คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : กลอสซี่แอค!!?
กลอสซี่แอค!!
“กรี๊ด~ >o<” โปเซียร้องลั่นจนแสบแก้วหู
แขนของเธอที่สั่นระรัวถูกกระชากจนแขนเธอแทบหลุดไปทำให้ร่างบางๆ ของเธอข้ามไปที่ม้าตัวข้างๆ แต่แรงนั้นมากเกินจนทำให้เธอตกจากม้าตัวนั้นลงพื้นต่ออีก ร่างเธอลงกระแทกกับร่างทีเนียสที่ล่วงจากเจ้าฮ็อกกี้ตามเธอลงมากระแทกกับพื้นหญ้า ทำให้ร่างเขาเหมือนเป็นเบาะรองรับร่างบางๆของเธอเป็นอย่างดี
น้ำตาที่ไหลไม่หยุด ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะยิ่งไหลหนักกว่าเก่าด้วยความกลัว และตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ใบหน้าใสๆที่มีน้ำตาอาบแก้มทั้งสองข้างซุกกับอกของทีเนียสและกอดเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย แถมยังกำเสื้อเขาแน่นจนมันยับยู่ยี่ไปหมด หนำซ้ำน้ำตาของเธอยังทำให้ชุดของเขาเปียกเป็นช่วงๆ
ทีเนียสขยับตัวเล็กน้อยด้วยความเจ็บแสบตามร่างกาย เขากระดกหัวขึ้นเล็กน้อยมองร่างของหญิงสาวที่ร้องไห้อย่างน่ากลัวบนร่างของเขา ก่อนจะเอาหัวลงไปกับพื้นและนอนนิ่งๆ ยังไงเธอคงไม่ลุกไปแน่ๆตอนนี้
นาทีนี้ พี่สาวของเธอที่คอยช่วยเหลือเธออยู่ตลอดกลับไม่อยู่จนเธอกลัวมาก ทีเนียสคือคนที่มาช่วยเธอและทำให้เธอโล่งใจ เขาช่างอบอุ่นอะไรอย่างนี้ ร่างที่รองรับเธอไว้ช่างแข็งแรงพร้อมที่จะปกป้องเธอได้เสมอ ทำให้เธอไม่อยากลุกออกจากเขาตรงนี้ไปเลย อย่างน้อยก็ให้เขาอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าความกลัวของเธอจะจางหายไป...
ตูม!!
เจ้าล็อกซานถลาลงบ่อคนทำให้โคลนในบ่อกระเด็นเสียงดัง กระเด็นกระจายไปทั่วบริเวณ รวมถึงร่างของคนทั้งสองที่อยู่บนพื้นด้วย ในตอนนี้มันเหมือนกับม้าชุกช็อกโกแลตหวานๆในบ่อดีๆนั่นเอง
บาทหลวงโยเซฟใช้เวทย์มนต์เสกเชือกให้ปรากฏในมือและคล้องที่คอของสัตว์ในบ่อแล้วดึงมันขึ้นมากับเหล่าคริสเตียนที่อยู่ในเหตุการณ์จนมันสามารถขึ้นมาได้และสะบัดตัวไปมาทำให้โคลนบนตัวมันกระเด็นไปทั่วเหมือนก่อนหน้านี้
“โปเซีย!!”
เสียงตะโกนของซีเบลล์ที่เพิ่งวิ่งมาถึงดังลั่นเมื่อเห็นว่าน้องสาวของเธอปลอดภัยดี เธอก็โล่งอกไป ขาที่ใช้งานหนักค่อยๆอ่อนแรงลง ทรุดลงกับพื้น และหอบอย่างหนัก
เอี๊ยด!!
ดอร์มินิกที่ขี่สกู๊ดเตอร์ไล่หลังมาใช้เท้าเบรกมันจนเกิดเสียงเสียดสีน่าเสียวฟัด ทันทีที่เขามาถึงเขาก็ทิ้งสกู๊ดเตอร์ลงพื้นอย่างไม่ใยดีและวิ่งไปหาม้าตัวโปรดของเขาที่ตอนนี้ ร่างที่แสนจะขาวบริสุทธิ์ของมันกลายเป็นสีน้ำตาลสกปรกไปทั้งตัว
“ลูกพ่อออ~ TOT”
เขาแทบจะเข่าทรุดต่อหน้ามัน เขาพยายามเอื้มมือจะไปสัมผัสมันแต่กลับรังเกียจโคลนที่อยู่บนร่างมันจนได้วิ่งรอบตัวมันและโวยวายไปมาอย่างบ้าคลั่ง
เหตุการณ์ครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับพ่อมดแม่มดในตลาด โปเซียกลัวม้าไปอีกนาน งานนี้ต้องขอบคุณทีเนียสมากจริงๆ ซีเบลล์ก็รู้สึกผิดนิดๆที่ครั้งนี้เธอไม่ใช่คนที่ปกป้องน้องสาว ส่วนดอร์มินิก....
เขาคงต้องกลับไปอาบน้ำให้เจ้าล็อกซาน....
“ฮือๆ~ ลูกพ่อ TT^TT”
ดวงจันทร์ที่นี่ดวงใหญ่กว่าโลกมนุษย์ แสงสว่างกว่า และตอนกลางคืนที่นี่หนางกว่า หิมะเริ่มโปรยปรายจากท้องฟ้าที่มืดสนิทไปทั่วเมือง แสงไฟตามบ้านเรือนทั่วกรีฟาเนียร์ส่องสว่างสวยงามอย่างน่าหลงใหล มันเป็นเวลาฉลองของคนในเมืองนี้หลังจากเสร็จงานทุกๆวัน
แอ๊ด~
ประตูไม้ของบ้านสองชั้นเปิดออกต้อนรับเจ้าของบ้านและแขกผู้มาเยือนอีกสองคน ที่เพิ่งรู้จักกันและแนะนำตัวระหว่างทางที่มาที่บ้านเรียบร้อย
“เข้ามาเร็ว ข้างนอกหนาวนะ” ซีเบลล์หลบทางให้แขกเข้าไปในบ้านที่มีกลิ่นหอมแอปเปิ้ลลอยฟุ้งกระจาย
ทีเนียสอุ้มร่างของโปเซียที่อยู่ในนิทราทั้งๆที่แก้มทั้งสองข้างยังคงมีคราบน้ำตาอยู่ เธอคงเหนื่อยและหมดแรงไปหลังจากที่นอนร้องไห้อย่างหนักบนร่างของเขาจนสลบไปในไม่กี่นาทีต่อมาเข้าไปในบ้านและวางร่างของเธอลงบนโซฟาที่มีผ้าขนแกะปูแผ่คลุมจากถึงพื้นไม้หน้าเตาผิงที่มีเปลวไปส่องแสงส่วางไปทั่วห้องโถงและให้ความอบอุ่น
ซีเบลล์เดินขึ้นไปยังบนห้องชั้นบนหยิบผ้าขนหนูสีขาว เดินลงมาชั้นล่างไปในห้องครัวเปิดน้ำใส่กะละมังใบน้อยไปที่ห้องโถงกลางบ้าน เธอจะวางมันลงบนโต๊ะและเอาผ้าชุบน้ำบิดมันหมาดๆแล้วเช็ดคราบน้ำตาและละอองโคลนบนใบหน้าที่เหมือนกับใบหน้าเธอ
“อะไรกันเนี่ย ทำบ้านเจ้าหลังเล็กอย่างนี้!?” แขกอีกคนที่มาด้วยบ่นพลางเดินสำรวจรอบๆห้อง หยิบจับของตกแต่งอย่างเสียมารยาทจนเจ้าของบ้านต้องหันมามองด้วยสายตาตำหนิ
“มาบ้านคนอื่นก็หัดมีมารยาทเสียบ้างนะ วันนี้โอลดิสตาข้าไม่อยู่ ถ้าเขาอยู่ล่ะก็เจ้าโดนเขาสาปเป็นหนูบ้านตั้งแต่เอื้อมมือไปแตะของตั้งแต่วินาทีแรกแล้ว”
ซีเบลล์บ่น ก่อนจะหันไปเช็ดตัวให้น้องสาวต่อ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ดอร์มินิกหยุดนิ่งเลย เขาเดินไปในห้องครัวข้างๆบันไดด้วยความอยากรู้อยากเห็นทำให้ซีเบลล์นึกอะไรออก
โปะ!
“กลอสซี่แอค!! ”
เสียงดีดนิ้วของซีเบลล์ดังขึ้นตามด้วยคาถาบทสั้นๆ ตู้เก็บจานถูกเปิดออกเองโดยที่ไม่มีใครไปเปิดและมีแก้วน้ำสองใบลอยออกมาจากห้องครัวพร้อมเหยือกใส่น้ำจนเกือบจะชนเข้ากับหัวของดอร์มินิกตรงประตู โชคดีที่เขาหลบทันไม่งั้นคงชนเข้ากับมันแน่
เขาตกใจอ้าปากค้างเมื่อเห็นแก้วน้ำกับเหยือกลอยเองได้ลอยไปในห้องโถงและวิ่งตามมันไปในห้องโถงก็ต้องอึ้งเข้าไปอีกเมื่อเห็นเหยือกน้ำรินน้ำใส่แก้วลอยไปใกล้ทีเนียสที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆเตาผิง
“ข้ารู้ว่าเจ้าคงคอแห้ง อาจต้องการน้ำ” ซีเบลล์พูด
ทีเนียสมองเธออย่างงงๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับแก้วน้ำตรงหน้ากระดกดื่มรวดเดียวหมดแล้วหมุนแก้วมองดูรอบๆสำรวจหาต้นเหตุว่าทำไมมันถึงลอยได้ แต่ก็พบอะไรเลย
“ขอโทษนะ เจ้าทำยังไงแก้วพวกนี้มันถึงลอยได้” ทีเนียสถามด้วยความสงสัย
“เอ๋?” ซีเบลล์ทำหน้างง
“ก็ข้าสงสัยไง ว่าเจ้าทำยังไงจู่ๆแก้วมันถึงลอยได้ แถมทำหน้าที่รับแขกได้เองเหมือนมีคนทำอย่างนั้นล่ะ” ทีเนียสถามอีกครั้ง
“ต้องมีพวกผีปีศาจที่มองไม่เห็นทำแน่ๆ ใช่มั้ย??” ดอร์มินิกที่เงียบไปนานพูดขึ้นพลางเดินมาทางแก้วและเหยือกน้ำที่ลอยอยู่และเอื้อมมือไปจับมัน แต่มันลอยหลบเขาขึ้นไปบนเพดาน เขาจึงคว้าได้เพียงแค่อากาศ
ดอร์มินิกยังคงไม่ละความพยายาม กระโดดขึ้นไปบนเพดานแต่ก็เอื้อมไม่ถึง แก้วและเหยือกน้ำเหมือนเล่นตลกกับเขามันลอยไปมารอบห้องให้เขาวิ่งตามจับ ทีเนียสกับซีเบลล์มองเขาที่ทำกริยาเหมือนเด็กเล่นวิ่งไล่จับผีเสื้ออย่างเหนื่อยใจ
“หยุดนะ! ไอผีบ้า” เขาวิ่งไล่ตามมันไป
แก้วและเหยือกตามยังคงลอยไปมารอบๆห้องเหมือนมีชีวิต หลอกล่อยั่วให้ดอร์มินิกตามจับมันอย่างสนุกสนาน ที่ได้เห็นเขาคว้าอากาศเล่น หรือทำท่าทางแปลกๆออกมาจนทีเนียสกับซีเบลล์ที่คอยมองอยู่ขำออกมา
โป๊ก!!
“โอ๊ย! ไอผีบ้า!!” ดอร์มินิกโวยวายเมื่อหน้าผากของเขาโดนชนกับเหยือกน้ำเสียงดัง
ซีเบลล์วางผ้าลงในกะละมังแล้วหันไปทางดอร์มินิก เธอจ้องและยกนิ้วชี้แก้วกับเหยือกน้ำที่ลอยอยู่ในอากาศ แล้วกล่าวคาถา ตวัดนิ้วลงล่าง
“กอลสซี่พัว”
จู่ๆเหยือกน้ำที่ลอยอยู่ก็หยุดแล้วค่อยๆเอียงเทน้ำในเหยือกราดลงบนหัวของดอร์มินิก อย่างช้าๆ เนิบๆจนหมดแล้วลอยมาอยู่ข้างๆซีเบลล์
แปะๆ
ทีเนียสที่มองอย่างอึ้งๆตบมือให้กับการแสดงของซีเบลล์ที่มีดอร์มินิกเพื่อนของเขาร่วมด้วย ซีเบลล์หันมายิ้มให้เขาและหันกลับไปร่างของดอร์มินิกที่ยืนนิ่งกำมือแน่น
“ขอบใจมากน๊าที่มาช่วยข้ารับแขก พวกเจ้าทำหน้าที่ได้ดีมาก ไปได้แล้วล่ะจ่ะ ^^” ซีเบลล์พูดกับแก้วและเหยือกน้ำเหมือนมันมีชีวิต
มันลอยกลับเข้าไปในห้องครัวและจัดตัวเองเข้าตู้ตามที่เดิมที่เคยอยู่ก่อนโดนเรียกใช้และหยุดนิ่งสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นี่ๆสอนข้ามั่งสิ ^^” ทีเนียสสะกิดซีเบลล์ เธอหันหน้ามามองเขาอย่างงงๆก่อนจะถามเขาด้วยความประหลาดใจ
“เจ้านี่แปลกนะ เวทย์บทง่ายๆแบบนี้ใครๆก็ทำได้กันทั้งนั้น”
“เวทย์หรอ!? ข้าเคยเรียนแต่การต่อสู้ การปกครอง กับการใช้พลังธาตุในตัวน่ะ”
“หรอ” ซีเบลล์ทำหน้าเหมือนจะเข้าใจ
เพล้ง!!
ซีเบลล์รีบหันไปมองตามเสียงเหมือนมีวัตถุบางอย่างหล่นแตกจากด้านหลัง ก็ต้องตกใจทันทีที่หันไปเห็นขวดยาสีม่วงของโอลดิสที่วางอยู่บนชั้นกลายเป็นพวงเศษแก้วกระจายเต็มพื้น น้ำยาสีม่วงไหลไปตามพื้นและระเหยเป็นควันสีดำลอยจางหายไปในอากาศ
“จะมากเกินไปแล้วนะ!!” ดอร์มินิกหันมามองซีเบลล์ตาขวางพลางกำมือแน่น เธอโมโหมากที่จู่ๆเขาก็มาทำลายขวดยาของที่พ่อและแม่ของเธอให้โอลดิสไว้ก่อนตาย บอกว่ามีความสำคัญต่อพวกเธอมาก พวกเขาช่วยกันตามหาส่วนผสมแทบตายและใช้เวลาปรุงมันอย่างยากลำบากตามที่โอลดิสเล่าให้เธอกับโปเซียฟังเมื่อจำความได้ สิ่งนั้นคือสิ่งเดียวที่เป็นของที่พ่อแม่ของเธอเหลือไว้ในบ้านหลังนี้
ยาสีม่วงในขวดนั้นเป็นยาที่เธอไม่ทราบถึงสรรพคุณของมัน มีเพียงโอลดิสเท่านั้นที่รู้ แต่บัดดี้ มันได้ระเหยหายไปต่อหน้าต่อตาของเธอ
“เจ้าทำบ้าอะไรของเจ้า!!” ซีเบลล์ลึกขึ้นด้วยความโกรธ ขอบตาของเธอแดงก่ำเหมือนจะมีน้ำใสคลอออกมา
“หึ! ก็แค่ขวดยากิ๊กก็อกขวดเดียวมันไม่ตายหรอกนะ” ดอร์มินิกบ่น
“นั่นเป็นของที่พ่อกับแม่ข้าให้ไว้ก่อนตาย!! เจ้ามาทำลายแบบนี้ยังจะบอกว่าไม่ตายหรอกเรอะ!! ใช่! ข้าไม่ตาย แต่ข้านี่ล่ะจะฆ่าเจ้าให้ตาย ”
พลึบ!!
รัศมีเปลวเพลิงที่อยู่ในเตาผิงแผ่ออกมา จากที่เคยให้ความอบอุ่น บัดี้กลับให้ความร้อนแทนที่ ทีเนียสที่นั่งอยู่ใกล้ๆเตาผิงถึงกับต้องเดินออกห่าง ดวงตาสีแดงเพลิงเริ่มลุกเป็นประกาย รอบๆตัวเธอเหมือนมีแสงสว่างและไอความร้อนแผ่กระจายโดยที่เธอไม่รู้สึกตัว
“เจ้าเป็นคนแรกที่ทำเหมือนข้าไม่มีตัวตน เจ้าเก่งมาจากไหนกัน ถึงเย่อหยิ่งอย่างนี้” ดอร์มินิกขึ้นเสียง เขาทนไม่ไหวกับการเมินเขาของเธอและกลั่นแกล้งเขาแบบที่ไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อน
“แล้วเจ้าเป็นใครยิ่งใหญ่มาจากไหน ทำไมข้าต้องสนใจคนพาลอย่างเจ้า!!”
“โอหัง!!”
“ว่าไงนะ”
พลึบ!!
เปลวเพลิงเริ่มลุกสว่างโชติช่วงมากขึ้นเหมือนเปลวเพลิงคือจิตใจที่กำลังพิโรธ ดอร์มินิกที่อารมณ์ฉุนเฉียวก็เย็นลงและอึ้งกับพลังธาตุในตัวซีเบลล์ที่กำลังแผ่กระจายไปทั่วห้องโถงและมีไอความร้อนจนแสบผิว
“หึ! คิดจะสู้กับข้าเรอะ ได้~” ดอร์มินิกพูดและทำท่าจะเรียกธาตุพลังธาตุไฟเหมือนกับซีเบลล์แต่ก็ต้องล้มลงก่อนเมื่อถูกร่างบางของซีเบลล์พุ่งชนจนล้มกองกับพื้น กำคอเสื้อของเขาไว้แน่น
“ข้าเกลียดเจ้า!!” เธอตะโกนลั่น ดอร์มินิกมองหน้าเธอก็เห็นน้ำใสๆไหลออกมาจากดวงตาสีเพลิงที่แดงก่ำ
ผลัวะ!!
หมัดหนักๆของซีเบลล์เหวี่งเข้าที่ใบหน้าของดอร์มินิกอย่างแรงจนเกิดเสียง
“หมัดนี้โทษฐานที่เจ้าทำขวดยาพ่อกับแม่ข้าแตก!!”
ผลัวะ!!
เธอเหวี่ยงหมัดอีกครั้งด้วยความโกรธ
“หมัดนี้โทษฐานที่เจ้าหาว่ายาที่พ่อกับแม่ข้าทำแทบตายเป็นแค่ของกิ๊กก๊อก”
“หยุดนะ!!” ดอร์มินิกผลิกร่างของเธอลงกับพื้นและกดไว้ด้วยร่างของเขา
“ออกไป!!”
พลึบ!!
เปลวเพลิงและความร้อนแผ่กระจายออกมาจากตัวเธอพัดเขากระเด็นออกไปชนผนังอย่างแรงจนข้าวของที่วางอยู่บนชั้นตกลงมา
“เจ้าเป็นบ้ารึไง” ดอร์มินิกตะโกนถาม
“หุบปากเจ้าซะ!!”
พลึบ!!
ซีเบลล์เหวี่ยงเปลวเพลิงทีร้อนขึ้นเรื่อยๆใส่ร่างของดอร์มินิกจนเขากระเด็นไปชนผนังอีกฟาก ความโกรธของเธอทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่ามาจากไหน ทำให้จิตใจเธอเหมือนมีแต่ความแค้นและความโกรธเกลียดเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลืมตัว
พลึบ!!
“กรี๊ดดด~” ซีเบลล์กรีดร้องออกมาเสียงดังอย่างน่ากลัว เปลวไฟลุกโชติช่วงสว่างไสวทั่วห้องและแผ่ออกไปข้างนอกตามช่องไม้เหมือนจะเผาทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงนั้น
ปัง!!
ชายหน้าตาวัยกลางคน แต่ในความจริงเขาอายุหลายร้อยปีแล้ว ปวดประตูบ้านออกมาและต้องเอามือขึ้นมากันไอความร้อนที่พุ่งออกมาทางเขา
เขาคือโอลดิส ปู่ของซีเบลล์กับโปเซีย หัวหน้าหมู่บ้านทางตะวันออกนั่นเอง ทีเนียสที่ไม่รู้ว่าไปยืนใกล้ประตูตั้งแต่เมื่อไหร่รีบดันโอลดิสออกนอกบ้านเพราะกลัวเขาจะได้รับอันตรายจากเปลวเพลิงที่ร้อนระอุ
“เจ้าเป็นใคร ปล่อยข้า!!” โอลดิสสะบัดออกและเดเข้าบ้านไป
ดอร์มินิกที่นั่งอยู่ตรงพื้นมองซีเบลล์ที่บ้าคลั่งเหมือนไม่ใช่ตัวเธอ เขาไม่รู้จะทำอะไรจริงๆ เธอเหมือนเป็นพวกที่ใช้พลังธาตุไม่เป็นแต่ดึงมันออกมาใช้ และไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
“แคสโฟเทีย!!”
โอลดิสใช้ไม้เท้าชี้ไปที่ตัวเธอและท่องเวทย์มนต์หยุดเธอ แต่มันกลับไร้ผล หนำซ้ำเธอจะยังอาระวาดไม่หยุด เขาไม่เคยเห็นเธอเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย
“ฮึ่ย! นี่มันบ้าอะไรเนี่ย เจ้าเป็นคนทำสินะ” โอลดิสหันมาถามทีเนียสที่ทำหน้างง เขารับส่ายหน้าปฏิเสธโดยเร็วพลางชี้ไปทางดอร์มินิกที่กำลังเรียกพลังธาตุไฟของเขาออกมาใช้ป้องกันตัว
โอลดิสมองไปยังดอร์มินิกที่คิดจะเดินเข้าไปหยุดเธอด้วยไฟของเขา เหมือนตอนประลองธาตุที่โรงเรียนในเมืองเปอร์เซียที่เขาเพิ่งเรียนจบมา ธาตุของฝ่ายที่ต่อสู้จะดับลงก็ต่อเมื่อเจ้าตัวหมดสติไป แต่ความร้อนของไปกลับยิ่งร้อนแรงขึ้นเมื่อเขาสัมผัสโดนตัวเธอ
พลึบ!!
“กรี๊ดด~” เสียงกรีดร้องของซีเบลล์ดังด้วยความเจ็บปวดเมื่อโดนความร้อนที่แผ่มาจากดอร์มินิก เขาจับแขนของเธอไว้แน่นและดึงตัวเข้ามากอดไม่ให้เธอขยับได้ มือเขากดลงที่แผลบนแขนข้างขวาของเธอที่เขาฟันไปโดนให้เธอเจ็บปวด
โอลดิสมองดูร่างของหลานสาวที่กำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่ในอ้อมกอดของดอร์มินิกก็ใจไม่ดีอยากจะเข้าไปช่วย แต่โดนทีเนียสขัดขวางเอาไว้ เพราะเขาเหมือนจะอ่านในดอร์มินิกออกว่าคิดจะทำอะไร ซึ่งโอลดิสก็เข้าใจดี เขาจึงยืนมองดูเฉยๆทั้งที่ในใจอยากจะเดินเข้าไปช่วยซีเบลล์ในเปลวเพลิงที่โชติช่วง
“ปล่อยข้า!! กรี๊ด~ ข้าร้อน” ซีเบลล์ดิ้นไปมาในอ้อมกอดของดอร์มินิก แต่เขากลับยิ่งกอดเธอแน่นกว่าเดิมและแผ่รังสีความร้อนเหมือนจะแผดเผาตัวเธอให้กลายเป็นผุยผง
มันอาจจะเป็นวิธีที่ดูไม่มีหลักการไปซักนิด แต่ดอร์มินิกก็มั่นใจว่ามันสามารถหยุดเธอได้ ไม่งั้นเธอจะต้องเจ็บปวดและธาตุแตกสลายหายไปแน่ๆหากไม่หยุดซะตอนนี้
“กรี๋ดด~”
เสียงกรีดร้องที่ดังลั่นดังเป็นครั้งสุดท้ายและค่อยๆเงียบลงพร้อมกับเปลวเพลิงที่ค่อยๆดับลงไป ร่างบางในอ้อมกอดของดอร์มินิกร่วงลงกองกับพื้นทันทีที่เขาปล่อยเธอลง วิธีนี้ได้ผลจริงๆ เขาคิด
“เฮ้อ~” ดอร์มินิกนั่งลงกับพื้นและหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเหลือบไปเห็นร่างที่เหมือนกับซีเบลล์ไม่มีผิดนอนไม่รู้เรื่องบนโซฟา
ทีเนียสเดินเข้ามาในบ้านยื่นมือให้เพื่อนชายจับและลุกขึ้นยืน ดอร์มินิกรู้สึกอยากจะนอนเขาสูญเสียพลังไปมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะไม่เคยต่อสู้หรือใช้พลังกับคนธาตุเดียวกันแบบซีเบลล์มาก่อน
“ขอบคุณท่านมากๆนะที่ช่วยหยุดหลานข้า เธอไม่รู้ตัวหรอกว่าทำอะไร หลานข้าเพิ่งเป็นครั้งแรก ส่วนสาเหตุก็คงจะเพราะท่านสินะ” โอลดิสเดินถือไม้เท้าเข้ามาหาดอร์มินิกและทีเนียส
“ก็คงใช่ ข้าทำของที่พ่อแม่เธอให้แตกน่ะ” ดอร์มินิกยอมสารภาพผิดนั่นทำให้โอลดิสตกใจ
“ห๊า! เจ้าว่าไงนะ ขวดยาสีม่วงน่ะหรอ?”
“ใช่” เขาตอบหน้านิ่ง
“นั่นมันจำเป็นกับหลานข้าทั้งสองเมื่ออายุไครบ 16 นะ”
“ข้าขอโทษละกัน ข้าจะหามาคืน”
“เป็นไปไม่ได้หรอก เจ้าคงจะเป็นธาตุไฟสินะ” โอลดิสก็ถาม
“ใช่”
“อืม..อย่าใกล้ซีเบลล์หลานข้าจนกว่านางจะใช้พลังธาตุเป็นได้หรือไม่”
“ทำไม ท่านไม่สอนให้นางควบคุมพลังธาตุล่ะ” ดอร์มินิกถามอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ข้าไม่คิดว่าจะมีคนธาตุเดียวกับนางอย่างเจ้าน่ะสิ”
“อย่างข้าทำไม” ดอร์มินิกเริ่มไม่พอใจ
“ก็เพราะเจ้าเหมือนกับนางไง เจ้าเป็นคนดึงธาตุนางออกมาเอง”
โอลดิสพูดอย่างที่ดอร์มินิกไม่เข้าใจ เขาทำหน้างงๆและคิดอยู่หลายรอบก็ไม่เข้าใจเหตุผล ถ้าเขาดึงธาตุในตัวนางออกมาจริง แล้วเขาจะดึงยังไง แล้วทำไมนางถึงควบคุมธาตุตัวเองไม่ได้.. ทำไม...
[Memo' Pz' : ขอโทษนะคะที่ค้างไว้หลายวันเลย พอดีมีแข่งอ่ะน๊าาา เลยไม่มีเวลา เดี๋ยวจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดเลยค๊าบบบ >< อย่าเพิ่งเลิกติดตามน๊าา มีอะไรติชมหรือสอบถามได้เลยน๊าา เดี๋ยวเราจะทำ pc เรื่องนี้มาลงด้วย รอดูนะๆๆ >< (อ๊ากก! ตื่นเต้น)]
ความคิดเห็น