คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 [20%]
ที่รัก
ตอนที่ 1
บรรยากาศในร้านกาแฟชื่อดังเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของแก๊งสาวๆ ที่จับกลุ่มคุยกันอย่างออกรสออกชาติ เป็นธรรมดาของผู้หญิงทั่วไปที่มีโอกาสได้พบปะสังสรรค์เมื่อไหร่ ก็จะมีเรื่องนั้นเรื่องนี้เข้ามาไม่หยุด ถึงแม้จะนั่งอยู่ในร้านมาถึงสามชั่วโมงแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนที่เรื่องที่อยากพูดจะมีเยอะเสียจนยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ไม่น่าจะเพียงพอ
เสียงเขย่าแก้วกาแฟดังขึ้นหลังจากการพูดอย่างยาวนาน จนแทบไม่หยุดหายใจของ สุดที่รัก ลูกคุณหนูจากตระกูลดังที่มีหน้ามีตาในสังคมไฮโซของเมืองไทย ยกแก้วที่เหลือแต่น้ำแข็งขึ้นดูดอีกครั้ง ก่อนจะวางลงแล้วขยับปากจะพูดอีก แต่ถูกเพื่อนสาวคนสนิทขัดขึ้นเสียก่อน
“นี่แกไม่เหนื่อยบ้างหรือไง ตั้งแต่ฉันหย่อนก้นลงนั่งแกก็พูดๆ ไม่หยุด นานๆ ทีได้เจอกันหรือยังไง ถึงคิวถ่ายละคร ถ่ายแบบฉันจะเยอะแค่ไหน แต่ก็ไม่ถึงกับไม่ได้เจอหน้าพวกแกเกินสองอาทิตย์นะ นี่พวกแกชวนฉันเม้าท์ตั้งสามชั่วโมงแล้วนะ น่าเบื่อจะตาย หาอะไรอย่างอื่นทำกันเถอะ” ลลิตา ดาราสาวชื่อดังที่มากด้วยความสวย ความสามารถและความมั่นใจในแบบของเธอเองพูดขัดทุกคนขึ้นเสียก่อนที่จะไม่ได้ทำอะไรตลอดทั้งวันนอกจากนั่งคุยไร้สาระจนกระทั่งหมดวัน
“ช้อปปิ้งไหมล่ะ ร้านที่แกชอบเซลล์อยู่นะแก ลดห้าสิปเปอร์เซ็นต์เกือบทั้งร้าน” รจนา เพื่อนสาวอีกคนออกความคิด ในขณะที่สาวิตรีเพื่อนอีกคนก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ฮ้า อะไรนะ...ของเซลล์ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เรารีบไปกันเถอะ เดี๋ยวของดีๆ ก็ถูกแย่งไปหมดหรอก” สุดที่รักตื่นเต้นราวกับได้ยินคำว่า ‘แจกฟรี’ ผู้หญิงกับการซื้อของลดราคาเป็นของคู่กัน ยิ่งถ้าได้ของดีและถูกด้วยก็เทียบได้กับการขึ้นสวรรค์เลยทีเดียว
“แกจะช้อปอะไรนักหนา ยัยรัก แกคิดดูเมื่อวานโทรมาบอกว่าแกเหมากระเป๋าลดราคาที่ร้านโปรดไปเกือบสิบใบแล้วไม่ใช่หรือไง อยากจะรู้ว่าแกจะเอาเวลาไหนไปใช้นักหนา งานการก็ไม่ทำดีแต่ผลาญเงินคุณพ่อแกไปวันๆ แกควรลองหางานทำบ้างนะจะได้รู้จักคุณค่าของเงินเสียบ้าง” ดาราสาวจอมเฮี้ยบดุเพื่อนอย่างตรงไปตรงมา สุดที่รักต่างจากเธอ ที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง แต่หญิงสาวต้องทำงานหนักมาตั้งแต่เด็กๆ กว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นดาราดัง จึงเห็นค่าของเงินมากกว่าลุกคุณหนูซึ่งมีแต่คนประเคนทุกอย่างให้เหมือนอีกฝ่าย
“แก...ฉันเครียด ก็ต้องช้อปแก้เครียดกันบ้างสิ ไม่เห็นจะแปลก” สุดที่รักหาข้ออ้างทันควัน จริงอยู่ว่านิสัยช่างช้อปของเธอแก้ไม่หาย แต่ก็พยายามจะไม่ช้อปเกินกว่าเงินที่ได้มาแต่ละเดือน และเพราะเธอไม่ได้ทำงาน แถมแฟนก็ไม่มี การช้อปปิ้งคือการระบายความเครียด ที่เกิดจากความเหงาได้เป็นอย่างดี
“เครียด แกเครียดอะไรยะ ฉันล่ะอยากจะรู้จริงๆ เชียว” เพื่อนๆ แหวใส่ทันที เมื่อได้ยินเพราะไม่รู้จริงๆ ว่าสุดที่รักต้องเครียดอะไร ในเมื่อชีวิตไม่ต้องทำอะไรสักอย่าง เนื่องจากมีคนประเคนและเอาอกเอาใจอยู่เสมอ แล้วจะเครียดเรื่องอะไร
“เครียดสิ ฉันเป็นลูกสาวคนเดียว ไม่มีพี่น้อง เพื่อนฝูงก็มีงานมีการดีๆ ทำกันหมด แถมยังยุ่งจนแทบไม่มีเวลาว่างมาเจอกัน แบบนี้ไม่เครียดเหรอ ฉันเครียดนะ ฉันควรช้อปปิ้งจะได้หายเครียดยังไงล่ะ” สุดที่รักพูดอย่างเศร้าๆ ยิ่งเมื่อคิดไปถึงคนรักเหมือนอย่างที่คนอื่นๆ มีก็ยิ่งเศร้ากว่าเดิม
“ก็หาแฟนสักคนสิ เอาแบบที่ดีกว่าไอ้คนก่อน แกจะได้เลิกเครียด เลิกช้อปแล้วเอาเวลาไปเครียดกับแฟนแกแทนไง” รจนาเสนอทางเลือกที่ดูจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้วในสถานการณ์นี้ แต่ดูเหมือนเธอเพิ่งจะพ่นคำหยาบคายออกมา
“มันจะเครียดมากกว่าเดิมน่ะสิ คนที่มาชอบยัยรักไม่เลวจนสุดขั้วก็บ้าจนสุดขีด ใครมันจะไปทนนิสัยของยัยนี่ได้นอกเสียจากคนที่มันจะมาปอกลอกนางน่ะ ใช้หัวคิดบ้างสิยะ”
จริงอย่างที่ลลิตาพูดทุกประการ ผู้ชายคนก่อนๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของสุดที่รัก ต่างเข้ามาเพราะหวังเงินทอง หรือไม่ก็รักเธอจริงแต่ทนกับนิสัยของหญิงสาวไม่ไหว ต่างก็เลิกไปในที่สุด
สุดที่รักนิสัยเลวร้ายถึงขนาดผู้ชายรับไม่ไหวขนาดนั้นเชียวหรือ เธอเฝ้าคิดมาตลอด ถ้าคิดอย่างเข้าข้างตัวเอง หญิงสาวก็แค่ต้องการความรัก การเอาใจใส่ เรียกร้องมากเกินไปตรงไหนกัน
“ใช่ เพราะแกชอบให้โลกหมุนรอบตัวแก นั่นน่ะแหละที่มากเกินไป” ราวกับลลิตาอ่านใจเพื่อนสาวออก จึงขัดความคิดขึ้นมาอย่างทันท่วงที
“แกคืออาร์ตตัวแม่อย่างที่พี่โน้ตพูดทุกอย่าง เต็มไปด้วยจินตนาการ อยู่เหนือเหตุและผล อีกทั้งไม่ต้องการการเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น”
เสียงหัวเราะดังสนั่นรอบโต๊ะทันที เมื่อลลิตาพูดจบ เพราะเพื่อนสาวนิสัยเหมือนอย่างแก๊งสาวๆ ได้ไปฟังจากการแสดงสดมาทุกประการ จนนึกสงสัยว่าเขาแอบมาตั้งกล้องที่บ้านของสุดที่รักหรือไม่ จึงได้รู้ลึกซึ้งขนาดนั้น ยกตัวอย่างแค่การนัดทานข้าวครั้งแรกของคู่เดท ซึ่งกลายเป็นครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองได้เจอหน้ากัน เพราะคำถามที่ว่า...
‘กินอะไรดีครับ’
แล้วสุดที่รักก็ตอบอย่างเบสิคว่า
‘อะไรก็ได้ ง่ายๆ สบายๆ’
‘นั่นไปกินอาหารฝรั่งเศสกันนะครับ ตับฟัวกราที่โรงแรมของผมอร่อยและเชฟก็มีชื่อเสียงมาก’
‘ตับเป็ดเหรอคะ รักไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ อีกอย่างมันไม่ดูว่าจะอิ่มท้องเลยค่ะ แค่ดูสวยงามเท่านั้น รักไม่เข้าใจเลยทำไมถึงชอบกินกันนัก ขอเป็นอย่างอื่นเถอะค่ะ’
‘อ่า..อย่างนั้นเหรอครับนั้นเป็นอาหารไทยชาววังดีไหมครับ’
‘อาหารไทยชาววัง...ไม่รู้สิ ไม่คิดว่ามันง่ายไปหน่อยเหรอ รักว่า...’
ในที่สุดก็กลับจบลงด้วยการบ่นทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้ชายเสนอมา เมื่อหมดความอดทนของฝ่ายชาย แล้วเขาก็ทวนคำถามเดิมอีกครั้ง ก่อนที่สุดที่รักจะยิ้มหวานสวยๆ แต่ตอบด้วยคำตอบเดิม จนผู้ชายคนนั้นลุกออกจากโต๊ะแล้วหายไปจากชีวิตเธอตลอดกาล
“อย่าขุดเรื่องนี้มาพูดสิ เลิกๆ ไม่ช้อปปิ้งก็ได้ เริ่มหิวแล้วล่ะ กินแต่กาแฟ ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ไปกินข้าวกันเถอะนะทุกคน” สุดที่รักชวนเปลี่ยนเรื่องทันที เพราะไม่อยากจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่ไม่ประสบความสำเร็จของตัวเองให้รู้สึกอับอาย
“ได้ๆ นั้นจะกินอะไรล่ะ...” ลลิตาหลุดพูดคำต้องห้ามของแก๊งออกมา ก่อนที่ทุกคนจะหันมาคาดโทษเธออย่างรุนแรง ราวกับเธอเพิ่งจะบอกว่า วันสิ้นโลกได้มาถึงแล้ว หญิงสาวรีบเอามือปิดปากทันที แต่เหมือนว่าจะสายเกินไปเพราะสุดที่รักเอ่ยปากขึ้นมาว่า
“อะไรก็ได้ ง่ายๆ สบายๆ”
ทุกคนพากันหันมามองเป็นตาเดียว และพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า
“เหรออออออออ”
สุดที่รักลืมไปเสียสนิทว่า ประโยคนี้เธอถูกห้ามพูดอย่างเด็ดขาด ก่อนที่เธอจะรู้สึกผิดและทำหน้าเศร้าขอโทษทุกคน เธอไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ แบบนี้ไปเพราะการเอาแต่ใจตัวเอง จนลืมคิดถึงความต้องการและความอดทนของคนอื่น
ความคิดเห็น