คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Hare!!?
1
Hare!!
แปะๆๆ
เสียงตบมือดังสนั่นไปทั่วฮอร์ล เมื่อม่านสีแดงผืนใหญ่ค่อยๆปิดลงช้าๆ หลังม่านที่ค่อยๆปิดลงมีนักแสดงหญิงและชายที่เป็นนักเรียนเกรด 12 ทุกคนยืนจับมือกันโค้งตัวขอบคุณผู้ชมพร้อมน้ำตา เพราะนี่คืองานกิจกรรมสุดท้ายของพวกเราในปีการศึกษานี้และที่โรงเรียนนี้ เราทุกคนต่างก็เรียนจบและต้องแยกย้ายกันไปเรียนที่มหาลัยต่างๆ บางคนก็ไปศึกษาต่อต่างประเทศ บางคนก็ศึกษาต่อที่เมืองอื่นที่แสนไกล ไกลจากโรงเรียนนี้ ซึ่งก็คงไม่ได้เจอหน้ากันอีก แต่เส้นใยบางๆที่เรียกว่า “มิตรภาพ” ยังเหนียวแน่น ผูกละเชื่อมโยงความผูกพันที่เรามีต่อกันมาตลอดการเรียนที่โรงเรียนนี้จนถึงซัมเมอร์สุดท้ายของการศึกษา น้ำตาที่ไม่อาจกลั้นไว้ได้ไหลออกมาจากดวงตาไม่หยุด ซึ่งออกมาจากใจ ไม่สามารถมีอะไรมาเปรียบได้
ฉันชื่อ ‘อาธิเซีย’ ค่ะ ชื่อเต็มๆคือ ‘เพอร์เซียน่า รอยัล อาธิเซีย’ เป็นลูกสาวของท่าน เพอร์เซียน่า รอยัล นโปเลียน ที่เป็นทายาทสืบทอดตระกูลขุนนางชั้นสูงเพอร์เซียน่า ลำดับที่ 21 และท่านผู้หญิง ‘ไดอาน่า บี ฮัลเล่ย์’ เป็นลูกสาวของตระกูลไดอาน่า กษัตรีย์แห่งเบอร์นิวเดียร์ พูดตรงๆง่ายๆก็คือ ฉันเป็นลูกของชนชั้นสูงนั่นเอง และโชคดีมากที่ฉันเป็นลูกคนเดียว แถมมีเพื่อนเป็นพระบรมวงศานุวงศ์อีกต่างหาก
นี่เป็นซัมเมอร์สุดท้ายของการศึกษาที่ฉันและเพื่อนๆจะเรียนที่เบอร์นิว ไฮสคูลค่ะ เพราะพวกเราอยู่เกรด 12 และก็เรียนจบแล้วด้วย ก็คงจะแยกย้ายกันไปเรียนมหาลัยต่างๆซึ่งอันนี้ฉันเองก็ยังเลือกไม่ได้เลย แต่ว่าฉันเป็นลูกขุนนางเลยนี่นา ไม่ต้องกังวลอะไรอยู่แล้ว เพราะ มหาลัยต่างๆก็ยื่นข้อเสนอมาให้ฉันตั้งหลายที่เลย เกรดของฉันก็ใช่ว่าจะตกต่ำนี่นา ติดอันดับ 1 ใน 10 ของเบอร์นิวเดียร์เลยน้า
ปัง!!
ประตูล็อคเกอร์ถูกปิดเสียงดังจนกลัวว่ามันจะหัก ฉันหันไปมอง และก็ไม่ช่ใครที่ไหนเลย คนที่ชอบใช้ความรุนแรงแต่มีความสวยที่ตัดกับลักษณะนิสัยของเธอโดยสิ้นเชิง ในโรงเรียนนี้มีเพียง ‘แครอลีน’ เพื่อนสาวคนสนิทของฉัน เป็นลูกขุนนางชั้นสูงแห่งคาออส ยืนหายใจฮึดฮัดพิงล็อคเกอร์อย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
“เป็นอะไรไปแครอลีน นี่วันเรียนจบของเรานะ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” ฉันหันไปถามถามแครอลีนพลางติดกระดุมเสื้อชุดนักเรียนทีละเม็ด
“ฮึ่ย! ก็ท่านพ่อน่ะสิ จัดงานเลี้ยงที่บ้านฉลองที่ฉันเรียนจบ แต่ต้องให้ฉันไปแต่งชุดกระโปรงบานๆ บ้าๆบอๆ คอยต้อนรับพวกท่านนายกรัฐมนตรี บลาๆ เยอะแยะ น่ารำคาญจะตาย”
“โถ่! แครอลีน ฉันว่ามันเป็นเรื่องดีมากกว่านะ ^^ ”
“เฮ้อ! เอาเถอะ ยังไงก็ขัดท่านพ่อไท่ได้อยู่ดี งั้นฉันกลับล่ะนะ”
“จ้า บายนะ”
“อืม”
ตึกๆๆ
ควับ!!
เสียงฝีเท้าของใครบางคนวิ่งผ่านหน้าห้องไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ฉันเห็นเพียงเงาไวๆที่ผ่านไปเท่านั้น แต่ว่า...นี่มันหกโมงครึ่งแล้ว คิดว่ายังจะมีใครอยู่อีกล่ะ จะว่าเป็นนักเรียนคนอื่นก็คงไม่ใช่ เพราะพวกเขาคงไปสังสรรค์กันหมดแล้ว ถ้าเป็นอาจารย์ก็คงไม่มาวิ่งเล่นบนอาคารเรียนหรอก อาจารย์ที่โรงเรียนนี้แต่ละคนก็อาวุโสกันทั้งนั้น เอ๊ะ! 0-0 ระ...ระ...หรือว่า....ฉันจะโดนผีหลอก!! เฮ้ย! ไม่มั้ง เมื่อกี้ฉันคงหูฟาด แล้วก็ตาฝาดไปเองล่ะมั้ง ใช่ๆ (- -)(_ _) ฉันคิดไปเอง
ตึกๆๆ
“นั่นใครน่ะ!”
ด้วยความกล้าฉันถามไปเสียงดังและพยายามมองหา แต่ก็ไม่พบใครสักคน ห้องว่างเปล่าเหมือนเดิม ทำให้ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบาก ฉันว่าฉันคงไม่หูฟาดแล้วล่ะ เสียงมันชัดขนาดนี้นี่นา ปกติฉันจะชอบอ่านหนังสือแนวสืบสวนสอบสวนอะไรพวกนี้นะ แต่นี่มันไม่อินเกินไปหน่อยหรอ แถมฉันอยู่ในโรงเรียนคนเดียวอีก ให้ตายเหอะ นี่มันอะไรกัน T^T ฉันว่าฉันรีบกลับบ้าน ดีกว่า ป่านนี้ท่านพ่อคงให้คนขับรถมารอหน้าโรงเรียนแล้ว ฉันก็จะได้มีเพื่อน
ตึกๆๆ
เสียงของบุคคลปริศนาดังอีกครั้งทำให้ใจฉันเต้นแรง มือสั่นและระแวงมาก ฉันถอยหลังพิงกับล็อคเกอร์แล้วมองรอบๆห้องอย่างผวา กลืนน้ำลายดังเอื้อก แต่ยังไม่มีใครอยู่ดี โอเค! เจ้าที่โรงเรียนนี้คงอยากให้ฉันกลับบ้านได้แล้ว งั้นฉันก็ควรจะเป็นเด็กดีรีบๆกลับบ้านไปนอนเล่นดีกว่า เนอะ! ฮ่าๆ ^_^
ติ๊กต๊อก! ติ๊กต๊อก!
“เฮือก! 0-0”
นาฬิกาเรือนเก่าสีทองที่ตั้งอยู่ในตู้โชว์ นาฬิกาเรือนนี่เป็นของพระจักรพรรดิแห่งเบอร์นิวเดียร์องค์ที่ 3 ซึ่งมีอายุมากกว่า 700 ปีแล้ว ..... เก่ากึกขนาดนี้คิดว่าจะใช้ถ่านยี่ห้ออะไรล่ะ จู่ๆมันถึงเดินได้ เผื่อฉันจะได้ไปบอกท่านพ่อให้ซื้อมาใส่นาฬิกาที่บ้านบ้าง (ยังมีอารมณ์เล่น -.-) นาฬิกาที่ไม่เคยเดินให้ใครเห็นแม้แต่ครั้งเดียว ในวันนี้...ฉันเห็นแล้ว T^T
มือที่สั่นเครือของฉันค่อยๆเอื้อมไปหยิบโบว์มาติดเสื้อแล้วรีบคว้ากระเป๋าสะพายแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไม่คิดชีวิต ใครจะบ้าอยู่รอเจอผีล่ะ อยู่รร.นี้มาตั้งแต่ม.1 ยังไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย
ครืด~
“เฮือกO_o”
ฉันสะดุ้งหยุดวิ่งทันที โทรศัพท์ในกระเป๋ากระโปรงสั่นเพื่อบอกว่ามีคนโทรมา ปกติฉันจะตั้งเสียงเพลงไว้แต่วันนี้ฉันปิดเสียงเพราะต้องแสดงละครเวที และบทบาทที่ฉันได้รับก็คือ “อลิซ” ส่วนแครอลีนเป็น ‘ราชินีแดง’ ใครกันนะที่โทรมาตอนนี้ไม่รู้จักเวลาเลย ฮึ่ย! ฉันล้วงโทรศัพท์ขึ้นดูก็เป็นเบอร์ประหลาดขึ้น ซึ่งฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ฉันจะรับดีมั้ยนะ เวลาหน้าสิวหน้าขวานแบบนี้ดันมีเบอร์แปลกๆโทรมาได้ เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน รับก็รับ-^-
“ฮะ..ฮัลโหล” ฉันพยายามควบคุมเสียงให้นิ่ง แต่ดูเหมือนมันจะยากเกินไป
‘ฮัลโหล..อาธิเซีย~’
เสียงเนินลากยาวเรียบๆของปลายสายตอบกลับมา ฉันกลัวนะT^T
“น..นั่นใครน่ะT^T” เอื๊อก!
‘ฉันคือ..ฉันคือ..’ ใครเล่า!
“TT^TT”
‘ฉันเอง แครอลีน’
“ห๊า!-[]- แกเองหรอแครอลีน”
ฉันถึงกับถอนหายใจออกมาเมื่อปลายสายพูดเสียงปกติ โถ่เอ๊ย! ไอ่เราก็นึกว่าโดนผีหลอกซะอีก โล่งอกไปที-3- Boo~
‘แกกลัวผีล่ะสิ 5555’
“อย่ามาตลกนะ ฉันจะหัวใจวายตายแล้วเนี่ย-0- ”
‘5555 หรอ น่าสงสารจัง’
“แล้วแกเอาเบอร์ใครโทรมาเนี่ย ไม่คุ้นเลย”
‘อ๋อ พอดีฉันลืมโทรศัพท์ไว้ที่ล็อคเกอร์น่ะ เลยยืมมือถือของพวกเมดโทรมา เนี่ยฉันรู้ว่าแกยังไม่กลับเลยจะบอกให้ช่วยไปเอาโทรศัพท์ให้หน่อยน่ะ’
“ห๊า! 0[]0 อะไรนะ”
เฮ้ย! >< ฉันกลัวนะ ยังจะให้กลับเข้าไปอีกหรอ ม่ายอาวน๊า T0T ฉันหูฝาดอีกแล้วใช่มั้ย!?
‘ฉันบอกว่าฝากให้แกไปเอาโทรศัพท์ที่ล็อกเกอร์ให้หน่อย’
แครอลีนพูดย้ำอีกครั้ง ทำให้ฉันถึงกับมือสั่นระรัว ม่ายอาวน๊า T^T
“พรุ่งนั้ได้มั้ย” ฉันต่อรอง
“จะบ้าหรอ โทรศัพท์นะไม่ใช่จดหมาย เครื่องนั้นสตีฟจ็อบทำไว้ให้ก่อนตายเลยนะแก”
“แล้วทำไมแกต้องมาลืมด้วยเล่า”
‘ก็มัวแต่โมโหพ่ออยู่นี่นา’
“แต่ว่า....”
‘ยังไงก็ฝากด้วยนะ ขอบคุณมาก ^0^’
“นะ....”
ตู๊ดๆๆๆ
อย่ามาตลกนะ T^T ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย แครอลีนพูดเองเออเองทั้งนั้นอ่ะ แล้วใครให้แกมาลืมโทรศัพท์ราคาหลักล้านเนี่ย บ้าชะมัด! แต่ยังไงก็เลี่ยงไม่ได้สินะ เกิดใครมาเห็นแล้วฉกไปก็แย่เลย อะระหังสัมมา พระอาเมน ช่วยลูกด้วย (ตกลงศาสนาอะไร -.,-)
ฉันตัดสินใจหันหลังวิ่งกลับไปที่ห้องเพื่อไปเอาโทรศัพท์แครอลีน เผลอแปบเดียวอาคารเรียนที่เมื่อกี้พอมีแสงอ่อนๆของดวงอาทิตย์ก็มืดลงเรื่อยๆ ขยลุกจริงๆเลย ถ้าเป็นในหนังฉันคงคิดว่าจะมีผีออกมาแล้วนะเนี่ย 555
บอกตามตรงว่าฉันเป็นคนที่ชอบท้องฟ้าตอนกลางคืนเอามากๆ ท้องฟ้าที่มืดสนิทแต่มีดวงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้าไปหมด มองแล้วให้ความรู้สึกสงบและผ่อนคลายเอามากๆ แต่แบบนี้ แบบตอนนี้ ที่นี่ เวลานี้.... ฉันไม่ชอบ T^T
ตึกๆๆๆ
เฮ้ย! 0-0 อะไร เอาอีกแล้วง่า T^T เอาล่ะ! สู้ตายยยยย ><
ตึกๆๆๆๆ
“อ๊ากกกกก >0<”
ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น ใจฉันก็เต้นแรงหล่นตุ๊บ! ไปที่ตาตุ่ม ฉันพยายามทำใจจให้สงบและหลับตาวิ่งไปตามทางที่ไปอาคารเรียน หรือเจ้าที่โรงเรียนนี้จะโมโหฉันที่กลับบ้านช้า แล้วรบกวนเวลาของท่าน อ๊า~ >< รีบไปเอาแล้วรีบกลับบ้านดีกว่า
รีบๆไปเอา จะได้รีบๆกลับซะที ><
ครืด~
มือที่สั่นระรัวและอ่อนแรงของฉันเอื้อมไปเปิดประตูห้องและก้าวเข้าไปในห้องอย่างเหนื่อยหอบ ไม่ให้เป็นการเสียเวลา ฉันรีบก้าวฉับๆตรงไปยังเป้าหมาย ซึ่งนั่นก็คือล็อคเกอร์ของแคลอรีนที่อยู่หลังห้องเป็นล็อคเกอร์สุดท้ายรองจากฉัน
ห้องมืดสลัวให้บรรยากาศน่ากลัว ฉันจึงเปิดโทรศัพท์แล้วอาศัยแสงจากมันนำทาง เพราะหลังจากโรงเรียนเลิกแล้ว ระบบไฟฟ้าในโรงเรียนจะถูกตัดทั้งโรงเรียน
โชคดีหน่อยที่แครอลีนเป็นคนเจ้าระเบียบ ล็อคเกอร์ของเธอจึงถูกจักวางข้าวของอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยดูสบายตาและหาของง่าย บวกกับที่ฉันเป็นเพื่อนสนิทของเธอด้วย เลยรู้ตำแหน่งของที่เธอวางเป็นอย่างดี
ตึกๆๆ
เฮือก!! 0-0
เสียงและความรู้สึกเดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง ฉันถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง และรีบตั้งสติหยิบโทรศัพท์ราคามหาแพงของแครอลีนใส่กระเป๋าสะพายแล้วหลับตาวิ่งออกจากอาหารด้วยขาที่สั่นระรัว (ฉันวิ่งไม่ชนกำแพงเลย ถือว่าอัศจรรย์มาก -..-^)
ใจที่เต้นรัวแรงเมื่อสักครู่ค่อยๆเต้นช้าลงจนอยู่ในระดับปกติ ขาและแขนที่สั่นก็หยุดนิ่ง อาการหวาดกลัวก็จางลงเมื่อวิ่งออกมาถึงหน้าโรงเรียนและพบกับรถลีมูซีนคันหรูสีดำวาวจอดรออยู่พร้อมกับบอร์ดี้การ์ดอีกประมาณ 3-4 คน
หนึ่งในนั้นเมื่อเห็นฉันก็รีบวิ่งมารับกระเป๋าของฉันแล้วยิ้มทักทายด้วยรอยยิ้มเป็นกันเองบนใบหน้าหวานของเขาเฉกเช่นทุกวันที่ทำจนเป็นเรื่องปกติ
“ได้เวลากลับบ้านแล้วนะครับคุณหนู วันนี้ช้ากว่าปกตินะ โอเครึป่าว?”
“จะว่างั้นก็ได้นะ...โอเคน่ะ” ทำหน้าโอเค
ฉันโอเคมากกกกก T^T
“หรอครับ งั้นก็ดีแล้ว รีบกลับบ้านเถอะครับ นายท่านรอคุณหนูอยู่”
บอร์ดี้การ์ดที่เหลือเมื่อเห็นว่าฉันกำลังเดินไปก็รีบเปิดประตูรถให้ฉันขึ้นไปนั่งอย่างรู้หน้าที่ของตัวเอง
วันนี้เป็นวันที่ฉันอยากกลับบ้านที่สุดเลย~ ไม่ทงไม่เที่ยวมันแล้ว T^T หมดแรง...
‘เวียน’ ขึ้นนั่งประจำที่ของตนเอง เขามารับฉันอย่างงี้ทุกวันและคอยดูและรับใช้ฉันตั้งแต่ยังเด็ก เราเติบโตมาด้วยกัน จนเขาก็กลายเป็นคนสนิทที่สุดของฉันในบ้าน (ที่ใหญ่พอๆกับวัง) แล้วรถก็เคลื่อนที่ออกจากบริเวณโรงเรียนของฉันอย่างช้าๆ
“กลับมาแล้วค่า”
รองเท้าสีแดงสดของฉันถูกถอดวางอยู่หน้าบ้าน เปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะสีขาวสบายๆ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเมดหน้าตาน่ารักเหมือนเด็กสาวญี่ปุ่นมาเอามันไปเก็บที่ตามหน้าที่ของเธอ
อ๊า~ >< หิวจังเลย พอหายกลัวผีก็หิวเลยอ่ะ แฮ่ๆ ^^
ถึงไม่หิวยังไงฉันก็ต้องตรงไปที่ห้องอาหารก่อนเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว เรียนทั้งวันมันหนักนี่นา แล้วยิ่งเป็น ม.6 ด้วย งานยุ่งมากกว่าชั้นเรียนอื่นๆเลยล่ะ พอกลับมาบ้านก็ต้องชาร์จพลังเพิ่มบ้างอะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ ฉันมักจะเขมือบไอโน่ไอนี่แล้วนอนตีพุงอยู่บนห้องตัวเองซะมากกว่า
“กลับมาแล้วหรออาธิเซีย”
เสียงทุ้มๆอันทรงพลังแต่มีความนุ่มนวลอันคุ้นเคยดังขึ้นทันที เพียงแค่ฉันย่างก้าวเข้าห้องอาหารแค่ก้าวเดียว และนั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ทานพ่อของฉันนั่นเอง ฉันก็จะฉีกยิ้มใสๆเหมือนตอนเด็กๆแบบนี้ให้ท่านเสมอ
ยิ้ม~ ^[+++]^
ท่านนั่งอยู่หัวโต๊ะหินอ่อนเคลือบทองหรูหรา ส่องประกายแวววาว ประดับตกแต่งไปด้วยดอกไม้สดเมืองหนาวสีสันสดใส และมีอาหารกลิ่นหอมๆ หน้าตาหน้ารับประทานวางเรียงเป็นแถวยาวอยู่บนโต๊ะที่มีความยาวมากกว่า 8 เมตร ซึ่งเป็นที่ประจำของท่าน
ถัดมามาก็เป็นท่านแม่และเครือญาติของตระกูลเพอร์เซียน่าของเรา ไม่ว่าจะเป็น ท่านน้า ท่านปู่ ท่านย่า ท่านอา บลาๆๆๆมากมาย แต่ยังมีที่นั่งหัวโต๊ะอีกฝากหนึ่งที่ตรงข้ากับท่านพอว่างอยู่และไม่มีใครกล้านั่ง นั่นก็คือที่นั่งประจำของฉันเอง
ก็แหม~ลูกสาวคนโปรดของท่านพ่อนี่นะ 5555
“สวัสดีน้องหญิง ^^”
แขกไม่ได้รับเชิญคนประจำ ที่ฉันเห็นจนเบื่อหน้า นั่งอยู่ใกล้ๆกับที่นั่งของฉันกล่าวทักทายฉันด้วยรอยยิ้มละลายใจชวนอ้วกสุด
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของฉันในตอนแรกเปลี่ยนเป็นสีหน้าเย็นชา หมดอารมณ์สุดๆ ฉันเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารอย่างสุภาพนุ่มนวลแล้วยืดอกเต็มที่อย่างหยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่เหลียวมองแม้แต่หน้าหวานๆของดอร์ไมน์ บ่งบอกถึงความไม่ต้อนรับแขก
แขกไม่ได้รับเชิญคนนี้ก็คือ ‘ดอร์ไมน์’ เขาเป็นถึงเจ้าชายและเป็นคู่หมั้นของฉันทางพันธสัญญาระหว่างพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย ซึ่งอันนี้ แม้ฉันอยากจะคัดค้านยังไงก็ไม่มีทางขัดได้ เวลาเจอหน้าเขา หรือเขามาบ้านฉันทีไร ฉันก็จะต้องคอยดูแล เทคแคร์เขาตลอด แล้วก็ไม่รู้ว่าวังเขามีที่ไม่พอหรืออย่างไร ทำไมจะต้องบ้านฉัน (ที่ไม่ได้ต่างอะไรกับวังเท่าไหร่ -..-) อยู่บ่อยๆ จนฉันเบื่อขี้หน้าเขาจะแย่อยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลชั้นสูงหรือสามัญชนคนธรรมดาก็ต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ แต่สำหรับดอร์ไมน์ ฉันขอไม่!! ฉันไม่ด่าเขาที่เขาคอยตามตอแย ตามตื้อ ตามโน่นตามนี่ฉันก็บุญเท่าไหร่แล้ว นี่ฉันแค่ยังเก็บอาการสำรวมต่อหน้าผู้ใหญ่เพียงเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นพวก S หรือ M หรืออย่างไรฉันก็ไม่ทราบ เขาถึงชอบให้ฉันคอย..บลาๆ (อย่าคิดลึก รู้นะว่าคิดไร -..-)
“ทำไมวันนี้กลับช้าจัง พี่รอทานอาหารด้วยตั้งนาน”
“อ๋อ~ หญิงมีงานแสดงที่โรงเรียนน่ะ เลยกลับช้า แล้วทำไมพระองค์ไม่ทานที่วังกับนางสนมที่วังของพระองค์ล่ะเพคะ!”
“ก็แค่อยากมาแสดงความยินดีที่เรียนจบแล้วไง^^”
กองไว้ตรงนั้นล่ะ!!
“หรอเพคะ แต่หญิงก็แค่เรียนจบ ไม่ได้จะขึ้นครองราชย์แทนพระองค์ซะหน่อย พระองค์ไม่จำเป็นต้องมาหรอกเพคะ”
“อาธิเซีย! ลูกพูดอย่างนั้นกับดอร์ไมน์ได้ยังไง เสียมารยาทน่ะ”
ท่านพ่อส่งสายตาสังหาร(?)มาทางฉัน เป็นการดุ ทำให้ฉันนั่งสงบนิ่ง เงียบลง แต่ดอร์ไมน์กลับขำออกมาอย่างชอบใจ
ขำอะไรยะ! -~-+
“ฮึๆๆ ไม่เป็นไรหรอกท่านนโปเลียน น้องหญิงยังเด็ก เราไม่ถือสาอะไรหรอก^^”
ว่าไงนะ! เด็กหรอ!?
อารมณ์โกรธของฉันพุ่งขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัด ฟีวขาดทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น เก้าอี้ถูกเลื่นออกด้วยขาของฉันและโต๊ะมีเสียงดังจากแรงมือนุ่มๆของฉันที่ตบลงบนโต๊ะหรูนี้
ปัง!!
“ฉันโตพอ!!”
“อาธิเซีย!! นั่งลง”
“ท่านพ่อ...”
“อาธิเซีย!!”
เสียงที่ฟังดูอ่อนโยนในตอนแรงเริ่มดุดันขึ้น ฉันได้แต่ยืนชักสีหน้าไม่พอใจ หมันไส้คนข้างๆ อยากจะเอาส้อมที่วางอยู่ตรงหน้าจิ้มตาให้บอด คนทั้งโต๊ะที่เป็นญาติๆก็หันมามองฉันกันเป็นตาเดียว ฉันได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วค่อยๆนั่งลงที่เก้าอี้ตามเดียว แต่ก็ไม่วายจะหันไปค้อนใส่ดอร์ไมน์
ท่านแม่ที่นั่งเงียบอยู่นานเห็นท่าไม่ดีจึงพูดแทรกความเงียบขึ้นมา
“55 เอ่..เราว่า เริ่มทานอาหารกันดีกว่า ไหนๆก็พร้อมหน้ากันแล้ว ^-^ เชิญจ่ะๆ”
ตาฉันจ้องมองจนจะทะลุดอร์ไมน์ตายอยู่แล้วก็หันกลับมาที่จานอาหาร ก่อนที่จะหยิบผ้ากันเปื้นมาคลุมขาแล้วถือส้อมกับมีดไว้แน่น แล้วทำแกล้งเหวี่ยงมีดไปทางดอร์ไมน์ทำทีว่าเผลอ ไม่รู้เรื่องอะไร แต่น่าเสียดายนักที่เขากลับหลบทัน
น่าจะโดนบาดคอซะ!! -~-
“ทานเยอะนะ ^^”
จานอาหารที่มีข้าวกับกับข้าวเหลือประมาณค่อนจานถูกเติมเต็มด้วยเนื้อปลาซีเวียอบชีสที่ดอร์ไมน์ตักมาใส่ให้ฉัน นี่ฉันอายุ 18 แล้วนะ ไม่ใช่เด็ก 2 ขวบที่จะต้องมาคอยป้อนน้ำป้อนข้าวให้น่ะ ฉันมองอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะกลืนข้าวคำสุดท้ายและวางช้อนส้อมและมีดลงบนจานอย่างประชดประชัน
เคร้ง!!
แก้วน้ำถูกกระดกของเหลวใสที่เรียกว่าน้ำเปล่าเข้าปากฉัน แล้ววางลงเสียงดังอย่างไม่สนใจในมูลค่าของมันแม้แต่เนิ้ย ผ้ากันเปื้อนที่วางอยู่ที่ขาถูกหยิบขึ้นแล้ววางไว้ที่เก้าอี้แทนที่ฉันแบบขยุ้มไว้มั่วๆ
“หญิงอิ่มแล้ว ขอตัวไปเดินเล่นก่อนนะคะ”
ไม่ทันไก้มีใครตอบรับคำของฉันแต่อย่างใด ฉันก็ก้าวฉับๆออกมาทันที แต่ก่อนจะออกจากห้องอาหารฉันก็ไม่ลืมที่จะหันไปมองดอร์ไมน์ที่นั่งท่านอาหารอยู่หน้านิ่ง
“กลับวังโดยสวัสดิภาพนะดอร์ไมน์ ^^”
ผู้ที่ถูกกล่าวถึงหันมายิ้มให้ฉันอย่างอารมณ์ดี
“ขอบใจนะ^^”
“อ๊ะๆ อากาศบังอยู่ มาไม่ถึง งั้นกองไว้ตรงนั้นล่ะเพคะ”
“55 งั้นคืนนี้อย่าลืมฝันถึงกันมั่งนะ”
“คืนนี้คงฝันร้ายน่าดูเลยน๊า”
ความสะใจผุดขึ้นมาเมื่อเห็นคนตรงหน้าอึ้งหน้าเหวอไป ฉันเดินออกมาจากห้องอาหารอย่างอารมณ์ดีตรงไปที่สวนหลังบ้าน ที่โปรดตั้งแต่สมัยเด็กของฉัน
7.50 น.
แสงจากหลอดไฟและดวงจันทร์ส่องสว่างไปทั่วสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพรรณที่กำลังจะผลิดอกออกมาในเช้าวันใหม่ แต่ก็ยังส่งกลิ่นหอมอ่อนๆตลบอบอวนไปทั่วสวน น้ำค้างใสๆเกาะใบและกลีบดอก เสียงจักจั่นดังแว่วประสานเสียงกันดังสนั่น
ฉันเหยียบลงบนผืนหญ้าชื้นๆ มีละอองน้ำเล็กน้อย เดินดูดอกไม้สีต่างๆอย่างเพลิดเพลิน จนมาถึงท้ายสวนที่มีสวนทิวลิปเล็กๆหลากสีบานอยู่ ซึ่งที่ตรงนี้เป็นีท่แห่งความทรงจำวัยเด็กของฉันว่าทำไมฉันถึงเกลียดดอร์ไมน์ เพราะตอนนั้นเรานั่งปลูกดอกทิวลิปด้วยกัน และเขาเกิดนึกอะไรก็ไม่รู้ บอกให้คนเอาปุ๋ยหมักชีวภาพมารดต้นทิวลิป แต่ก่อนที่จะได้รดต้นทิวลิป ดันมารดตัวฉันซะก่อนน่ะสิ -~-
ตอนนั้นฉันโมโหมาก ทั้งตัวฉันเหม็นเน่าไปหมด แถมยังคันจนตัวแดงขึ้นผื่นเต็มไปหมด กลิ่นก็ติดตัว โสโครกที่สุด >< v564346@$%#245
ดอกทิวลิปสีขาวดอกหนึ่งถูกเด็ดออกมา ฉันชื่นชมมันและดมกลิ่นหอมอ่อนๆของมันอย่างอารมณ์ดี
อ้า~หอมจัง ^..^
ตึกๆ
“0-0”
เสียงเหมือนคนเดินผ่านหลังฉันไปดังขึ้น ฉันหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว แต่กลับพบกับความว่างเปล่า ไร้ร่องรอย
อะรอีกล่ะเนี่ย ดอร์ไมน์แกล้งฉันอีกแล้วหรอ!? นี่ถึงขนาดตามมาละลานฉันถึงสวนเลยหรอ
“ดอร์ไมน์! นายเลิกตามฉันซะทีได้มั้ย”
...
เงียบกับฉันเรอะ! บังอาจมาก!!
ตึกๆ
“ดอร์ไมน์!”
.....
จะมากเกินไปละนะ!!
“ไม่ออกมาใช่มั้ย! ฉันชักจะไม่ไหวละนะ”
......
อะไรกัน ฉันไม่ใช่พวกคนบ้าสติแตกพูดคนเดียวนะ ทำไมเขาไม่คิดจะตอบอะไรบ้างเลย ให้ตายสิ! เสียมารยาทที่สุด
ตึกๆ
“ดอร์ไมน์!”
.....
ฮึ่ย! ไม่ไหวละนะ!! -~-
ฉันเดินก้าวฉับๆไปตามเงาที่วิ่งผ่านหน้าไปทางสวนกุหลาบที่ปลูกเป็นแถวเป็นแนวอยู่จนไปถึงสุดทางก็เป็นเขาวงกตที่ท่านพ่อสั่งห้สร้างขึ้นสำหรับเล่นสนุกๆในงานปาร์ตี้ แต่ตอนนี้มันมืดสลัว ถ้าไม่มีแสงจากดวงจันทร์ที่สอดส่องมาล่ะก็ ที่แห่งนี้ก็คงจะมืดสลัวจนมองไม่เห็นทางแน่นอน
ตึกๆ
เงานนั้นวิ่งผ่านฉันเข้าไปในเขาวงกตลึกเรื่อยๆ....เรื่อยๆ...และ...เรื่อยๆ... เหมือนกับเป็นการเชิญชวนให้ฉันเข้าไปข้างใน เริ่มเล่นเกมส์นี้ ซึ่งนั่นก็ได้ผล ฉันวิ่งตามเข้าไปไม่หยุด
ตึกๆ
ดอร์ไมน์ นายอยากจะเล่นเกมส์กับฉันเรอะ!! อย่าให้ฉันจับนายได้ละกัน ฉันจะเอาคืนอย่างสาสมแน่นอน!!
ตึกๆ
ยิ่งวิ่งก็ยิ่งลึกเรื่อยๆ...และเรื่อยๆ แต่ดีที่ฉันยังมีสติ เสียบดอกทิวลิปสีขาวที่เด็ดมาไว้ตรงก่อนทางเข้า เผื่อว่าถ้าฉันหาทางออกไม่ได้จะได้มีคนรู้ว่าฉันหลงอยู่ในเขาวงกตและตามมาช่วยฉันได้
คนไรเนี่ยฉลาดจริงๆ ^^
ติ๊กตอก! ติ๊กตอก!
วัตถุทรงประหลาดตกอยู่บนพื้นข้างหน้าฉัน ฉันหยุดนิ่งวิ่งมองผ่านความมืดที่ปกคลุมจนฉันแทบจะมองไม่เห็น มันส่งเสียงคล้ายกับนาฬิกาเสียงดังไม่มากนัก ฉันหยิบมันขึ้นมาดูอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นมัดชัดขึ้น
นาฬิกาเรือนสีทองที่มีอายุยาวนานกว่า 700 ปี ที่บอกเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว มันควรที่จะอยู่ที่ห้องเรียนของฉันในโรงเรียนแท้ๆ แล้วก็นี่แค่ 1 ทุ่มกว่าๆเองไม่ใช่หรอ ทำไมบอกเวลาแบบนี้ล่ะ สงสัยว่าคงจะเสียแล้วล่ะ แต่น่าแปลกแหะ ทำไมมันถึงมาตกอยู่ที่สวนหลังบ้านของฉันได้กันนะ หรือว่าจะเป็นโจรขโมยมาแล้วมาทำตกไว้ 0-0
ใช่แน่ๆ ที่โรงเรียนที่ฉันหลงคิดว่าผีหลอกที่จริงแล้วเป็นโจรที่มาขโมยนาฬิกาทองเรือนนี้สินะ แถมยังโลภมาก ตามฉันมาถึงบ้าน นี่คงคิดจะมาขโมยของบ้านฉันต่ออีกสินะ อย่างงี้ฉันคงปล่อยไว้ไม่ได้แล้วล่ะ ต้องจับตัวมันมาส่งตำรวจให้ได้ โทษฐานที่ทำฉันกลัวจนฉี่แทบราด T^T
ตึกๆ
“หยุดนะ!”
เงานั้นวิ่งผ่านหน้าฉันไปอย่างรวดเร็ว ฉันจะไม่ปล่อยโจรให้หนีไปได้แน่!! ลองดีกับฉันหรอ รู้จักฉันน้อยไปซะแล้ว
ตึกๆ
ฉันเร่งสปีดตามเงาที่วิ่งผ่านหน้าฉันไปมาจนฉันเริ่ทจะสับสนกับทาง เพราะเหมือนยิ่งวิ่งไปไกลเท่าไหร่ ...ยิ่งกลับมาที่เดิม ยิ่งวิ่งตามไปเท่าไหร่... ยิ่งลึกเรื่อยๆ ยิ่งวิ่งไปลึกเท่าไหร่... ยิ่งหมดแรง ยิ่งไปไกลเท่าไหร่ ยิ่งหลงทาง....
ตึกๆ
ไปทางนั้น!!
ตึกๆๆ
วิ่งกลับไปทางโน้น!!
ตึกๆๆ
ทางนั้น!!
พรึบ!!
“แฮกๆๆ”
ฉัน...ไม่ไหวแล้ว...เหนื่อยเหลือเกิน...
ฉันนั่งทรุดลงไปกับพื้นหญ้าอย่างอ่อนแรง ในมือยังคงถือนาฬิกาสีทองนั้นไว้ คอแห้งเหมือนเป็นเม็ดทราย เหงื่อไหลท่วมตัวเต็มไปหมด มือและขาสั่นระรั่วไม่หยุด
ตึกๆๆๆ
บ้าจริง!! จะวิ่งอีกนานมั้ย... จะวิ่งไปถึงไหน... นี่สิ่งนั้นยังใช่คนอีกหรอ!? ถึงได้วิ่งไวจนฉันวิ่งตามไม่ทัน แถมไม่รู้จักเหนื่อยหรือหยุดวิ่งบ้างเลย นี่เป็นผีหรอไงกัน...
โครม!!
อะไรน่ะ 0-0
วัตถุบางอย่างที่คงจะหนักไม่ใช่น้อยตกลงมาจากต้นไม้ร่วงลงในพุ่มไม้เสียงดัง กิ่งไม้และใบไม้กระจายไปทั่ว ด้วยความที่เสียงนั้นดัง ทำให้ฉันตกใจจนต้องหันไปดู
จุดไฟสะท้อนแสงเล็กๆ 2 จุดสีแดง จ้องมามองฉันจากในพุ่มไม้ ฉันสบตากับมันและใคร่ครวญว่าสิ่งนี้คืออะไรกัน
โจรหรอ..? แต่พุ่มไม้นี้ไม่ใหญ่และมีที่มากพอให้คนเข้าไปได้นะ
แมวหรอ..? แต่ที่บ้านไม่เลี้ยงแมวนะ อีกอย่าง...มันไม่มีเสียงร้องเมื่อตกมาจากต้นไม้เลย
งั้นจะอะไรอีกล่ะ...
อะไร...ที่มีดวงตาสีแดงน่ากลัวแบบนั้น
อะไร...ที่ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดแล้วร้องออกมา
อะไร...ที่วิ่งไวจนฉันหลงตามมาแทบไม่ทัน
มันคืออะไรกัน!?
ตัวเลือกที่เหลืออยู่ในตอนนี้มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น....ปีศาจ!!
“นะ...นั่น...นั่นใครน่ะ”
มือที่สั่นอยู่แล้วสั่นยิ่งขึ้นไปอีก ฉันจึงกำกระโปรงไว้แน่น หัวใจเต้นเร็วจนหายใจไม่ทัน เริ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเสมือนมันเป็นของแข็ง
คะ...ใครก็ได้...ช่วยฉันที ฉันกลัว ฉันจะเป็นลมแล้ว!
“ฮี่ๆ +_+”
เสียงเล็กน่าขนลุกดังขึ้นมาจากข้างในพุ่มไม้ โดยไม่ได้นัดหมาย ฉันแทบช็อคทันทีที่ได้ยิน
ตึกๆๆๆๆ
มันวิ่งตรงเข้ามาทางฉันอย่างรวดเร็วแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ตาสีแดงของมันจ้องตรงมาที่ฉันเป็นการล็อคเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน ใจที่เต้นแรงก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นไปอีก เหมือนหัวใจจะวายตายตรงนี้ ฉันถอยหลังนี้อย่างทุลักทุเล แต่มันมาเร็วเกินไปจนฉันถอยหนีไม่ทัน จนมันวิ่งมาใกล้ประชิดตัวฉัน ฉันได้แค่เพียงยกมือขึ้นกันตัวไว้ตามสัญชาตญาณเพียงเท่านั้น ก่อนที่จะล้มนอนลงกับพื้นอย่างแรง นาฬิกาก็กล่นจากมือฉันไป
“อร๊ายยยยยย~ >0<”
ผลัก!!
น้ำตาฉันไหลออกมาเหมือนก๊อกน้ำแตกออกมาอาบแก้ม เมื่อมันชนเข้ากับตัวฉันอย่างแรง (ขอย้ำว่าน้ำตา ไม่ได้ฉี่ราด) และเล็บอันคมกริบเหมือนมีดก็ข่วนที่แขนของฉันอย่างแรง จนรู้สึกแสบ
แง~ T^T ฉันตายแน่...ปีศาจจะฉีกฉันออกเป็นชิ้นๆและกินฉันแบบที่ยังมีเลือกไหลสดๆ ไม่อยากจะคิดภาพ หลับตาๆๆ >_<
ป๊อกๆๆ
“โอ๊ย!”
ของแข็งหรือกล่องอะไรบางอย่างกระแทกลงบนหัวของฉันแต่แรงตีไม่แรงมากนัก ฉันจึงแปลกใจและค่อยๆลืมตาดู
เอ๊ะ! ปีศาจทำอะไรกับฉันน่ะ >_0
สับปะหลาดที่ฉันหลงคิดและกลัวอยู่ตั้งนาน กลับกลายเป็นกระตายสีขาว สวมเสื้อสูท ผูกเนคไทอันจิ๋วน่ารักๆมานั่งอยู่บนท้องของฉัน และถือนาฬิกาเรือนสีทองที่ฉันเพิ่งทำตกไปเมื่อกี้เขย่าไปมาอย่างน่าเอ็นดู
น่ารักจัง~ >-< กระต่ายใครเนี่ย
ฉันมองมันอยู่สักพักจนมันกระโดดลงไปที่พื้น ฉันถึงจะลุกขึ้นนั่งปัดเศษหญ้าที่ติดผมและตามเสื้อให้สะอาด แล้วหันไปจับจ้องมองมันต่อ
ฉันอยากเลี้ยงมันจังลเยอ่ะ >_< ที่บ้านมีแค่ ‘เจ้าบัปเปิ้ล’ หมาพันธุ์โกลเด้นขนสีทอง ที่ชอบวิ่งซนไปทั่วบ้านและเล่นเป็นเพื่อนฉันตั้งแต่ฉันยังอายุ 5 ขวบ ตอนนั้นมันเองก็ยังเป็นแค่ลูกหมาตัวกระเปี๊ยก แต่ตอนนี้มันโตตัวใหญ่มากจนจะงาบหัวฉันได้อยู่แล้วเนี่ย -..-
ว่าแต่...กระต่ายใครล่ะเนี่ย เอามาปล่อยไว้งี้ได้ไง ถ้ามันหายไปก็น่าเสียดายแย่เลลยน๊า~
“อ๊ะ! 0-0”
อยู่ดีๆเจ้ากระต่ายน้อยก็หันมามองทางฉันตาแป๋วน่ารักๆ และถือนาฬิกากระโดดขึ้นมานั่งบนตักของฉัน
ป๊อกๆๆ
นาฬิกาถูกตีบนหัวของฉันอีกครั้ง ฉันก็เอามือขึ้นมาบังอีกเหมือนเคย เพราะไม่กล้าทำอะไรมัน กลัวมันเจ็บน่ะ T^T (ฉันเจ็บไม่เป็นไร)
“อ๊า! ฉันเจ็บนะ >_<”
เจ้ากระต่ายนิ่งเหมือนฟังภาษาคนออกเมื่อฉันพูดจบ
“เจ้าทำนาฬิกาขององค์ราชินีพัง!!”
เอ๊ะ! 0_0 เสียงใครน่ะ (- - ) ( - -) ไหนๆ ไม่เห็นมีเลย
“ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ ทำไมไม่สนใจข้าเลย ไร้มารยาท!!”
“ห๊า!?”
เสียงเล็กๆมาจากกระต่ายน้อยที่นั่งหน้ามุ่ยมองฉันอย่างไม่สบอารมณ์
กระ....กระ...กระต่ายพูดได้ 0_0
ป๊อก!!
ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไรต่อ เจ้ากระต่ายน้อยก็เคาะนาฬิกาที่หัวของฉันอีกทีหนึ่งแล้วกระโดดวิ่งเข้าไปในเขาวงกต
จะไปไหนน่ะ รอฉันก่อนสิ!! ><
ฉันลุกขึ้นปัดก้นที่มอมแมมแล้วรีบตามกระต่ายปริศนาแสนน่ารักไปอย่างรวดเร็ว แต่มันวิ่งเร็วมากจนฉันวิ่งตามไม่ทัน นี่ฉันชักไม่แน่ใจแล้วนะ ว่านี่กระต่ายหรือม้า ทำไมวิ่งเร็วเป็นบ้าเลย แถมในที่มืดๆแบบนี้ สัตว์มักจะมองเห็นในที่มืดดีกว่ามนุษย์อย่างเราๆซะอีก
ช่วงแวบเดียวที่ฉันพลาดกับมันตรงมุมเขาวงกต มันก็หายตัวไปอย่างลึกลับ ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยอะไรเลย หายไปไหนแล้วนะ?
“ว้าย! >0<”
จู่ๆ แค่ฉันก้าวเท้าตามปกติ พื้นหญ้าที่นุ่นๆก็เปลี่ยนเป็นอากาศที่ว่างเปล่าทำให้ฉันเสียหลักตกลงไปในหลุมนั้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว และสติที่มีอยู่ของฉันก็ค่อยๆเรือนลง...เรือนลง...จนหมดไป จากนั้นก็รู้อะไรต่อจากนั้นอีกเลย...
Pz'Praerii: อ๊าา! >< พิมพ์จบ มีอุปสรรคมากมายเลย แต่ก็เอามาลงจนจบบท 1 ได้ ดีใจจัง T^T ซาบซึ้งอ่ะ ปัญหาที่พบก็มี บลาๆ 555 ล้อเล่น ก็มีไวรัส...แฟรชไดร์หาย...คอมพัง บลาๆ เย้! ดีใจจังคอมพัง T^T ไม่ใช่ละ 555 ก็...อ่านแล้วคอมเม้นกันได้เน้ออออ ไม่แย่งขนมกินจ้าาา 555 ^0^ จะได้เอาส่วนที่ไม่ดีไปปรับปรุงแก้ไขนะคะ ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ ^^ อะริกาโตตตตตตตตตต
ความคิดเห็น