คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : จอมโจรทวิน
จอมโจรทวิน
ในจักรวาลที่มีแต่ความมืดและความว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่อากาศหรือสิ่งมีชีวิตสักชีวิตอาศัยอยู่ มีเพียงฝุ่นและหินที่ลอยเคว้งคว้างชนกันไปจนแตกกระจายเป็นเศษชิ้นเล็กๆ มันเกิดขึ้นซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ไม่มีที่สิ้นสุด
อีกหลายล้านปีต่อมา เศษหินและฝุ่นที่เคยลอยไปมาก็รวมกันเป็นกลุ่มก้อนหินขนาดใหญ่ ก่อกำเนิดดาวเคราะห์หลายดวงด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือดาวเคราะห์ที่ชื่อว่าโลก เป็นดาวเคราะห์ที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยเหมือนกับดาวเคราะห์อื่นๆ พื้นดินแตกระแหงแยกกัน ลาวาเอ่อทะลักออกมาส่งแก็สพิษลอยฟุ้งในอากาศ ไม่สามารถมีสิ่งชีวิตอาศัยอยู่ได้
พระเจ้าทรงมีความเมตตากรุณาได้ส่งเทพองค์ต่างๆลงมาสรรสร้างพืชพรรณ น้ำ อากาศ และสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘มนุษย์’ พื้นหญ้าที่มีแต่ความแห้งแล้งแตกระแหงก็มีพืชพรรณสีเขียวงอกออกมาเป็นอาหารให้สิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ ลาวาที่เดือดร้อนละอุกลายเป็นสายน้ำที่เย็นฉ่ำ
เวลาผ่านไป มนุษย์มีวิวัฒนาการ รู้จักการเกษตรกรรม การใช้เทคโนโลยีต่างๆ แต่น่าเสียดายนักที่สิ่งมีชีวิตบางชนิดมีลักษณะและพลังพิเศษบางอย่างที่อาจทำอันตรายกับมนุษย์ได้ หรือมนุษย์บางพวกที่สามารถดึงพลังพิเศษในตัวออกมาใช้ประโยชน์ได้ต้องใช้ชีวิตอาศัยแยกกับมนุษย์ในดินแดนที่มนุษย์ไม่อาจเข้าถึงและมนุษย์ไม่เห็นมันปรากฏเป็นทวีป
ดวงอาทิตย์ที่แผ่รังสีความร้อนให้ความอบอุ่นสิ่งมีชีวิตต่างๆเริ่มคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ ในทางกลับกันดวงจันทร์ก็เริ่มทำหน้าที่แทนดวงอาทิตย์ เป็นช่วงเวลารอยต่อระหว่างทิวากับราตรี
ผู้คนที่นี่เริ่มทยอยกันกลับบ้านหลังจากเลิกงาน แม่บ้านก็เตรียมทำอาหารตั้งโต๊ะส่งกลิ่นหอมยั่วยวนลอยออกมานอกหน้าต่างยั่วน้ำลายของใครหลายๆคน กองฟืนที่มันแห้งๆในเตาผิงสามารถติดไฟได้เองเพียงแค่ ‘ร่ายเวทมนต์’ สิ่งของเคลื่อนที่ได้เอง อย่างน่าอัศจรรย์แต่มันเป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่นี่ กลิ่นอายของเวทย์มนฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งเมือง เพราะที่นี่คือ ‘กรีฟาเนียร์’ เมืองของเหล่าพ่อมดแม่มดนั่นเอง
สองข้างทางมีบ้านเรือนของเหล่าจอมเวทย์เรียงรายเป็นแถวๆอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย บ้านเมืองมีแต่ความสงบสุข เนื่องจากกษัตริย์ซิลเว่อร์ปกครองบ้านเมืองได้อย่างยอดเยี่ยม ปราศจากการรบกวนของข้าศึกเมืองอื่น
ไม่ไกลจากกรีฟาเนียร์สักเท่าไหร่นัก เป็นป่าที่สวยงามราวกับสวนเอเดนบนสวรรค์ มีพืชพรรณและสัตว์แปลกๆบางชนิดก็เป็นมิตร บางชนิดก็เป็นอันตราย แต่ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าที่แบบนี้จะเป็นสวนสนุกดีๆของสองพี่น้องคู่หนึ่ง
“โปเซีย เจ้าเห็นเหมือนข้ารึเปล่า?”
ร่างบางผิวขาวซีดในชุดกะทัดรัดผ้ากำมะหยี่สีแดงเลือดตัดกับกางเกงสีดำสนิท ผมที่ยาวถูกรวบมัดเป็นหางม้า ใบหน้าถูกบดบังด้วยผ้าสีดำบางๆ นั่งคุกเข่ามองดูบางอย่างผ่านทางช่างว่างของพุ่มไม้และกระซิบถามอีกคนที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนถอดแบบกันมาในชุดสีน้ำเงิน เธอนั่งเด็ดกลีบดอกเยอเบร่าสีชมพูเล่นทีละกลีบอย่างเพลิดเพลิน จนตอนนี้มันกองกันเป็นภูเขาขนาดย่อม
“หืม? มีอะไรหรอ”
เจ้าของชื่อหยุดทำกิจกรรมและนั่งทำหน้างง แม้ว่าจะมีผ้าสีดำบังไว้ แต่สายตาสีฟ้าครามของเธอแสดงออกมาได้อย่างชัดเจนถึงอาการสงสัยของเธอ
เธอปักก้านสีเขียวที่ไร้กลีบเหลือแต่ก้านกับเกสรสีเหลืองๆตรงกลาง ที่ยอดของภูเขาดอกเยอเบร่าแล้วคลานเหมือนเด็กทารกมานั่งข้างๆคู่หู ผ่านช่องว่างใบไม้ตามที่คู่หูบอก แล้วคลี่ยิ้มเล็กๆใต้ผ้าสีดำบางๆ
“ข้าก็อยู่ตรงนี้ที่เดียวกับเจ้า ทำไมข้าถึงจะไม่เห็น”
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วขำเบาๆ ก่อนจะส่งสายตาบอกบางอย่างเป็นที่รู้กันว่า...
“ล็อคเป้าหมาย!!”
เสียงใสๆของทั้งคู่ดังประสานกันเบาๆอย่างไม่ต้องนัดหมาย จากนั้นก็แยกย้ายกันไปคนละทางอย่างเบาที่สุด สาวน้อยชุดสีแดงเลือดไปแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่มองดูเป้าหมายที่กำลังเดินผ่านมา
มนุษย์ร่างสูงใหญ่กว่าคนทั่วไป 3 ตน อายุราว 100 ปี ไว้หนวดเคราสีขาวยาวรุ่งริ่ง ถือเครื่องมือต่างๆที่เป็นเครื่องมือประกอบอาชีพของตน คือ จอบ เสียมและถุงสีน้ำตาลใบไม่ใหญ่มาก พวกเขาขุดหาแร่ต่างๆอย่างทองคำ เหล็ก หรือเพชรในเหมืองอุโมงค์ใต้ดินตรงชายป่าอีกฝั่งหนึ่งเดินเรียงแถวกลับบ้านกัน แต่สหายคนสุดท้ายเดินช้าไปทำให้ ‘จูดี้’ ที่เดินนำหน้าไม่พอใจ
“พูดี้! แกนี่มันเดินอืดอาดจริงๆ” จูดี้บ่น
“นั่นสิ! แกอายุแค่ 170 ปี เดินเป็นเต่าอายุพันปีอยู่ได้” มูดี้ที่เดินอยู่ตรงกลางเสริมขึ้น
พูดี้หยุดเดินและปาดเหงื่อที่ปริเวณใบหน้าที่มีช่องว่างไม่มากนักเพราะมีเครายาวเต็มไปหมด
“ก็ข้าถือถุงใบหนักที่มีก้อนหินเต็มไปหมด พวกเจ้าถือแค่เครื่องมือเบา เอาเปรียบข้าชัดๆ”
“หินเรอะ! เจ้าบอกว่าก้อนทองกับเพชรเป็นแค่หินเรอะ!?” มูดี้ขึ้นเสียง
สงครามทางคารมขนาดย่อมของทั้งสามได้เริ่มขึ้นอย่างดุเดือด ในขณะที่โปเซียที่แอบซุ่มอยู่ในพุ่มไม้ใกล้ๆกำลังง้างศรธนูเร็งไปทางพวกเขาด้วยท่วงท่าที่สง่างาม เหมือนได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี
ปัก!!
“อ๊ากก!”
แค่เพียงเสี้ยววินาที ศรธนูก็พุ่งจากคันธนูของโปเซียปักทีขาของมูดี้ที่กำลังจะเดินไปทำร้ายพูดี้ขาดความสมดุลจนล้มลง ขาของเขามีลมพุ่งออกมาแรงและร่างที่สูงใหญ่ก็เหลือเพียงร่างเล็กๆ ต่อมาก็คือจูดี้และพูดี้ที่โดนชะตากรรมเดียวกับมูดี้ แต่พูดี้ยังพอทรงตัวได้ เขาพยายามปรับสมดุลและยืนอย่างทุลักทุเล
ซีเบลล์ที่หลบอยู่หลังต้นไม้รีบวิ่งออกมา พุ่งตรงไปทางพูดี้และกระโดดสูงที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้เกาะหลังพูดี้จนเขาเสียหลักล้มลงกระแทกกับพื้น ร่างบางที่พุ่งเข้าหาเขาก็โดนเหวี่ยงกลิ้งตกลงมา ถุงสีน้ำตาลที่พูดี้แบกมาก็เปิดออก มีก้อนหินสีต่างๆแวววาวระยิบระยับสะท้อนแสงอาทิตย์จนแสบตา
มูดี้รีบลุกขึ้นหมายจะไปหยิบสิ่งล้ำค่าที่ตัวเองและสหายหามาได้ แต่กลับต้องชะงักเพราะมีศรธนูปักใกล้มือเขาเพียงนิดเดียว ถ้าเขายื่นมือไปอีกนิด มือเขาคงกลายเป็นเป้าธนูไปแล้ว
ซีเบลล์ที่กำลังเบลอๆจากการโดนกระแทกกับพื้นกลิ้งตัวไปใกล้ถุงนั้นและคว้ามันไปได้ก่อนที่จูดี้จะวิ่งมาถึง แล้วลุกขึ้นเปิดผ้าสีดำที่บดบังใบหน้าของเธอออกเผยให้เห็นแก้มใสอมชมพู จมูกโด่งได้รูปรับกับริมฝีปากเรียวเป็นกระจับสีเบอร์รี่ของเธอ พลางเปิดถุงสีน้ำตาลหยิบอัญมณีสีสวยออกมาดูอย่างถือวิสาสะ และยิ้มอย่างพอใจ
“โอ๊ะโอว~ วันนี้ได้มาก้อนใหญ่จังนะ”
“ว้าว~ได้เยอะแบบนี้ทำมงกุฎให้ข้าใสเล่นได้หลายอันเลยนะเนี่ย ^^” โปเซียตามมาสมทบ
ใบหน้าของโปเซียและซีเบลล์เหมือนกันมากเหมือนเป็นคนๆเดียวกันเลย แต่ที่แตกต่างคือสีตาของพวกเธอและลักษณะนิสัย ท่าทางของพวกเธอ
‘ซีเบลล์’ จะมีมีตาสีเพลิงและคมเหมือนเหยี่ยวซึ่งตัดกับใบหน้าหวานๆของเธอมาก เธอชอบใช้กำลังจึงถนัดการโจมตีแบบประชิดตัวมากกว่าระยะไกลและไวเหมือนลม ชอบอะไรที่ท้าทายและน่ากลัว นอกจากนี้เธอยังหวงน้องสาวฝาแฝดของเธอมากๆด้วย
ส่วน ‘โปเซีย’ จะมีดวงตาสีฟ้าคราม มีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกับซีเบบล์ผู้เป็นพี่สาวที่ลืมตาออกมาดูโลกภายนอกก่อนเธอแค่ไม่กี่นาที เธอเป็นคนอ่อนโยน เก่งงานบ้านงานเรือน ถนัดการโจมตีระยะไกล เธอต้องคอยให้ซีเบลล์ปกป้องเธออยู่เรื่อยๆเพราะเธออ่อนไหวและตกใจง่าย มักถูกเพื่อนต่างเพศหยอกล้อจนพี่สาวของเธอหวงมาก
พูดี้พลิกตัวกลับมานอนหงายและพยายมลุกขึ้นอย่างดิ้นรนเหมือนแมลงที่โดนจนให้นอนหงายท้องและพยายมตะเกียกตะกายลุกขี้น เพราะมีวัตถุสีดำขนาดใหญ่ที่น่าจะเป็นรองเท้าของเขาติดอยู่
ดวงตาสีแดงเพลิงจับจ้องไปที่พูดี้และขำออกมาอย่างชอบใจก่อนจะส่งถุงสีน้ำตาลที่ใส่อัญมณีสีสวยให้น้องสาวที่มีใบหน้าไม่ต่างจากเธอ ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างพูดี้
“ให้ข้าช่วยเจ้านะ ^^”
เธอดึงเอารองเท้าสีดำขนาดใหญ่ที่เคยมีลมเต็มช่วยเพิ่มความสูงให้กับพูดี้ออกและจับดี้ให้นั่งได้ก่อนจะไปช่วยมูดี้ โปเซียเองก็ไปช่วยจูดี้ที่นอนหมดแรงอยู่กับพื้นอย่างทะนุถนามและเบามือต่างจากซีเบลล์ที่ดึงมันออกมาเต็มแรงจนเธอหงายหลังไปนั่งเล่นกับพื้น
“พวกเจ้าทำรองเท้าเสริมขาพวกเราพังอีกแล้วนะ” จูดี้พูดพลางเก็บอุปกรณืเครื่องมือที่หล่นบนพื้น
“โถ่! พวกท่านน่าจะชินได้แล้วนะ เพราะข้ามาเล่นกับพวกท่านแบบนี้ทุกวัน” ซีเบลล์ยิ้มอย่างร่าเริง
“วันนี้พวกข้าก็เฝ้าบ้านให้พวกท่านด้วยน๊า~ ^0^ เล่นแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกเนอะ” โปเซียอ้อน
“นั่นสิ! 555” ซีเบลล์หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
จูดี้ มูดี้และพูดี้ยิ้มบางๆพลางเก็บเครื่องมือ พวกเขาก็เหมือนกับแก่ทั่วไป ที่มักจะอยากอยู่กับลูกๆหลาน แต่พวกเขาไม่มีลูก เขาอาศัยอยู่ในป่าเพื่อที่จะทำงาน...ทำงาน...และทำงาน ไม่มีเวลาไปสังสรรค์เหมือนคนในเมือง คนส่วนใหญ่จึงคิดว่าพวกเขาเป็นพวกเย่อหยิ่ง ไม่คบค้าสมาคมกับใคร
มีเพียงเด็กสาวคู่ฝาแฝดซีเบลล์กับโปเซียเท่านั้นที่ชอบเข้าป่ามาเล่นกับพวกเขาอย่างสนุกสนานตั้งแต่เด็กๆ พวกเขาจึงสั่งสวนวิชาการป้องกันตัวต่างๆให้พวกเธอ จนตอนนี้ฝีมือของพวกเธอพัฒนาไปไกลแล้ว นั่นคือความสุขเล็กๆและสิ่งเดียวที่พวกเขามีและภาคภูมิใจ เขาขอแค่นี้จริงๆ...
ความคิดเห็น