คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 1 [60%]
สุดที่รักจึงรับมาแล้วขอบคุณ ก่อนจะขึ้นรถมาอย่างเศร้าใจ ในมือถือนามบัตรของคู่กรณีเอาไว้ แล้วอ่านชื่ออู่รถออกเสียง
“พระพายออโต้คาร์ ชื่อประหลาดจัง สงสัยจะเป็นทั้งอู่ซ่อมรถและโชว์รูม อยู่ใกล้ๆ แถวนี้ด้วย แวะไปดูเลยดีกว่า” สุดที่รักพูดจบก็ออกรถไปตามเส้นทางที่ดูจากแผนที่ด้านหลัง โชคดีที่มันหาไม่ยากนักเพราะอยู่ติดริมถนน ทั้งกว้างขวาง มีทั้งร้านล้างรถยนต์ อู่ซ่อม และโชว์รูมรถยนต์สุดหรูที่อยู่ติดกันเป็นอาคารเดียว
โชว์รูมช่วงใกล้ค่ำไม่ค่อยมีคน อีกทั้งพนักงานก็ไม่มีให้เห็น แต่ไฟยังเปิดอยู่ สุดที่รักจึงขับรถไปจอดข้างๆ รถยนต์ที่เปิดฝากระโปรงรถอยู่ ก่อนจะดับเครื่องแล้วลงมามองหาพนักงาน
‘ไม่เห็นมีใครเลย เรามาเย็นเกินไปหรือเปล่า’
สุดที่รักเมียงมอง จนกระทั่งเจอพนักงานคนหนึ่งอยู่ในรถยนต์หรูที่จอดอยู่ก่อนหน้า เขาสวมชุดหมีแบบช่างซ่อมแต่เป็นผ้ายีนสีสนิม ซึ่งเธอคิดเอาเองว่าน่าจะเกิดจากความสกปรกมากกว่าจะเป็นดีไซน์ ชายหนุ่มคนนั้นนั่งอยู่ในรถยนต์ที่น่าจะกำลังซ่อมอยู่ แถมยังเปิดเพลงเสียงดังกระหึ่ม จนเสียงเพลงรอดออกมาด้านนอก หญิงสาวจึงไม่คิดจะเรียกให้เสียเวลาเพราะดูท่าจะไม่ได้ยิน ทำได้แต่เดินไปด้านข้างของรถยนต์แล้ว ใช้มือเคาะกระจกเบาๆ สองสามที
ชายคนนั้นแหงนหน้าหันมามองเธอทันควัน และก็หันกลับไปในทันที ราวกับมองไม่เห็นเธอ สุดที่รักจึงเคาะอีกสามสี่ครั้งและแรงขึ้นกว่าเดิม ชายหนุ่มหันมามองแล้วขมวดคิ้ว อีกทั้งพยายามเพ่งพิจารณาใบหน้าของหญิงสาวด้วยความสงสัย
“นี่นาย...ไม่คิดจะออกมาต้อนรับลูกค้าหรือยังไงกัน” สุดที่รักเหลืออด จึงบ่นออกไปแต่คิดว่าเขาคงไม่ได้ยินแน่ เพราะถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมปิดเพลงในรถยนต์หรือหรี่เสียงลงสักนิด เธอถอนหายใจแล้วคิดว่า พนักงานร้านนี้เหลวไหลมาก กล้าเปิดเครื่องเสียงของลูกค้าและเข้าไปนั่งอยู่ข้างในราวกับเป็นรถยนต์ของตัวเอง หญิงสาวไม่มั่นใจอีกแล้วว่าอยากจะซ่อมรถที่นี่
แต่มาถึงที่นี่แล้วก็คงไม่มีทางเลือก สุดที่รักจึงเคาะกระจกรถถี่ๆ และแรงขึ้นจนคนในรถรีบเลื่อนกระจกลงอาจจะเพราะกลัวกระจกจะเป็นรอย หญิงสาวไม่รอให้เขามีโอกาสได้พูดอะไร รีบบอกความต้องการของตัวเองทันที
“นี่นาย ฉันเป็นลูกค้า และตอนนี้พนักงานในร้านก็มีแค่นายคนเดียว ฉันเข้าใจว่านายอาจจะกำลังซ่อมรถยนต์ลูกค้าคนอื่นอยู่ แต่อย่างน้อยก็ควรจะออกมาต้อนรับหรือเรียกพนักงานคนอื่นมาช่วยดูแลฉันสิ นายคงไม่อยากโดนฉันรายงานเจ้าของร้านหรอกใช่ไหม อยากโดนไล่ออกหรือไงนายน่ะ”
“ไม่อยาก...” หม่อมหลวงพระพายตอบสั้นๆ ไม่ได้หันกลับมามองอีกฝ่ายด้วยซ้ำแต่ยังง่วนกับการเปิดเกะนั้นเกะนี้เหมือนหาอะไรบางอย่าง
“นั่นไง กลัวใช่ไหม นั้นก็ควรออกมาต้อนรับลูกค้าสิ”
“ไม่กลัว...” หม่อมหลวงพระพายยักคิ้วยักไหล่ให้อย่างไม่สนใจ ก่อนจะหยิบนาฬิกาหรูเรือนสีทองออกมาดูเวลา แล้วสวมลงบนข้อมือของตัวเอง แขนยืดออกสุดสายตาเล็งดู ว่ามันเหมาะกับตัวเองไหม แถมไม่สนใจเลยว่าคนข้างๆ กำลังจะกรีดร้องและพร้อมที่จะกระทืบเท้าดิ้นเร่าๆ เพราะความไม่พอใจ
“นี่นายเอาของมีค่าของลูกค้าออกมาใส่ราวกับเป็นของตัวเองได้ยังไง นี่มันเข้าข่ายลักขโมยแล้วนะ ร้านนี้เป็นซ่องโจรหรือยังไง เจ้าของร้านล่ะ อยู่ไหม”
“อยู่...”
“ไปเรียกมาซิ... ฉันอยากจะพูดกับเขาหน่อย”
“เจ้าของร้านไม่ใช่เพื่อนเล่น จะได้เรียกมาคุยได้ง่ายๆ”
เป็นคำตอบที่กวนโมโหที่สุด เท่าที่สุดที่รักจะเคยได้ยินจากผู้ให้บริการ เธอรู้ว่าโลกนี้มีคนหลายประเภท หญิงสาวไม่ได้ต้องการให้ทุกร้านมีแนวคิดเหมือนกันว่า ‘ลูกค้าคือพระเจ้า’ แต่การไม่ให้เกียรติลูกค้าแบบนี้มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ
“ร้านนี้ปฏิบัติตัวกับลูกค้าแบบนี้สินะ ถึงได้ไม่มีคนมาใช้บริการเลย ฉันล่ะแปลกใจจริงๆ ที่ผู้ชายคนนั้นกล้าพูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำว่า ร้านนี้บริการดีและไว้ใจได้ จากที่ฉันเจอมาด้วยตัวเองเมื่อสักครู่ฉันถึงรู้ว่า ฉันโดนหลอกแน่นอน” สุดที่รักโวยวายใส่หน้าของพนักงานชายคนนั้น ก่อนจะเดินกลับไปที่รถตั้งใจจะขับออกไปจากร้านนี้โดยเร็ว
แต่รถยนต์เจ้ากรรม ดันมาสตาร์ทไม่ติดเสียเฉยๆ ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ก็ขับมาที่นี่ได้อย่างราบรื่น
“ให้ตาย แล้วทำไมต้องมาเป็นตอนนี้ด้วย แล้วฉันกลับบ้านได้ยังไง” สุดที่รักลองสตาร์ทรถยนต์ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ยังไงก็ยังไม่ติดเหมือนเดิม เธอจึงจำใจต้องลงมาแล้วเดินกลับมาหาพนักงานคนนั้น ซึ่งตอนนี้เอนเบาะรถแล้วนอนหลับอย่างสบายใจไปแล้ว หญิงสาวเคาะกระจกอีกรอบ และเพิ่มแรงในการเคาะจนคนในรถเริ่มหงุดหงิดและขมวดคิ้วทั้งๆ ที่ยังนอนหลับตาอยู่
“อะไรกันวะเนี่ย...” หม่อมหลวงพระพายจำต้องลุกขึ้นนั่ง แล้วเปิดประตูรถออกมายืนประจันหน้ากับผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ รถอย่างเอาเรื่อง “นี่คุณ ไม่กลัวจะโดนร้านนี้หลอกหรือไง ร้านนี้เป็นซ่องโจรไม่ใช่เหรอ มาอยู่นานๆ ระวังจะถูกจับไปขายแทนอะไหล่รถยนต์หรูๆ ที่จอดอยู่หรอก”
“อย่าๆ อย่าบอกว่าตอนที่ฉันมาคุยกับนายตรงนี้ พวกของนายก็ไปงัดแงะรถยนต์ของฉันแล้วเอาอะไหล่ไปน่ะ ฉันนึกอยู่แล้วเชียว ว่าทำไมอยู่ๆ รถถึงสตาร์ทไม่ติด โอ๊ย..นี่ฉันจะทำยังไงดี ไม่ได้สิ ฉันๆ ต้องแจ้งความ” สุดที่รักยกมือถือขึ้นดูตั้งใจจะกดหาตำรวจเพื่อแจ้งความ แต่ถูกแย่งเอาไปต่อหน้าต่อตา แล้วอีกฝ่ายก็กดวางสายราวกับเป็นโทรศัพท์ของเขาเอง
“แจ้งไปก็ไม่ทำให้รถเธอสตาร์ทติดหรอก” หม่อมหลวงพระพายเดินไปที่โต๊ะวางของแล้วหยิบอุปกรณ์เครื่องมือขึ้นมา ก่อนจะยื่นให้ผู้หญิงตรงหน้าที่กำลังทำหน้างงสุดชีวิต ว่ายื่นมาให้ทำไม “อ้าว ถือสิ ไม่อย่างนั้นฉันจะปล่อยมือแล้วให้มันหล่นทับใส่เท้าของเธอนะ”
สุดที่รักยังไม่เลิกงง แต่อีกฝ่ายทำท่าจะปล่อยมือจริงๆ ก็เลยต้องรีบรับเอาไว้ เขาเดินไปที่รถของหญิงสาว เปิดฝากระโปรงรถยนต์ เธอจึงรีบเดินตามเพราะกลัวชายหนุ่มจะทำอะไรเลวร้ายกับรถยนต์สุดหวง
“นี่นาย จะทำอะไร จะงัดอะไหล่รถของฉันออกไปขายใช่ไหม ฉันจะแจ้งความจับนาย แล้วก็ให้ตำรวจปิดร้านโจรเพื่อไม่ให้คนอื่นตกเป็นเหยื่อ อย่าคิดว่าฉันไม่กล้านะ”
“เปิดกล่อง...” หม่อมหลวงพระพายสั่งราวกับอีกฝ่ายเป็นลูกมือ โดยไม่สนใจคำพูดใดๆ ทั้งสิ้น เขาไม่สนหรอกว่าเธอจะเป็นลูกค้า แต่ชายหนุ่มเกลียดผู้หญิงที่พูดเอาแต่ใจ คิดเองเออเอง และเอาแต่พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุดปาก ดังนั้นชายหนุ่มจะซ่อมให้ ซ่อมให้ฟรีด้วย เพื่อที่หญิงสาวจะได้ออกไปจากร้านและโลกที่แสนสงบของเขาเสียที
“เอ๋..อะไรนะ”
“เปิดกล่องไง ไม่อย่างนั้นจะหยิบเครื่องมือได้ไหม” หม่อมหลวงพระพายหันมามองหน้าหญิงสาวอีกครั้ง จ้องเขม็งจนอีกฝ่ายยอมเปิดกล่องโดยดี เขามองเครื่องมือในกล่องแล้วหยิบออกมาใช้อย่างคล่องแคล่ว ก่อนที่จะจับและเช็คบางอย่างแล้วหันมามองเธออีกครั้ง
“รออะไรเล่า ทำไมไม่ไปลองสตาร์ทรถดู”
“แล้วๆ ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่านายจะไม่ขโมยอะไหล่ไปตอนที่ฉันไปสตาร์ทรถ”
ความคิดเห็น