คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : 'Please Me
Please Me
23 มีนาคม 2011
Kacha Nontanun 00.03
สวัสดีครับ ^_^
เต๋ารึเปล่าครับ?
Sattapong Phiangphor 00.07
ครับผม
ใครเอ่ย?
Kacha Nontanun 00.08
เราคชานะ
ที่เจอกันเมื่อวันก่อนที่ชมรมไง
Sattapong Phiangphor 00.08
อ้อ จำได้ละๆ
Kacha Nontanun 00.08
ฮ่าๆ ทำไรอยู่
ไม่นอน?
Sattapong Phiangphor 00.09
รอดูบอลๆ คชาอะ?
Kacha Nontanun 00.09
เหยย ดูบอลแน่นอน นายทีมไร?
Sattapong Phiangphor 00.10
แมนยูครับ! อย่าบอกว่าเด็กหงส์? 555
Kacha Nontanun 00.10
เปล่า
Sattapong Phiangphor 00.10
เยี่ยม
Kacha Nontanun 00.10
เด็กสิงห์5555555
Sattapong Phiangphor 00.10
โห่ยยย
Kacha Nontanun 00.11
อะไรๆ ทีมนี้เจ๋งสุดแล่ว
Sattapong Phiangphor 00.11
แมนยูเหอะไอ้น้อง
Kacha Nontanun 00.11
แหม่ อยู่ตรงไหนของตารางครับ :P
Sattapong Phiangphor 00.11
แหม่ รอดูแมทช์นี้เถอะครับ
Kacha Nontanun 00.12
แล้วจะรอดูนะครับบบ :P
ระวังแพ้ทีมต่ำชั้นนะครับแมนยู555555
Sattapong Phiangphor 00.12
แหม่ อย่าดูถูกครับ
ดูฟอร์มแล้วคืนนี้ใสๆ ;)
Kacha Nontanun 00.12
ให้มันจริงๆ 555555
Sattapong Phiangphor 00.12
แน่นอน :3
Kacha Nontanun 00.13
เริ่มง่วงละ เมื่อไหร่จะมา 555555
Sattapong Phiangphor 00.15
เด็กสิงห์อนามัยหรอครับ?
Kacha Nontanun 00.16
ฮะ? แปลว่า?
Sattapong Phiangphor 00.17
เด็กอนามัยไง นอนเร็ว แต่เห็นเป็นเด็กสิงห์ เลยเรียกเด็กสิงห์อนามัย5555555
Kacha Nontanun 00.17
เงิบไปดิ -_-
Sattapong Phiangphor 00.18
555
อย่าเพิ่งนอนๆ อยู่ดูบอลเป็นเพื่อนก่อนเด้
Kacha Nontanun 00.20
ไม่นอนหรอกๆ เหงาๆ เหมือนกัน :D
Sattapong Phiangphor 00.20
^____^
ไม่รู้ว่าผมมีความสามารถมากขนาดเลื่อนหน้าต่างข้อความส่วนตัวใน facebook ย้อนกลับไปมากขนาดนี้ได้อย่างไร แต่ตอนนี้ผมเลื่อนมาจนถึงข้อความแรก...ครั้งแรก
ครั้งแรกที่ผมได้คุยกับผู้ชายที่ชื่อ “คชา นนทนันท์”
ผมทำได้เพียงนั่งยิ้มกับตัวเองอยู่อย่างนั้น...
แค่เพียงยิ้มให้กับความสุขที่เคยมี...
ยิ้มให้กับความรู้สึกดีๆ...ที่เคยได้สัมผัส...
“เต๋า เต๋า!” เสียงใสที่แว่วมาตามสายลมเรียกให้เจ้าของชื่อต้องหันหลังกลับไปมองต้นเสียง ทำให้พบกับใบหน้าหวานที่มุ่ยลงและร่างบางที่ยืนท้าวหัวเข่าหอบอยู่ ก่อนคนเรียกชื่อจะค่อยๆ เผยรอยยิ้มกว้างขึ้นเมื่อคนที่ตนเรียกค่อยๆ เดินเข้ามาหา
“ทำไมหอบงี้อะ?” เมื่อเดินเข้ามาถึงตัวก็เอ่ยถามกลั้วหัวเราะพร้อมยกมือขึ้นโบกแทนพัดให้คนที่ดูท่าทางเหนื่อยมากขนาดนี้
“หืม..ยังจะถาม หูตึงปะเนี่ย” ตอบพร้อมทำหน้าตาหมั่นไส้คนตัวสูงกว่าที่ยังคงยืนพัดให้ตัวเอง เรียกจนเสียงแหบเสียงแห้ง วิ่งตามมาเกือบร้อยเมตรแล้วมั้งเนี่ย ... แต่เจ้าตัวไม่รู้หรอก ว่าไอ้หน้าตาหมั่นไส้เต็มประดาแบบนั้น มันทำให้คนมองแทบจะละลายลงไปตรงหน้า...
“หะๆ ขอโทษๆ ไม่ได้ยินจริงๆ แล้วนี่วิ่งตามมาทำไม” ใบหน้าหล่อโปรยยิ้มสว่างไสว พร้อมแววตาเอ็นดูที่ส่งผ่านออกไปให้อีกคนโดยไม่รู้ตัว
“รู้ได้ไงว่าวิ่งตามมาวะ? ยังไม่ได้บอกไม่ใช่หรอ” หน้าตางงๆ ของคนวิ่งทำให้คนถูกตามหลุดขำอีกครั้ง ก็ทั้งตะโกนเรียก ทั้งหอบจนเกือบหายใจไม่ทันขนาดนี้ ถ้าไม่ได้วิ่งตามมาแล้วจะให้เขาคิดว่าอะไร?
“ชาเอ๊ย... แล้วสรุปมีไร” เผลอตัวยกมือขยี้ผมของอีกคนเบาๆ ซึ่งเจ้าตัวคาดว่าการกระทำนั้นคงไม่ใช่คำสั่งจากสมอง ส่วนคนโดนเล่นหัวก็ปัดมือออกและเบ้ปากใส่.. ก็แน่ล่ะ ขยี้อย่างนี้เห็ดคชาก็ยุ่งหมดน่ะสิ
“เต๋าจะไปไหนอะ”
“จะกลับบ้านแล้วแหละ ไม่มีเรียนแล้ว หรือที่ชมรมมีไรให้ช่วยเปล่า”
“เปล่าๆ จะมาชวนไปกินข้าวอะ เนี่ย ได้บัตรฟรีมา กินเซ็ทนี้ฟรีเซ็ทนี้ หมดเขตวันนี้แล้วอะ แต่ไม่มีใครไปกินด้วย เต๋าว่างปะ”
“อ้อ ไปดิๆ ว่างอยู่ๆ”
“เย้ ไปๆๆ”
สองคนเดินข้างกันไปจนถึงรถยนต์คันขาว ที่คนโดนชวนกลับต้องเป็นสารถีให้กับคนที่วิ่งตามมาชวนไปทานข้าวด้วยกันเสียอย่างนั้น
แต่คนที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถอยู่นั่นไม่รู้หรอก.. ว่าคนขับรถคนนี้เต็มใจมากๆ เลยแหละ.. แล้วก็ดีใจมากๆ เลยด้วยที่จะได้ไปกินข้าวด้วยกัน
“ฮัลโหล” นิ้วยาวเลื่อนสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ทันทีที่เห็นภาพของคนที่โทรมาปรากฏขึ้น คนที่โทรมาเขาจะรู้ไหมนะว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่ทำให้คนคนนี้ใจสั่นทุกครั้งที่เห็นว่าโทรเข้ามา
“เต๋า ว่างมั้ย” แล้วคนที่โทรมาเขาจะรู้ตัวรึเปล่านะว่าคนคนนี้ชอบฟังชื่อตัวเองจากปากเขามากๆ เลย
“ว่างๆ มีไรรึเปล่าคชา” แล้วจะรู้ตัวไหม ว่าต่อให้ไม่ว่างแค่ไหน ถ้าเป็นคชาถาม เต๋าก็พร้อมจะว่างเสมอ..
“เต๋ามีกุญแจเข้าห้องชมรมไหมอ่า เนี่ยคชาเอาไปไว้ไหนก็ไม่รู้ นี่ก็ไม่มีใครอยู่สักคน โทรไปหาใครก็ไม่รับ คชาอยู่หน้าห้องชมรมเนี่ย เซ็งมากเลย ร้อนด้วย..” คนฟังได้แต่ยิ้มให้กับความน่ารักในการบ่นเป็นเด็กๆ ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะรำคาญคชาก็ได้นะบางที แต่สำหรับเต๋า.. ไม่รู้สิ มันน่ารักมากจริงๆ
“มีครับมี เดี๋ยวเต๋าไปหาที่ห้องชมรมนะ รอแป๊บบบเดียว”
“เย้ โอเค เต๋ารีบมาเร็วๆ น้า..” รู้ตัวรึเปล่าว่าเสียงอ้อนแบบนี้มันทำให้เต๋าหวั่นไหว..
“ครับผม”
ขายาวพาร่างสูงมาถึงห้องชมรมได้ในเวลารวดเร็ว พอได้เห็นใบหน้ายุ่งๆ ของคนที่ยืนหลบแดดอยู่ใต้ต้นไม้แล้ว ใบหน้าหล่อเหลาก็ระบายรอยยิ้มกว้างออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“มาแล้วๆๆ” เรียกให้คนที่รออยู่หันมามอง
“เห้ย ไมมาเร็วจังอะ เมื่อกี๊อยู่ไหนเนี่ย” หน้าตาตกใจปนสงสัยนั่นน่ารักกว่าใครที่เต๋าเคยเห็นมาเชียวแหละ..
“อยู่แถวๆ นี้แหละ” ตอบกลั้วหัวเราะพลางไขประตูห้องชมรม แล้วเปิดประตูรอให้อีกคนเดินเข้าไปก่อนจะเดินตามหลังและปิดประตูลง
“แล้วชามาทำไรแต่เช้าอ่า” ทิ้งตัวนั่งลงบนเบาะใกล้ๆ ตัว ขณะที่อีกคนเดินงุ่นง่านอยู่รอบห้อง
“เหมือนลืมของไว้อะ ไม่แน่ใจว่าเอาไว้ในนี้เปล่า” เสียงตอบลอยมาขณะที่เจ้าตัวกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่กับการหาของ
“ลืมไรไว้อะ เต๋าช่วยหาปะ” ร่างสูงขยับลุกจากเบาะ หวังจะช่วยอีกคนหาของ แต่ก็ต้องชะงักทั้งที่ยังไม่ทันก้าวขาไปข้างหน้า
“อ้า เจอละๆ ขอบใจมากนะเต๋า” ใบหน้าหวานหันกลับมาส่งยิ้มให้พร้อมกับถุงอะไรบางอย่างในมือ
“อะ...อื้มๆ แล้วนี่...ชาไปไหนต่อ”
“จะไปเรียนแล้วแหละ ใกล้เวลาพอดี” ยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาพร้อมทำท่าจะขอตัว
“เอ่อ.......” เอ่ยเพื่อรั้ง...ทำใจ...รวบรวมความกล้า..
“หืม มีไรเปล่า” คิ้วเรียวสวยเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม
“คือ.....เต๋าไปส่งไหม” พูดจบก็หลบตา... อืม... เศรษฐพงศ์เขินเอง
“ฮะ?..” เหมือนนนทนันท์จะยังไม่ค่อยเข้าใจ..
“ก็..เดี๋ยวเดินไปเป็นเพื่อน” เงยหน้าขึ้นมาสบตาช้าๆ...
“อ..อ๋อ..ป..ไปดิๆ ปะๆ” เหมือนจะเข้าใจ... พยักหน้าเออออ ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินเคียงข้างกันไป...
“..ครับ” นิ้วมือขาวซีดเลื่อนสไลด์จอโทรศัพท์ด้วยความเคยชิน และกรอกเสียงลงไปทั้งที่ยังไม่ได้ดูว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา
“เต๋า..นี่คชานะ” แนะนำตัวก็เพราะรู้ว่าอีกคนคงไม่ได้ดูชื่อคนโทรเข้าเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่รับสายด้วยคำว่าครับแบบนี้
“อ้อ..ชา ว่าไง..” เสียงที่ตอบกลับดูสดใสขึ้นกว่าเดิม แม้ว่ามันจะฟังดูไม่ปกติก็ตาม
“ลืมรึเปล่าว่าวันนี้มีประชุม..” เอ่ยเสียงเบาๆ เพราะค่อนข้างมั่นใจว่าอีกคนคงไม่ลืมแน่ เมื่อคืนยังเพิ่งทักไลน์มาอยู่เลย ก็แค่ลองเชิงว่าทำไมไม่มา
“อ่อ...โทษทีนะชาที่ไม่ได้ไป..ลำบากต้องโทรมาตามเลย..”
“เป็นอะไรรึเปล่า..เสียงฟังดูไม่ค่อยดีเลย”
“ไม่สบายนิดหน่อย ไม่เป็นไรมากหรอก แต่ไม่อยากไปแพร่เชื้อน่ะ หะๆ” ตอบเสียงเบาๆ พร้อมหัวเราะพ่วงท้ายให้อีกด้วย
“น่าจะรู้นะว่าชาไม่เชื่อ หาหมอรึยัง”
“ไม่ได้เป็นไรมากจริงๆ เนี่ยเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็หายแล้ว” จะหายจริงๆ นะ จะหายเพราะคนที่โทรมานี่แหละ รู้ตัวรึเปล่านะว่าเป็นยารักษาโรคได้ด้วย แค่โทรมาหาหัวใจก็ชุ่มชื้นแล้วน่ะ
“เฮ้อ..ดูแลตัวเองดีๆ แล้วกัน แล้วประชุมได้เรื่องยังไงเดี๋ยวชาบอกอีกที”
“ขอบคุณครับ...ที่เป็นห่วง...” เพราะคิดว่าสนิทกันมากพอแล้ว เลยกล้าพอที่จะพูดอะไรแบบนี้ออกไป
“เห่ย หลงตัวเอง” น้ำเสียงติดจะขำที่ตอบกลับมาทำให้คนป่วยยิ้มร่า
“หรือไม่จริง..” และกล้าที่จะหยอดกลับไปอีกครั้ง
“ฮื่อ จะไปประชุมแล้ว” และเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไรถึงต้องพยายามตัดบทให้จบสักที
“ครับๆ”
“นอนเยอะๆ ละกัน กินยาด้วย บ๊ายบาย”
“บายครับ..”
“ฮัลโหล” เสียงทุ้มกรอกลงโทรศัพท์พร้อมรอยยิ้มอย่างเคย เช่นทุกๆ ครั้งที่เบอร์นี้โทรเข้ามา
“ฮัลโหลเต๋า อยู่ไหนอะ” เสียงเนือยๆ ตอบกลับ คนตัวขาวตัดสินใจบอกลาเพื่อนและเดินแยกตัวออกมาทันที
“อยู่ที่คณะครับ”
“ว่างไหมอะ” และไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เจอคำถามนี้ .. เต๋าพร้อมจะว่างเสมอ.. จริงๆ
“ว่างๆๆ มีไรเปล่าชา”
“ชาอยู่ห้องชมรมคนเดียวอะ..” เป็นประโยคบอกเล่าที่สื่อความต้องการได้ชัดเจนที่สุดในความคิดของคนฟัง
“เดี๋ยวเต๋าไปหาเดี๋ยวนี้แหละ” จึงตอบรับกลับไปอย่างไม่รีรอ และออกเดินทางจากจุดที่ยืนอยู่ทันที
“หืม ยังไม่ได้บอกให้มาหาเลย” แต่เสียงที่ตอบกลับมาทำให้ต้องชะลอฝีเท้าลง..
“อ้าว..”
“ล้อเล่นๆ” และเสียงใสที่กล่าวเนือยๆ นั้นก็ทำให้ออกเดินสุดฝีเท้าอีกครั้ง
“รอแป๊บเดียวเดี๋ยวเต๋าไป”
“ทำไมอยู่คนเดียวอะชา” ทันทีที่ห้องประตูชมรมถูกเปิดออก คนที่ก้าวเข้ามาก็เอ่ยปากถามคนที่นอนนิ่งบนหมอนเน่าๆ ที่พื้นในมุมหนึ่งของห้องทันที
“จริงๆ จะกลับบ้านแหละ” ดวงตากลมโตมองขึ้นมายังคนที่เดินเข้ามาใกล้พร้อมเอ่ยเรื่อยๆ
“แล้ว..”
“ยังกลับไม่ไหว หะๆ” ยิ้มหวานพร้อมหลับตาลง
“หืม?”
“แล้วโทรหาใครก็ไม่รับสักคน สงสัยรู้ว่าสายมรณะมั้ง..” เล่าทั้งๆ ที่เหมือนสติจะเลือนลงทุกที
“แล้วเป็นไรทำไมกลับบ้านไม่ไหว” ร่างสูงคุกเข่าลงตรงหน้าคนที่นอนอยู่ พลางพิศใบหน้าหวานนั้นใกล้ๆ
“ง่วง ขับรถไม่ได้ ไม่ไว้ใจตัวเองเท่าไหร่..” ริมฝีปากอิ่มขยับน้อยๆ เสียงเจื้อยแจ้วเบาลงเรื่อยๆ
“เต๋าไปส่งไหม” ไม่ต้องรวบรวมความกล้าอะไรอีกแล้วในตอนนี้ ทุกคำพูด ทุกความรู้สึก ล้วนออกมาจากหัวใจของเศรษฐพงศ์โดยไม่ต้องคิดให้มากมายอีกแล้ว
“ไม่เป็นไร บ้านไกล กลับได้ แต่ขอนอนก่อน.. ไม่กล้าอยู่คนเดียว แค่อยู่เป็นเพื่อนหน่อย..นะ...” ประโยคสุดท้ายที่แผ่วเบาก่อนที่ความง่วงงุนจะครอบงำจนสติตัดขาดไป
เศรษฐพงศ์ยังคงจ้องมองใบหน้าหวานละมุนที่ติดตาตรึงใจตั้งแต่แรกพบ คิ้วเรียวสวย ดวงตาสดใสที่บัดนี้ปิดสนิท จมูกรั้นได้รูป ริมฝีปากอิ่มสีแดงสด.. ทุกอย่างทำให้เศรษฐพงศ์หลงใหล.. ทุกอย่างของนนทนันท์ทำให้เศรษฐพงศ์... หลงรัก...
ทุกข้อความที่ส่งหากันทุกคืน.. ทุกสายโทรเข้าที่เป็นเบอร์ของคนคนนี้.. ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน.. ทุกคำพูดในทุกครั้งที่คุยกัน.. เศรษฐพงศ์รักทุกอย่างที่เกิดขึ้น.. รักทุกอย่างที่เป็นนนทนันท์
ใบหน้าหล่อโน้มลงใกล้คนที่นอนหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ มือหนาค่อยๆ ปัดเส้นผมที่ตกลงปรกใบหน้าสวยงามที่แสนหลงใหลแผ่วเบา นิ้วยาวเผลอไล้ไปตามแนวแก้มใสอย่างลืมตัว ริมฝีปากหยักประทับจูบแผ่วเบาบนกลุ่มผมนุ่มอย่างไม่คิดจะหักห้ามใจ..
“มึงเป็นไรวะเต๋า อาการหนักละนะ” ชายหนุ่มหน้าฝรั่งนามเบนจามิน เพื่อนสนิทของเศรษฐพงศ์ถามขึ้น เมื่อเห็นอาการของเพื่อนรักที่นั่งยิ้มกับโทรศัพท์ตลอดเวลา
“กูว่า....กูชอบเค้าว่ะ” ตอบทั้งที่ยังไม่เงยหน้า แถมคำตอบยังออกจะเพ้อๆ อีกเสียด้วย
“ใครวะ” การเคี้ยวหมากฝรั่งและเอียงหน้าสี่สิบห้าองศาพร้อมคำถามนี้ทำให้ความน่าถีบของเบนจามินเพิ่มขึ้นหกสิบห้าเปอร์เซ็นต์
“คชา..” เงยหน้าขึ้นมาพร้อมสายตาหวานเชื่อม... คือตรงหน้านี่เบนจามินครับไม่ใช่นนทนันท์
“เออ จนถึงวันนี้กูก็ยังไม่เคยเห็นหน้าสักที คุยกับมึงมาจะเป็นปีละ กูเป็นเพื่อนมึงจริงเปล่าวะแม่ง” เป็นความจริงที่ผ่านมาจนเกือบปีหลังจากที่เบนจามินเคยได้ยินชื่อของคชาจากปากเพื่อนสนิท แต่ยังไม่เคยเห็นหน้าเห็นตาสักที อาจเพราะคณะของเราไม่ได้ใกล้กัน มหาวิทยาลัยก็แสนกว้างใหญ่ ที่สำคัญคือคชาค่อนข้างเก็บตัว
“ไรวะ น้อยใจอ่อมึง”
“ก็มันน่าปะ วันๆ มึงก็คชาๆๆๆ แต่ไม่เอามาให้เพื่อนเจอสักทีไง” แต่ท่าทางน้อยใจของเบนจามินก็ชวนให้หมั่นไส้มากกว่า
“ก็ตอนงานนิทรรศกูก็ชี้ให้มึงดูแล้วมึงเสือกไม่เห็นเอง” เป็นความจริงอีกว่าตอนจัดนิทรรศการของมหาวิทยาลัย นักศึกษามากหน้าหลายตาได้พบปะกัน ในวันนั้นที่เต๋าและเบนไปเดินที่คณะของคชา เต๋าได้ชี้ให้เบนดูแล้วว่า นั่นไงคชา แต่ขอโทษทีที่ตอนนั้นเบนมันดันสนใจสาวคณะนั้นอยู่ เมื่อหันกลับมาอีกครั้งคชาก็หายไปจากวิสัยทัศน์เป็นที่เรียบร้อย
“ก็ทำไมไม่พามาแนะนำวะ” และเป็นความจริงอีกข้อที่เต๋าไม่เคยพาคชามาแนะนำให้รู้จักกันแม้ว่าเบนจะต้องได้ยินชื่อคชาทุกวันก็ตาม
“ก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นไง” และเป็นความจริงที่สุด ที่เศรษฐพงศ์ไม่เคยมั่นใจเลยว่าตนเองกับนนทนันท์นั้นสนิทกันถึงขั้นไหน จึงไม่กล้าจะมาแนะนำกับเพื่อนตัวเอง เพราะนนทนันท์เองก็ยังไม่เคยพูดถึงเพื่อนของเขาให้ได้ยินสักครั้ง
“ไม่สนิทห่าไรคุยกันทุกวัน” และนี่ยังเป็นความจริงยิ่งกว่าจริง ที่เต๋ากับคชาคุยไลน์กันทุกวัน ทุกวันในที่นี้คือทุกวันจริงๆ ทุกวันแบบไม่เว้นวัน เหมือนเป็นหน้าที่ที่เต๋าจะต้องทักไป และคชาจะต้องตอบกลับมาในทุกครั้งที่มีเวลาว่าง และทุกคืนก่อนนอน
“กูนี่แหละพยายามคุยกับเค้าทุกวัน เค้าอยากคุยกับกูเปล่าก็ไม่รู้” ใช่ นี่ก็ความจริง เพราะทุกครั้งก็เป็นเต๋าที่ทักไปก่อน คชาก็เพียงตอบกลับมาเท่านั้น.. แต่เต๋าก็อดคิดไม่ได้หรอก ว่าถ้าคชาไม่อยากคุยก็คงไม่ตอบ ขอเข้าข้างตัวเองสักนิดเถอะว่าคชาก็อยากคุยกับเขาเหมือนกัน
“เค้าก็ดูท่าทางชอบมึงออก” นี่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง แต่มันเป็นข้อคิดเห็นของเบนจามิน
“..ฮะ? มึงรู้ได้ไง?” ที่ทำให้เศรษฐพงศ์เกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก
“กูแอบอ่านไลน์มึงอะเต๋า” และคำตอบไม่ทุกข์ไม่ร้อนของเบนจามินนั้น..
“เชี่ยเบน..” ทำให้โดนด่าพร้อมฝ่ามือที่ฟาดลงมากลางกระหม่อมดังปั้ก และก่อนที่จะเกิดการประทุษร้ายกันมากกว่านี้ เสียงที่ช่วยชีวิตเบนไว้ก็ดังขึ้น
-ตริ๊ง-
เต๋าก้มลงอ่านไลน์แทบจะทันที
‘ไปเรียนก่อนนะ ยังไงเดี๋ยวทักไปอีกที’
“เห็นมะ กูบอกแล้วว่าเค้าชอบมึง ไม่ชอบไม่คุยด้วยตลอดอย่างงี้หรอก” เบนที่โผล่หน้ามาร่วมอ่านโดยไม่ได้รับอนุญาตโพล่งขึ้นมาจนเต๋าสะดุ้ง
“เค้าอาจจะคุยกับคนอื่นแบบนี้เหมือนกันก็ได้” พูดพลางเก็บไอโฟนลงกระเป๋ากางเกง
“ไม่มั้ง~ มีฝันหวงฝันหวาน ถ้ากับทุกคนก็เยอะไปละมึง” เบนจามินยังคงพูดเรื่อยๆ ด้วยความมั่นใจ แต่ยิ่งพูดคุณเพื่อนก็ยิ่งเขินจนแทบจะไม่เป็นอันทำอะไร
“มึง..พอเหอะ อย่าทำให้กูเข้าข้างตัวเองไปมากกว่านี้เลย” แต่ใช่ว่าเศรษฐพงศ์จะมั่นใจ ในเมื่อมันไม่มีอะไรที่เรียกได้ว่าชัดเจน
“หึ แต่กูว่ามึงก็คิดไปเยอะละ มึงอยากมั่นใจปะล่ะ” เบนจามินยักคิ้วให้หนึ่งที ไม่มีอะไรที่นายเบนทำไม่ได้หรอกน่า
“อยากดิวะ” แล้วเศรษฐพงศ์ก็ดูจะสนใจขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่ก็รู้ดี ว่าน้อยเรื่องนักที่เบนจามินลงมือแล้วสำเร็จ
“ให้กูคุยกับคชา” ตอบด้วยหน้าตาเจ้าเล่ห์ ถามจริงๆ เถอะว่าน่าไว้วางใจบ้างไหม
“เชี่ย” ด่าโดยไม่ต้องคิด เหมือนเป็นการสั่งการจากไขสันหลัง
“อ้าวเชี่ย กูพูดจริงเว้ย” ด่ากลับไม่ต้องคิด นี่รีแอคชั่นอัตโนมัติ
“ตรรกะไหนของมึง” ขอคุยด้วยเนี่ยนะ ถ้ามึงงาบคชากูไปกูจะทำไงครับ.. แต่จริงๆ ก็รู้แหละว่ามันไม่เอาของเพื่อน แต่ก็ขอหวงหน่อย นิดนึง
“กูจะได้ตะล่อมได้ไงครับว่าคุณคชาเนี่ยเขาสนใจเพื่อนผมรึเปล่า” คือตรรกะนี้?
“กูไม่ใช่นางเอกซีรีย์นะเว้ยที่จะให้เพื่อนมาแอบถามพระเอกว่า พี่แอบชอบแจจุงใช่ไหมล่ะคะ” ท้ายประโยคมีการดัดเสียงเป็นนางเอกซีรีย์เหมือนพี่เบบี้มายด์ 69 และยกตัวอย่างชื่อที่เกาหลีที่สุดเท่าที่ตัวเองจะนึกออกมาเป็นชื่อนางเอกซีรีย์เสียอย่างนั้น...
“เอ๊า เชื่อมือกูเหอะ กูใคร กูเบนนะเว้ย” ตบอกตัวเองอย่างผึ่งผายและภาคภูมิ.. แต่ประโยคคุ้นๆ นะรู้สึกไหม
“เชื่อมึงทีไรก็เจ๊งทุกทีสาด” ส่ายหัวเบื่อๆ แต่ก็เชื่อเค้าทุกครั้งนะเศรษฐพงศ์...
“กูหาเองก็ได้ครับ” พูดจบปุ๊บก็ล้วงไอโฟนจากกระเป๋ากางเกงเพื่อนด้วยความรวดเร็วราวกับมีอาชีพเสริมเป็นการล้วงกระเป๋ายังไงอย่างงั้น
“เฮ้ย.. แม่ง...” บ่นได้เท่านั้นเพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่ทันอยู่ดี แอพพลิเคชั่น facebook ถูกเปิดขึ้น ตามมาด้วยข้อความส่วนตัว ที่เปิดมาก็เห็นชื่อ Kacha Nontanun เป็นคนแรก นิ้วยาวพิมพ์ข้อความลงไปอย่างไม่รีรอ
‘คชา เดี๋ยวรับแอด Benjamin Varney ด้วยนะ เพื่อนเต๋าเอง’
“อะ กูเอาแค่เฟสพอ ไม่อยากได้ถึงเบอร์ เกรงใจ” ส่งไอโฟนคืนเพื่อนที่นั่งถอนหายใจกับชะตากรรมที่จะได้พบเจอ
“ขนาดนี้กูว่าไม่ต้องเกรงใจแล้วล่ะเบน...”
Benjamin Varney 21.06
สวัสดีครับ ^_^
ฮัลโหลล มีใครอยู่มั้ยคร้าบ
ยู้ฮู
Kacha Nontanun 21.17
สวัสดีครับ
โทษทีเพิ่งมา
Benjamin Varney 21.17
อ้อ เราชื่อเบน เป็นเพื่อนเต๋านะ
Kacha Nontanun 21.18
อ่าๆ
Benjamin Varney 21.18
พอดีเต๋ามันเล่าเรื่องคชาให้ฟังบ่อยอะ
เลยอยากคุยด้วยบ้าง
Kacha Nontanun 21.19
บ่อยเลยหรอ
555
Benjamin Varney 21.20
ทุกวันอะ
แม่งเพ้อคชามากนะ
555
Kacha Nontanun 21.21
ฮะ?
หมายความว่า?
Benjamin Varney 21.21
ก็เต๋ามันเพ้อคชาไง
วันๆ ก็นั่งคชาๆ
555
Kacha Nontanun 21.22
หรอ
Benjamin Varney 21.23
อื้ม
แต่คชาก็น่ารักจริงอย่างที่มันพูดอะ ดูจากรูป555
Kacha Nontanun 21.26
อ่าา
Benjamin Varney 21.26
ทำไมตอบสั้นจัง ไม่อยากคุยกะเราปะเนี่ย
ไม่เห็นเหมือนเวลาคุยกับไอ้เต๋าเลย
กิ๊วๆๆๆๆ
Kacha Nontanun 21.28
ก็คุยอย่างงี้ทุกคนอะ
แล้วรู้ได้ไงว่าเราคุยกับเต๋ายังไง
Benjamin Varney 21.29
อ๋อ
แอบอ่านไลน์เต๋ามาอะ แหะๆ
แต่เราแอบเองนะเว้ย
ไอ้เต๋ามันไม่รู้
มันยังโกรธเลย
มันไม่ได้เป็นคนเอาให้อ่านนะ
Kacha Nontanun 21.31
ก็ไม่ได้ว่าไร
Benjamin Varney 21.31
อ่าวหรอ แหะๆ
นึกว่าจะโกรธที่ไปอ่านเรื่องส่วนตัวไรงี้
Kacha Nontanun 21.32
ก็ไม่ได้มีไรนี่
คุยปกติอย่างงี้ทุกคนอะ - -
Benjamin Varney 21.32
ทุกคนเลยหรอ?
Kacha Nontanun 21.33
อืม
ก็ทุกคนอะ
ปกติก็คุยแบบนี้
Benjamin Varney 21.34
ทุกวัน ทุกเวลาแบบนี้?
Kacha Nontanun 21.34
ก็บางคนอะ
อย่างเต๋าทักมาทุกวันเลยคุยจนชินอะ
Benjamin Varney 21.35
โห
ทุกช่องทางเลยปะ
ทั้งเฟสทั้งไลน์
Kacha Nontanun 21.36
รู้มายังไงก็คงอย่างงั้นอะ - -
Benjamin Varney 21.36
เห้ยๆ
เราละลาบละล้วงไปปะวะ
โทษทีๆ
Kacha Nontanun 21.38
ก็ไม่ได้ว่าไรไง
คุยได้ๆ
Benjamin Varney 21.39
แล้วนี่คุยกะไอ้เต๋าอยู่ปะเนี่ย
Kacha Nontanun 21.40
อืม
Benjamin Varney 21.41
ไปคุยกะมันก็ได้นะ
ไม่กวนละๆ
Kacha Nontanun 21.42
อ้าว
ไม่ได้มีไรจะถามหรอกหรอ
Benjamin Varney 21.43
เฮ้ย
ไอ้เต๋าบอกไรมา
Kacha Nontanun 21.45
เปล่า
แสดงว่ามีจริงๆ ใช่ปะ
Benjamin Varney 21.46
ก็คือ..
แบบ
Kacha Nontanun 21.48
ถามมาเหอะ
Benjamin Varney 21.50
คชาคิดไรกับไอ้เต๋าปะ
Kacha Nontanun 21.52
ฮะ?
คิดไร?
Benjamin Varney 21.53
ก็แบบ
ชอบเต๋าปะ
Kacha Nontanun 21.54
ชอบ? = =
นี่คิดไรกันอยู่
Benjamin Varney 21.55
อ้าว
Kacha Nontanun 21.56
ไม่ได้ชอบ
ก็คุยเป็นเพื่อนกัน
Benjamin Varney 21.57
เฮ้ย
แต่เต๋ามันชอบคชานะ
Kacha Nontanun 22.00
เฮ้ย
แต่เราไม่ได้คิดไรเลย
Benjamin Varney 22.02
นิดนึงก็ไม่ได้คิด?
Kacha Nontanun 22.03
ไม่
เพื่อนกันจริงๆ
นี่เต๋าคิดจริงอะ?
Benjamin Varney 22.04
เออดิ
ก็เพ้อให้ฟังทุกวัน
นี่คชาไม่ได้โกหกเราใช่ปะ
Kacha Nontanun 22.06
จะโกหกเพื่อ?
เราไม่ได้คิดจริงๆ
Benjamin Varney 22.07
ชิบหายละไง
งั้นเราว่า
คชาเลิกคุยกับมันเหอะ ก่อนที่มันจะถลำลึกไปมากกว่านี้อะ
Kacha Nontanun 22.08
เอางั้นเลย?
Benjamin Varney 22.09
อืม
ตัดไฟแต่ต้นลม
ตัดบัวอย่าเหลือใย
ตัดกันไปเลย
Kacha Nontanun 22.10
แต่เรายังเห็นเต๋าเป็นเพื่อนนะ
ยังไงก็ยังต้องเจอกันอีก
Benjamin Varney 22.11
คชาก็แค่หยุดให้ความหวังมัน
เลิกคุยทุกวัน
แค่นั้นก่อนก็พอ
Kacha Nontanun 22.12
โอเคๆ
งั้นเราไปละนะ
Benjamin Varney 22.13
อืมๆ
บาย
Kacha Nontanun 22.13
บาย
ฝันดีฝันหวาน J
Benjamin Varney 22.14
โอเค ฝันดี
“เต๋า!!” ร่างบางที่เดินลงจากตึกคณะมาเจอกับชายหนุ่มผิวขาวท่าทางคุ้นเคยที่นั่งซึมอยู่ใต้ตึกคณะถึงกับตกใจ
“คชา” ชายหนุ่มยิ้มกว้างก่อนจะลุกขึ้นและปรี่มาหาคชาซึ่งกำลังขอตัวแยกจากกลุ่มเพื่อนทันที
“มาทำไร” เมื่อเดินเข้ามาใกล้กันมากพอก็ยิงคำถามแรกทันที
“มาหาคชา คชาเป็นไรทำไมไม่ตอบอะไรเต๋าเลยอะ ทั้งเฟส ทั้งไลน์ เต๋าแทบจะทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วอะ” รัวไม่ยั้ง อีกทั้งยังเผลอยื่นมือไปจับแขนอีกคนแบบไม่ได้ตั้งใจ จนคนโดนจับค่อยๆ เบี่ยงตัวออกมา ทั้งๆ ที่ไร้ซึ่งคำตอบที่จะให้กับคำถามนั้น
จะให้บอกได้ยังไง ว่าเพื่อนเต๋าเองนั่นแหละที่บอกให้คชาเลิกคุย เพราะเต๋าชอบคชา ไม่อยากให้คชาให้ความหวังเต๋าไปมากกว่านี้.. จะให้บอกได้ยังไง
“คชาเป็นอะไรรึเปล่า มีอะไรก็บอกเต๋าได้นะ หรือเบนมันทำอะไรให้คชาไม่พอใจรึเปล่า อย่าสนใจมันเลยนะคชา มันก็เป็นคนแบบนี้แหละ เดี๋ยวเต๋าไปจัดการมันเอง เราไม่ได้คุยกันมาสี่วันเต็มเลยอะชา เต๋าเข้าชมรมทุกวันก็ไม่เคยเจอชาเลย เต๋าคิดถึงชามากเลยอะ เออนี่วันนี้คชาว่างไหม ไปกินข้าวด้วยกันปะ เต๋าเห็นมีร้านใหม่เปิดตรงหน้าม. เค้าว่ากันว่าอร่.....”
“พอแล้วเต๋า..” ความรู้สึกบางอย่างถาโถมเข้าใส่คนที่เอ่ยห้าม.. ความรู้สึกผิด.. รู้สึกผิดที่ทำให้อีกคนรู้สึกดีด้วยมากขนาดนี้
“ชา.. เต๋าขอโทษ เต๋าพูดมากไปปะ ฮ่าๆๆ ไม่ได้คุยกันตั้งสี่วัน เลยมีเรื่องอยากพูดเยอะเลย..” รอยยิ้มเจื่อนๆ ตรงหน้ากับคำพูดเหล่านั้น ยิ่งทำให้คชาลำบากใจ
“เต๋า ชาขอโทษ”.. แต่มันก็ถึงเวลาแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องเปิดใจคุยกันจริงๆ จังๆ เสียที.. แน่นอนว่าเบนคงไม่กล้าบอกเพื่อนตัวเองว่าคชาไม่ได้คิดอะไรด้วย และทำได้เพียงหาข้ออ้างต่างๆ มาให้ เช่น คชาคงยุ่งๆ ตอนที่เต๋าบ่นว่าคชาไม่ตอบ ..ก็เท่านั้น
“หืม ขอโทษทำไมครับ” จบคำถามของเต๋า คชาเพียงหลับตาลง สูดหายใจลึกๆ ... มันต้องจบสักที
“ชารู้แล้ว..ว่า...ว่าเต๋าชอบชา.. แต่.... ชาขอโทษ” คชาพยายามเค้นคำตอบออกมาจากลำคอ.. ช้าๆ ชัดๆ... เพียงอยากให้อีกคนเข้าใจ และอยากบอกว่ารู้สึกผิดมากจริงๆ
“ชา.........” และราวกับอากาศกำลังจะหมด.. ทำไมเต๋าถึงรู้สึกเหมือนมีใครขโมยออกซิเจนรอบๆ ตัวเขาออกไป มึนอึ้งเสียจนพูดอะไรต่อไปไม่ได้อีก
“ขอโทษจริงๆ เต๋า ขอโทษ....” เสียงใสที่บัดนี้กลับสั่นเครือยังคงย้ำคำเดิมอีกครั้ง.. เป็นคำที่เขาคิดว่าเหมาะสมและควรจะพูดมากที่สุด
“เบนบอกเหรอ..” ดวงตาคมคู่นั้นจ้องมองบนใบหน้าหวาน แต่ลึกๆ ภายในกลับดูล่องลอย และไร้จุดหมาย...
“ถึงเบนไม่บอกชาก็พอรู้เต๋า ชารู้.. ชาขอโทษที่.. ที่สนิทกับเต๋าเกินไปจน..จน..” ไม่รู้จะพูดอย่างไรจริงๆ เพราะรู้ดีว่ายังไงก็คิดกับผู้ชายคนนี้แค่เพื่อน.. แค่เท่านั้นจริงๆ
“ไม่เป็นไรชา ไม่เป็นไร... ไม่เป็นไรเลย.. เต๋า.. เต๋าก็... เต๋า..” ความรู้สึกตีกันไปหมดแล้ว.. ไม่เคยคิดเลยว่าคชาจะมาพูดกับตัวเองแบบนี้.. ที่เคยคิดว่าคชาเองก็ชอบเขาอยู่บ้างนั้น เขาคิดไปเองอย่างนั้นหรือ... ใช่.. คิดไปเองคนเดียว... รักไปเองคนเดียว
“ขอโทษเต๋า ขอโทษจริงๆ” คชาก้มหน้าลง.. ไม่กล้าพอที่จะสบตาผู้ชายคนนี้อีกต่อไป
“ไม่เป็นไร พอแล้ว ไม่ต้องขอโทษแล้ว.. ก็.. ก็เป็นเพื่อนกัน.. อยู่แล้วนี่ แค่เป็นเพื่อนกัน ก็พอแล้ว เต๋าไม่ซีเว้ย” มือใหญ่ตบไหล่ของคนตรงหน้าเบาๆ พร้อมทั้งส่งยิ้มให้.. ส่งยิ้ม.. ทั้งที่ในใจมันเจ็บจนจะแย่อยู่แล้ว..
“มีอีกเรื่องจะบอก...” ใบหน้าหวานยังคงก้มมองพื้นอยู่อย่างนั้น เสียงใสนั้นแผ่วเบาราวกับไม่อยากเอ่ยมันออกมา
“ครับ..?”
“จะไปเรียนต่อเยอรมัน..” พูดจบจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองอีกคน ซึ่งบัดนี้กำลังส่งยิ้มให้ตัวเองอยู่
“เมื่อไหร่..” แม้จะเอ่ยคำถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยังไม่หายไป
“เดือนหน้า...ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน” สบสายตา.. พยายามส่งทุกความรู้สึกไปให้... ไปให้ถึงเพื่อนที่แสนดีคนนี้
“ขอโทษอีกแล้วชา..” และเศรษฐพงศ์ก็ไม่เคยคิดว่าคนที่กล่าวคำขอโทษเขาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งนี่ทำผิดอะไรเลย เป็นเขาเองที่ผิด ผิดที่คิดไปเองทุกๆ อย่าง..
“ก็..รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ” ดวงตาคู่นั้นยังสบประสานกันนิ่งไม่ได้หลบไปไหน..
“แล้ว.. ไปนานเท่าไหร่” ในใจลึกๆ ก็ยังคงหวัง.. ขอให้ไม่นาน และขอให้เรากลับมาอยู่ใกล้ๆ กันอีกครั้ง แม้จะเป็นในฐานะเพื่อน.. ก็เพียงพอแล้ว
“อย่างน้อยๆ ก็สามปี..” แต่คำตอบที่ได้รับนั้นทำให้ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อไป... อยากบอกใจจะขาดว่าจะรอ.. เหมือนที่คนรักเขาพูดกัน.. แต่ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีสิทธิ์จะพูดแบบนั้นเลย
“โห...นานเนอะ” คำตอบที่ตอบกลับไปจึงสิ้นคิดสิ้นดี พร้อมกับรอยยิ้มที่ฝืนส่งให้จนคนได้รับยังรู้สึกได้
“อืม...ก็.. ‘เขา’ รออยู่ที่นั่น” จึงตัดสินใจเล่าอะไรบางอย่าง เพื่อให้จบจริงๆ สักที.. ไม่อยากให้เต๋าต้องเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว.. ตัดบัวอย่าเหลือใย.. ตัดให้จบกันไปเลยจะง่ายกว่า
“เขา?..” และคำที่จงใจเน้นย้ำก็เป็นผล.. เมื่ออีกคนดูจะสนใจ
“ก็..เขาสอบชิงทุนไปตั้งแต่ปีที่แล้ว พร้อมกัน ว่าจะไปด้วยกัน แต่ชาสอบไม่ได้ เลยให้เขาไปก่อน แล้วก็เลยสอบใหม่ ได้ไปปีนี้ ก็จะไปอยู่ด้วยกัน..” ตั้งใจเล่าช้าๆ.. รู้ดีว่ามันจะกระทบความรู้สึกคนฟังมากมายแค่ไหน แต่มันก็ดีกว่าปล่อยเรื่องราวทุกอย่างให้ดำเนินต่อไปจริงๆ.. ถ้าไม่เล่า เขาจะรอ.. ผู้ชายคนนี้เขาจะรอคชาอย่างแน่นอน ซึ่งมันจะเจ็บกว่ากัน..เจ็บกว่ากันแน่ๆ ถ้าหากว่ารอแล้วมารับรู้เอาทีหลัง... คชาเองก็คงยอมทำร้ายความรู้สึกของเต๋าต่อไปอีกไม่ได้แล้วจริงๆ
“....แฟนหรอ” แววตาเจ็บปวดคู่นั้นทำให้คนเล่าเองก็เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก.. เพื่อนที่ดีต่อกันมาเสมอ.. จะต้องจบลงในวันนี้แล้วอย่างนั้นหรือ..
“อ...อื้ม...” เหมือนการเปล่งเสียงตอบรับเพียงเท่านั้นก็ยากเย็นเกินไปแล้วสำหรับคชาในตอนนี้..
“อ้อ โชคดีแล้วกันนะชา” และรอยยิ้มจริงใจของคนตรงหน้า ก็ทำให้ความพยายามกักเก็บน้ำตาของคชาสิ้นสุดลง..
“อืม...ขอบคุณนะเต๋า ขอบคุณ...สำหรับทุกความรู้สึกดีๆ ยังไงก็เป็นเพื่อนกันนะ” น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลรินออกจากดวงตาคู่สวย ไม่สามารถห้ามได้อีกแล้ว หยุดไม่ได้อีกแล้ว..
ไม่เข้าใจตัวเองทำไมถึงทำร้ายเต๋าได้ ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้เลย.. แค่คิดว่าเป็นเพื่อนกัน ไม่ได้ตั้งใจจะให้อีกคนคิดเกินเลยกับตัวเอง ไม่ได้อยากจะให้เป็นแบบนี้.. ไม่ได้ต้องการแบบนี้.. ไม่อยากเห็นความเจ็บปวดของเพื่อนคนนี้ คนที่มีรอยยิ้มสดใสให้คชาเสมอ คนที่รับโทรศัพท์คชาทุกๆ ครั้งแม้ว่าใครก็ตามจะไม่รับ คนที่พร้อมจะว่างในทุกสถานการณ์เพื่อคชา คนที่คอยดูแลกันมาโดยตลอด.. ทั้งๆ ที่เต๋าแสนดีขนาดนี้แล้วคชาทำร้ายเต๋าได้ยังไง คชาทำให้เต๋าเจ็บปวด คชาทำให้เต๋าเสียใจ..
ผิดเองที่ทักเต๋าก่อนในวันนั้น ผิดเองที่คุยกับเต๋าทุกวัน ผิดเองที่ชวนไปไหนมาไหนด้วยกัน ผิดเองที่ให้ความหวังเต๋ามากมายขนาดนั้น.. ผิดเอง.... ที่รักเต๋าไม่ได้จริงๆ
“อย่าร้อง..” ท่อนแขนแกร่งคว้าร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดทั้งตัว มือหนาลูบหัวลูบหลังปลอบคนที่ไม่คิดจะห้ามน้ำตาตัวเองอีกต่อไป..
“ยังเป็นเพื่อนกันนะเต๋า.. ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนะ...” เสียงอู้อี้พูดอยู่ในอ้อมอกของคนที่กำลังปลุกปลอบ.. ปลอบคชาทั้งๆ ที่ในหัวใจตัวเองนั้นเจ็บปวดเจียนตาย...อยากจะหันหลังกลับไปใจจะขาด แต่เต๋าจะต้องเข้มแข็ง ต้องเข้มแข็งในเวลาที่คชากำลังอ่อนแอแบบนี้ เต๋าจะหันหลังกลับไปไม่ได้.. ก็ถ้าเต๋าหันหลังกลับไปตอนนี้ ใครจะอยู่เป็นเพื่อนคชาล่ะ..
เพียงไม่นาน คชาก็ดันตัวออกจากอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นนั้น.. ยอมรับว่ามันอบอุ่นมากจริงๆ ทุกความรู้สึกของเต๋ามันถ่ายทอดออกมาทั้งหมด แต่คชารับมันไว้ไม่ได้จริงๆ..
“ชา...กลับบ้านก่อนนะ” เอ่ยลาแผ่วเบา..
“กลับยังไง..” ถามกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“เอารถมา”
“เอ่อ...ไปส่งที่รถ...ได้ไหม..ก็....เดี๋ยวเดินไปเป็นเพื่อน”
“ไปสิ” รอยยิ้มกว้างจริงใจของทั้งคู่ถูกส่งให้กันและกัน
และทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันไป...
อีกครั้ง....
End.
Talk.
จบค่าาาา
จุดจุดจุด ;___;
เราเป็นคนเขียนดราม่าไม่ดราม่าอะ ทำไงอะ5555555
ปกติเขียนแต่สดใสงุงิ -3-
แต่เราชอบเพลงพี่เต๋ามากจริงๆ ณ จุดนี้ orz
ยิ่งดูเอ็มวียิ่งแบบ ตายข่า .___.
เรื่องนี้ดูยาวๆ เนือยๆ ไม่มีไร หาสาระไม่ได้ บายข่า5555
ว่าแต่มีคนอ่านไหมหนอ
เรื่องล่าสุดห้าเม้นปริ่มมากนะคะ ;3;
ไม่มีคนอ่านไม่เป็นไรเนาะแต่งแค่เพราะอยากแต่งจริงๆ ค่ะ55555
เรื่องนี้ขอบคุณพล็อตเรื่องจากเพื่อนสนิทด้วยค่ะ มันค่อนข้างเรียล orz
ไปละค่ะ เม้นด่าได้นะว่าไม่สนุกง่ะ ;3; พูดจริง55555555
แล้วจะมาใหม่เมื่อโอกาสอำนวยนะคะ
สวัสดีค่ะ -/\-
ความคิดเห็น