คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 1 [40%]
เพื่อนสาวทั้งสามพากันไปทานอาหารที่ร้านในห้าง ซึ่งแน่นอนว่าสุดที่รักไม่ได้รับเลือกให้แสดงความคิดเห็น แต่เธอก็ไม่โกรธเคืองอะไร เพราะส่วนใหญ่เพื่อนๆ ก็จะสั่งของที่หญิงสาวชอบกินอยู่แล้ว จึงไม่เป็นปัญหาสักนิดที่จะสงบปากสงบคำเรื่องอาหาร แต่เอาเข้าจริงๆ ดูเหมือนนิสัยแบบนั้น ก็จะกำเริบก็เฉพาะตอนที่มีผู้ชายเข้ามาเกี่ยวข้อง
เหมือนเราต้องการแค่อยากจะดูดีในสายตาของผู้ชาย ว่าตนเองเป็นผู้หญิงที่ไม่เรื่องมาก ง่ายๆ สบายๆ แต่นิสัยเดิมที่ชอบจิกกัดโน่นนั่นนี่ก็มักจะโผล่ออกมาเสียทุกที
“โอ้โห... วาลวิคลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ พวกเราแวะกันเถอะนะ น๊า....” สุดที่รักกรีดร้องออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นว่าร้านเสื้อผ้าที่ตนเองชอบติดป้ายลดราคา แบบกระหน่ำซัมเมอร์เซล
“ยัยรัก พวกเราเพิ่งจะบ่นแกไปหยกๆ สายตาแกนี่เป็นเหยี่ยวหรือไง มันก็ไม่ใช่ป้ายใหญ่โตอะไรขนาดนั้น แถมร้านก็อยู่อีกฝั่งตั้งไกล แกยังอุตส่าห์มองเห็นว่าลดเท่าไหร่อีกนะ” ลลิตาเพลียกับเพื่อนสาว ที่ดูเหมือนจะสตั๊นทันทีเมื่อเห็นป้ายลดราคา ราวกับผีดิบจีนโดนยันต์แปะหน้าผาก
“ก็จริง..ฉันก็คิดจะประหยัดเหมือนกันนะ เพราะมีของที่ฉันอยากได้ แต่ทว่า...”
“ไม่มีแต่ ไปตรงกลับบ้านได้แล้ว ฝนก็เหมือนจะตกด้วยนะวันนี้ กลับบ้านเย็นๆ แบบนี้เดี๋ยวคนที่บ้านก็แจ้งความว่าหายตัวหรอก”
“เอางั้นเหรอ..” สุดที่รักตีหน้าเศร้า พยายามคิดถึงของที่อยากจะได้ เพื่อสะกดตัวเองไม่ให้ใช้เงินมากไปกว่านี้ หญิงสาวเดินคอตกตามหลังเพื่อนๆ ไปสักพัก ก่อนที่จะยืดตัวตรงแล้วหันหลังวิ่งไปที่ร้านฝั่งตรงข้ามแบบเร็วจี๋ ปากก็ร้องบอกเพื่อนๆ ที่กำลังหันตามมามองอย่างตกตะลึง
“ทุกคนฉันขอโทษนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะต้องนอนตายตาไม่หลับแน่นอน”
“ฉันว่าแล้วเชียว...” ลลิตาเดาไม่ผิด เธอสงสัยนักเชียวทำไมเวลาซื้อฉลากกินแบ่งรัฐบาลไม่ถูกเหมือนแบบนี้บ้าง
“ตามไปห้ามไม่ให้นางซื้อของมากเกินจำเป็น เร็ว...”
ลลิตาและรจนาพากันวิ่งตามสุดที่รักเข้าร้านไปอย่างรวดเร็วเพื่อขัดขวางไม่ให้เธอซื้อของอะไรที่ไม่ได้ใช้ พูดง่ายๆ ก็คือนิสัยที่สุดทนของหญิงสาวก็คือ ชอบซื้อของตอนลดราคาแต่มันมักจะไม่ได้ใช้ และถูกเก็บไปจนกระทั้งลืมแล้วซื้อมาซ้ำอีกรอบ ทั้งที่ราคาแพงกว่าของเก่าที่มีอยู่
ก็นะ...สุดที่รักไม่มีแรงต้านทานต่อป้ายสีแดงๆ ที่สะกดด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษว่า เอส เอ แอล อี ได้จริงๆ มันเหมือนหน้ามืดและตัวเนื้อสั่นเทาถ้าไม่ได้เดินเข้าไป ทั้งๆ ที่เพื่อนๆ ก็เตือนแล้วเตือนอีก เพราะของในร้านที่เอามาลดก็ถือว่าเป็นล้างสต๊อก ที่แบบเลือกสีและไซส์ที่ตัวเองชอบไม่ได้ มันมักจะ...
“ทำไงดีๆ เสื้อตัวนี้มีแต่ไซส์แอลกับเอส จริงๆ ฉันพอจะยัดเบอร์เอสได้อยู่นะ แต่ดูสิหน้าอกของฉันสิมันไม่ยอมลดเพื่อให้ใส่เสื้อเบอร์เอสเลย ฉันควรตัดนมทิ้งดีไหม หรือจะเลือกเบอร์แอลแล้วรอให้มันหดมาเป็นเบอร์เอ็มดี ว้า...นี่มันตัดสินใจยากจริงๆ”
“โฮะ...ตัดนมทิ้ง มีแต่ผู้หญิงประหลาดแบบเธอนี่แหละ ที่อยากจะตัดนมทิ้งเพื่อจะใส่เสื้อเบอร์เอสได้ นี่ฉันคบกับเธอไปได้ยังไงกัน” ลลิตาพร่ำบ่นสุดที่รักที่เอาแต่คิดหนักกับสิ่งที่ดูจะไร้สาระเสียเหลือเกิน แต่กลับเป็นปัญหาระดับชาติสำหรับอีกฝ่าย เธอกลอกตาไปมาเหมือนจะหมดความอดทน แต่จริงๆ ก็แค่นึกหน่ายใจแทนเท่านั้น เพราะไม่ค่อยเข้าใจว่าคนเราจะซื้อของที่ใส่ไม่ได้ไปทำไม
“แกควรจะซื้อของที่แกเอาไปใส่ได้จริง ไม่ใช่ของสองชิ้นที่รอแกตัดนมทึ้งหรืออีกตัวที่รอมันหดมาเป็นเบอร์ที่เล็กกว่า จะบ้าหรือไง”
“นั้นฉันควรตัดใจใช่ไหม แต่ดูแบบมันสิ ตัดเย็บได้เนี๊ยบมากจริงๆ นะ ให้ตายสิ ถ้าฉันไม่ได้เสื้อแบบนี้กลับบ้านฉันจะต้องเสียใจไปจนตายแน่นอน” สุดที่รักหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ในทุกครั้งเธอก็จะพูดแบบนี้เสมอ แม้จะรู้ดีว่าไม่มีใครตายเพราะเสียใจที่ไม่ได้ซื้อเสื้อลดราคาหรอก แต่ก็อดไม่ได้ความอยากมันทำให้มือเธอสั่นระริก
“ตามใจแก ฉันเหนื่อยแล้ว ที่จะพยายามให้แกเห็นค่าของเงิน ก็แกมันเกิดมาบนกองเงินกองทอง เป็นคุณหนูที่ถูกตามใจมาเสียเคยตัวนี่นา อยากทำอะไรก็ทำเลย เอาเลย แกไม่มีวันสิ้นไร้ไม้ตอกอยู่แล้วนี่ ตอนนี้ฉันคงทำได้แค่สาปแช่งให้แกเจอคนดัดนิสัยแย่ๆ แบบนี้ของแกเสียที เจอมันวันนี้พรุ่งนี้เลย” ลลิตาโมโหหนัก เธอเป็นคนพูดจาตรงๆ แต่หลังจากพูดความรู้สึกจริงๆ ออกไปแล้วก็ไม่ได้เอามาคิดเล็กคิดน้อย เพราะความเป็นเพื่อนจึงเตือนอย่างจริงจัง หญิงสาวลุกหนีและเดินออกไปจากร้านทันทีเพราะเบื่อหน่าย
“ริต้า แกจะกลับแล้วเหรอ รัก..แกก็รีบๆ ไปจ่ายเงินแล้วตามที่ลานจอดรถแล้วกัน เดี๋ยวทางริต้าฉันจะจัดการเอง โอเคนะ” รจนาอาสาเป็นคนกลางทุกครั้งที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แม้รู้ดีกว่าไม่มีอะไรแต่ก็ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนต้องร้าวเหมือนแก้วบ่อยๆ
“อืม...ฉันขอโทษนะ” สุดที่รักรู้สึกผิดขึ้นมาเต็มเปา จึงวางเสื้อทั้งสองตัวนั้นลงตามเดิม แล้วเดินไปจ่ายเงินเสื้อผ้าที่เลือกเอาไว้ก่อนหน้านี้สองตัวเท่านั้น หญิงสาวถอนหายใจแล้วส่งบัตรเครดิตให้พนักงานอย่างเศร้าใจ
‘ทำยังไงฉันจะเลิกนิสัยแย่ๆ แบบนี้ได้เนี่ย ไปถ้ำกระบอกจะหายไหม’
“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าลูกค้า พอจะมีบัตรใบอื่นไหมคะ พอดีว่า...”
สุดที่รักเงยหน้ามองพนักงานร้านอย่างงุนงง
“มัน..รูดไม่ผ่านเหรอคะ เอ๋...ไม่น่าเป็นไปได้ นั้นลองใบนี้แทนแล้วกันค่ะ” สุดที่รักหยิบบัตรอีกใบให้ แต่ผลกลับเหมือนเดิมทุกอันจนบัตรเกือบห้าใบถูกรูดจนเกือบถลอก เธอเริ่มงงนิดๆ เลยถามราคา แล้วควักเงินสดที่เหลืออยู่นิดหน่อยในกระเป๋าให้ไปแทน และเดินออกมาอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับบัตรเครดิตของเธอ ในระหว่างที่เดินไปที่ลานจอดรถ
“รัก ทำอะไรอยู่น่ะ นานจริงๆ ริต้ามันมีงานด่วนเข้ามามันเลยขอกลับไปก่อน ไม่ต้องกังวลนะ ริต้ามันก็บ่นเพราะห่วงแกนั่นแหละ”
“อืม... แล้วแกล่ะจะกลับเลยไหม” สุดที่รักถามกลับแล้วเปลี่ยนมายิ้มให้รจนา
“ใช่ พอดีฉันมีนัดกับแฟนน่ะ เขาคงจะเลิกงานพอดี คือแกกลับบ้านคนเดียวได้ใช่ไหม ต้องให้ฉันนั่งไปเป็นเพื่อนก่อนหรือเปล่า เดี๋ยวฉันให้เขาไปรับฉันที่บ้านแกก็ได้นะ”
“ไม่ๆ ฉันโอเค แกไปเถอะเพื่อเขาจะมาถึงแล้ว เอาไว้เจอกัน” สุดที่รักรีบปฏิเสธ รจนาจึงบอกลาด้วยรอยยิ้มแล้วรีบจากไป หญิงสาวขึ้นรถยนต์สุดหรูราคาหลายล้านที่บิดาซื้อให้เป็นของขวัญตอนจบปริญญา มันมีค่าทางจิตใจมากกว่าจะเป็นแค่รถยนต์ยี่ห้อดังราคาแพงเท่านั้น
สุดที่รักขับรถออกมาจากห้างเพื่อกลับบ้าน ตามเส้นทางปกติที่เคยใช้แต่วันนี้รถติดจนเธอหงุดหงิด ที่ผ่านมาร่วมชั่วโมงแล้วแต่ยังไม่ถึงบ้านเสียที แถมตอนนี้ฝนก็ตกหนักอีกด้วย และอยู่ๆ รถยนต์ที่หญิงสาวขับมากลับถูกชนท้ายเข้าอย่างจัง อาจจะเพราะถนนลื่นและฝนตกหนักทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
“ตายแล้ว นี่มันอะไรกัน” สุดที่รักทั้งตกใจ ทั้งเป็นห่วงว่ารถยนต์ที่ตนเองรักจะเสียหาย จึงหยิบร่มที่อยู่เบาะหลังแล้วออกมาหาคู่กรณีที่ตอนนี้หน้าซีดเป็นไก่ต้ม หญิงสาวอยากจะโวยวายต่อว่าแต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายรีบมากจนเกิดอุบัติเหตุเพราะภรรยาที่กำลังท้องใกล้จะคลอด จึงได้แต่ยิ้มแล้วบอกว่าไม่เป็นไร เธอจะจัดการเรื่องซ่อมเอง แต่คู่กรณีเองก็ไม่ได้ละทิ้งความรับผิดชอบ ยื่นนามบัตรอู่รถที่รู้จักให้เป็นการตอบแทน พร้อมกับแนะนำเป็นอย่างดีว่า ที่นี่ไว้ใจได้และมีฝีมือในการซ่อมรถหรูมีระดับ
ความคิดเห็น