ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ที่รัก [ตีพิมพ์สำนักพิมพ์ Kiss ในเครือสื่อวรรณกรรม]

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 1 [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 22 มิ.ย. 57


    “ทำไม ไม่มีเงินล่ะสิ ทำมาเป็นกร่างว่าร่ำรวย เท่าไหร่ก็จ่าย มันทะแม่งๆ มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว คราวนี้ผมสินะที่จะเป็นฝ่ายแจ้งความ” หม่อมหลวงพระพาย แสร้งทำท่าทีข่มขู่ทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูท่าจะไม่มีปัญญาจ่ายเงินให้เขาได้อย่างที่โอ้อวดเอาไว้

    “ไม่ใช่แบบนั้นนะ ปกติฉันไม่ค่อยได้พกเงินสดต่างหากล่ะ” สุดที่รักหน้าซีดแต่ก็เถียงคอเป็นเอ็น เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าบัตรเครดิตหลายต่อหลายใบที่อยู่ในกระเป๋ามัน...

    “รูดไม่ผ่านแน่ๆ ไม่มีจ่ายก็ไปๆ ซะเถอะ”

    หม่อมหลวงพระพายเดินหนีอีกครั้ง โดยคราวนี้เขาเปิดประตูห้องกระจกที่ทำเป็นสำนักงานส่วนตัวด้านใน โดยไม่สนใจว่าคนข้างนอกจะเป็นอย่างไร เพราะต่อให้เธอกำลังจะกระทืบเท้าจนส้นหักก็ไม่ใช่เรื่องของเขา แต่ชายหนุ่มก็อดจะเหลือบมองไปที่ประตูไม่ได้ ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเมื่อนึกขึ้นได้อีกครั้ง

    “เฮ้อ... ผู้หญิง”

    ไม่รู้ทำไมเขาถึงต้องรู้สึกหงุดหงิดขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง แต่มีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่า การพบกันครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ชีวิตที่เคยสงบสุขของหม่อมหลวงพระพายจะเปลี่ยนไป ลางสังหรณ์มันบอกเช่นนั้นจริงๆ หนังตาข้างขวามันกระตุกจนต้องใช้ฝ่ามือตบมันเสียหนึ่งที

    “เป็นเงิน เป็นทอง” หม่อมหลวงพระพายท่องๆ ประโยคที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก ก่อนจะคิดอย่างหงุดหงิดว่า แบบนี้จะไม่เรียกว่าซวยเพราะเจอกับผู้หญิงคนนั้นได้ยังไง ขออย่าให้ต้องเจอกันอีกเลย สาธุ

     

    *//////*

     

                “ฮะ...ฮ้าดเช้ยยย” สุดที่รักจามอย่างแรง โดยไม่ทันได้ยกมือปิดปากก่อน เธอบ่นต่อทันทีว่า “คิดแล้วก็โมโห ผู้ชายอะไรอย่างนี้นะ บ้าที่สุด คอยดูนะให้เรากลับไปถึงบ้านก่อนเถอะ แม่จะเบิกเงินสดคุณพ่อไปปาใส่ร้านเอาให้หน้าหงายไปเลย” หญิงสาวพูดด้วยอารมณ์ล้วนๆ เพราะเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่คิดจะว่าจะทำอย่างที่ได้พูดไป ขอให้แค่ได้ระบายความโกรธที่โดนดูถูกก็เท่านั้น

                สุดที่รักขับรถกลับบ้านอย่างปลอดภัยและเครื่องยนต์ก็ไม่มีปัญหาติดขัดอะไรอีก จนมาถึงหน้าบ้านรออยู่สักพักก็ไม่มีคนมาเปิดให้ เธอก็ยิ่งรู้สึกถึงความผิดปรกติ คราวนี้จึงเปลี่ยนมาบีบแตรสองสามครั้ง ก็ยังไม่เห็นคนรับใช้หรือคนในบ้านสักคน หญิงสาวจึงลงจากรถแล้วตัดสินใจเปิดประตูรั้วเสียเอง

                หลังจากขับรถเข้ามาถึงในบ้านได้สำเร็จ สุดที่รักก็ลงจากรถแล้วรีบเข้าไปในบ้านทันที ปากก็ร้องเรียกแม่บ้านที่เลี้ยงดูแลตัวเองมาตั้งแต่เกิด

                “แม่น้อยคะ แม่น้อยทุกคนหายไปไหนกันหมดคะ ส้ม อี๊ด แจ๋ว ชาติ ทุกคนหายไปไหนกันหมด ทำไมบ้านเงียบขนาดนี้ล่ะ” สุดที่รักเดินตามหาคนในบ้าน แต่ไม่ว่าห้องไหนก็ไม่มีคนอยู่เลย จนเดินไปถึงห้องทำงานของบิดา เห็นประตูแง้มอยู่ พร้อมกับแสงไฟด้านใน จึงเกิดความสงสัย

    “คุณพ่อ กลับมาแล้วเหรอคะ”

    ปรกติแล้วบิดางานยุ่งมาก แทบไม่มีเวลากลับบ้าน บางทีก็ไปต่างประเทศทีละหลายๆ วัน แม้สุดที่รักจะเป็นลูกสาวคนเดียวก็แทบไม่เคยได้เห็นหน้าเกินสองวันต่ออาทิตย์ด้วยซ้ำ หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปข้างในทันที

    “คุณพ่อคะ...” สุดที่รักเรียกอีกที เมื่อเห็นบิดาไม่ได้ตอบกลับอะไรมา เอาแต่นั่งก้มหน้า เธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่เลวร้ายเกิดขึ้น ยิ่งเข้าไปใกล้เท่าไหร่ หัวใจของหญิงสาวก็เหมือนจะบีบรัดมากขึ้น สองเท้าที่เดินไปเหมือนกับมีเหล็กตอกตรึงเอาไว้ให้อยู่กับที่

    น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มโดยที่สุดที่รักไม่ได้รู้ตัว และเมื่อเข้าไปใกล้มากพอจนเริ่มเห็นคราบเลือดที่สาดกระเซ็นอยู่บริเวณรอบๆ และปืนที่ร่วงอยู่บนพื้นข้างเก้าอี้ เพียงเท่านั้นสุดที่รักก็โผเข้าหาบิดาด้วยเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายที่มีอยู่ หญิงสาวกอดท่านจนแน่น เสียงร้องไห้ดังลึกเข้าไปในจิตใจ

    “คุณพ่อ คุณพ่อคะ ทำไมถึงทำแบบนี้ อย่าทิ้งที่รักไปนะคะ”

    สุดที่รักร้องไห้โฮ ในห้องที่เงียบสงบนั้นไม่มีเสียงอื่นใด นอกเสียจากเสียงคร่ำครวญ เสียใจต่อการกระทำของนายสาธิตผู้เป็นบิดา หญิงสาวกอดร่างของท่านอยู่แบบนั้นนานเป็นชั่วโมง จนเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมง เธอแทบไม่เหลือสติเพื่อทำการใด ไม่มีเวลามองว่าตอนนี้กำลังมีหลายต่อหลายคนวิ่งตะโกนร้องเข้ามาในห้องด้วยความตกใจ จมอยู่กับความเสียใจ ความสูญเสียที่ไม่ทันจะได้คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง

    “คุณหนู คุณหนูคะ เกิดอะไรขึ้นคุณท่านทำไมถึงเป็นแบบนี้” น้อยแม่บ้านคนเก่าคนแก่ วิ่งเข้ามาในห้องคนแรก แม้ว่าอายุจะล่วงเลยมาถึงหกสิบปีแล้วก็ตาม เหมือนคนโบราณที่กล่าวว่าเวลาที่เราตื่นตระหนกตกใจ เรามักจะลืมสังขารไปชั่วคราวเสมอ

    “คุณท่าน...” เด็กรับใช้และคนขับรถที่ถูกสั่งให้ออกไปข้างนอก กลับเข้ามาด้วยความตกตะลึง เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าเจ้านายจะปลิดชีวิตตัวเองลงเพียงลำพัง

    ในตอนนั้นฝนที่หยุดไปแล้ว กลับร่วงหล่นลงมาราวกับฟ้าถล่ม ในห้องมีแต่เสียงร้องไห้ กับการจากไปของเจ้านาย และบิดาผู้เป็นที่เป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวของสุดที่รัก เสาหลักของบ้านได้มาจากไปจากการฆ่าตัวตาย ไม่มีใครรู้สาเหตุ ไม่มีใครมีลางสังหรณ์ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น

    แต่กระดาษหนึ่งใบที่ถูกเขียนด้วยลายมือแสนบรรจง ได้อธิบายทุกอย่างเอาไว้ทั้งหมดแล้ว กระดาษบางส่วนเปื้อนหยดเลือดที่กระเด็นมา หากในเวลานั้นยังไม่มีใครได้ทันสนใจ เมื่อตำรวจมาถึงสุดที่รักถูกกันออกไปจากที่เกิดเหตุ หญิงสาวคร่ำครวญแทบขาดใจแม้ว่าจะไม่มีเสียงร้องไห้แล้วก็ตามที

    “คะ...คุณพ่อ ปล่อยที่รักนะ แม่น้อย ที่รักจะไปหาคุณพ่อ ที่รักไม่เชื่อหรอกว่านี่จะเป็นเรื่องจริง คุณพ่อก็แค่ล้อที่รักเล่นเท่านั้น คุณพ่อคะ ฮือ....”

    “คุณหนูค่ะ อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ คุณท่านจะยิ่งเป็นห่วงนะคะ”

    “เป็นห่วงแล้วทำไมทิ้งที่รักไปล่ะคะ”

    “โธ่ คุณหนู...” น้อยโอบกอดสุดที่รักไว้ด้วยความห่วงใย เธอหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความสงสาร ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมาเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้

    สุดที่รักก็ไม่เคยคิดเช่นกัน ตลอดชีวิตที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ลืมตาดูโลก แม้มารดาของหญิงสาวจะเสียชีวิตไปทันทีหลังจากคลอดบุตรก็ตาม แต่เธอก็ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตมาด้วยความรัก ความเอาใจใส่ ความสุขสบาย แม้บิดาจะไม่ค่อยว่างงานแต่ก็ใจดีกับเธอเสมอ ที่บ้านมีทั้งแม่บ้าน คนรับใช้ที่เปรียบเสมือนครอบครัว เพราะอยู่ด้วยกันมาเนิ่นนาน

    เสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น ดูเหมือนว่าจะมาจากมือถือของบิดาที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน ข้างๆ จดหมายลาตาย ตำรวจหยิบมาให้สุดที่รักที่นั่งทิ้งตัวอยู่ตรงหน้าประตู หญิงสาวรับมาอย่างไร้ความรู้สึก เหมือนแค่เพราะมีใครยื่นอะไรให้ก็ยื่นมืออกไปรับ เสียงที่ได้ยินผ่านสายนั้น มีเพียงเสียงนุ่มนวลและอ่อนโยน ปลอบใจ แต่ตอนสุดท้ายจับใจความได้เพียงว่า

    “คุณพ่อของหนู ฝากฝังหนูเอาไว้กับป้า มาอยู่กับป้าที่ วังรัศมีนะลูก”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×