ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    XERANTHEMUM

    ลำดับตอนที่ #5 : CHAPTER 1 NEW MEMBERS

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ย. 61


    CHAPTER 1 NEW MEMBERS

    ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นขึ้นเพราะเสียงอะไรบางอย่าง เขาขยี้ตาอย่างงัวเงียก่อนหยิบแว่นขึ้นมาใส่แล้วลุกขึ้นจากเตียงที่คุ้นเคย เขาเดินเข้าไปในครัวและเห็นเจมส์เก็บแก้วที่แตกอยู่ที่พื้น ซึ่งน่าจะเป็นที่มาของเสียงที่ทำให้เขาตื่นขึ้น

    อรุณสวัสดิ์ ทิวลิปยังไม่ตื่นนะ จะเอากาแฟก่อนไหม”

    เสียงของชายหนุ่มถามอย่างใจดีก่อนที่เฟลซจะพยักหน้าแล้วรับแก้วใส่กาแฟจากผู้ถาม เฟลซกระดกกาแฟอึกใหญ่ก่อนที่เขาจะรีบคายมันออกมา กลิ่นและรสที่ไม่พึงประสงค์ทำให้เขาสังเกตเห็นสีแดงในแก้วที่เขาถืออยู่ แก้วใบนั้นตกลงที่พื้นเพราะความตกใจของเขาและเขาก็สะดุ้งตื่นขึ้นอีกครั้ง เฟลซที่สะดุ้งตื่นจากฝันร้ายของตัวเองมองไปรอบๆด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวและร่างกายที่ชุ่มเหงื่อ ต่างกับชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักซึ่งดูใจเย็นและไม่สนใจอะไรท่าทางของเฟลซเลย

    อรุณสวัสดิ์ เอากาแฟไหม”

    เสียงทุ้มเข้มที่เหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนสักแห่งถามเฟลซก่อนจะยื่นแก้วกาแฟให้ แต่ชายหนุ่มก็ส่ายหน้าปฏิเสธ เขาลุกขึ้นจากเตียงก่อนกระชากคอเสื้อยืดสีขาวของชายแปลกหน้าทำให้แก้วกาแฟนั้นตกลงที่พื้น

    นี่มันเกิดอะไรขึ้น?! ที่นี่ที่ไหน?!”

    ชายแปลกหน้าไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแค่ถอนหายใจเบาๆก่อนที่ร่างของเฟลซจะทรุดลงที่พื้น ความรู้สึกหนักที่ขาอย่างไม่น่าจะเป็นถ่วงไม่ให้เฟลซสามารถทำอะไรกับชายตรงหน้าได้มากนัก เขาก้มลงมองขาของตัวเองก่อนจะต้องตกใจกับขาของเขาที่กลายเป็นเหล็กไปทั้งสองข้าง ความจริงบางอย่างเข้ามากระทบจิตใจให้เขารู้ว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นไม่ใช่ความฝัน กลิ่นคาวเลือดและความกดดันบางอย่างยังฝังอยู่ในใจของเขาแน่นเกินกว่าที่ใครจะสัมผัสได้

    คุณฟอร์ซี เขายังตกใจอยู่ อย่าทำตัวเหมือนอะไรๆมันง่ายสิ”

    เสียงที่คุ้นเคยของหญิงสาวทำให้เฟลซหันไปมอง หญิงสาวผมยาวที่คุ้นตาเดินมาประคองเขากลับขึ้นเตียงอย่างรวดเร็วราวกับว่าเธอคุ้นชินกับสถานการณ์ตอนนี้แล้ว

    เจ๊ นี่มันอะไร”

    “...เธอหลับไปตั้งเกือบสัปดาห์ ไว้จะอธิบายให้ฟังทีหลังนะว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตอนนี้ทำตัวดีๆก่อนล่ะ”

    เฟลซมองทิวลิปที่ลูบแก้มของเขาอย่างเป็นห่วง แต่มือของเธอนั้นกลับให้สัมผัสที่แปลกประหลาด นิ้วโลหะทำให้ชายหนุ่มสัมผัสถึงความเย็นได้อย่างชัดเจน และยิ่งทำให้เขาสับสนมากกว่าเดิม

    แหมๆ ฉันเสียมารยาทสินะเนี่ย ทิวลิป กาแฟไหม”

    ไม่ล่ะค่ะ คุณฟอร์ซีเองก็ดื่มกาแฟมากไปแล้วนะคะ วันละกี่แก้วเนี่ย”

    “7แก้วอย่างต่ำ ช่วยไม่ได้ งานมันหนักนี่ ฉันนอนแค่วันละ2ชั่วโมงเองนะ ก็ต้องมีโดฟกับบ้าง พวกเธอคุยกันไปแล้วกัน ถ้าขามันไม่ดีก็เรียกล่ะ มีขาเทียมให้เปลี่ยนอีกเป็นร้อย”

    ฟอร์ซีพูดก่อนเดินออกไปจากห้องพักแคบๆนั้น ทิวลิปนั่งลงข้างๆเตียงของน้องชายก่อนจะทวนเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้งเพื่อย้ำให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ใช่ความฝัน พี่ชายผู้เป็นที่รักของเขานั้นไม่มีอยู่แล้วในตอนนี้

    ที่นี่มีทางเลือกให้สองอย่าง หนึ่ง รับอวัยวะเทียมพวกนี้ไปแล้วกลับไปใช้ชีวิตปกติ หรือจะมาทำงานกับพวกเขา”

    แล้วงานที่ว่ามันอะไรกันล่ะครับ”

    ล่าและทำลายอะไรก็ตามที่ทำให้เจมส์เป็นแบบนั้นไงล่ะ ฉันน่ะเลือกขอเสนอที่สองไปแล้ว ด้วยความเต็มใจน่ะนะ”

    จะบ้าหรอเจ๊?! ถึงจะเข้าใจว่าทำเพื่ออะไรก็เถอะ แต่ผมไม่อยากให้เจ๊ไปทำอะไรเสี่ยงๆหรอกนะ!”

    งั้นแปลว่านายจะเลือกอย่างแรกสินะ”

    ก็...”

    ไม่ทันทีชายหนุ่มจะได้พูดอะไรเขาก็สลบไปเพราะเข็มยาสลบที่ออกมาจากนิ้วโลหะของหญิงสาว เธอถอนหายใจก่อนจะเดินออกจากห้องพลางคิดในใจว่าเธอเองก็ไม่อยากให้เขาทำอะไรบ้าๆเช่นกัน

     

     

    ชายหนุ่มตื่นขึ้นอีกครั้ง แต่เป็นในห้องนอนที่หรูหราและคุ้นเคย มันคือบ้านของเขานั่นเอง ทันทีที่ได้สติเฟลซก็ถามไปทั่วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คนในบ้านของเขาก็ตอบเพียงว่ามีเพื่อนมาส่งเขาที่บ้านเพราะเขาเมาเพียงเท่านั้น สุดท้ายเมื่อหมดทางเขาจึงลองไปที่บ้านของทิวลิป แต่มันกลับเหลือเพียงพื้นที่ว่างเปล่าราวกับถูกลบไปจากประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้ พร้อมกับข่าวการตายอย่างปริศนาของเจมส์ที่ไม่ใช่ข่าวเด่นอะไรเลยราวกับว่าไม่มีใครเห็นสภาพศพที่ผิดปกติ จนแล้วจนรอดเฟลซก็ต้องไปพึ่งพา เพื่อนที่เขารู้ดีว่าไม่มีทางไม่รู้เรื่อง

    พูดอะไรน่ะ มึงดื่มมากไปรึเปล่า”

    นั่นเป็นคำตอบของชายหนุ่มที่เขารีบขับรถมาหาถึงคอนโด เฟลซกำหมัดแน่นเพราะรู้ว่าดาเลียนั้นโกหกเขาหน้าตาเฉย ด้วยความหงุดหงิดขั้นสุดทำให้เขาชกไปที่เพื่อนของตัวเอง แต่มือของเขาก็ถูกหยุดจากชายอีกคนที่อยู่ใกล้ๆ

    ไม่ได้นะ ฉันยอมให้พี่ชายรุนแรงกับสุดที่รักไม่ได้หรอก”

    ชายร่างสูงจับแขนของเฟลซก่อนจะดันเขาออกเล็กน้อย ฮ็อคยิ้มให้กับเฟลซก่อนจะลูบผมของดาเลียเบาๆ

    คุยกันดีๆนะที่รัก”

    ฮ็อคพูดแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง ทำให้ดาเลียถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้พร้อมเดินออกมาและปิดประตูลงเบาๆ เขาดึงเฟลซเข้ามากอดไว้แน่นด้วยความเป็นห่วงแล้วให้คำตอบแก่เขา

    มึงเลือกแล้ว อย่าพยายามหาอะไรเลย มันไม่มีความหมายหรอกพวก”

    ดาเลียพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่ก็แสดงออกถึงความเสียใจกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย

    กูขอเปลี่ยนทางเลือกได้ไหมวะ มึงก็รู้ว่ากูทิ้งเจ๊ไม่ได้”

    แต่ถ้าทำแบบนั้น เจ๊อาจจะฆ่ากูแทนนะ”

    ดาเลียพูดติดตลก เขาไม่อยากให้เพื่อนสนิทของตัวเองมายุ่งกับเรื่องนี้แม้จะเข้าใจดีก็ตาม แต่เมื่อเพื่อนสนิทผู้เต็มไปด้วยความทรนงยอมคุกเข่าลงขอร้อง เขาก็ต้องใจอ่อนอย่างช่วยไม่ได้และสัญญาว่าจะให้เขาได้เปลี่ยนทางเลือกของตัวเอง

    หลังจบการสนทนา ดาเลียกลับเข้าไปในห้องของตัวเองก่อนจะทิ้งตัวลงที่เตียง เขาสูดหายใจเข้าก่อนจะทำในสิ่งที่เขารู้ว่ายังไงก็สำเร็จ เพราะฟอร์ซีนั้นตามใจเขาทุกอย่าง ชายหยุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดชื่อที่เขานั้นแทบไม่เคยคิดจะโทรหา

    ฮัลโหล ขอเวลาคุยด้วยหน่อยได้ไหม ฟอร์ซี”

     

     

    แหม เดินลำบากน่าดูนะคะ พักให้สบายก่อนนะ”

    หญิงสาวผมสีม่วงที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายของชายหนุ่มถามด้วยความเป็นห่วงพลางลูบขาของเขาเบาๆอย่างใจดี

    นี่ๆ นายสายตาสั้นมากรึเปล่าน่ะ แล้วอยากกินอะไรไหมตอนนี้”

    สาวแว่นตาสองสีที่นั่งฝั่งขวาถามคำถามเขามากมาย และนั่งอย่างใกล้ชิดจนชายหนุ่มเริ่มรู้สึกเกร็ง แต่ระหว่างที่เขากำลังลำบากใจกับเธอทั้งสอง สาวสวยผมสีอ่อนก็เดินมาเสิร์ฟน้ำตรงหน้าเขาพร้อมกับบอกให้ทำตัวตามสบายได้เลย

    เอาล่ะ สาวๆ เดี๋ยวจะต้องคุยกันส่วนตัวแล้วนะ ไว้ค่อยทำความรู้จักกันอีกทีแล้วกัน”

    ฟอร์ซีพูดขึ้นทำให้คนอื่นเดินออกไปจากห้อง เหลือเพียงชายทั้งสองที่นั่งเงียบมองหน้าอีกฝ่ายอยู่สักพัก

    อยากทำงานนี้จริงๆหรอ มันไม่ใช่งานง่ายๆหรอกนะ เธอต้องฆ่าใครสักคน ซึ่งบางคนก็ดีเกินกว่าที่จะฆ่าได้ มันไม่ดีหรอกจริงไหม ที่จะพรากใครสักคนไปจากคนสำคัญของเขาน่ะ”

    ฟอร์ซีพูดขึ้น เขาพยายามอธิบายงานของที่นี่ สำหรับเขาแล้วการเลือกคนนั้นสำคัญกับเขามาก ไม่ใช่ทุกคนในกลุ่มที่เขาจะรักและเชื่อใจ แต่ดูเหมือนยิ่งเขารักเท่าไรก็ยิ่งเสี่ยงตายเท่านั้น แต่ชายหนุ่มยังยืนยันว่าจะเข้าทำงานที่นี่แม้จะต้องเจออะไรก็ตาม

    ถ้าเธอยืนยันว่าจะทำ...ก็ได้ล่ะนะ ฉันน่ะชอบคนพิการมากกว่าคนปกติที่ติดเครื่องจักรนะ เพราะงั้นไปดูอาวุธใหม่ของเธอกันดีกว่า แต่ฉันไม่มีเวลาว่างพอ คงต้องให้ไปกับเพื่อนใหม่ของเธอล่ะนะ รอที่ห้องนี่ไปก่อนล่ะ”

    ฟอร์ซียิ้มก่อนจะปล่อยว่าที่สมาชิกใหม่ไว้ในห้องเพียงลำพัง ชายวัยกลางคนเดินไปตามทางสีเทาของตึกก่อนจะพูดกับตัวเองไปเรื่อยเปื่อยตามปกติ

    ได้ของดีมาสักที พวกติดแป้นส่วนมากมีแต่ขยะน่ารำคาญทั้งนั้น หวังว่าจะมีอะไรสนุกๆบ้างนะ”

    ฟอร์ซีพูดพลางจุดบุหรี่ ลูกตาโลหะหมุนไปมาอย่างไร้แบบแผนแสดงให้เห็นว่าเขากำลังอารมณ์ดีไม่น้อย

     

     

    อีกด้านในห้องรับรองโล่งๆที่ไม่มีใครมั่นใจว่ามันเอาไว้ทำอะไรกันแน่ เฟลซก็ยังนั่งรออยู่ที่เดิมเกือบครึ่งชั่วโมงจนมีคนเปิดประตูเข้ามา หญิงสาวผมาวผู้สวมผ้าปิดตาข้างเดียวแง้มประตูพร้อมเรียกให้เขาออกไปหา เธอแนะนำตัวแบบรวบรัดในระหว่างที่เดินนำเขาไปตามทางเดินสีเทาที่เรียบซะจนบอกไม่ได้ว่าจุดสิ้นสุดคือตรงไหน

    ท่าทางจะเป็นคนที่คุณฟอร์ซีสนใจนะคะ เขาเล่าเรื่องของคุณให้ฟังแล้วล่ะค่ะ เสียใจด้วยนะคะ”

    ไฮเดรนเยียพูดพร้อมรอยยิ้มบางๆตามมารยาทบนใบหน้า แม้เฟลซจะสัมผัสได้ว่าเธอเสียใจตามที่พูดจริงๆก็ตามแต่เขาก็ยังไม่มั่นใจนัก

    ทำไมถึงคิดว่าเขาสนใจผมล่ะครับ”

    “...เพราะรสนิยมสุดโต่งของคุณฟอร์ซีน่ะค่ะ เขาจะชอบคนที่ผ่านเรื่องเลวร้ายมากๆหรือสิ้นหวังมา นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่ปลื้มหลายๆคนในองค์กรที่เป็นแค่คนธรรมดาที่บังเอิญผ่านเข้ามาสักเท่าไร เป็นรสนิยมที่ไม่น่ารักเลยใช่ไหมคะ”

    ท่าทางคุณไฮเดรนเยียจะรู้จักคุณฟอร์ซีดีจังนะครับ”

    เขาเป็นเพื่อนของแม่น่ะค่ะ แล้วก็เป็นคนช่วยสอนฉันทำเครื่องจักรกลเฉพาะของที่นี่อย่างโรสแมรี่ด้วย อ๊ะ...ถึงแล้วล่ะค่ะ”

    หญิงสาวหยุดอยู่หน้าประตูขนาดใหญ่ที่มีเครื่องสแกนบางอย่างอยู่ด้านหน้า เธอเปิดผ้าปิดตาออกเผยให้เห็นแผ่นเหล็กบางๆที่ติดอยู่บนดวงตา แผ่นโลหะบนดวงตาสีสวยชวนให้เฟลซรู้สึกแปลกใจปนขนลุก เครื่องสแกนยิงแสงสีฟ้าใส่ตาของไฮเดรนเยียก่อนที่ประตูจะเปิดออกพร้อมกับอากาศเย็นที่ออกมาจากด้านใน

    ประตูนี่สแกนตามรหัสของโรสแมรี่ แต่ก็ใช่ว่าคนที่ใช้โรสแมรี่จะเข้าไปได้ทุกคนนะคะ เพราะได้เฉพาะคนที่คุณฟอร์ซีอนุญาตเท่านั้น”

    ไฮเดรนเยียบอกก่อนจะเดินนำชายหนุ่มไปด้านใน ห้องกว้างที่เรียกว่าแทบจะกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของชั้นนี้นั้นเต็มไปด้วยเครื่องจักรรูปร่างเหมือนอวัยวะมนุษย์และแป้นโลหะสลักลายต้นโรสแมรี่ ไฮเดรนเยียยังเดินนำไปเรื่อยๆทำให้เฟลซต้องรีบตามเพราะกลัวจะหลงทางกับเธอ จนในที่สุดทั้งคู่ก็มาหยุดอยู่หน้าชั้นที่มีขาเหล็กเต็มไปหมด ไฮเดรนเยียเชิญให้เพื่อนใหม่ร่วมองค์กรนั่งลงกับเก้าอี้ใกล้ๆก่อนจะค่อยๆก้มลงปลดขาโลหะที่เขาสวมอยู่

    ถ้าเจ็บหรือไม่ไหว ให้บอกทันทีนะคะ เพราะอันที่ใช้ได้มันจะเจ็บแค่ไม่กี่วินาทีแล้วหาย แล้วก็ไม่ต้องตกใจถ้าเลือดออกด้วย”

    ไฮเดรนเยียยิ้มก่อนหยิบขาเทียมชิ้นแรกออกมาจากชั้น แม้หญิงสาวจะมีรอยยิ้มจริงใจแต่ในใจของชายหนุ่มนั้นกลับรู้สึกหวั่นใจเอามากๆ

     

     

    อีกด้านในห้องพักรวมขององค์กรที่บ้างครั้งก็เหมือนจะคล้ายๆห้องประชุมขนาดเล็กที่มีโซฟาให้นั่งชิล ดาเลียนั่งกระวนกระวายอยู่บนโซฟา ชายหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยความกังวลใจ เขาเป็นห่วงไม่น้อยว่าเพื่อนของตัวเองนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง

    ที่รัก ไม่ทำหน้าแบบนั้นสิ ไม่น่ารักเลยนะ”

    แหม ซันไชน์ ผมเครียดนี่นา”

    ดาเลียพูดก่อนซบลงที่อกของฮ็อค ทั้งคู่มักจะดูหวานกันจนเกิดความจำเป็นเสมอ อาจเพราะว่าไม่ค่อยมีเวลาอยู่กันมากนักทำให้ตอนที่อยู่ด้วยกันดาเลียจึงพยายามออดอ้อนตลอดเวลา ซึ่งแน่นอนว่ามันก็สร้างความรำคาญใจให้คนอื่นไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่นั่งอยู่ด้วยในห้องตอนนี้อย่างวินเซนท์ ชายหนุ่มสวมแว่นมองพลางคิดในใจว่าถ้าจะคลอเคลียกันขนาดนี้เปิดห้องเอากันเลยคงจะดีกว่า

    แล้วเด็กใหม่ครั้งนี้จะไม่ทำให้คุณทิวลิปอารมณ์เสียใช่ไหมคะเนี่ย”

    ไอโซร่าที่นั่งอยู่ในห้องถามขึ้นมาด้วยความสงสัย แต่ดาเลียก็ได้แต่ยักไหล่กลับไปด้วยความไม่แน่ใจ คนส่วนมากในองค์กรไม่ได้สนใจการเข้ามาของใครเสียเท่าไร เพราะจริงๆแล้วพวกเขาก็ต่างมีเป้าหมายของตัวที่ชัดเจนแม้จะไม่มากพอที่จะทำให้ฟอร์ซีพอใจก็ตาม

    ทำไมฟอร์ซีชอบเด็กนั่นนะ”

    ชายผมสีทองถามแทรกขึ้นมาในความเงียบ เมื่อมีใครสักคนที่ฟอร์ซีสนใจ คำถามนี้ก็จะเป็นคำถามสุดยอดแห่งความนิยมไปในทันที

    ก็น่าจะเหมือนที่เขาชอบนายมั้งทอร์ช พวกไร้ค่าที่สูญเสียทุกอย่างแล้วก็มาเป็นขยะกองอยู่ที่นี่น่ะ”

    ยูริที่นั่งอยู่ไม่ไกลพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มกวนประสาทที่ชวนให้คนอื่นหงุดหงิด แต่ก็ไม่มีพูดอะไรต่อเพราะรำคาญที่จะต้องมาเถียงกับเด็กไม่มีเหตุผล ชายหนุ่มอายุ18ที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในองค์กรได้ไม่ถึงปีนั้นทำให้คนรอบข้างรำคาญด้วยคำพูดแบบนี้เสมอทั้งที่ใครๆก็รู้ว่าหลายๆคนที่นี่ก็มีประวัติไม่ต่างกันนัก

    ไปข้างนอกหน่อยนะซันไชน์”

    ดาเลียพูดขึ้นก่อนจะเดินออกมาจากห้อง เขาไม่ชอบคนที่พูดเหน็บคนอื่นทำให้ต้องรีบออกมาก่อนจะทนไม่ไหว ดาเลียยืนอยู่ที่ระเบียงหน้าห้องนั้นไม่ได้ไปไหน เขาเปิดหน้าต่างออกก่อนจะจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ ความรู้ชวนอึดอัดในใจของเขานั้นไม่มีใครเข้าใจและไม่มีใครรู้ว่าเกิดจากอะไร ถ้าให้เดาพื้นฐานก็คงหนีไปพ้นเรื่องเพื่อนของตัวเองที่ตอนนี้เขาเองก็ไม่มั่นใจว่าฝืนใส่ขาผิดโดนระเบิดตายไปหรือยัง


    ...........................................................................................................................................................

    ตรวจคำรอบที่1
    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×