คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ล็อกซาน
ล็อกซาน
“กลับกันดีๆนะ ตั้งใจเรียนด้วยล่ะเด็กๆ” จูดี้กล่าวกับเด็กสาวทั้งสองที่ยืนอยู่หน้าประตูกระท่อมเล็กๆใต้ต้นไม้ขนาดยักษ์
“ขอบคุณจูดี้^^” โปเซียก้มลงจุมพิตบนหน้าผากของจูดี้
“นี่แอปเปิ้ลกับนมยูนิคอร์นของโปรดเจ้านะซีเบลล์” มูดี้ยื่นถุงสีน้ำตาลขนาดย่อมส่งให้ซีเบลล์ เธอมันมาเปิดดูและก้มลงกอดมูดี้ด้วยความดีใจ
“ขอบคุณมากนะมูดี้ >_< ข้าจะกินมันให้หมดเลย ข้ากลับล่ะ”
“เดี๋ยว! พูดี้ไม่ออกมาส่งเราหรอวันนี้” โปเซียรั้งพี่สาวเอาไว้ ทำให้เธอนึกได้ว่า มนุษย์ร่างเล็กอีกตนหายไป
เธอยื่นหน้าเข้าไปมองในกระท่อมหลังน้อยที่รกรุงรัง ข้าวของกระจัดกระจายเหมือนโดนรื้อและไม่ได้จักให้มันเข้าที่ เพื่อหาพูดี้ แต่กลับไม่พบเขาเลย สงสัยเขาคงจะไปเจียระไนเพชรที่เขาหามาได้ที่หลังบ้านคงเป็นได้ เธอจังหันมาบอกลาจูดี้กับมูดี้แทน
“พวกเรากลับละนะ”
“ฝากบอกพูดี้ว่าฝันดีด้วยนะจ๊ะ” โปเซียบอกและเดินตามพี่สาวออกไป พลางโบกมือลาพวกเขาที่คอยมองพวกเธอเดินลับตาไปแล้วค่อยปิดประตูเข้าบ้าน
ดวงทิตย์ส่องแสงอ่อนลงเรื่อยๆ ท้องฟ้าเริ่มจะสลัว ลมพัดมาช่างเย็นยะเยือกเหลือเกิน เสียงต้นไม้เสียดสีกับลมดังโหยหวนเหมือนเสียงดวงวิญญาณที่ได้รับความทุกข์อันแสนเจ็บปวด ซีเบลล์เดินจูงมือน้องสาวของเธฮให้ตามมาอย่างทะนุถนอม
พวกเธอเป็นคู่ฝาแฝดที่มีความงามไม่แพ้ใคร พ่อแมของเธฮเสียไปตั้งแต่พวกเธอยังจำความไม่ได้ ทิ้งให้อาศัยอยู่กับ ‘โอลดิส’ ผู้เป็นตาและเป็นหัวหน้าหมู่บ้านทางตะวันออกของกรีฟาเนียร์
เสียงเหยียบใบไม้ดังกรอบแกรบๆตลอดทางเดิน ซีเบลล์เดินกัดแอปเปิ้ลสีแดงสดน่ากินพลางจูงมือน้องสาวอย่างเอร็ดอร่อย ในขณะที่โปเซียแบกคันธรและกระบอกบรรจุศรธนูมัวแต่เดินมองพื้นเพราะกลัวจะสะดุดก้อนหิน เดินชนซีเบลล์ที่จู่ๆก็หยุดโดยไม่บอกไม่กล่าวทำให้ผลแอปเปิ้ลที่ถูกซีเบลล์กัดกินเหลือไม่ถึงครึ่งลูกกลิ้งไปตรงกลางถนน
กรอบๆๆ
เสียงม้าประมาณสักสองตัวได้วิ่งมาทางนี้พอดีหยุดลงตรงหน้าผลแอปเปิ้ลสีแดงที่กลิ้งมาอยู่ตรงกลางทาง ซีเบลล์มองอยู่นิ่งๆไม่พูดอะไรพลางเอาผ้าขึ้นมาปิดไว้บดบังใบหน้าที่งดงามของเธอจากคนแปลกหน้า
“ท่านพี่ ข้าขอโทษ ข้าจะซื้อมาคืนท่าน 10 ผล” โปเซียไม่สนใจอะไร แต่กลับรีบขอโทษผู้เป็นพี่เพราะกลัวจะโดนดุอย่างร้อนรน
โปเซียรู้ดีว่าเวลากินคือเวลาโปรดของซีเบลล์ และยิ่งถ้ามีแอปเปิ้ลกับนมของโปรดเธอแล้วล่ะก็เธอจะชอบมาก และจะโมโหง่ายหากมีใครมาขัดเธอ เธอจะอาระวาดอย่างสุดฤทธิ์ เธอจึงไม่อยากให้พี่สาวโกรธ
ในทางกลับซีเบลล์กลับหันมาเอาผ้าปิดหน้าให้โปเซีย ในใจของเธอนั้นกลัวจนสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็นิ่งลงและโล่งใจขึ้นที่เห็นพี่สาวไม่แสดงอาการโกรธ แต่เงียบไม่ปริปากพูดอะไร ก่อนจะหันกลับไปมองเหตุการณ์ตรงหน้าเงียบๆ
ชายหนุ่มรูปงามอายุราวๆรุ่นเดียวกับพวกเธอ 2 คนกระโดลงจากหลังม้าสีขาวบริสุทธ์ที่สง่างามด้วยท่าทางทะมัดทะแมง
คนหนึ่งมีผมบอร์นทองสวยงาม ดูท่าทางจะเย่อหยิ่งมิใช่น้อยเดินมาเก็บแอปเปิ้ลของซีเบลล์ที่ทำตกกลางทางและส่งให้เพื่อนหนุ่มหน้าหวานผมสีน้ำตาลเข้มที่ยุ่งเหยิงเหมือนโดนยีมาดูและเอ่ยถามขำๆ
“เจ้าคิดว่าเป็นรอยอะไร กระรอก กระแต หรือหนูป่า?” หนุ่มผมบอร์นถามโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าของรอยกัดยืนมองดูพวกเขาอยู่
“ข้าคิดว่ากระรอกยักษ์นะ รอยกัดใหญ่เบอเร่อเลย 555”
“หึ! ข้าอยากกินเนื้อกระรอกย่างจัง”
“เอาสิ! ขอกินด้วย ข้าให้เจ้ายืมธนูได้นะ” หนุ่มผมบอร์นส่งธนูให้และขำใหญ่
“พวกเจ้าจะล่าสัตว์ในป่าเมอร์เรียนไม่ได้นะ!!”
ทั้งสองนิ่งเงียบเมื่อจู่ๆก็มีเสียงหวานที่ดุดันของผู้อยู่นอกบทสนทนาของพวกเขาดังขึ้น เขามองหน้ากันนิ่ง ในป่านี้จะมีใครอยู่อีกล่ะที่นอกจากพวกเขา?
‘ขนลุกชะมัด’ เขาคิด
“ทีเนียส เจ้าเล่นอะไรของเจ้า” หนุ่มผมบอร์นพูดขึ้นหวังจะได้คำตอบจากเพื่อนเขาว่า “ใช่! ข้าแกล้งเจ้า’ แต่เขากลับได้คำตอบที่ไม่อยากได้
“ไม่ๆๆ ข้าก็คุยกับเจ้าอยู่นี่ ข้าจะทำเสียงผู้หญิงน่าขนลุกขึ้นขัดได้ไง เจ้าน่ะแหละทำ! ดอร์มินิก” ทีเนียสโบยกลับ
“จะบ้าเรอะ! ข้าไม่เล่นอะไรไร้สาระแบบนั้นหรอก”
“เลิกเถียงกันได้แล้ว!!” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
พวกเขามองไปตรงหญิงสาวร่างสวมเสื้อผ้ากำมะหรี่สีแดงและน้ำเงิน กางเกงสีดำ ละมีผ้าสีดำบางๆบดบังใบหน้าเอาไว้ 2 คนที่เดินตรงมาทางพวกเขา ซีเบลล์เดินมาจ้องหน้านิ่งๆไม่พูดอะไร ส่วนโปเซีย เธอดูจะตื่นเต้นกับม้าสีขาวบริสุทธิ์อันสง่างามเอามากๆ เธอเดินสำรวจรอบๆตัวของพวกมันและลูกลำตัวมันอย่างอ่อนโยน
ดอร์มินิกและทีเนียสชักดาบออกมาจ่อตรงหน้าของซีเบลล์เพื่อเป็นการป้องกันตัว เธอคงไม่คิดจะปล้นพวกเขาใช่มั้ย ? ลักษณะการแต่งตัวของเธอดูลึกลับจนพวกเขากลัวว่า เธอจะเป็นโจรอย่างที่พวกเขาคิดจริงๆ แต่ซีเบลล์กลับยืนกอดอกนิ่งไม่แสดงท่าทีเกรงกลัวต่อดาบสีทองเงาวับของทั้งคู่แม้แต่น้อย ราวกับว่ามันเป็นแค่ผลกล้วยสั้นๆ
“ทิ้งดาบของพวกเจ้าซะ เอามาจ่อสุภาพสตรีอย่างข้ามันไม่สุภาพเอาซะเลย”
“โว้ว~เจ้าเห็นดาบข้าเป็นช้อนส้อมหรือไง ทำไมยังนิ่ง” ดอร์มินิกถามอย่างแปลกใจ
‘ข้าเห็นมันเป็นกล้วยต่างหาก’ ซีเบลล์คิดในใจอย่างตลกๆ แต่ในความเป็นจริง เธอยังนิ่งเงียบไม่ยอมปริปากอยู่ประมาณ 3 นาที ทำให้ดอร์มินิกไม่พอใจกับท่าทางหยิ่งยโสของเธอจึงกระชับดาบไปใกล้คอเธอ
“เจ้าเป็นใคร” ดอร์มินิกถามเสียงแข็ง
“พวกเจ้าเป็นใคร” ซีเบลล์ถามกลับเหมือนไม่ได้ยินคำถามของเขาเมื่อครู่
ทีเนียสหลุดเขาออกมาอย่างชอบใจ ทำให้ดอร์มินิกรู้สึกเสียหน้า จึงส่งสายตาตวาดให้ทีเนียสเพื่อนคู่หูของเขาเงียบซะก่อนจะหันกลับมาถามสาวน้อยชุดแดง
“ข้าถามเจ้าดีๆนะ ช่วยตอบเป็นประโยคบอกเล่า เพราะข้าไม่ต้องการคำตอบที่เป็นประโยคคำถาม” ดอร์มินิกขึ้นเสียงเล็กน้อย
ในชีวิตเขาไม่เคยมีใครนิ่งกับเขาและแสดงอาการเมินเขาได้มากเท่าเธอมาก่อน ทำให้เขาไม่พอใจ หนำซ้ำเธอกลับไม่เกรงกลัวต่อดาบของเขาและทีเนียสแม้แต่น้อย
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่” ซีเบลล์ถามกลับทำให้อารมณ์ของดอร์มินิกเริ่มเดือดหนักจนเขาอยากจะแทงเธอให้ตายเสียตรงนี้ แต่ทีเนียสห้ามไว้ก่อนและตอบคำถามของซีเบลล์แทน
“พวกเราจะมาเข้าเรียนที่ทิทเธอร์เนียน่ะ”
“หรอ!”
“ใช่ๆ แล้วเจ้าเป็นใครหรอ”
“ข้า...”
ฮี่ๆๆ
ยังไม่ทันที่ซีเบลล์จะเอ่ยปาก ก็มีเสียงม้าแทรกขึ้นทำให้ทั้งสามคนซีเบลล์ ดอร์มินิก ทีเนียส หันไปให้ความสนใจกับเจ้าล็อกซาน อาชาสีขาวตัวโปรดของดอร์มินิก
เขาแทบจะพุ่งเอาดาบแทงโปเซียที่ไม่รู้ว่าปีนขึ้นไปนั่งบนหลังอาชาตัวโปรดของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาก้าวเข้าไปหาโปเซียที่นั่งกระพริบตาปริบๆทำหน้าใสซื่อบนหลังม้า แต่พลาดท่าล้มซะก่อน นั่นไม่ใช่ใครที่ไหน ซีเบลล์นั่นเอง เธอขัดขาเขา
ดาบสีทองของดอร์มินิกหลุดจากมือเขาและไปอยู่ใต้ฝ่าเท้าของซีเบลล์ท่าเหยียบมันอยู่เหมือนดาบทองคำที่ท่านพ่อของเขาให้มาต่ำค่านัก
“เจ้าจะทำอะไรน้องสาวข้า” ซีเบลล์ถาม
อารมณ์ที่เดือดร้อนระอุเหมือนลาวาที่ระเบิดออกจากภูเขาไปทำให้เขารีบลุกขึ้นหมายจะจู่โจมซีเบลล์อย่างไม่ทันได้ให้เธอตั้งตัว แต่ถึงกระนั้นเธอก็เบี่ยงตัวหลบได้ทัน เขาใช้จังหวะที่ซีเบลล์ถอยหลังหลบเขาหยิบดาบที่พื้นขึ้นมาและลงแรงไปทางเธอเต็มที่
ซีเบลล์เบี่ยงตัวหลบได้ทันแต่แขนเสื้อของเธอก็มีรอยฟัน ของเหลวสีแดงไหลออกมาคอบรอบบาดแผลที่เปิดอ้า จนรู้สึกแสบและชาบริเวณนั้น ตอนนี้อารมณ์เธอเดือดขึ้นบ้างแล้ว
‘ก็ดี ข้าจะได้ยืดเส้นยืดสาย’ เธอคิดในใจ
คิดได้อย่างนั้นซีเบลล์ก็แย่งดาบสีเงินในมือของทีเนียสที่ยืนอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้ามาครอบครอง และรีบตั้งรับดาบสีทองทีพุ่งมาทางเธอด้วยความเร็ว
เคร้ง!
เสียงดาบทั้งสองดังกระทบกัน ซีเบลล์กดดาบสีทองลงกับพื้นและใช้รองเท้าหนังแรดที่แข็งแรงรูดมันลงทำให้เกิดเสียงเสียดสีกันน่าเสียวฟัน
เคร้ง!
การต่อสู้ระหว่างซีเบลล์และดอร์มินิกดำเนินไปอย่างดุเดือด ทีเนียสยืนเชีนร์เพื่อนชายของตนอย่างเมามันส์ โปเซียก็นั่งลูบหัวม้าและมองดูพลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน (ห่วงเพื่อนกันจัง -.,-^)
เคร้ง!
ดอร์มินิกตั้งดาบในแนวนอนรับดาบในแนวตั้งของซีเบลล์เป็นมุม 90 องศาที่กดเขาจนเขาถอยหลังไปหลายก้าว
‘ผู้หญิงอะไร แรงเยอะเป็นบ้าเลย’ ดอร์มินิกคิด
“ฮึ่ย!”
ดอร์มินิกรวมรวมแรงที่มีของเขาผลักซีเบลล์ออกจนเธอล้มลงก้นกระแทกกับพื้น เขาไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ลุกขึ้น รีบกระโจนเข้าหาเธอ ซีเบลล์เห็นก็รีบหลบอีกเช่นเคยด้วยความเร็วที่เป็นความสามารถเฉพาะตัวของเธอและกระโดดขึ้นขี่หลังดอร์มินิกที่พุ่งมาพร้อมกับเอาดาบสีเงินเล่มคมจ่อที่คอของเขาจากด้านหลัง
ตอนนี้ฝ่ายที่เสียเปรียบคือดอร์มินิก เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ เป็สัญญาณว่า ‘ยอมแล้ว’
“ทิ้งดาบเจ้าซะ” ซีเบลล์กล่าวเสียงดุดันและกระชับมีดเข้าใกล้ลำคอของดอร์มินิกเข้าไปอีก ทำให้เขายอมทำตามที่เธอบอกอย่างว่าง่ายไม่มีทางเลือก
เคร้ง!
ดาบสีทองที่ดอร์มินิกหวงนักหวงหน้าถูกทิ้งลงกับพื้นด้วยมือของเขาเอง แล้วยกมือขึ้นเหนือศีรษะตามเดิม เขาพยายามสงบนิ่งและแบกร่างบางของซีเบลล์ที่เกาะหลังเขาแน่นแถมมีตัวประกันเป็นลำคอที่มีเส้นเลือดใหญ่ของเขา ถ้าเขาขยับ ชีวิตของเขาก็เหมือนเกมส์ที่โอเวอร์
“ข้ายอมเจ้าแล้ว ตกลงเจ้าเป็นใครกันแน่ ทำไมมีฝีมือการต่อสู้เหมือนทหารในวัง”
“ข้าคือพี่สาวของเธอ” ซีเบลล์ชี้ดาบไปทางโปเซีย
เขามองไปตามดาบ โปเซียโบกมือให้และลูบหัวม้าของเขาต่ออย่างเพลิดเพลิน ซีเบลล์ตัดสินใจผิดไปที่เธฮชี้ดาบมาทางโปเซียทำให้ดอร์มินิกได้โอกาสช่วงที่ดาบอยู่ห่างจากคอเขาบัดมันออกและเหวี่ยงเธอลงพื้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบขึ้นไปนั่งค่อนร่างของเธอและยึดแขนทั้งสองข้างกดลงไปกับพื้นให้ขยับไม่ได้
“เฮ้ย! ใจเย็นเว้ย นี่มันป่านะ” ทีเนียสพูดติดแกมตลกเพราะท่าที่เพื่อนหนุ่มของเขาทำกับหญิงสาวปริศนาที่เพิ่งพบกันทำให้เขาคิดไปไกล
โปะ!
มือเรียวๆของผู้ที่อยู่บนหลังม้าข้างๆเขาลงแรงมาที่ศีระของเขาจนเขาเกือบหัวทิ่ม
“บัดสี!!!” เสียงหวานๆตะโกนใสหูของทีเนียสจนเขาสะดุ้ง เขาเตรียมง้างมือจะตบเธอกลับแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเธอกำศรธนูชี้หน้าเขา ทำให้เขาแก้ขัดโดยการเสยผมที่ยุ่งๆของเขาและมองดูเหตุการณ์ต่อ (สบายไปมั้ย 2 คนนี้)
“ปล่อยข้า!!” ซีเบลล์กัดฟันพูดเสียงแข็ง และดิ้นไปมา นั่นทำให้ดอร์มินิกยิ่งกดแขนเธอแรงขึ้นไปอีกจนเธอปวดกระดูก
เธอกำมือแน่นขืนสุดฤทธิ์แต่ก็สู้แรงดอร์มินิกไม่ได้ หนำซ้ำเขายังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของเธอจนต้องหันหลบ
“ข้าอยากรู้นักว่าหญิงสาวฝีมือร้ายกาจอย่างเจ้าจะหน้าตาเป็นยังไง” ดอร์มินิกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะเอาหน้าหล่อๆของเขาออกห่างจากเธอและเอื้อมมือดึงผ้าสีดำบางที่ปิดหน้าเธออยู่ออก
“ไม่นะ!!” ซีเบลล์ร้องลั่น
แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดมือของดอร์มินิกได้ เขาดึงผ้าสีดำออกเผยให้เห็นใบหน้าขาวซีดที่กำลังโกรธจนแก้มใสๆของเธอแดง ดวงตาสีแดงเพลิงคมเหมือนเหนี่ยวจ้องเขาอย่างอาฑาตตัดกับขนตางอนหนา จมูกโด่งรับได้รับกับริมฝีปากเรียวเป็นกระจับสีเบอร์รี่ สะกดสายตาของเขาให้จับจ้องใบหน้านิ่งด้วยความตะลึง
เขาแทบไม่เชื่อสายตาของเขา ในป่ายังมีสาวสวยแบบนี้อีกหรอ เธองามยิ่งกว่าเจ้าหญิงองค์ต่างๆที่เขาเคยพบเจอซะอีก เขากล้าลงดาบกับหญิงงามจนเธอเลือดตกยางออกได้ยังไง เข้านี่แย่ชะมัด
‘เธอเป็นใคร’ เขาอยากรู้จักเธอจัง หรือเธอจะเป็นพิกซีที่อาศัยอยู่ในป่านี้กันนะ...
ขณะที่ดอร์มินิกกำลังตกอยู่ในภวังค์ ซีเบลล์ได้โอกาส ใช้ขาถีบเข้าที่ท้องของเขาจนเขากระเด็ยออกไปชนกับเจ้าล็อกซานม้าตัวโปรดของเขาที่โปเซียนั่งอยู่จนมันตื่นตระหนักและวิ่งหนีไปตามทางเข้าเมือง
โปเซียตกใจที่จู่ๆม้าที่ยืนนิ่งให้เธอนั่งเล่นอยู่ดีๆมันกลับอย่างบ้าครั้ง จนเธอกลัวว่ากลิ้งตกจากหลังของมัน เธอจึงก้มตัวลงกอดเจ้าล็อกซานแน่นไม่ยอมปล่อยและร้องเรียกซีเบลล์เสียงดังลั่น
“ซีเบลล์! ช่วยข้าด้วย >0<”
“เฮ้ย! เจ้าล็อกซาน!! 0_0” ทีเนียสตะโกนไล่หลังไปก่อนจะตั้งสติแล้วกระโดดปีนขึ้นหลังเจ้าฮ็อกกี้ม้าตัวโปรดของเขาไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว
“โปเซีย!!” ซีเบลล์ลุกขึ้น ตะโกนเรียกน้องสาวสุดหวงอย่างตกใจ และจะวิ่งจามไปแต่ดอร์มินิกรั้งแขนของเธอเอาไว้ ทำให้เธอโมโหเข้าไปอีกสะบัดมือเขาออกอย่างไม่ไยดี และวิ่งตามม้าสองตัวไปอย่างรวดเร็ว
ดอร์มินิกหน้าเหวอไปชั่ววูบที่เห็นซีเบลล์สะบัดมือเขาออกและวิ่งจากไปทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวในป่าที่เริ่มมืดสลัว เขาไม่มีทางเลือกเพราะตรงนี้เหลือแค่เขาคนเดียว เขาจึงวิ่งตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ และห่วงอาชาตัวโปรดของเขา
ตลาดนัดในเมือง
เหล่าบรรดาพ่อมดแม่มดต่างพากันออกมาจับจ่ายซื้อของ เดินเที่ยวกันอย่างแน่นหนาเต็มทางเดิน ร้านค้าในตลาดยามเย็นเช่นนี้ไม่ค่อยขายของจำพวกเนื้อหรือผักสด แต่จะเน้นขายพวกอาหารสำเร็จรูป สัตว์เลี้ยง เสื้อผ้า อาวุธ ของกระจุกกระจิกน่ารักๆและของที่ระลึกเสียมากกว่า
ดวงไฟสีต่างๆถูกนำมาตกแต่งร้าน บ้างก็ร่ายเวทย์มนต์โชว์ต่างๆเพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาซื้อสินค้าในร้าน เสียงดนตรีบรรเลงสร้างสุนทรียภาพแก่ผู้คน กลิ่นน้ำตาลหอมๆละเหยจากความร้อน เพราะขนมปังเพิ่งออกจากเตาอบลอยฟุ้งเตะจมูกคนที่เดินผ่านไปผ่านมา เป็นอะไรที่เรียกน้ำย่อยได้ดีเลยทีเดียว
“กรี๊ด~หลบไป!~ >[]<”
เสียงแฝดกรี๊ด 180 เดซิเบลดังมาแต่ไกลทำให้เหล่าพ่อแม่มดที่กำลังเพลิดเพลินกับการจับจ่ายหันไปมองกัน และก็พบว่ามีม้าสีขาวตัวหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วกำลังพุ่งมาให้ตลาดทำให้หลบกันแทบไม่ทัน จนตลาดที่มีคนหนาแน่นชุลมุนไปหมด ต่างคนต่างวิ่งหนีจนชนของในร้านค้าล้ม กระจัดกระจายเกลื่อนกลาดไปหมด
กรอบๆๆ
ยังไม่ทันที่ผู้คนจะหายตื่นตระหนกม้าอีกตัวก็วิ่งไล่ตามหลังมาตามทางในตลาด ผู้คนได้แต่ยืนอึ้งดูเหตุการณ์อย่างงงๆ โดยมีทีเนียสเป็นคนขี่นั่นเอง
ไม่กี่นาทีต่อมาซีเบลล์วิ่งเข้ามาในตลาดอย่างเหนื่อยหอบและหยุดพักตรงหน้าชายชราอายุราว 80 ปีที่ แต่สำหรับที่นี่ยังถือว่าไม่แก่ แต่กำลังดีเพราะพ่อมดแม่มดมีอายุถึงพันปี มองเธออย่างงงๆ
“แฮกๆ...ละ...ลุงคะ...เห็นเด็ก...แฮกๆ..ผู้หญิง...กับ...ผู้ชาย...แฮกๆ...ที่...ขี่....แฮกๆๆ...ม้าผ่านมา...แฮกๆ..มั่งมั้ยคะ...แฮกๆ” กว่าซีเบลล์จะพูดจบก็ยากลำบากทำเอาเธอแทบจะขาดใจ
เธอวิ่งมาตั้งแต่ในป่าจนเข้าเมืองด้วยความเร็วโดยไม่ได้หยุดพัก เพราะเป็นห่วงโปเซียน้องสาวฝาแฝดของเธอ ที่เกาะอยู่บนหลังม้าที่บ้าคลั่ง
“ไปทางโน้น” คุณลุงชี้ไปตามทางที่เกลื่อนกลาด
“ขอบคุณค่ะ” ซีเบลล์รีบวิ่งไปตามทางที่ลุงคนนั้นบอกอย่างรวดเร็ว แม้จะมีสิ่งกีดขวางต่างๆตามทาง แต่เธอก็กระโดดข้ามไม่สนใจคนรอบข้างแม้แต่น้อย ในเวลานี้ ใจเธอห่วงน้องสาวของเธอคนเดียวเท่านั้น!!
“แฮกๆๆ”
คุณลุงตกใจทันทีเมื่อหันมาพบชายหนุ่มผมบอร์นที่ยืนหอบหนักยิ่งกว่าเด็กสาวคนก่อน ที่ไม่รู้ว่าโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แกเดาได้ทันทีเลยว่าเขาคงวิ่งตามเธอมา คุณลุงจึงบอกทางโดยที่ดอร์มินิกไปต้องปริปากถามให้เสียพลังงาน
“ทางโน้น”
“ขอบใจนะ”
ถึงเขาจะบอกอย่างงั้นแต่เขาก็ยังยืนหอบไม่หยุด ไม่ได้วิ่งตามซีเบลล์ไป เพราะเขาไม่เคยวิ่งระยะไกลโดยไม่พักแบบนี้มาก่อน
เด็กชายหน้าตาน่ารักอายุราว 10 ขวบ ขี่สกู๊ดเตอร์ผ่านมาพอดี ดอร์มินิกหันมองและนึกอะไรบางอย่างก่อนจะเดินเข้าไปหาเด็กคนนั้นอย่างเหนื่อยหอบ
“เจ้า...แฮกๆ...ชื่อไร” เขาถาม
“เอิ่ม...แคสเปียน ข้าชื่อแคสเปียน” เด็กชายตอบอย่างงงๆ
“โอเค! แคสเปียน ข้าขอยืมไอนี่ก่อนนะ”
“แต่...”
ยังไม่ทันที่แคสเปียนจะได้ตอบอะไร สกู๊ดเตอร์คันใหม่ของขวัญวันเกิดของเขาก็ถูกดอร์มินิกยึดและขี่มันไปตามทางที่ซีเบลล์เคยวิ่งผ่าน เด็กชายมองอย่างงงๆ น้ำตาเริ่มคลอเบ้าของเขา
“ท่านแม่!~” แคสเปียนรีบวิ่งกลับบ้านพร้อมน้ำตาและร้องเสียงลั่นตลาด
วันนี้เป็นวันที่ตลาดช่างวุ่นวายจริงๆ...
โบสถ์คริสต์
“ขอให้พวกท่านจงตั้งใจสวดสรรเสริญพระเจ้าและขอพรให้พระองค์คุ้มครองเรา”
บาทหลวงโยเซฟทำหน้าที่กล่าวนำเหล่าพ่อมดแม่มดที่เป็นคริสเตียนอย่างเช่นทุกเย็นด้วยความเลื่อมใสศรัทธา และบทสวดที่แสนจะไพเราะก็เริ่มขึ้นในเวลาต่อมา
“กรี๊ด~หยุดนะ! ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย >[]<”
เสียงร้องดังขึ้นแทรกบทสวดที่แสนไพเราะ ทำให้ทุกคนในโบสถ์หยุดสวดอย่างงงๆและมองหาต้นเสียงไปรอบๆ
“พวกท่านเห็นหรือไม่ว่าดวงวิญญาณชั่วร้ายเมื่อได้ฟังบทสวดแล้วมันจะกรีดร้องด้วยความทรมาน ขอให้ทุกท่านสวดต่อไปเพื่อกำจัดวิญญาณร้านตนนั้นไม่ให้มาทำอันตรายกับลูกหลานของเรา” โยเซฟกล่าวและนำสวดต่อ
“ฮือ~ช่วยข้าด้วย!”
บทสวดหยุดชะงักอีกครั้งและมีม้าวิ่งใกล้หน้าประตูโบสถ์ข้างนอก บาทหลวงโยเซฟวางหนังสือบทสวดลงและเดินออกไปดูพร้อมเหล่าคริสเตียนที่สงสัย
ปัง!!
“อะไรกันน่ะ!?”
ประตูโบสถ็ถูกเปิดออก ภาพที่เห็นตรงหน้าโยเซฟและเหล่าคริสเตียนคืออาชาสีขาวบริสุทธิ์ มีหญิงสาวชุดสีน้ำเงินเกาะบนหลังของมันอย่างแน่น และร้องไห้อย่างน่าสงสารไม่ใช่วิญญาณร้ายอย่างที่โยเซฟคิดวิ่งไปทางสวนหน้าโบสถ์
กรอบๆๆ
ทีเนียสควบมาตามมาติดๆ และเร่งความเร็วเจ้าฮ็อกกี้ให้ทันเข้าล็อกซานผ่านหน้าทุกคนในโบสถ์ไปทางสวน ทำให้โยเซฟนึกอะไรได้บางอย่างและตะโกนไล่หลังไป
“ข้างหน้ามีบ่อโคลนนะ”
“ว่าไงนะ” ทีเนียสสบถออกมาและถึงกับหัวเสียและทีเดียว
‘ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้วะ!’ เขาคิด ก่อนจะเร่งเจ้าฮ็อกกี้ให้เร่งความอีก
โปเซียใช้มือทุบตีลำตัวของเจ้าล็อกซานหวังจะให้มันหยุก แต่กลับให้ผลตรงกันข้าม
มันยิ่งตกใจและวิ่งเตลิดไปกันใหญ่ เธอทำได้เพียงเกาะหลังมันแน่นและร้องไห้ไม่หยุด
“ฮือๆ TT_TT ช่วยด้วย”
“สาวน้อย! จับมือข้าเร็ว!!”
ราวกับมีเจ้าชายขี่ม้าขาวเหมือนในนิทานที่โอลดิสเล่าให้เธอกับซีเบลล์ฟังก่อนนอนมาช่วยเธอ ทีเนียสควบม้ามาใกล้เธอและยื่นมือมาให้เธอจับ
มีคนมาช่วยข้าแล้ว~ T^T
โปเซียที่มัวแต่เอาหน้าซุกกับหลังม้าค่อยๆหันมามองทีเนียส ทำให้ทีเนียสตกใจเมื่อเห็นโฉมหน้าของเธอแดงก่ำ น้ำตาเปื่อนใบหน้าขาวใสของเธอ เธอคงยังไม่รู้ตัวว่าผ้าสีดำที่บดบังใบหน้าของเธอได้หล่นหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“เฮ้ย! 0_0 เจ้าไม่ได้อยู่กับดอร์มินิกหรอ” เขามองใบหน้าของเธออย่างงงๆ
“นั่นมันซีเบลล์พี่ข้า T^T”
“อ้าว! สรุปเจ้าคือคนที่ตบหัวข้าสินะ”
“โอ๊ย! เจ้าจะช่วยข้าหรือมาสอบสวนข้ากันแน่!” โปเซียตะโกนถามทั้งน้ำตาทำให้ทีเนียส นึกขึ้นได้ถึงจุดประสงค์ที่จะมาช่วยเธอ
“ยื่นมือมาเร็วข้างหน้ามีบ่อโคลน!” ทีเนียสยื่นมือเข้าไปใกล้เธออีก
“เจ้าจะให้เข้ากระโดดไปหาเจ้าเรอะ!?” โปเซียถาม
“ก็ใช่น่ะสิมาเร็ว!”
เธอยื่นมือที่สั่นระรัวของเธอไปอย่างช้าๆด้วยความกลัว เธอไม่มีความกล้าพอที่จะกระโดดไปหาเขาได้หรอก ถ้าเธอตกลงไปเธอคงได้รับบาดเจ็บเป็นแน่ ทำให้มือที่กำลังยื่นไปหยุดชะงักกลางอากาศ
“ถ้าข้ากระโดดแล้วตกลงไปข้าก็โดนม้าเหยียบจมดินน่ะสิ TT0TT”
“มาเถอะน่า! ข้ารอรับเจ้าอยู่” ทีเนียสพูดให้เธอมั่นใจ
“ฮึก! ถ้าข้าเสียโฉมล่ะ TT0TT”
“ข้าจะหาหมอดีๆมาศัลกรรมเจ้าให้สวยกว่าเดิมเลย แถมข้าจะยอมแต่งงานกับเจ้าด้วย”
“บ้าเรอะ! ใครจะไปแต่งกับเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ! T0T ”
“ก่อนที่เจ้าจะได้ฆ่าข้า เจ้าคงลงไปจมบ่อโคลนก่อนแล้ว มาเร็ว!”
ทีเนียสเริ่มเสียงแข็งขึ้นและยื่นมือไปใกล้เธออีก แต่โปเซียกลับนิ่งเฉย เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าอีกเพียงไม่กี่เมตรก็จะถึงบ่อโคลนขนาดกว้างแล้ว
“กระโดดมาสิ” ทีเนียสจับแขนเธอ เพราะมั่นใจว่าเธอคงยื่นมือมาไม่ถึงเขาแน่ๆ
อีก 3 เมตร...
“มาเร็ว!!”
“ไม่เอา T3T”
อีก 2 เมตร...
“มาเดี๋ยวนี้!!”
“ไม่!!”
อีก 1 เมตร...
“โถ่เว้ย!!”
“กรี๊ด~ >0<”
[Memo Pz' : 555 ลุ้นกันใช่มั้ยล่าาาาาา ให้ทายๆๆๆ ว่าจะเป็นไงต่อไป ><]
ความคิดเห็น