คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ขุดสุสานบรรพชน
ขุดสุสานบรรพชน
จันทราลอยเด่นกลางนภา ค่ำคืนนี้สรรพสิ่งเงียบงันกว่าที่เคย
เมืองลั่วหยางล้อมรอบด้วยภูเขาสูงเป็นแนว ในขณะที่แม่น้ำห้าสายไหลผ่าน
ในตำราฮวงจุ้ยหยินหยางสิบหกอักษร ทิวเขาคือมังกรดิน แม่น้ำคือมังกรน้ำ
อยู่ภูเขามีหยาง อยู่ใกล้น้ำมีหยิน หยินหยางรวมตัวครบคือพื้นที่ที่เปี่ยมด้วยพลัง
ภูเขาหมางซานตั้งอยู่ทิศเหนือของเมือง ในขณะที่ทิศใต้คือช่องเขาหลงเหมิงซึ่งมีแม่น้ำลั่วสุ่ยที่คนในพื้นที่เรียกกันว่าแม่น้ำอีพาดผ่าน
พื้นที่ราบเบื้องหน้าเปิดโล่งเบื้องหลังมีทิวเขาเป็นพนัก
พร้อมด้วยมังกรน้ำและดินถือเป็นฮวงจุ้ยเลิศล้ำ บุคคลที่สามารถฝังมีเพียงระดับเจ้าแคว้น
แม่ทัพ หรือแม้กระทั่งฮ่องเต้เท่านั้น
มีนักพรตผู้หนึ่งเคยกล่าวว่าการที่ตระกูลอวี้รุ่งเรืองยาวนานเป็นเพราะที่ตั้งสุสานบรรพชนเป็นทำเลที่ดีที่สุด
หยินหยางบรรจบครบห้าธาตุ ถึงพร้อมด้วยอาลักณ์แห่งสวรรค์ โดยเฉพาะเมื่อสุยหยางตี้ขุดคลองต้ายวิ่นเพิ่มแม่น้ำมาอีกสาย
จากมังกรน้ำสี่ตัวก็กลายเป็นห้า ตัวเลขห้าในวิชาฮวงจุ้ยถือว่าล้ำเลิศ ลูกหลานของผู้ฝังจะเจริญรุ่งเรืองอยู่เย็นเป็นสุขตลอดไป
สุสานบรรพชนของตระกูลอวี้ตั้งอยู่บนเทือกเขาหมางซาน
แน่นอนว่าเมื่อเป็นทำเลดีเลิศย่อมหนีไม่พ้นพวกโจรขุดสุสาน
นับแต่อดีตกาลแม้แต่ฮ่องเต้ที่มากล้นด้วยบารมีและอำนาจก็ไม่สามารถขจัดขัดขวางพวกโจรปล้นสุสานเหล่านี้ได้
สุสานในเทือกเขาหมางซานนี้ก็มีไม่น้อย แต่น้อยมากที่จะรอดจากน้ำมือโจรเหล่านั้น
โดยเฉพาะเมื่อถึงช่วงศึกสงคราม ถึงขนาดมีทหารหลวงลงมือขุดสุสานเหล่านี้เองเพื่อหาทุนทรัพย์ในการทำศึก
ทหารเหล่านี้ได้ชื่อว่าโจรหลวง ลงมือที่ใดไม่เคยเหลือไว้แม้แต่กระเบื้องใบหนึ่ง
แต่ว่าเป็นเรื่องน่าฉงนสำหรับโจรเหล่านั้น สุสานบรรพชนตระกูลอวี้ที่ร่ำรวยไม่เคยมีผ้ใดกล่าวว่าสามารถขุดออกมาได้สักครึ่งคน
อวี้เหวินหยางมาถึงเบื้องหน้าทางเข้าสุสาน
ด้านหน้าคือป้ายไม้ขนาดใหญ่ที่สลักไว้ด้วยคำว่า ‘เทือกเขาหมางยาวพันลี้
มังกรอวี้ยิ่งใหญ่หมื่นปี’ ในป้ายคำว่าอวี้เมื่อรวมกับมังกรจึงเป็นคำว่ามังกรหยก
ดังนั้นผู้คนที่มาถึงและเห็นป้ายนี้เพียงนึกว่าเป็นป้ายที่เขียนถึงเทือกเขาหมางซานที่ทอดยาวแห่งลั่วหยาง
แต่มีน้อยคนนักที่รู้ว่านี่เป็นป้ายสดุดีบรรพชนของตระกูลอวี้เอง
อวี้เหวินหยางเดินเข้าไปปัดดินที่ติดป้ายออก จากนั้นปัดเศษดินที่ติดมือสองสามทีกวาดตามองภูมิทัศน์โดยรอบ
ลมภูเขาพัดกรู เสียงสรรพสัตว์ดังแว่วเป็นพักๆ ยิ่งคืนนี้เป็นคืนจันทร์เต็มดวง
ภาพของภูเขาสูงจึงปรากฏอยู่เบื้องหน้าราวแดนเซียน
“ปี้หวังเจ้าช่วยข้าดู ทางเข้าอยู่ไหนน่ะ?” ถามพ่อบ้านข้างกาย
ปี้หวังก้าวเข้ามาด้านข้างกวาดตาดูโดยรอบเช่นกัน
เนื่องเพราะราชวงศ์ถังเป็นสมัยที่นิยมสร้างสุสานขึ้นในภูเขาแทนที่จะขุดดินปิดเนินสุสานเช่นราชวงศ์ต่อๆมา
ตระกูลอวี้ในตอนนั้นก็ไม่อาจหนีค่านิยมในขณะนั้นไปได้ ดังนั้นสุสานของตระกูลอวี้จึงสร้างโดยขุดภูเขาเข้าไป
และทางเข้านั้นจะถูกบอกต่อไว้เพียงว่าที่เจ้าบ้านรุ่นต่อไปและพ่อบ้านใหญ่เท่านั้น
“นายท่าน ข้าคิดว่าอยู่ตรงนั้น” ปี้หวังกวาดตามองจนทวนทั่ว
ในที่สุดก็ชี้มือไปยังจุดหนึ่งบนเขา เป็นจุดที่มีผาหินราบเรียบ
ดูอย่างไรก็ไม่สามารถให้จอบเสียมขุดเข้าไปได้
“อืม พวกเจ้าตามข้ามา” อวี้เหวินหยางพูดขึ้น
ทว่าเดินก้าวหนึ่งก็ชะงัก หันกลับมาพูดว่า “จำเอาไว้
สุสานตระกูลอวี้เป็นความลับ หากพวกเจ้าแพร่งพรายอย่าบอกว่าข้าไม่เตือน!” เจ้าบ้าหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
ซึ่งความจริงตนเองทำผิดที่นำผู้อื่นเข้ามาขุดสุสานบรรพชน
ทว่าหากไม่มีแรงของบ่าวรับใช้ด้วยตัวของสองคนก็ไม่สามารถเปิดสุสานได้
ยิ่งไม่สามารถขนทรัพย์สมบัติออกมาได้
บ่าวรับใช้ทั้งหมดขานรับอย่างพร้อมเพรียง แต่ดวงตานั้นไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ได้
ปี้หวังมองดูอย่างกังวล
แต่อย่างไรเสียคนเหล่านี้เมื่อเปิดสุสานแล้วก็ต้องรออยู่เบื้องนอก
ย่อมไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายใน
ทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังหินผาที่ราบเรียบไร้รอยตะเข็บ
ด้านข้างร่องหินปรากฏรอยงัดแงะที่เกิดจากพวกโจรขุดสุสาน
แต่เห็นได้ชัดว่าหินไม่ขยับเขยื้อน แน่นอน หินใหญ่ถึงเพียงนี้ผู้ใดจะไปขยับได้?
นี่เป็นเพียงแผ่นหินธรรมดาหาใช่ทางเข้าไม่
เพียงแต่เป็นจุดหนึ่งที่จะสามารถทำให้เห็นทางเข้าได้เท่านั้น
หันกลับไปมองดูป้ายไม้ขนาดใหญ่ที่สลักคำสดุดีบรรพชนเอาไว้
เห็นหน้าป้ายหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งมีเทือกเขาอีกแนวทอดตัวอยู่
หากเป็นเวลาปกติการเปิดสุสานจะทำได้ก็ต่อเมื่อนำร่างเจ้าบ้านเข้ามาฝังซึ่งเป็นพิธีที่จะกระทำในช่วงเช้า
ป้ายไม้ที่ตั้งตระหง่านเมื่อถึงเวลาเหมาะสมจะชี้ทางให้เห็นทางเข้าด้วยแสงอาทิตย์เอง
แต่เพราะพวกโจรขุดสุสานทั้งหลายย่อมไม่มีพวกใดลงมือขุดในตอนกลางวันอยู่แล้ว
ยิ่งเมื่อรู้วิธีเปิดสุสานตระกูลอวี้แบบครึ่งๆกลางทั้งหมดย่อมไม่สามารถหาทางเข้าที่ถูกต้องเจอได้
อวี้เหวินหยางยกมือลูบคาง ที่จริงแล้วนอกจากตำแหน่งสุสานที่ใช้วิธีแสดงตำแหน่งด้วยแสงอาทิตย์
ยังมีการกำหนดจุดฝั่งด้วย หากนำทั้งหมดไปฝั่งในจุดเดียวสุดท้ายที่ฝั่งย่อมเต็ม
ตระกูลอวี้จึงคิดวิธีใช้เวลาเสียชีวิตของเจ้าบ้านเพื่อกำหนดจุดฝั่ง
ดังนั้นแล้วถือได้ว่าทั้งภูเขานี้คือสุสานของตระกูลอวี้โดยแท้จริง
และการจะหาจุดฝังเหล่านั้นได้ หากไม่รู้เวลาเสียชีวิตของเจ้าบ้านแต่ละรุ่น
มีทางเดียวคือขุดทั้งภูเขาจึงจะสามารถหาหลุมฝังศพเจอ
“ปี้หวัง ให้เจ้าเลือกว่าจะรบกวนเจ้าบ้านรุ่นใดดี”
ถามขึ้นเช่นนี้ปี้หวังก็ได้แต่เผยสีหน้าหนักใจ
ย่นคิ้วมองอวี้เหวินหยางกล่าวว่า “นายท่าน เอาที่ท่านสบายใจเถิด”
เหวินหยางหันมาแยกเขี้ยวใส่พ่อบ้านข้างกาย “ที่ข้าถามเจ้าเพราะข้าจำเวลาไม่ได้!
เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่?”
บันทึกประวัติเจ้าบ้านหนายิ่งกว่าตำรากฏหมายหมิงลวี่
คาดว่าขนาดใกล้เคียงปทานุกรมของหย่งเล่อฮ่องเต้
มีแค่ปี้หวังเท่านั้นที่สามารถทนอ่านได้จนจบ ส่วนตัวเหวินหยางครั้งใดที่ถูกบังคับให้อ่านเป็นต้องนอนหลับคาหนังสือเสียทุกที
ปี้หวังเบ้ปาก มันน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้ว!
“ขอรับนายท่าน เช่นนั้น...” กลอกตาตลบหนึ่ง
จดจำได้ว่าเจ้าบ้านรุ่นที่หกอยู่ในยุคสือกั๋ว(สิบแคว้น) แม้ว่าเป็นยุคที่บ้านเมืองวุ่นวายอยู่บ้าง
แต่นับว่าเป็นสมัยที่รวบรวมเก็บทรัพย์สินด้วยทองคำ
เรื่องเก็บสะสมภาพวาดหรือกระเบื้องเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ในยุคบ้านเมืองวุ่นวาย
ดังนั้นแล้วที่เจ้าบ้านรุ่นหกนำติดตัวสู่ปรภพสมควรเป็นของมีค่าเช่นทองคำ
“ข้าว่าหากรบกวนเจ้าบ้านรุ่นที่หก...ก็คงไม่เป็นอะไรมั้งขอรับ” กลืนน้ำลายอึกหนึ่ง
หากลงสู่ปรภพไปหวังว่าเจ้าบ้านรุ่นที่หกจะเข้าใจความคับขันจำเป็นของมัน
ไม่ฆ่ามันตายอีกรอบหนึ่ง!
อวี้เหวินหยางผงกหัวเห็นด้วย พูดขึ้นว่า “เจ้านำไป”
ปี้หวังลอบถอนหายใจ กวาดตามองดูภูเขาที่ทอดยาว
กำหนดทิศทางที่แสงอาทิตย์ยามกลางวันจะสาดส่อง จากนั้นนำหน้าผู้คนเดินตรงไปยังหน้าเทือกเขาที่ทอดตัวยาวราวกับมังกรดินที่กำลังหลับใหลตัวหนึ่ง
ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือไม่
เงาของป้ายไม้ที่ทอดยาวเพราะแสงจันทร์ก็กำลังชี้ไปยังจุดนั้นพอดิบพอดี
++++++++++++++++++
แต่ละตอนทำปาดเหงื่อ เห็นสั้นๆแบบนี้แต่ก็ต้องหาข้อมูลกันบานเลยขอรับ
เรื่องภูมิทัศน์และตำนานเล่าลือนี่อ้างอิงมาจากของจริงบางส่วนนะขอรับ!
ความคิดเห็น