คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : CHAPTER 4 NO EXIST
CHAPTER 4 NO EXIST
ในโรงพยาบาลที่ขาวสะอาด
หญิงสาวเดินไปตามทางเดินสีขาวปลอดเชื้อ เธอสวมชุดกาวเรียบร้อย
เสื้อผ้าทั้งหมดของเธอนั้นเป็นสีขาวแม้จะมีรอยแต้มสีแดงเปรอะตามร่างกายก็ตาม
“Ya know when that shark bites with his teeth,
babe ...Scarlet billows start to spread (ที่รัก
คุณรู้ใช่ไหมว่าเมื่อฉลามตัวนั้นใช้ฟันของมันกัด...คลื่นสีแดงจะกระจายไปทั่ว)
...Fancy gloves though...wears old MacHeath,
babe ...So there's never, never a trace of red (ที่รัก
ถุงมือแฟนซีแม้สวมโดยแม็คฮีทคนเดิม ถึงแบบนั้นก็ไม่เคย ไม่เคยมีร่องรอยสีแดง)”
เสียงร้องเพลงสำเนียงเยอรมันดังขึ้นคลอกับเสียงกรีดร้องของใครบางคนในห้องกระจกใส
แต่ก่อนที่เธอจะหันไปกระจกใสที่เคยเผยให้เห็นด้านในก็ถูกของเหลวสีแดงสาดจนไม่สามารถมองผ่านไปได้แล้ว
“เซฟีไม่ถอดถุงมือหรอ”
เสียงใสๆทำให้แพทย์สาวนึกขึ้นได้
เซฟีดึงถุงมือยางชุ่มด้วยเลือดออกก่อนจะยื่นมันให้เด็กน้อยที่เดินมาด้วยแล้วลูบผมนุ่มๆสีน้ำตาลอ่อนอย่างทะนุถนอม
“ขอบคุณที่เตือนนะแทรปเปอร์
เธอนี่น่ารักจริงๆเลย”
“อื้อ นี่ๆ เซฟี
ไว้สอนผมร้องเพลงบ้างสิฮะ”
“จ้าๆ
ไว้จะสอนตอนที่เธอพูดภาษาเยอรมันได้แล้วละกันนะ”
เด็กหนุ่มยิ้มอย่างดีใจก่อนที่จะเดินตามอย่างร่าเริงโดยไม่ได้รู้เลยว่าเพลงแจ๊ซทำนองรื่นเริงของหญิงสาวนั้นมีใจความว่าอะไร
ทั้งคู่เดินต่อไปเรื่อยๆจนถึงห้องทำงานของเซฟี
หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปก่อนจะชะงักเมื่อเจอศพของชายร่างใหญ่คนหนึ่งนอนตายอยู่ที่พื้นห้องของเธอ
แขนขาที่ถูกตัดออกและเลือดที่นองอยู่ทำให้เธอคิดว่าคงตายจากการเสียเลือดมาก
“แทรปเปอร์
นี่เธอลากเหยื่อมากินในนี้อีกแล้วหรอ?! ถึงจะให้นอนห้องของฉันเพราะไม่อยากนอนคนเดียว
แต่เวลาฉันไม่อยู่จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ขะ...ขอโทษฮะ”
เซฟีดีดหน้าผากของแทรปเปอร์ก่อนจะโทรศัพท์เรียกให้คนมาทำความสะอาดให้
เวลาที่เธอไม่อยู่นอนที่ห้องกาฮิจิที่ตัวติดกับเธอแทบตลอดคนนี้ก็มักจะลากยามมาตายในห้องของเธออยู่บ่อยครั้ง
“เลี้ยงเด็กวัยกำลังโตสินะครับคุณหมอเซฟี”
พนักงานทำความสะอาดแซวพลางเก็บศพและจัดการคราบเลือดที่กองอยู่ที่พื้น
แม้แทรปเปอร์จะส่ายหน้าไม่ยอมรับว่าเขานั้นกินไปเยอะขนาดไหนแต่กองกระดูกแขนขาที่ถูกแทะไปนั้นเป็นหลักฐานมัดตัวเขาเสียแล้ว
เด็กน้อยเพียงพยายามจะหาเพื่อนเล่นแต่เมื่อไม่มีคนยอมอยู่ด้วยเขาจึงต้องตัดทางเลือกของคนๆนั้น
แต่หลังกลิ่นคาวเลือดมันคละคลุ้งไปทั่วเขาก็อดไม่ได้ที่จะลิ้มรสอาหารมื้อดึกที่เคยถูกเซฟีขู่ว่าจะทำให้เขาอ้วน
“ผมต้องหายามใหม่อีกแล้วสินะครับ”
เสียงที่คุ้นหูของชายผู้เดินผ่านมาทำให้เกิดเซฟีได้แต่ยิ้มขื่นๆให้
เยวมองคราบเลือดที่กำลังถูกทำความสะอาดอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะเดินจากไป
ชายหนุ่มในสูทสีดำผู้มีผ้าพันคอขนสัตว์ฟูๆพาดไว้บนไหล่เพิ่งกลับมาจากประชุมพร้อมกับผู้ติดตามคนสำคัญ
ชายหนุ่มผู้เดินตามหลังถอดเสื้อนอกของผู้เป็นนายออกเมื่อถึงห้องทำงานของเขา เยวถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายก่อนทิ้งตัวลงกับเก้าอี้นวมที่มีพนักพิงสูงของเขา
“อา...เหนื่อยชะมัด
นึกว่าไอ้พวกไร้สมองนั่นจะยอมคุยต่อรองดีๆ น่ารำคาญชิบ”
“แหม
ก็นวัตกรรมจอมปลอมของท่านประธานมันโดดเด่นนี่ครับ
ใครๆก็ต้องอยากรู้ความลับในกล่องแพนโดร่ากันทั้งนั้น”
อเล็กซิสพูดคำพูดที่บอกไม่ถูกว่ากำลังชื่นชมหรือไม่ออกมา
แต่เยวก็ไม่ได้สนใจมันนัก
ตอนนี้เขาต้องการระบายความหงุดหงิดของตัวเองกับใครสักคนหรือตัวอะไรสักตัวก็ยังดี
ประธานหนุ่มลุกขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องโดยไม่สนใจคนคุ้มกัน
“จะไปไหนน่ะครับท่านประธาน”
“หาที่ระบายอารมณ์ ไม่ต้องตามมาล่ะ”
“ไม่ตามหรอกครับ
ไม่อยากโดนจับคนแบบท่านทำเรื่องกามๆเสียเท่าไหร่”
อเล็กซิสรอจนนายของเขาออกจากห้องไปก่อนที่เขาจะเปิดประตูรับชายคนหนึ่งเข้ามาด้านใน
“ไง จะกวาดอะไรไปก็เร็วๆล่ะ
ไม่รู้ว่าไอ้โรคจิตนั่นจะกลับมาตอนไหน”
ชายหนุ่มพูดกับคนที่เพิ่งเข้ามาในห้อง
และคอยดูต้นทางให้เขาในระหว่างทึ่หาเอกสารเอาผิดกับบริษัทแห่งนี้
อเล็กซิสนั้นรู้ดีว่าเยวคงไม่กลับมาง่ายๆแต่ก็เป็นการดีกว่าที่เขาจะเฝ้าทางเอาไว้จนเพื่อนของเขาหาเอกสารเสร็จ
“คืนนี้เจอกันนะ อย่าพลาดล่ะ”
เพื่อนชายเตือนก่อนจะรีบเดินออกไปไม่รอฟังคำตอบของอเล็กซิสเลยแม้แต่น้อยโดยไม่รู้เลยว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางที่จะเจอกันในคืนนี้ได้
ส่วนเยวนั้นก็เดินไปตามทางโดยหาได้รู้สึกรู้สาอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่
เขาเดินไปที่ห้องทำงานของพวกนักศึกษาแพทย์ให้เครือก่อนจะดึงมือหญิงสาวผู้เป็นราวศิษย์คนโปรดออกมาจากห้องนั้น
หญิงสาวผมสีอ่อนเดินตามเขาออกไปแต่โดยดีจนถึงห้องเก็บอุปกรณ์ที่ไม่มีใครอยู่
ชายผู้มากตัณหาและไม่เลือกที่เท่าไรนั้นกดอัลมอนด์ลงให้คุกเขาก่อนจะรูดซิปกางเกงของตัวเองลง
“เอาแหละคนดี
ช่วยทำหน้าที่ตัวเองให้ดีหน่อยนะ แล้ว...ฉันอาจจะให้งบงานวิจัยเธอเพิ่มอีกหน่อย”
อัลมอนด์ไม่ได้ตอบอะไร
เธอเพียงแค่ทำหน้าที่ของตัวเองโดยไม่สามารถขัดขืนได้เพราะเธอได้สัญญาไปแล้วว่าจะทำตามคำสั่งของเขาทุกอย่างจนกว่าจะเรียนจบ
ระหว่างที่เขากำลังระบายความเครียดจากงานทั้งที่ต้องคอยแบกรับออก
เยวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อนร่วมงานคนสำคัญเพื่อคุยธุระไปด้วย
ที่ปลายทางของสายนั้นเคนเนดี้รีบรับสายในทันทีก่อนที่เยวจะเริ่มถามเรื่องงานที่เขามอบหมายให้
“เป็นไปได้ด้วยดีเลยครับ
ผมชนะคดีขาดลอยเพราะเงินทุนของคุณเลยนะเนี่ย”
ทนายผู้ไม่ค่อยเล่นซื่อนักตอบอย่างอารมณ์ดี โดยไม่ได้สนใจเสียงหายใจแรงเล็กน้อยของปลายสาย
เพราะดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว และแม้งานจะสำเร็จไปด้วยดีแต่เจ้านายก็ยังยืนยันจะให้เขานั้นจัดการกับคนที่มามีปัญหากับบริษัทอยู่ดี
“แหม
ท่านประธานหายห่วงเลยครับเรื่องนั้น เราจัดการกับพนักงานเก่าของเราได้ดีอยู่แล้ว”
เคนเนดี้พูดก่อนที่เจ้านายจะตัดสายไป
เขานั่งไขว่ห้างพลางหยิบแก้วใส่บรั่นดีบนโต๊ะขึ้นมาดื่ม
ของเหลวสีแดงไหลมาตามพื้นทำให้เขาต้องขยับเท้าหนีเล็กน้อยแต่ก็ดูเหมือนจะไม่พ้น
เลือดสีแดงเปื้อนพื้นรองเท้าของคุณทนายก่อนที่เขาจะหันไปมองชายหนุ่มในชุดสูทผู้มีผมยาวสีขาว
“นายทำห้องเละเทะไปหมดเลยนะบีสต์”
“ขอประทานโทษครับ
คราวหน้าผมจะระวังให้มากกว่านี้”
กาฮิจิผู้ภักดีกล่าวขอโทษอย่างสุภาพก่อนที่จะเปิดประตูให้เคนเนดี้เดินนำออกไปก่อน
แล้วเขาจึงเดินตามออกไป ประตูที่ปิดลงนั้นยากจะเชื่อว่าก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่นาที
เต็มไปด้วยบุคคลที่พยายามวางแผนเอาผิดกับบริษัทการแพทย์ที่น่าสงสัยแต่ตอนนี้กลับมีเพียงคราบเลือดที่กระจายไปทั่วห้องพร้อมกับเศษเนื้อน่าขยะแขยงที่ถูกอมนุษย์ฉีกกระชากจนไม่เหลือชิ้นดี
ค่ำคืนมาถึงชายชื่อเรวินและซินแอบออกมาจากห้องพักของตัวเอง
หน้าที่ของพวกเขานั้นคือการเข้ามาแอบสอดแนมภายในบริษัทให้กับกลุ่มสิทธิมนุษยชน
เพื่อหาหลักฐานต่างๆที่จะเอาผิด โดยได้อเล็กซิสเป็นผู้ช่วยชั้นดี และตอนนี้พวกเขาก็ต้องแอบหนีออกไปสักที
สองหนุ่มเดินไปตามทางอย่าเงียบเชียบและระมัดระวัง
พวกเขาเดินผ่านเส้นทางที่ชวนให้รู้สึกรังเกียจตั้งแต่เข้ามาทำงานวันแรก
ทางที่พวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องและอ้อนวอนขอชีวิต ทางที่เต็มไปด้วยคาวเลือดและสิ่งสกปรก
และตอนนี้พวกเขาก็กำลังจะได้ออกไปจากสถานที่ที่บ้าคลั่งแห่งนี้แล้ว
เสียงเหล็กแหลมขูดกับพื้นเบาๆดังไปตามทางเดินที่มืดสนิท
คงเป็นเสียงของไฮท์กาฮิจิสักตัวที่กำลังลาดตะเวนตามหน้าที่เหมือนกับแมวที่หาหนูโสโครกในองค์กรนรกนี้
เรวินและซินจึงตัดสินใจแยกกันและจะไม่รอกันและกันตอนหนีเพื่อให้ใครสักคนได้รอดก็ยังดี
เรวินเดินไปตามทางยาวเกือบสิบนาทีแล้วเขาก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคน
ใครบางคนหรือตัวอะไรบางอย่างนั้นก้าวช้าๆอย่างใจเย็นพลางตั้งใจฟังเสียงของเหยื่อที่อาจจะแอบอยู่ตามซอกตรงไหนก็ได้
เรวินรอจนมันไปลับตาแล้วเขาจึงก้าวออกมา
แต่เป็นโชคร้ายของเขาที่ดันสะดุดขาของตัวเองและเกือบจะล้มลง
เสียงมือของเขาที่พยายามคว้าอะไรบางอย่างแล้วดันไปตบกระจกหน้าต่างห้องวิจัยเข้าทำให้ร่างในเงามืดได้ยินและวิ่งกลับมา
ร่างในเงามืดที่ใกล้เข้ามาทำให้เขารู้ว่าเสียงที่เขาได้ยินนั้นไม่ใช่เสียงของใบมีดที่ขูดตามพื้น
แต่เป็นเสียงกระดูกอันแหลมคมของอัลฟ่าที่กำลังไล่ตะครุบหนูตัวน้อยๆ
เรวินวิ่งสุดฝีเท้าโดยไม่หันหลังกลับไป
เขาวิ่งและวิ่งจนแทบไม่ลืมหูลืมตา รู้ตัวอีกทีไฮท์กาฮิจิ
อัลฟ่าก็ได้พลัดกับเขาไปเสียแล้ว เรวินหายใจจนเต็มปอดก่อนเดินช้าลงและมุ่งหน้าไปที่ทางออกซึ่งอเล็กซิสได้ทำการปลดล็อกไว้ให้
เมื่อเขาไปถึงเขาก็ได้เห็นป้ายExistที่ถูกขีดฆ่าอยู่ในกรอบสีแดง
และร่างของใครบางคนที่ถูกตรึงเอาไว้ราวกับการตรึงกางเขน แต่ร่างนั้นกลวงเปล่า
ผิวหนังถูกกระชากออกมาจนหมดไม่เว้นแท้แต่ผิวหนังบนใบหน้าเพื่อให้กระชากอวัยวะภายในออกมาได้จนหมดเกลี้ยง
ข้างๆนั้นมีกล่องใส่อวัยวะที่คุ้นตาวางอยู่บนพื้นที่นองเลือด
กล่องนั้นใส่อวัยวะที่คิดว่าใช้ได้เอาไว้เพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์จากพนักงานที่ทรยศจนถึงจุดสุดท้าย
““Ya know when that shark bites with his teeth,
babe ...Scarlet billows start to spread (ที่รัก
คุณรู้ใช่ไหมว่าเมื่อฉลามตัวนั้นใช้ฟันของมันกัด...คลื่นสีแดงจะกระจายไปทั่ว)”
เสียงเพลงสำเนียงเยอรมันที่ไพเราะดังขึ้นพร้อมกับมีดผ่านตัดที่ตัดเส้นเลือดใหญ่ที่คอของเรวินโดยหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา
เลือดสีแดงกระฉูดออกมาจากแผล
“กำจัดหนูได้สองตัว
แต่ต้องรีบชำแหละก่อนที่อวัยวะจะเสียหายซะแล้ว”
แพทย์สาวยิ้มก่อนจะนั่งลงที่พื้นและเริ่มทำงานของเธอ
ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องจริงทั้งนั้นในที่นี้ เรื่องจริงเพียงน้อยนิดของที่นี่ก็คือ
ถ้าใครคิดจะหนีหรือทรยศ ความตายคือทางออกเดียวที่เหล่าหนูสกปรกจะได้รับ
ความคิดเห็น