ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เฒ่าแก่พันปี {บันทึกลับตระกูลอวี้รุ่นที่ 59}

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ มลายหายในคืนเดียว

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ค. 60


    บทนำ 

    มลายหายในคืนเดียว

     


    หากบิดามารดายังอยู่จะต้องด่าทอบุตรชายที่ไร้ความสามารถนี้จนจมดิน


    เจ้าบ้านตระกูลอวี้สีหน้าอมทุกข์ นั่งอยู่ข้างทางระหว่างร้านเย็บผ้าของตาเฒ่าจางในขณะที่อีกข้างคือเหลาสุราตระกูลหม่าที่เต็มไปด้วยเสียงอึกทึก เห็นพวกอันธพาลพากันควงไม้คาดว่าอีกไม่นานโต๊ะเก้าอี้ที่เพิ่งจัดหามาใหม่ของเฒ่าแก่หม่าต้องมีอันเป็นไปตามเก้าอี้รุ่นก่อนนี้แน่แท้


    ไม่ทันสิ้นความคิดเสียงโครมใหญ่ก็ดังตามมาอย่างที่คาด แต่แม้ว่าร้านด้านข้างจะโหวกเหวกเพียงไรก็ไม่สามารถดึงสีหน้าหมดอาลัยของ อวี้เหวินหยาง ให้กลับมามีสีสันดังเดิมได้อีก


    ตระกูลอวี้ยิ่งใหญ่ร่ำรวยมานับพันปี เริ่มตั้งแต่ยุคก่อตั้งตระกูลในราชวงศ์ถังมาจนถึงตอนนี้เป็นรัชศกซวนเต๋อแห่งราชวงศ์หมิงที่รุ่งโรจน์ อวี้เหวินหยางเพิ่งจะรับตำแหน่งเจ้าบ้านไม่ครบสามปีตระกูลอวี้อันยิ่งใหญ่ก็มีอันต้องล่มสลายเหลือเพียงชื่อจารึกไว้เสียแล้ว


    เรื่องมันเกิดเมื่อคืนก่อน...อวี้เหวินหยางที่ถูกมอมเหล้าจนเมากลับถูกท้าพนันโดยคุณชายตระกูลมู่ที่เป็นอริกันมาหลายปี สุดท้ายด้วยความโง่เขลาที่สมควรถูกบรรพชนลุกมาก่นด่าจนจมดิน ทำให้กิจการการค้าของตระกูลกว่าร้อยแห่งต้องมลายหายไปในคืนเดียว


    เหม่อมองไปยังเบื้องหน้า ฝั่งตรงข้ามถนนเป็นโรงเตี๊ยมร้อยขจรอันลือชื่อแห่งเมืองหลวง กาลก่อนเคยอยู่ในบัญชีที่ดินที่ได้กำไรอันดับหนึ่งในสมุดบัญชีรายรับ บัดนี้ประตูโรงเตี๊ยมปิดแน่นสนิท แผ่นกระดาษสองแผ่นไขว้ติดหน้าประตู เขียนคำตัวโตๆไว้ว่า ตระกูลมู่ริบกิจการ


    เป็นตัวหนังสือที่มองเมื่อไรก็บาดลึก ตอกย้ำจิตใจจนชอกช้ำ เจ้าบ้านตระกูลอวี้ผู้นี้แทบไม่มีหน้าเดินกลับตึกตระกูล ทั้งยังไม่มีหน้าตายไปพบกับบรรพชนทั้งหลายที่ใช้แรงกายแรงใจสร้างตระกูลอวี้ให้ยิ่งใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้ได้


    หมดกันแล้ว...จบสิ้นแล้ว...ข้าเหวินหยางสมควรตาย!


    เจ้าบ้านหนุ่มยกมือทึ้งหัวตนเองอย่างสิ้นหวัง ตอนนั้นเองชายหนุ่มในชุดคนรับใช้ตระกูลใหญ่สีเขียวแก่คนหนึ่งเดินเหลียวซ้ายแลขวาผ่านมา พอมองเห็นเหวินหยางนั่งจมทุกข์อยู่ข้างทางในสภาพเสื้อผ้าแปดเปื้อน ผมเผ้ายุ่งเหยิงก็พลันพุ่งตัวเข้ามาคุกเข่าลงโครม กอดอวี้เหวินหยางร้องไห้ว่า นายท่าน! ท่านกลับตึกตระกูลเราเถิด อย่าได้คิดมากกับสิ่งที่พลาดพลั้งไปแล้ว ยังไงเสียตระกูลอวี้ก็ยังคงอยู่ ท่านอย่าได้เศร้าใจไปเลยขอรับ!”


    ปี้หวัง ข้าจะมีหน้ากลับตึกตระกูลได้อย่างไร ไม่ต้องพูดถึงว่าข้าไม่มีหน้ากลับไปพบพวกเจ้าบ่าวรับใช้ แม้แต่ศาลประจำตระกูลข้าก็ยังไม่กล้าเข้าไปคุกเข่าสำนึกผิด! ทรัพย์สมบัติที่ตระกูลอวี้สั่งสมมาตลอดพันปีมาตอนนี้ต้องมลายหายไปเพราะลูกหลานไร้ความสามารถเช่นข้า ข้าไม่มีหน้ากลับไปแล้ว...กล่าวจบก็ร้องไห้โฮราวกับคนเสียสติ ไม่อายคนเดินผ่านไปผ่านมาแม้แต่น้อย


    เจ้า...เจ้ากลับไปเถอะ บอกทั้งหมดว่าข้าตายไปแล้ว ทรัพย์สมบัติในตระกูลถ้ามีเหลือพวกเจ้าก็เอามาแบ่งกัน จากนั้นค่อยแยกย้ายกันไป...เหวินหยางกล่าวด้วยสีหน้าแข็งทื้อไร้วิญญาณ ผลักพ่อบ้านใหญ่ของตนเองออก ดูคล้ายคนกำลังจะตัดสินใจปลิดชีวิตตนเอง


    ปี้หวังส่ายศีรษะระรัว กอดรัดตัวนายท่านของมันให้แน่นกว่าเดิม กล่าวว่า นายท่านอย่าได้คิดสั้น คนหลายชีวิตในตึกกำลังรอท่านกลับไปกอบกู้ตระกูลอวี้ของเราอยู่นะขอรับ ถ้าหาก...ถ้าหากนำสมบัติทั้งหมดในตึกไปขาย ก็อาจพอ...พอจะซื้อที่ดินกลับคืนมาได้สักที่หนึ่ง ข้าปี้หวังไม่สนว่าตนเองต้องอดมื้อกินมื้อ ขอแค่เราสามารถผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ ในภายหน้าต้องกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งได้อย่างแน่นอน!”


    แม้ว่าคำพูดนี้ตนเองก็ยังไม่มั่นใจ ทว่าพ่อบ้านใหญ่ยังงัดทุกกำลังใจออกมาดึงสตินายท่านของตน ตอนนี้ขอแค่นายท่านอย่าได้คิดสั้น ทิ้งบ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตว์ทั้งหลายในตระกูลไปสบายคนเดียวก็พอ!


    อวี้เหวินหยางถูกคำพูดของบ่าวคนสนิทดึงสติกลับมาในที่สุด ร้องไห้ตาแดงก่ำ มองพ่อบ้านด้วยความซาบซึ้ง เจ้าช่างดีต่อข้าเหลือเกิน!”


    ปี้หวังสูดน้ำมูกจนลึก เพียงจับมือนายท่านแน่นไม่ยอมปล่อย แสดงถึงความมุ่งมั่นว่าจะไม่ยอมให้เจ้าบ้านผู้นี้คิดสั้นจนตัวตายเด็ดขาด


    ข้าไม่ห่วงหรอกว่าท่านจะตาย...แต่ถ้าท่านตายปากท้องชีวิตคนนับร้อยใครจะดูแลเล่า!’


    คิดได้อย่างนั้นก็เพิ่มแรงมือกำต้นแขนของเหวินหยางให้แน่นกว่าเดิม ต่อให้ยมบาลมาเองก็อย่าหวังจะเอาคนผู้นี้ไปจากมือมันได้!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×