คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เครื่องจักรนิรันดร์กาล
เครื่องจักรนิรันดร์กาล
หิมะสีขาวบริสุทธิ์ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าที่มืดสนิท ปกคลุมสิ่งก่อสร้างทั่วทั้งเมืองกรีฟาเนียร์ สร้างความหนาวเย็นให้กับสิ่งมีชีวิตบนโลก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับอมนุษย์และสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่เร้นกายในดินแดนที่ไม่อาจมีมนุษย์แม้เพียงคนเดียวเข้ามาได้
นกฮูกและค้างคาว สัตว์กลางคืนเริ่มออกล่าเหยื่อหาอาหารเช่นทุกคืน แววตาสะท้อนแสงของพวกมันเมื่อมองไปแล้ว ช่างน่าหวาดกลัว ต้นไม้แน่นิ่งให้น้ำแข็งปกคลุมจนทั้งต้นกลายเป็นสีขาว
เปลือกตาของหญิงสาวเปิดขึ้นเผยให้เห็นนัยน์ตาสีมรกตในห้องที่มืดมิด มีเพียงแสงไฟจากเตาผิงที่ส่องสว่างมาจากห้องโถงให้ความอบอุ่นกับเด็กสาว 4 คนที่นอนคนละเตียง หลับอยู่ในนิทราที่แสนหวานของแต่ละคน
ฟอแคลส เด็กสาวเจ้าของดวงตาสีมรกตที่ปกติเธอจะซ่อนไว้ภายใต้แว่นตาหนาเตอะที่เธอใส่เป็นประจำ ผมสีทองอ่อนๆเป็นรอยหยักศกจากการถักเปียฟูเล็กน้อย เธอพลิกตัวหันไปมองข้างหลังและข้างหน้าดูรูมเมสของเธอทั้ง 3 คนที่อยู่ในห้วงนิรา
เธอค่อยๆเลิกผ้านวมออกวางไว้บนเตียงพลางเอื้อมมือไปลากรถเข็นของเธอมาใกล้ๆก่อนจะพาร่างของเธอไปนั่งบนรถเข็นอย่างเบาที่สุด เพราะเธอไม่อยากให้ใครตื่นมาตอนนี้สักเท่าไหร่นัก
แกรก!
ประตูหน้าต่างเปิดออกช้าๆ พาลมหนาวเย็นยะเยือกเข้ามาห้อง เธอหันกลับไปมองเพื่อนที่นอนอยู่ให้แน่ใจว่าลมเย็นๆไม่ไปรบกวนให้พวกเธอตื่นขึ้นมา เมื่อแน่ใจเธอก็หมุนล้อรถเข็นออกไปตรงระเบียงที่ตอนนี้มีหิมะเกาะเป็นแผ่นบางๆ
“เฮ้อ~” ฟอแคสถอนหายใจออกมาเบาๆพลางกอดตุ๊กตากระต่ายแน่นด้วยความเหน็บหนาวจากอากาศยามค่ำคืนที่มีหิมะโปรยปราย
คืนนี้เธอนอนไม่หลับเลย แปลกจริงๆ ทั้งๆที่เธอน่าจะหลับได้แล้ว ทำไมกัน คืนนี้ถึงได้รู้สึกแปลกๆอย่างยอกไม่ถูกเลยนะ
วูบ!
อะไรน่ะ?
ฟอแคลสหันหน้ากลับเข้าไปในห้องเมื่อรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ นั่นคือแสงสีมรกตที่ส่องสว่างมาจากห้องโถง
กึก!
ฟอแคลสชะงักอยู่ที่หน้าประตู ทันทีที่เห็นแสงจากกระเป๋าใบใหญ่ที่มีสัมภาระชิ้นสำคัญของเธอส่องแสงสีมรกตออกมาจากกระเป๋า
แย่ละ! นี่มันเกิดอะไรขึ้น
มือขาวซีดของเธอหมุนล้อรถเข็นพุ่งตรงไปยังกระเป๋าอย่ารวดเร็ว และรีบเปิดกระเป๋าออกอย่างยากลำบาก เพราะแสงสว่างมากเกินไป จนแยงตาไปหมด เธอได้เพียงใช้มือคลำๆ ดวงตาก็พยายามลืมตามองอย่างยากลำบาก
แกรก!
ไม่นานกระเป๋าใบใหญ่ก็เปิดออก แสงสีมรกตที่สว่างอยู่แล้วก็สว่างยิ่งขึ้นไปอีก เหมือนทะลักออกมาจากกระเป๋า จนฟอแคลสต้องเอามือมาปังไว้
“โถ่เอ้ย! นี่มันอะไรกันเนี่ย” ฟอแคลสบ่นพึมพำพลางเอื้อมมือเข้าไปในแสงที่มีต้นกำเนิดมาจากบางอย่างในกระเป๋า
ต้นกำเนิดแสงเริ่มส่องแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆจนออกไปนอกห้องเมื่อฟอแคลสหยิบออกมาจากกระเป๋า มันคือวงล้อไม้ มีหินหกสีตามช่องต่างๆส่องประกายวิบวับแข่งกับแสงสีมรกตที่ส่องส่องทั่วทั้งวงล้อ
มันคือวงล้อแห่งโชคชะตา ที่จะทำนายทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะอนาคต หรือหนทางที่สิ่งมีชีวิตต้องเดิน หรือแม้แต่....ชีวิต
ปกติแล้วมันจะหมุนเมื่อมีผู้พยากรณ์มาใช้มันเท่านั้นหรือตอนทำพิธีกรรมทำนายดวงชะตา และจะส่องสว่างตลอดเวลาตามหินสีก้อนต่างๆ แต่ไม่มากนัก ไม่สว่างเท่าตอนนี้ แต่ที่แปลกคือ ตอนนี้มันส่องแสงสว่างมากในแบบที่เธอไม่เคยเห็นอย่างไม่ทราบสาเหตุ และที่แย่ไปกว่านั้นคือ...เธอไม่รู้วิธีหยุดมัน
“โถ่! ได้โปรด หยุดเถอะ” ฟอแคลสพูดพึมพำ ในใจอ้อนวอนพระเจ้าให้ชี้นำทางที่จะหยุดเครื่องจักนิรันดร์กาลนี้
จริงสิ! คาถาหยุดการใช้งานไงล่ะ
ฟอแคลสนึกบางอย่างออก บางทีแล้วคาถานี้อาจจะทำให้ลงล้อแห่งโชคชะตาพังไปเลยก็ได้ แต่ว่าจะปล่อยให้มันส่องว่างแบบนี้ไม่ได้
“อะ...อะเม..” ฟอแคลสกล่าวคาถาอย่างตะกุกตะกัก เพราะมันนานแล้วที่เธฮไม่ได้ท่องจำคาถา
วูบ!!
“อ๊าย!” ฟอแคลสส่งเสียงร้องดังลั่นลงไปถึงชั้นล่างของหอพัก
แรงดันบางอย่างมาพร้อมกับแสงที่สว่างขึ้นผลักให้ร่างบางที่นั่งบนรถเข็นล้มลงกองอยู่ที่พื้น หัวกระแทกโต๊ะเสียงดัง รถเข็นคว่ำกระเด็นไปที่ประตู เครื่องจักรวงล้อกระแทกบนมือบางๆที่ถือมันจนแตกหัก แว่นตาที่หนาเตอะของเธอล่วงลงแตกอยู่บนพื้นอย่างไม่มีชิ้นดี
แสงสีมรกตค่อยๆดับลงไป จนมืดสนิท มีเพียงแสงไฟอุ่นๆจากเตาพิงเท่านั้นที่ยังส่องว่างอยู่
“ฟอแคลส!!” เสียงใสๆตะโกนลั่นเมื่อเห็ฯร่างบางของเพื่อนนอนอยู่ที่พื้น
โปเซียรีบวิ่งมาจับร่างฟอแคลสมานอนบนตักอย่างรีบร้อน
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ” ซีเบลล์ที่วิ่งตามหลังมามองร่างเพื่อนสาวที่แน่นิ่งบนตักน้องสาวฝาแฝดอย่างตกใจ
“ฉันจะไปเรียกอาจารย์!” ซอนญ่ารีบวิ่งเปิดประตูออกไปนอกห้องตามอาจารย์อย่างที่บอก
ซีเบลล์ไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ได้แต่มองสิ่งที่อยู่ในมือของเพื่อนสาวอย่างสงสัย มันมีรูปร่างเป็นวงล้อ ทำจากไม้ มีหินสีต่างๆใส่ตามช่อง ประหลาดอย่างที่เธอไม่เคยเห็น มันวางทับมือบางๆขาวซีดของฟอแคลสอยู่
ของเหลวสีแดงๆไหลอยู่ที่พื้น ซีเบลล์รีบหาผ้ามาเช็ดมันที่มีต้นกำเนิดมาจากมือเรียวอย่างเบามือ ก่อนจะหยิบเครื่องจักรบ้าๆนั่นโยนไปทางอื่น
โครม!!
วงล้อแตกกระจาย หินสีต่างๆหลุดร่วงลงกลิ้งบนพื้นระเนระนาด ไม่หักเป็นท่อนๆ จนสภาพมันไม่น่าจะใช้งานได้
“อาจารย์มาแล้ว!! แฮ่กๆ”
ฟอแคลสถูกนำตัวมาที่ห้องพยาบาลของทิทเธอร์เนีย์ เธอนอนแน่นิ่งบนเตียงสีขาวเล็กๆ บริเวณศีรษะและมือมีผ้าก็อตสีขาวพันอยู่ ริมฝีปากเรียวซีดเหมือนน้ำแข็ง ใบหน้าขาวๆมีผมปรกหน้าไว้เกะกะตามแบบที่เธอเป็นประจำ
“พี่จะเฝ้าฟอแคลส ส่วนเธอกับซอนย่าก็ไปนอนต่อเถอะ จะเช้าแล้ว เดี๋ยวจะเรียนกันไม่ไหว” ซีเบลล์บอกกับน้องสาวพลางยกเก้าอี้มานั่งข้างเตียง
“แต่ว่าเมื่อคืนพี่เก็บของจนนอนดึกเลยนี่คะ พี่นั่นแหละไปนอน หนูจะอยู่เฝ้าเอง หนูนอนคนแรกในห้องเลยนะคะ” โปเซียคัดค้าน
เมื่อคืนซีเบลล์ต้องจัดห้องเลื่อนเตียงจากห้องของโปเซียกับซอนย่ามาไว้ที่ห้องนอนเดียวกับเธอและฟอแคลส และใช้ห้องนอนของน้องสาวเป็นห้องแต่งตัวแทน หนำซ้ำยังต้องจัดของของตัวเองและน้องสาว กล่อมโปเซียให้หลับ กว่าเธอจะนอนได้ถือว่าดึกมากเลยทีเดียว
“ก็ดีเหมือนกัน งั้นพี่ฝากฟอแคลสด้วยนะ” ซีเบลล์ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินออกนอกห้องพยาบาลไปพร้อมกับซอนญ่าทิ้งให้โปเซียอยู่ในห้องกับร่างเพื่อนที่แน่นิ่งบนเตียง
แสงจันทร์ที่ส่องสว่างจากหน้าต่างเข้ามาในห้องทำให้บรรยากาศดูเงียบสงบ น่ากลัว ในห้องที่มืดสลัว โปเซียนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงพลางเอื้อมมือไปกุมมือที่เต็มไปด้วยผ้าก็อตไว้ในมืออุ่นๆของเธอ
“หวังว่าเช้านี้เธอจะตื่นมาคุยกับเรานะ” ดวงตาสีครามจ้องมองเพื่อนสาวที่แน่นิ่งอย่างสร้อยเศร้าก่อนนจะปิดลงเรื่อยๆ
หัวที่เหมือนหนักอึ้งของโปเซียนอนลงบนขอบเตียงนุ่มๆ อย่างเผลอตัว ไม่ช้าสติของเธอก็ถูกฉุดดึงเข้าสู่นิทรา
‘ถึงจะรับปากพี่ไว้แล้วก็นะ แต่คงไม่มีใครเข้ามาในห้องพยาบาลหรอก’
เป็ง! เป็ง!
นาฬิกาในตู้ตีบอกว่าเวลาครึ่งครั้งที่สองของวัน และเตรียมรับวันใหม่เสียงดังจากหอนาฬิกาของโรงเรียนที่อยู่ตรงใจกลางทิทเธอร์เนียร์ เหมือนเป็นตัวฉุดโปเซียให้เข้าสู่นิทรามากกว่าปลุกเธอ
ผ้าคลุมสีดำพลิ้วสะบัดตามลมเอื่อยๆ รองเท้าหนังสีดำถูกขัดจนขึ้นเงา มันวับเหยียบย่ำลงบนหิมะขาวๆบนพื้นอย่างเชื่องช้า เหมือนไม่ต้องการให้มันยุบตัวเป็นรอยตามแรงกดจากฝ่าเท้าที่ก้าวเดิน
ประตูห้องพยาบาลถูกเปิดห้องเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ร่างของชายหนุ่มในชุดผ้าคลุมค่อยๆก้าวเข้าไปในห้องที่มืดสลัวอย่างเชื่องช้า
หน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดม่านเอาไว้มีแสสงสว่างนวลๆจากดวงจันทร์ส่องเข้ามายังหลางห้องที่มีเตียงสีขาวตัวหนึ่งตั้งอยู่ บนเตียงมีร่างเด็กสาวที่นอนแน่นิ่ง บริเวณศีรษะมีผ้าก๊อตพันอยู่
ดวงตาสีแดงของชายหนุ่มค่อยๆเลื่อนมองต่ำลงมามองเด็กสาวอีกคนที่อยู่ในชุดนอนกระโปรงบางๆสีโอรสนอนเอาหัวพิงกับขอบเตียง ในมือก็กุมมือของเพื่อนที่มีแต่ผ้าก็อตไว้อย่างอ่อนโยน
มือใหญ่ๆค่อยๆเอื้อมไปสัมผัสเส้นผมอ่อนนุ่มของหญิงสาวที่อยู่ในห้องนิทราอย่างอ่อนโยน สายตามองไล่จากดวงตา ลงมาที่จมูก แก้มสีชมพูระเรื่อ ริมฝีปากเรียวเล็ก และลำคอขาวเนียนที่ดึงดูดสายตาให้จับจ้อง
ผ้าคลุมค่อยๆถูกเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่ขาวซีดเหมือนไร้ซึ่งชีวิต ดวงตาสีแดงก่ำ จ้องมองหญิงสาวอย่างไม่ลดละ ประหนึ่งเธอเป็นเจ้าหญิงหลุดมาจากโลกนิทาน
เขาค่อยๆก้มหน้าลงมาใกล้ใบหน้าของเด็กสาวเรื่อยๆ ไม่ให้เธอรู้ตัว
“ไว้ข้าจะมารับเจ้า เจ้าสาวของข้า” เสียงกระซิบแหบพร่าดังเบาๆข้างหูเด็กสาว
“ห๊า!! 0_0” เสียงใสๆของโปเซียดังขึ้นภายในห้องที่เงียบสงบ
ร่างบางๆของเธอที่นอนเอาหัวพิงที่ขอบเตียงสะดุ้งตื่นขึ้นมาจนแทบจะตกเก้าอี้ และเกือบลืมไปว่าเพื่อนเธอต้องการพักผ่อน เธอจึงรับเอามือขึ้นมาปิดปากไว้ให้เงียบกริบ
เมื่อกี้เสียงใครน่ะ??
โปเซียกวาดตามองไปรอบๆห้องก็ไม่พบใคร สิ่งที่เธอพบมีเพียงความมืดสลัว กับเตียงที่ว่างเปล่ารอบๆตัวเธอ
แปลกจัง เมื่อกี้เหมือนได้ยินเสียง....
คำถามที่ไม่มีคำตอบกับข้อสงสัยลอยอยู่ในสมองของสาวน้อย แต่สิ่งที่อยากรู้กลับไม่มีคำตอบใดๆ หรือหลักฐานมาพิสูจน์ได้
ช่างเถอะ สงสัยหูฝาดไปเอง
เด็กสาวเปลี่ยนความสนใจจากข้อสงสัยไร้สาระที่เธอยกยอดรวมไปเป็นความฝันของเธอแทนซะ ก่อนจะลุกขึ้นไปรินน้ำจากเหยือกที่ตั้งอยู่บนโต๊ะใกล้ๆเตียง ซึ่งเตรียมไว้ให้สำหรับผู้ป่วย ใส่แก้วแล้วกระดกดื่มรวดเดียวหมดอย่างหิวกระหาย
น้ำถือว่าช่วยได้มากเลยทีเดียว มันทำให้เธอรู้สึกสดชื่น หายจากอาการงัวเงียได้ขึ้นมาเยอะ ก่อนจะเหลือบไปเห็นหนังสือตำราบางอย่างเล่มบางๆดูเก่ามากวางอยู่บนโต๊ะข้างๆเหยือกน้ำขึ้นมาเปิดอ่าน
‘การล่าสัตว์’ หน้าปกหนังสือแทบจะจางหายไป
นี่คงเป็นกิจกรรมฆ่าเวลาของเธอได้พอสมควรเลยทีเดียว
ติดได้แบบนั้น มือเรียวๆของเด็กสาวก็ถือหนังสือเล่มเก่าไปก่อนจะถอดรองเท่าแตะขึ้นไปนั่งพิงหมอนบนเตียงพยาบาลข้างๆเตียงของเพื่อนสาวและเปิดหนังสืออกอย่างเบามือ ด้วยว่า กลัวมันจะขาดเหลือเกิน
ฟิ้ว~
หน้าหนังสือสั่นพั่บๆจนแทบจะหลุดออกมาจากเล่มเมื่อมีลมพัดหอบความหนาวเย็นเข้ามาในห้อง
ประตูห้องพยาบาลที่ไม่รู้เปิดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ขยับไปชนเข้ากับผนังห้องเสียงดังจนโปเซียสะดุ้งหันไปมอง
เธอกางหนังสือ 180 องศาวางคว่ำบนเตียงจนมันเกิดเสียงเหมือนขนมปังกรอบโดนกัดก็ไม่ปาน
โอ๊ะโอว~ แค่อุบัติเหตุน่ะ -_-^
โปเซียเดินไปที่ประตูก่อนจะปิดมันลงเบาๆไม่ให้เกิดเสียงแล้วเดินกลับมานั่งอ่านหนังสือบนเตียงต่อ
แต่ก็ยังหาเวลาแต่งไปเรื่อยๆจนตอนนี้พีซีเองก็แต่งไปเกือบถึงบท 10 แล้วนะจ๊ะ ^^
ไว้จะทยอยเอามาลงเรื่อยๆ ยังไงก็ฝากติดตามตอนต่อๆไป และขอขอบคุณทุกๆคนที่ติดตามด้วยนะคะ สัญญาว่าจะพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ ^0^ มีอะไรก็โพสต์ติชม ให้คำแนะนำ หรือถามได้นะคะ
และสามารถพูดคุยกับพีซีได้ทุกเรื่องเลยน๊าาา ^0^ ยินดีเสมอจ่ะ รู้จักกับพีซีเพิ่มได้(ถ้าอยากรู้จักกัน) สามารถอ่านเรื่องราวของพีซีได้ใน K'zy Diary นะจ้าาาาา ส่วนนิยายเรื่องต่อไปพีซีเขียนได้เท่าๆกับเรื่องนี้แล้วค่ะ แต่จะเป็นเรื่องอะไรนั้นขออุบไว้ก่อน :x ใบ้ให้ว่ามีเลือดสาดด้วยจ่ะ 5555
ความคิดเห็น