผยให้เห็นกุญแจเล็กๆพวงหนึ่งวางอยู่ก่อนจะเดินไปในห้องหลังเคาเตอร์

    พวงกุญแจถูกรวมไว้ในมือซีเบลล์ก่อนที่เธอจะหยิบกระเป๋าและเดินนำรูมเมสไปที่ลิฟต์ ทีดูเหมือนกรงเหล็กดีๆนั่นเอง

    วืด~

    เสียงลิฟต์เลื่อนมาข้างล่าง เปิดออกให้คนรอพร้อมกับสัมภาระเข้าไปข้างใน ก่อนที่มันจะปิดลง ในลิฟต์ดูเหมือนจะเก่าและถูกใช้งานมามากหลายสิบปี มีรอยสนิมตามผนังลิฟต์ หลอดไฟมีฝุ่นเกาะหนาเตอะ มีซากแมลงตายเป็นจำนวนมากข้างในหลอดไฟ หนำซ้ำไฟยังสลัวเกินไปด้วย

    ซีเบลล์เอื้อมมือหมายจะไปกดตัวเลขเพื่อไปชั้นที่มีห้องพักของพวกเธอ แต่กลับต้องชะงัก เพราะอะไรน่ะหรอ...เพราะว่าเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธฮอยู่ชั้นไหน ห้องอะไร

    “ชั้น 3 ขั้นบันไดที่1 ห้อง 2” ลูเซียกล่าวขึ้นเสียงเบา

    “ห๊ะ?” ซีเบลล์มองอย่างงงๆ ก่อนจะเห็นไปมองตัวเลขในลิฟต์ ว่าเธอจะกดเลขยังไง เพราะเลขมีแค่ 1-13 ให้เธอกด แต่ไม่มีชั้น หรือบันไดตามที่ลูเซียบอกให้เธอกดแม้แต่น้อย

    “ชั้น 3 น่ะ” ลูเซียกล่าวออกมาสั้นๆ ซีเบลล์พยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะใช้นิ้วชี้จิ้มลงบนปุ่มที่มีตัวเลข 3 อยู่

    วืด~

    ลิฟต์เคลื่อนขึ้นไปข้างบนเสียงดังและส่ายโคลงเคลงไปมา จนเธออดคิดไม่ได้ว่ามันจะตกลงไปยังจุดที่ต่ำที่สุด ถึงตอนนั้น เธอคงได้คอหักตายแน่ ซึ่งตรงกันข้ามกับรูมเมสของเธฮ ที่ดูเหมือนว่าเธอจะชอบมันเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่มีใครดูเธอออก เพราะเธอเอาแต่ก้มหน้า ไม่พูดอะไรเลยสักนิด

    ลิฟต์เปิดออกในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา  เธอลากกระเป๋าออกมาจากลิฟต์ด้วยอาการเซนิดๆ แต่ก็สามารถทรงตัวได้ รถเข็นของลูเซียเคลื่อนออกมาจากลิฟต์ก่อนที่มันจะปิดพอดี และมาหยุดข้างๆซีเบลล์

    “โอ้! เอาล่ะ เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าห้องเราอยู่ตรงไหน” ซีเบลล์หันมาถามลูเซีย ซึ่งเธอก็พยักหน้าตอบอย่างช้า พลางพึมพำออกมา

    “บันไดขั้นที่1ห้อง2

    “อะ...บันได...ขั้นที่??” ซีเบลล์มองลูเซียอย่างไม่เข้าใจ พลางกวาดสายตามองไปข้างหน้าที่มีบันไดทางขึ้นไปชั้นอื่น ซึ่งก็คงจะเป็นชั้น4

    “ลูเซีย ข้าคิดว่าห้องพักเราคงจะไม่ใช่บันไดหรอกนะ”

    “มันเป็นบันได”

    “ห๊า!?”

    ลูเซียไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอปล่อยให้รถเข็นเคลื่อนพาเธอไปตรงหน้าบันไดที่มีพรมสีแดงปูทอดยาวลงมาตามทาง

    “3 เศษ1ส่วน2

    ครืด~

    จู่ๆบันไดเป็นขั้นๆตรงหน้าซีเบลล์ก็ขยับเรียงกันเป็นทางเรียบยกสูงขั้นเป็นเพดาน เผยให้เห็นทางเดินที่มีประตูอยู่ประมาณ 10 บานเรียงเป็นห้องติดกัน เธอมองอย่างอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง พอตั้งสติได้ก็เห็นลูเซียไปข้างในก่อนแล้ว เธอจึงรีบลากกระเป๋าตามไป

    ทางเดินปูไปด้วยพรมแดง มีคบเพลิงส่องแสงสลัวๆตามผนังและทางเดิน มีภาพวาดธรรมชาติใส่กรอบแขนไว้ รูปปั้นสัตว์สีทองถูกตั้งวางตามหน้าประตูห้องต่างๆอย่างสวยงาม

    “มาช้ากันจังนะ”

    “เฮ้ย!!” ซีเบลล์ร้องตกใจขึ้นมาทันที เมื่อจู่ๆระหว่างที่เธอกำลังเพลิดเพลินกับการมองสำรวจทางเดิน โทรลร่างยักษ์ที่น่าจะอยู่ที่เคาเตอร์ด้านล่างกลับมาอยู่ตรงหน้าเธออย่างไม่ทันตั้งตัว

    ครืด~ ครืด~

    เส้นผมของซีเบลล์ขยับเล็กน้อยจากลมหายใจของวาร์เดอร์ที่ยืนใกล้กับเธอ เธอถอยห่างออกมา3ก้าวก่อนจะหายใจออกมาอย่างโล่งอก

    “เจ้าขึ้นมาได้ไงน่ะ” ซีเบลล์ถามอย่างสงสัย

    “นั่นไม่ใช่เรื่องของเจ้า!!

    ตึง!!

    กระเป๋าใบใหญ่2ใบถูกวางกระแทกลงกับพื้นเสียงดังจนซีเบลล์สะดุ้งน้อยๆ เธอมองอย่างมึนงง กระเป๋าพวกนั้นไม่ใช่ของเธอนี่นา หรือจะเป็นของลูเซีย รูเมสของเธอหรือเปล่านะ

    “ของลูเซีย” วาร์เดอร์พลางชี้ไปที่เด็กสาวบนรถเข็นก่อนจะเดินไปที่ลิฟต์เพื่อลงไปด้านล่าง

    การมาและจากไปอย่างรวดเร็วของวาร์เดอร์ทำให้ซีเบลล์งงน้อยต่เธอก็ทิ้งความคิดนั้นไปก่อนจะลากกระเป๋าไปตามทางและหยุดอยู่ตรงประตูไม้ที่เกาะสลักเป็นรูปไม้ เถาวัลย์อย่างประณีต สวยงาม ด้านบนขอบประตูมีป้ายไม้สลักเลข ‘2’ ตัวใหญ่เอาไว้

    เธอวางกระเป๋าลงพลางไขกุญแจประตูห้องที่มืดสลัวออก ห้องค่อยๆสว่างขึ้นเรื่อยๆจากหลอดไฟที่ค่อยๆติดเองอย่างอัตโนมัติ ทำให้เห็นห้องโถงที่กว้างใหญ่ มีเตาผิงอยู่ใกล้ๆกับผนังห้อง ประดับด้วยแจกันคริสตัลและทองเหลืองแกะสลักที่มีดอกกุหลาบสีขาวประดับอยู่ ส่งกลิ่นหอมอบอวนไปทั่วห้อง

    ซีเบลล์เดินเข้าไปพร้อมกับกระเป๋าเดินสำรวจไปทั่วห้อง ไม่ว่าจะเป็นห้องโถงห้องครัว ห้องนอน หรือแม้แต่...ห้องน้ำ อย่างสนุกสนาน

    ลูเซียที่เอาแต่ก้มหน้า เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองสำรวจห้องอย่างสนใจ เธอใช้เวลาในการสำรวจไม่นานนักก็เข้าไปในห้องนอนที่มีเตียงสีขาว 2หลังอยู่ในห้อง และมีตู้เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสือตั้งไว้ ที่แปลกใจไปกว่านั้นก็คือ...

     

    “ฮึ่ย! เปิดไม่ออกอ่ะ”

     

     

     

     

     

     

     

    “พังเข้าไปเลยสิ”

     

     

     

     

     

     

    ตึง!!

     

     

     

     

     

    เสียงดังโครมครามภายในห้องที่เปิดกระจกใสที่เบียงรับลมเอาไว้ ต้นเหตุมาจาก 2สาวเพื่อนรูมเมสด้วยกันช่วยกันเปิดประตูอีกบานในห้องที่ปิดล็อก เปิดออกไม่ได้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

     

     

     

     

    “โถ้โว้ย!!

     

     

    ปัง!!

    “ว้าย! >0<” ประตูที่เด็กสาวทั้งสองช่วยกันเปิดอยู่นานเปิดออกในที่สุดเมื่อทั้งสองส่งแรงจากตัวชนเข้ากับประตูเต็มแรงจนมันเปิดออก แต่...ทั้งสองก็ล้มหน้าคะมำตามไปด้วยนี่สิ

    “โอย~ แขนข้า” สาวดวงตาสีเงินค่อยลุกขึ้นพลางจับแขนของเธอ

    “อั๊ยย่ะ! หน้าอกข้า แตกยังนะ” ซอนญ่าสาวผมลอนสีทองบ่นแกมตลกออกมาพลางลุกขึ้น จับๆนวดๆเอวและหัวไหล่ของเธอ

    “อ่ะ...เอ่อ...พวกเจ้าเป็นนักโทษงั้นหรอ” เสียงที่เบาเหมือนเสียงกระซิบเอ่ยถามเด็กสาวทั้งสองที่ไม่ทันได้สังเกตเธอตรงหน้า

    “อุ๊! 0_0” เด็กสาวตาสีเงินหันไปมองบุคคลที่3 อย่างตกใจจนทำให้บุคคลที่3ที่อยู่บนรถเข็นต้องถอยหนี เพราะเกรงว่า เด็กสาวตรงหน้าจะกลัวเธอ

    “ข้า...ข้าขอโทษ” ลูเซียกล่าวพลางถอยไปเรื่อยๆ

    “โอ๊ะ! ไม่ๆ ข้าแค่แปลกใจว่าทำไมมาเจอเจ้าในนี้ได้” โปเซียลุกขึ้นลุกขึ้นเดินตามไป พยายามจะอธิบายให้ลูเซียฟัง

    “อ๊ะ! หรือว่าเจ้าจะโดนพี่ของโปเซียขังน่ะ เฮ้อ~โปเซีย พี่เจ้าใจร้ายจังนะ” สาวผมลอนพูดขึ้นพลางเดินไปเกาะแขนโปเซีย ซึ่งเธอก็ใช้มือดันหัวเพื่อนสาวออก

    “อย่ามาว่าพี่ข้านะ พี่ข้าไม่ทำหรอก”

    “แต่ว่า...”

    “อะไรกันหรอ” ซีเบลล์เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับกระเป๋าของเธอและลูเซีย ชะงักเมื่อเห็นน้องสาวของเธออยู่ในห้องนอน

    “โปเซีย! เจ้าเข้ามาได้ไงน่ะ” ซีเบลล์เดินไปเขย่าตัวน้องสาว จนโปเซียพูดออกมาจับใจความไม่ค่อยๆได้

    “เหวอๆ..ข้า..พัง...อัง..อัง...ประตู..อู..มา..อา..”

    “อะไรนะ! ประตู เจ้ามีแรงขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ซีเบลล์ปล่อยน้องสาวออกและเดินไปที่ประตูอีกบานในห้องที่เปิดอ้าไว้ สำรวจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะวิ่งออกมาแด้วกรี๊ดอย่างดีใจ

    “กรี๊ด~โปเซีย เจ้าอยู่ห้องนี้ใช้มั้ย ใช่มั้ย อ๊า~ข้านึกว่าเราจำไม่ได้นอนด้วยกันอีกแล้ว >0<” ซีเบลล์วิ่งเข้าไปกอดร่างบางของน้องสาวแล้วกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ ไม่ห่วงภาพลักษณ์ของตัวเองต่อหน้ารูมเมสอีกสองคน

    “งั้นเราก็มารวมห้องกันเถอะ มันเป็นห้องเชื่อมกันนี่นา เย้ๆ ><” โปเซียกระโดดตามพี่สาวอย่างสนุกสนานและดีใจ

    ลูเซียกับซอนญ่า เพื่อนรูมเมสของสองพี่น้องฝ่าแฝดมองสองพี่น้องอย่างงงๆและอดขำไม่ได้

    “ฝาแฝดนี่ตลกดีเนอะ” ซอนญ่าเดินมาคุยกับลูเซียด้วยรอยยิ้ม ลูเซียมองหน้าเธฮผ่านแว่นหนาเตอะแล้วพยักหน้าตอบอย่างช้าๆ

    เธอขยับริมฝีปากขึ้นน้อยๆ ด้วยความรู้สึกประหลาดที่เริ่มจะแทรกเข้ามาให้หัวใจที่ว่างเปล่าของเธอ แต่มันดูเหมือนการแยกเขี้ยวเสียมากกว่า ในเวลาแบบนี้น่ะ...เป็นครั้งแรกเลย...ที่เธอรู้สึกว่าเธอ....

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×