ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - AF8 - | 'อมยิ้ม' [TaoKacha] Short Fiction

    ลำดับตอนที่ #7 : 'Valentine {end}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.3K
      0
      12 ก.พ. 55

    Free theme by Tem*


    'Valentine





                 ผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ไปมาที่หน้าห้องเรียนของผม ตอนนี้เป็นเวลาเช้าก่อนเข้าเรียนของวันอังคารที่ 14

    กุมภาพันธ์ .. ครับ วันนี้วันวาเลนไทน์

     

     

     

     

                    แล้วที่มีคนเยอะแยะมากมายนี่ก็ไม่ใช่อะไร ... พวกเขาคือ เต๋าเอฟซี

     

     

     

     

                    ก็ถ้าเต๋ามันจะป๊อปได้ขนาดนี้ ... รุ่นน้องเดินเอาของมาให้ไม่ขาด ผมก็เป็นเบ๊ช่วยมันถือของอยู่นี่แหละครับ เต็ม

    ไม้เต็มมือไปหมด ทั้งช็อคโกแลต ดอกไม้ การ์ด ตุ๊กตา และอะไรต่อมิอะไรอีกสารพัดที่น้องๆ เขาสรรหามาให้

     

     

     

     

                    เต๋าเองก็ยืนยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ครับ ครับ ครับ ทำตัวเป็นเซเลบยิ่งกว่าศิลปินเอเอฟอีก! ... เราสองคนยืนอย่างนี้มาเกือบ

    ชั่วโมงแล้วแหละครับ

     

     

     

     

                    แต่ของขวัญของผมนี่สิ...ผมยังไม่ได้ให้เต๋าเลย

     

     

     

     

                    ผมไม่รู้ว่าจะให้ยังไง จะให้ตอนไหน จะพูดอะไร ... และจะบอกเต๋ายังไง

     

     

     

     

                    จริงๆ เมื่อคืนผมก็นอนคิดมาทั้งคืน แต่มันก็ยังคิดไม่ออกเสียที เฟรมบอกว่า ไม่ต้องคิดอะไรมาก เมื่อถึงเวลา

    ความรู้สึกนั่นแหละจะทำให้พูดทั้งหมดได้เอง

     

     

     

     

                    แต่ตอนนี้ ผมเริ่มไม่มั่นใจแล้ว ว่าผมจะพูดได้จริงหรือเปล่า ยิ่งผมเห็นมีคนชอบเต๋ามากขนาดนี้ ผมก็ยิ่งหวั่น

    ใจ ... ผมมีค่าพอจะรักเต๋าได้หรือเปล่า?

     

     

     

     

                    ผมไม่มีอะไรเทียบกับผู้หญิงพวกนั้นได้เลย ... ไม่สวย ไม่น่ารัก เอาใจไม่เก่ง แถมยังงี่เง่า ไม่ได้มีอะไรที่เต๋าจะ

    ชอบผมได้เลย ...ผมเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่ง ที่ไปหลงรักเขา ก็แค่นั้นเอง

     

     

     

     

                    เต๋ายังคงยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง ส่งของมาให้ผมเรื่อยๆ เต๋าหันมาทำปากงุบงิบอะไรสักอย่างพร้อมบุ้ยปากไปที่

    กล่องขนมที่ผมถืออยู่ ผมจับใจความได้ว่า “กินได้นะ” ... มันเป็นช็อคโกแลตยี่ห้อโปรดของผม ผมยิ้มให้เต๋าทีหนึ่ง แต่ก็ไม่

    ได้กินหรอก ถือของเต็มมือขนาดนี้จะไปแกะกินได้ยังไง

     

     

     

                      

                    อันที่จริงก็ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอกนะที่ถือของเยอะแยะ เพราะเต๋าเองก็ถือเยอะอยู่เหมือนกัน แต่เต๋ายังคง

    ต้องรับของอยู่เรื่อยๆ ก็เลยต้องให้ผมมาช่วยถือด้วย

     

     

     

     

                    ผมก้มมองของทั้งหมดในมือตัวเอง รวมทั้งที่มือเต๋า ... ของขวัญของผมจะเป็นชิ้นสุดท้ายของวันนี้ ...

     

     

     

     

                    มีน้องคนหนึ่งเดินมาทางห้องของเรา พร้อมถือดอกกุหลาบมา และถ้าผมมองไม่ผิด ... น้องคนนี้ก็คือแฟนเก่า

    เต๋าคนนั้นนั่นเอง ... แต่ผมรู้สึกว่าตาผมมันเริ่มมัวๆ ภาพข้างหน้าดูเลือนๆ แต่ผมยังพยายามเพ่งมองไปที่เต๋า และเงี่ยหู

    ฟังว่าเต๋าคุยอะไรกับน้อง แต่ผมรู้สึกหูอื้อ ผมไม่ได้ยิน และภาพก็มัวลงทุกทีๆ ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ... ผมรู้สึกตัวว่า

    เปล่งเสียงเรียกเต๋า แต่เต๋าไม่หันกลับมา ผมรู้สึกว่าเต๋าจะยังคุยอะไรสักอย่างกับแฟนเก่าคนนั้น ผมเวียนหัว ผมใกล้

    หมดแรง ผมเรียกเต๋าหลายครั้ง แต่เหมือนเต๋าจะไม่ได้ยิน ไม่รู้ว่าเพราะเสียงของผมมันเบาเกินไป หรือเพราะเต๋าไม่ได้ฟัง
    ผมเรียกเต๋าอีกครั้ง ... ก่อนที่ผมจะไม่รู้สึกตัวอีกเลย

     

     

     

     

     

                    ผมรู้สึกว่ากว่าจะยกเปลือกตาขึ้นได้มันยากเหลือเกิน ผมรู้สึกหนักอึ้งที่หัว ผมได้ยินเสียงแว่วๆ ของใครบางคน

     

     

     

                    “พี่คชา ได้ยินผมไหม?” ผมพยายามพยักหน้าให้คนพูดรู้ว่าผมได้ยิน ผมยังไม่เห็นหน้า แต่ผมรู้ว่าเฟรมอยู่ตรงนี้

    เสียงน้องมันดูเป็นห่วงผมมาก ผมพยาพยามลืมตาอีกครั้งจนสำเร็จ ผมกวาดสายตาไปรอบๆ ผมนอนอยู่ในห้อง

    พยาบาล

     

     

     

                    “เฟรม” ผมเห็นหน้าน้องมันชัดแล้ว หน้าตามันดูกังวลมากเชียว

     

     

     

                    “เป็นไงบ้างพี่” ผมเพิ่งเห็นว่ามันเอายาดมออกจากจมูกผมและวางสมุดที่ใช้พัดผมลงข้างๆ ตัว

     

     

     

                    “เวียนหัวนิดหน่อยว่ะ” ผมจะยันตัวขึ้นนั่งแต่มันก็เวียนหัวจริงๆ จนเกือบทรุดลงไป เฟรมเข้ามาประคองผมไว้

     

     

     

                    “กินน้ำก่อนพี่” เฟรมยื่นแก้วน้ำแดงมาให้ผม ผมดูดไปนิดหนึ่งแล้วเอาหลอดออก

     

     

     

                    “พี่เป็นไรไปวะ”

     

     

     

                    “พี่คชาเป็นลมอะ แบบไม่รู้สึกตัวเลย เค้าตกใจกันแทบแย่” ผมพยักหน้าช้าๆ พยายามนึกถึงเหตุการณ์ ... ใช่ ...

    เต๋ากำลังคุยกับน้องคนนั้น

     

     

     

                    “แล้วเต๋าล่ะ” ผมดูงี่เง่าเข้าข้างตัวเองไปรึเปล่า ถ้าจะคิดว่าในสถานการณ์แบบนี้เต๋าต้องเป็นคนที่อยู่ข้างๆ ผม

    สิ ... ก็ทุกครั้งจะต้องเป็นเต๋าไม่ใช่เหรอที่อยู่กับคชา ... เฟรมมันก้มหน้าเงียบ จนผมต้องเรียกชื่อมันด้วยเสียงเย็นๆ

     

     

     

                    “พี่เต๋าเค้าก็เรียนอยู่อะแหละพี่” เรียน...แล้วไม่เป็นห่วงผมบ้างเหรอ?

     

     

     

                    “พี่จะขึ้นไปเรียน” ผมพูดเสียงเรียบ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นจนเฟรมต้องรีบเข้ามาจับอีกรอบ

     

     

     

                    “ไหวเหรอพี่”

     

     

     

                    “ไหวดิ เป็นลมเพราะไม่ได้กินข้าวเช้า ไม่ได้นอน ไม่ได้เป็นไรมากหรอก” ผมลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้อง

    พยาบาลเพื่อขึ้นมาที่ห้องเรียน เฟรมวิ่งตามออกมาและเดินมาส่งผมถึงห้อง

     

     

     

     

                    ผมนั่งเรียนโดยไม่พูดไม่จากับใครจนกระทั่งพักเที่ยง ผมลุกขึ้นจะเดินไปกินข้าวโดยไม่รอเต๋า ... ผมแค่รู้สึก

    แย่ ... ผมรู้ว่าตัวเองมันงี่เง่านะ แอบรักเขาแต่ก็ยังต้องการให้เขามาสนใจแบบนี้ แต่ความรู้สึกผมมันก็เป็นแบบนี้เอง ผมก็

    ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกัน

     

     

     

     

                    “คชา” เต๋าเดินเกือบวิ่งตามผมออกมานอกห้อง ผมหันกลับไปมองแต่ไม่พูดอะไร

     

     

     

     

                    “เป็นยังไงบ้าง” ผมไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ที่ทั้งน้ำเสียงและสายตาของเขามันดูเป็นห่วงผมไม่น้อยไปกว่า

    เฟรมเลย บางทีอาจจะมากกว่าเฟรมด้วยซ้ำ

     

     

     

     

                    “ไม่เป็นไร” ผมหันกลับมาและจะเดินต่อ แต่เต๋าจับมือผมไว้ แล้วถามผมต่อทั้งๆ ที่ผมไม่ได้หันกลับไปมอง

    หน้าเขาเลย

     

     

     

     

                    “แน่ใจนะ ไม่ได้เป็นอะไรแน่นะ” ผมพยักหน้า เราสองคนยืนนิ่งกันอยู่อย่างนั้นพักหนึ่ง ไม่มีใครพูดอะไร มันน่า

    อึดอัดจนกระทั่งผมต้องพูดก่อน

     

     

     

     

                    “ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ไปกินข้าวกันเหอะ” เต๋าปล่อยมือออกจากมือผมแล้วเราสองคนก็เดินลงมากินข้าวด้วยกัน

     

     

     

     

                    เราสองคนนั่งกันอยู่ที่โต๊ะประจำโต๊ะเดิม ไม่ได้พูดอะไรกันระหว่างกินข้าว ผมไม่รู้ว่ายังน้อยใจเต๋าอยู่รึเปล่า

    หรือว่ามันหายตั้งแต่คำถามแรกของเต๋าแล้ว แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเต๋าคิดอะไรอยู่ เต๋าเองก็ไม่พูดไม่จาเหมือนกัน ... เรากินข้าว

    กันเงียบๆ แบบนั้น จนกระทั่งเต๋าพูดอะไรบางอย่างออกมา

     

     

     

     

                    “ขอโทษนะชา” ขอโทษ? ผมเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวไปมองหน้าเต๋าชัดๆ เต๋าแทบไม่ได้กินข้าวเลย คงจะนั่ง

    เขี่ยๆ อยู่แบบนั้น

     

     

     

     

                    “ขอโทษชาเรื่องอะไร”

     

     

     

     

                    “ขอโทษทุกเรื่อง ขอโทษที่ให้ชามาช่วยถือของจนเป็นลม ขอโทษที่ไม่ได้ไปอยู่ด้วยที่ห้องพยาบาล ขอโทษที่ทำให้

    ชาโกรธ ขอโทษที่ไม่หันไปตอนที่ชาเรียก ขอโทษ เต๋าขอโทษ”

     

     

     

     

                    “เต๋า...” เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกตรงอก ไม่รู้เพราะอะไร และพูดอะไรไม่ออกมากไปกว่านี้อีกแล้ว

     

     

     

                    “เต๋าขอโทษจริงๆ นะ เต๋าผิดเอง ที่เต๋าไม่หันไปเพราะไม่รู้ว่าชาเรียกทำไม ที่เต๋าไม่ได้ไปอยู่ด้วยเพราะเต๋ามาส่ง

    งานของชาแล้วก็ทำงานให้ชา ต่อไปนี้จะไม่ทำอย่างนี้อีกนะ ต่อไปนี้ถ้าชาเรียกเต๋าจะหันไป ต่อไปนี้เต๋าจะอยู่กับชานะ

    อย่าโกรธเต๋านะ” ทำไมน้ำตาผมถึงได้คลอ ผมไม่ได้เสียใจแต่ทำไมจะต้องร้องไห้ ผมไม่ควรคิดอย่างนั้น ผมไม่ควรน้อยใจ

    ที่เต๋าไม่ได้อยู่กับผม ผมรู้แล้ว ... รู้แล้วว่าเต๋าก็เป็นห่วงผมเหมือนกัน

     

     

     

     

                    “ชาไม่โกรธ ไม่โกรธเต๋าเลย” ผมกระพริบตาไล่น้ำตา แล้วยิ้มให้เต๋า เต๋าเองก็ยิ้มตอบผม

     

     

     

     

                    “แล้วทำไมเมื่อกี๊ไม่คุยกัน หืม?”

     

     

     

     

                    “ก็...ช่างเหอะน่า” จะให้บอกเหรอครับว่าน้อยใจที่เต๋าไม่อยู่ด้วย ผมก็อายนะ

     

     

     

     

                    ข้าวที่เหลืออีกครึ่งจานของผมกับค่อนจานของเต๋าอร่อยขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ เรากินข้าวกันด้วยรอยยิ้มเหมือน

    ทุกๆ วัน แต่ที่ต่างไปอาจจะเป็นเพราะมีทั้งขนมหวาน ทั้งช็อคโกแลตมากินหลังอาหารด้วยนี่สิ

     

     

     

                    ผมไม่สนใจแล้วว่าใครจะให้อะไรเต๋ามาบ้าง ... แต่อย่างน้อย ผมก็เป็นคนสำคัญของเต๋าเหมือนกันนะ

     

     

     

     

                    เลิกเรียนแล้ว... เพื่อนๆ ทยอยกันกลับบ้าน ... ได้เวลาแล้วสินะ

     

     

     

     

                    ผมจะให้ของขวัญเต๋าแล้วนะครับ!

     

     

     

     

                    ตอนนี้เหลือแค่ผมกับเต๋าในห้อง ... จริงๆ แล้วยังมีเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งยังไม่กลับบ้าน แต่เจ้าเฟรมใช้กลอุบายให้

    เพื่อนตัวเองมาล่อเพื่อนผมออกไปแล้ว ทั้งสาวๆ เข้ามาบอกว่า พี่ขาไปช่วยหนูตอกตะปูหน่อย หนุ่มๆ มาบอกว่า พี่ครับไป

    ช่วยเย็บผ้าหน่อย เพื่อนผมก็เลยออกไปกันหมด

     

     

     

     

                    เต๋ากำลังนั่งทำการบ้าน ผมหยิบของขวัญที่ผมตั้งใจให้ออกจากกระเป๋า สูดลมหายใจรวบรวมความกล้า ก้าว

    เท้าเข้าไปหาเต๋า ... แต่ละเก้าเหมือนจะตัดสินชะตาชีวิตผม

     

     

     

     

                    “เต๋า” ผมยืนอยู่ข้างๆ โต๊ะ เต๋าหันกลับมามอง ผมยื่นของขวัญให้ “สุขสันต์วันวาเลนไทน์”

     

     

     

     

                    หัวใจผมหวิว ไม่รู้ว่าเต๋าจะรู้สึกยังไง ... แต่ผมเห็นรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากเต๋านะ

     

     

     

     

                    เต๋าวางของขวัญของผมลงบนโต๊ะ ก่อนจะก้มลงหยิบอะไรสักอย่างในกระเป๋าตัวเอง แล้วส่งมาให้ผม

     

     

     

     

                    “สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะคชา”

     

     

    -------------End------------

     

    Talk,,

    คือมันจบแล้ว!! 5555555555

    อ่านตอนหน้ากันเถอะค่ะ สเปเชี่ยลลลลล


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×