ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - AF8 - | 'อมยิ้ม' [TaoKacha] Short Fiction

    ลำดับตอนที่ #16 : 'พักตรงนี้ {Special}

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ค. 56


    Free theme by Tem*



    ‘พักตรงนี้ Special :)

    ����������� ชายร่างสูงผิวขาวเนียนที่แต่งกายสบายๆ ก้าวเท้าช้าๆ ไปตามริมหาดทรายขาวนุ่ม สายลมแรงยามเย็นที่พัดปะทะใบหน้าทำให้ต้องหรี่ตาลงทุกครั้ง ภายใต้ฝ่ามือแกร่งกอบกุมมือเล็กของเด็กหญิงตัวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักไว้อย่างมั่นคง...ด้วยความรัก

    �����������

    “อื้อ..” เด็กน้อยส่งเสียงร้องเบาๆ เมื่อรู้สึกแสบที่ดวงตา

    �����������

    “อ่า...ทรายเข้าตาหรอครับลูก ให้หม่าม๊าพาไปล้างนะ” เสียงทุ้มแสนอบอุ่นก้มลงพูดกับเด็กหญิงตัวน้อยก่อนจะหันไปเรียกใครอีกคน

    �����������

    “คุณ...ทรายเข้าตาลูกน่ะ พาลูกไปล้างหน่อยนะ”

    �����������

    “อ้าวตายจริง มาหาหม่าม๊ามาลูก” หญิงสาวจูงมือเด็กน้อยเข้าไว้เอง ก่อนจะพาเดินกลับไปยังที่พัก

    �����������

    ชายร่างสูงมองตามไปจนลับสายตา แล้วหันกลับมาทางเดิม

    �����������

    ทันใดนั้น สายตาก็ได้ประสานกับใครบางคน...ชายหนุ่มคนนั้น...ดูคุ้นตา...เหมือนเคยเจอที่ไหน

    �����������

    เขาเผลอมองชายหนุ่มคนนั้นอยู่นาน แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก...ราวกับเลือนรางในความทรงจำ

    �����������

    อาจเป็นแค่ความรู้สึก...ว่าคล้ายๆ ใครบางคน

    �����������

    โดยไม่รู้ตัว...เขาอาจจะเผลอจ้องนานเกินไปจนชายหนุ่มคนนั้นส่งรอยยิ้มมาให้ และก้มหัวน้อยๆ เขาจึงทำได้เพียงยิ้มตอบบางๆ แต่ชายคนนั้นกลับไม่สนใจ และก้มลงหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมารับแทน

    �����������

    “ครับพี่...ได้ครับ เดี๋ยวบาสรีบไป”

    �����������

    บาส...งั้นเหรอ

    �����������

    ใช่...เขาเคยรู้จักคนชื่อบาส

    �����������

    เด็กผู้ชายคนนั้น

    �����������

    เด็กผู้ชายที่สวนสาธารณะนั่น!

    �����������

    จะใช่คนเดียวกันไหมนะ?

    �����������

    “เดี๋ยวบาส!” เหมือนสัญชาตญาณทำให้ตะโกนออกไป เมื่อเห็นว่าคนคนนั้นกำลังจะเดินจากไป

    �����������

    บาสหันกลับมาและขมวดคิ้วอย่างสงสัย...อยู่ดีๆ คนแปลกหน้าก็มาตะโกนเรียกชื่อ

    �����������

    “ผมเหรอครับ?” ชี้ตัวเองอย่างงงๆ

    �����������

    “เอ่อ...ครับ...น้องชื่อบาสใช่ไหม”

    �����������

    “ครับ...แล้วพี่เป็นใคร รู้จักผมได้ไง”

    �����������

    “บาสพอจะจำพี่ได้รึเปล่า พี่ว่าเราเคยเจอกัน”

    �����������

    “ผมไม่คุ้นพี่เลยแฮะ จำผิดคนเปล่าพี่?

    �����������

    “ยายบาสเคยขายของที่สวนสาธารณะรึเปล่า”

    �����������

    “ค..เคยครับ”

    �����������

    “บาสก็ชอบไปวิ่งเล่นใช่ไหม”

    �����������

    “ก..ก็ใช่ครับ”

    �����������

    “แล้วบาส...รู้จักพี่คชาใช่ไหม”

    ------------------------------

    �����������

    ����������� ท้องฟ้ามืดลงเพียงไม่นาน ผู้คนมากมายเดินหลั่งไหลออกมาจากประตูบานกว้างของห้องประชุมใหญ่หลังการสัมมนาสิ้นสุดลง บางคนมุ่งตรงไปยังร้านอาหาร และอีกหลายคนกำลังเดินกลับที่พักของตน หนึ่งในนั้นคือชายสองคนที่ยังเดินคุยกันมาตลอดตั้งแต่ลุกจากเก้าอี้ในห้องประชุม

    ����������� “คราวหลังอย่าหายไปจากห้องประชุมนานๆ แบบนี้อีกรู้เปล่า” คนอายุมากกว่าแต่ตัวเล็กกว่าเอ่ยกับลูกน้องซึ่งเอ็นดูกันเป็นน้องชายแท้ๆ ระหว่างเดินเลียบตามชายหาดกันไปเพื่อกลับที่พัก

    ����������� “ครับพี่” เป็นการตอบรับว่าจะไม่ทำอีก และยืนยันว่าฟังในสิ่งที่พี่ชายคนนี้สอนมาโดยตลอด คนที่ไปเล่นด้วยตอนเด็กๆ คนที่คอยช่วยยายมาเสมอ คนที่รับมาเลี้ยงดูจนเติบโตตั้งแต่ยายเสีย และคนที่เป็นเจ้านายอยู่ตอนนี้ คนที่มีบุญคุณมากที่สุดในชีวิต

    ����������� “เออ ไม่เป็นไร” พยักหน้าให้น้อง เพราะรู้ ว่าเป็นเด็กดี เป็นน้องชายที่เชื่อฟังมาตลอด สอนอะไรไปก็ทำได้ทุกอย่าง

    ����������� “เออใช่พี่คชา เมื่อตอนที่ผมออกมาอะ มีคนถามถึงพี่ด้วยนะ” เดินไปเล่าไปเรื่อยๆ เหมือนไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญอะไร

    ����������� “หืม? ใคร?” เอียงคอมองน้องเล็กน้อย ในสมองกำลังคิดว่ามีใครที่เคยรู้จักที่จะมาบังเอิญเจอกันแถวนี้ ถ้าเป็นกรุงเทพฯ ก็ว่าไปอย่าง

    ����������� “ชื่อ...ชื่อไรวะ ผมลืมแล้วอะ จิ๊ เดี๋ยวนะ มันติดอยู่ตรงเนี้ยพี่” เอามือชี้ปาก แอบหงุดหงิดตัวเองที่นึกไม่ออก ก็ถามมาแล้วแท้ๆ นะว่าชื่ออะไร คนถูกถามถึงก็ขมวดคิ้วลุ้นว่าจะเป็นใครที่มาถามหาตนเอง

    ����������� “แล้วเขาบอกว่าไง เป็นอะไรกับพี่”

    ����������� “ไม่ได้บอกว่ะพี่ แต่เขารู้เรื่องผมเยอะเลยนะ แล้วก็เขาถามผมว่ารู้จักพี่คชาใช่ไหม พี่คชาอยู่ไหนผมก็บอกว่าอยู่ในห้องสัมมนา แค่นั้นเองอะ แล้วก็..น่าจะแฟนกับลูกสาวเขามั้ง ก็มา แฟนเขาส๊วยสวย หน้าคุ้นๆ ด้วย เหมือนเคยเห็นในทีวีเลย นั่นแหละก็เลยเลิกคุย แต่ผมก็ถามแล้วนะว่าชื่ออะไร แต่ผมลืมอะพี่ เออ.. ตะ.. ตอเต่าอะพี่ โอ๊ยนึกไม่ออก!!” ขยี้หัวตัวเองไม่ได้ต่างจากพี่เวลานึกอะไรไม่ออก จิ๊ปากอีกทีสองที ชื่ออะไรวะ

    ����������� “หน้าตาท่าทางเป็นยังไง” คิ้วเรียวสวยขมวดแน่น พยายามนึกว่ามีเพื่อนคนไหนชื่อต. มีแฟน มีลูกสาว.... นึกไปก็นึกออกแค่คนเดียว

    ...คนที่ไม่มีทางเป็นไปได้

    ����������� “ก็.... ขาวๆ ขาวมากๆ อะพี่ หล่อๆ หล่อแบบ เป็นดาราได้อะ สูงๆ หน่อย พอๆ กับผมอะ แต่งตัวดี ดูท่าทางมีเงิน” นึกภาพคนที่เข้ามาคุยด้วยคนนั้นแล้วบรรยายให้พี่ชายฟัง ทำให้ขาเรียวที่ก้าวฉับๆ หยุดลงทันที

    ����������� “...พี่เต๋า...” เสียงที่เอื้อนเอ่ยแผ่วเบากับตนเอง ทำให้คนเป็นน้องที่หยุดเดินตามมองหน้าด้วยความสงสัยว่าพี่คชาพูดอะไร

    ����������� “บาส... เขาชื่อ.. เต๋า รึเปล่า” พยายามจะควบคุมเสียงไม่ให้สั่นไหว พยายามควบคุมร่างกายไม่ให้ผิดปกติไป พยายามควบคุมแววตาให้ไม่แสดงอะไรออกมา

    ����������� “เออ!! ใช่เลยพี่ ชื่อเต๋า ใช่ๆ รู้จักใช่ปะ”

    ����������� “..ใช่พี่จริงๆ เหรอ...” เสียงกระซิบแผ่วเบาลอยผ่านไปกับสายลมอีกครั้ง....

    �����������

    ไม่อยากเชื่อเลยว่าใครคนนั้นจะยังคงจำคชาคนนี้ได้ ทั้งๆ ที่เวลาล่วงเลยผ่านมาสิบกว่าปี... สิบกว่าปีเชียวนะ มันนานมากเลยนะ ทั้งๆ ที่ตั้งแต่วันนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันอีก ทั้งๆ ที่ตั้งแต่วันนั้น พี่เต๋าก็ไม่เคยผ่านมาที่สวนอีก ทั้งๆ ที่ตั้งแต่วันนั้น ... เป็นคชาเองที่ได้แต่เฝ้ามองพี่เต๋าข้างเดียวมาโดยตลอด

    ����������� หลังจากวันที่พบกันครั้งแรกที่สวนสาธารณะ หลังจากหนึ่งวันที่แสนมีความหมายวันนั้น ผ่านไปไม่กี่เดือน คชาก็ได้เห็นข่าวกำหนดการหมั้นของไฮโซสาวกับลูกชายนักธุรกิจใหญ่ ผู้ชายคนนั้น คือ “เต๋า เศรษฐพงศ์ เพียงพอ” คนที่ไม่เคยหายไปจากความทรงจำของคชาเลยสักวินาที

    ����������� จำไม่ได้หรอก ว่ารู้สึกยังไงตอนเห็นเขาครั้งแรก จำไม่ได้ ว่าทำไมถึงได้เดินเข้าไปหา จำไม่ได้ ว่าพูดอะไรออกไปเป็นคำแรก จำไม่ได้ ว่าบทสนทนาในหนึ่งวัน วันนั้นมันมีคำพูดชวนหวานอะไรบ้าง

    ����������� สิ่งที่คชาจำได้ มีเพียงคำสุดท้าย ที่ดังก้องอยู่ในหัวใจมาเสมอ... คำสุดท้าย ที่พี่เต๋าพูดกับเขาในวันนั้น ก่อนที่เขาจะเผลอใจ ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำที่สุดลงไป

    ����������� “ขอบคุณที่ทำให้พี่เชื่อใน.. รักแรกพบ”

    ����������� เพียงแค่ประโยคนี้... จูบที่แสนอ่อนหวานก็เริ่มต้นขึ้น พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงก้อนใหญ่ที่เกิดขึ้นในหัวใจคนที่ตัดสินใจจรดริมฝีปากลงกับอีกคน

    ����������� และความเปลี่ยนแปลงนั้น ก็ยังคงดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้...

    ����������� หลังจากวันที่บังเอิญเห็นข่าวของเต๋าเป็นครั้งแรก คชาก็เฝ้าติดตามข่าวของเต๋ามาโดยตลอด ทั้งๆ ที่ปกติแล้วไม่เคยสนใจข่าวสังคมแวดวงไฮโซ หรือแม้กระทั่งธุรกิจที่เต๋าทำอยู่เลยสักนิด คชารู้ทุกเรื่องของเต๋าผ่านข่าวพวกนั้น คชาเห็นหน้าเต๋าผ่านนิตยสารไฮโซ หรือบางครั้งก็โทรทัศน์ที่เต๋าได้โผล่มาบ้างเนื่องจากการร่วมงานสังคม คชารับรู้เสมอว่าเต๋ามีตัวตนอยู่ที่ไหน เต๋ากำลังทำอะไร เต๋าแต่งงาน เต๋ามีลูกสาวที่น่ารัก ... และเต๋าอยู่บนที่สูง ที่ที่คชาคงไปไม่ถึง

    ����������� คชารับรู้... รับรู้อยู่เพียงคนเดียว ทั้งที่เต๋าไม่เคยรู้เลยว่า คชาอยู่ที่ไหน คชาทำอะไร หรืออาจลืมไปแล้วด้วยซ้ำ... ว่าคชาคนนี้น่ะ มีตัวตนอยู่บนโลก

    ����������� จนกระทั่งวันนี้....คนที่บาสพูดถึง คนที่มาถามถึงคชา...จะใช่เต๋าจริงเหรอ?

    -----------------------------------------

    ����������� ภายในห้องพักที่ดีที่สุดของรีสอร์ทหรู ชายผู้หนึ่งยังนั่งอยู่บริเวณระเบียงห้องแม้ว่าจะเป็นเวลาดึกมากแล้วก็ตาม ขณะที่ภรรยาและลูกสาวนอนหลับสนิทอยู่ภายในห้องพัก

    ����������� นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่แสนดึงดูดทุกคนมองเหม่อลอยออกไปบนฟากฟ้าที่ดวงจันทร์กลมโตส่องแสงสว่างไสว

    ดวงจันทร์ดวงเดียวกับเมื่อสิบปีก่อน.. ดวงจันทร์ที่ไม่เคยหายไปไหน เหมือนกับความทรงจำบางอย่างที่ไม่เคยหายไปไหนเช่นกัน

    ����������� วันนี้เขาเจอบาส ผู้ชายคนเดียวกับเด็กตัวน้อยเมื่อสิบกว่าปีก่อน เด็กที่วิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ ตอนที่เขาได้คุยกับใครบางคน ... ใครบางคนที่ยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำ

    ����������� มันอาจจะดูเกินจริงไปสักหน่อย ที่เขาจะสามารถจดจำเด็กผู้ชายที่เติบโตเปลี่ยนแปลงกลายเป็นชายหนุ่ม แต่มันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ในเมื่อเขาแอบไปพบกับบาสที่สวนสาธารณะทุกๆ วันอาทิตย์ ไม่สิ...เรียกว่าไปพบไม่ได้ เมื่อเป็นเขาเพียงคนเดียวที่ไปนั่งแอบมองบาส บาสที่กำลังคุยเล่นกับพี่คชา..

    ����������� หลังจากวันที่พบกันวันแรกวันนั้น เต๋าไม่สามารถลบล้างคชาออกจากความทรงจำได้เลย เพียงแต่เต๋ารู้ดีว่าตัวเองจะต้องแต่งงาน ต้องทำหน้าที่ของนายเศรษฐพงศ์ เพียงพอ ด้วยเหตุนั้น เต๋าจึงไม่คิดที่จะพบกับคชาเป็นครั้งที่สอง อยากให้เรื่องราวระหว่างเต๋ากับคชาจบลงเพียงแค่วันนั้น

    เพราะรู้ดี ถ้าพบกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะไม่ใช่แค่คนรู้จัก

    จะเป็นเต๋าเองที่ห้ามใจไม่ได้ เป็นเต๋าเองที่จะต้องทำผิด..

    เพราะอย่างนั้นจึงทำได้เพียงไปแอบมองเขาอยู่ที่มุมหนึ่งของสวนสาธารณะ อย่างน้อย เพียงได้เห็นหน้า เห็นรอยยิ้มของคชา ก็เพียงพอแล้ว

    จนกระทั่งแต่งงาน เต๋าก็ยังคงคิดถึงผู้ชายที่แสนน่ารักคนนั้น ทั้งๆ ที่ต้องยอมรับว่าเจ้าสาวของเต๋าเป็นผู้หญิงที่ดีมากคนหนึ่ง เธอไม่ได้เป็นแค่คนสวยไปวันๆ เหมือนพวกนางร้ายในละคร แต่เธอเป็นคนจิตใจดี อ่อนโยน ชะตาชีวิตของเธอไม่ได้ต่างจากเศรษฐพงศ์เลยสักนิด เธอโดนพ่อบังคับให้แต่งงานกับด้วยเหตุผลทางธุรกิจ และเธอก็ต้องยอมรับตามหน้าที่ของลูกที่ดี

    แน่นอน การมีครอบครัวทำให้เวลาส่วนตัวน้อยลง จนเต๋าไม่ได้กลับไปที่สวนสาธารณะอีก เต๋าเริ่มเข้ามารับช่วงดูแลธุรกิจอย่างเต็มตัว มีการงานที่มั่นคง มีภรรยาที่ดูแลเป็นอย่างดี

    แม้ว่าจะเริ่มต้นด้วยการเป็นคนไม่รู้จักกัน แต่เมื่อต้องมาใช้ชีวิตร่วมกัน ความผูกพันก็ไม่ได้เกิดขึ้นยากเกินไป สำหรับผู้หญิงที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี เป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อม จิตใจอ่อนโยน มีความสุขแบ่งปันให้กับคนรอบข้างเสมอ และผู้ชายที่เติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่มีความรัก ความอบอุ่น มีแบบอย่างความเป็นสุภาพบุรุษจากพ่อ มีคำสอนให้เป็นคนดีจากแม่ ส่งผลให้เขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ เต๋าทำหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดเสมอ ภรรยาของเขาเองก็เช่นกัน

    ในที่สุด ความผูกพันก็ได้เติบโตเป็นความรัก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเต๋าเองรักภรรยาของเขา อาจไม่ได้มีความรู้สึกลุ่มหลงเสน่หาเหมือนที่เคยมีกับใครบางคน แต่เขาก็แน่ใจว่ามันคือความรัก ความรักแบบที่คนในครอบครัวมีให้กัน จนกระทั่งวันหนึ่งเศรษฐพงศ์ก็ได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ มีภรรยาแสนสวยและลูกสาวที่น่ารัก งานธุรกิจที่ทำก็เติบโตขึ้นทุกวัน และเขาก็เป็นคนที่ถูกจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งในวงการ

    ����������� “เฮ้อ....” เสียงทอดถอนลมหายใจดังขึ้น เมื่อนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงตอนนี้กำลังสับสนและคิดวกวนวุ่นวาย อยากเจอคชาเหลือเกิน สิบปีที่ไม่ได้เจอกัน ไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปยังไงบ้าง จะโตขึ้นบ้างไหม จะน่ารักเหมือนเดิมหรือเปล่า...

    ����������� ร่างสูงตัดสินใจลุกขึ้นยืน เดินผ่านภรรยาและลูกสาวที่นอนหลับสนิทอยู่ภายใน เพื่อออกไปปลดปล่อยอารมณ์ที่ชายหาดยามค่ำคืน

    �����������

    ����������� ร่างบางพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงเดี่ยวในห้องนอนของรีสอร์ทซึ่งเป็นที่พักที่บริษัทจัดหาไว้ให้ ในขณะที่เตียงข้างๆ กัน มีน้องชายที่นอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว

    ����������� “เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจดังขึ้นเป็นรอบที่สามเมื่อไม่ว่าจะข่มตายังไงก็ไม่สามารถทำให้ตัวเองหลับได้สักที สมองมันยังคงพะวงถึงใครคนนั้นที่มาถามหาตัวเอง

    ����������� ถ้าเป็นพี่เต๋าจริงๆ แล้วจะทำยังไง..

    ����������� ร่างบางตัดสินใจลุกออกจากห้องอย่างเงียบเชียบ เผื่อว่าออกไปนั่งรับลมทะเลข้างนอกแล้วจะดีขึ้น เผื่อความคิดทั้งหลายจะได้ไม่ฟุ้งซ่านมากไปกว่านี้

    ����������� คชาในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสั้นเดินเรื่อยๆ ไปตามหาดทรายที่พ้นบริเวณน้ำขึ้น แล้วตัดสินใจทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นทราย

    ����������� จากตรงนี้ คชามองเห็นดวงจันทร์ได้เต็มตา ดวงจันทร์ดวงเดิม ดวงเดียวกับเมื่อสิบกว่าปีก่อน ดวงจันทร์ที่คชาเฝ้ามองเสมอ เพราะคิดว่าบางที..พี่เต๋าอาจจะกำลังมองจันทร์ดวงนี้อยู่เหมือนกัน...

    ����������� แว่วเสียงเพลงดังมาจากที่ไกลๆ เหมือนรีสอร์ทถัดๆ ไปจะกำลังมีงานสังสรรค์ นักดนตรีเกากีตาร์โปร่งเสียงเสนาะ พร้อมกับเนื้อเพลงคุ้นหูที่ทำให้คชาชะงักฟัง

    ...ไม่สำคัญว่าฉัน จะรักสักเท่าไหร่

    บอกตัวเองให้ต้องข่มใจ ไม่อ่อนไหวเหมือนเคย

    เมื่อวันนี้ก็รู้ แม้ไม่มีเส้นทางต่อไป

    สุดทางแค่นี้ความรัก ไม่ว่าฉันคิดไกลสักแค่ไหน...

    ����������� พี่เต๋าอยู่ไกลแสนไกล.. คชารู้ดี แต่คชาก็ไม่สามารถข่มใจไม่ให้คิดถึงพี่เต๋าไม่ได้เลย จนกระทั่งเวลานี้ ผ่านมาเนิ่นนานขนาดนี้ คชาเติบโต คชาไม่ใช่เด็กผู้ชายอายุยี่สิบอีกต่อไป... แต่คชาก็ไม่เคยรักใครได้

    ����������� เคยลองคบ เคยลองพยายามรัก.. แต่ในที่สุด คนเดียวที่อยู่ในหัวใจ ไม่เคยมีใครมาแทนที่พี่เต๋าได้เลย

    ����������� เป็นเรื่องน่าเจ็บปวด น่าเจ็บปวดเหลือเกิน ราวกับโชคชะตาเล่นตลก ราวกับฟ้าจงใจกลั่นแกล้งกัน เพียงวันเดียวที่พบกันกลับทำให้คชารู้สึกเหมือนได้รับการเติมเต็ม เพียงวันเดียวที่พบกัน ผู้ชายคนนั้นกลับนำเอาหัวใจรักของคชาไป และไม่เคยคืนกลับมา

    ����������� ทั้งๆ ที่ตัวเองได้มีคนรักที่เพียบพร้อม ได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์.. แต่กลับทิ้งความรู้สึกนี้ให้คชาแบกรับ กลับทิ้งให้คชาต้องคิดถึงอยู่ฝ่ายเดียว กลับทำให้คชาได้เพียงนั่งมองอยู่ฝ่ายเดียว อยู่ในมุมมืดตรงนี้ ในขณะที่พี่เต๋าส่องแสงสว่างไสวอยู่คู่กับคนรัก ...พระเจ้าไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย

    ����������� คชาซบหน้าลงกับหัวเข่าฟังเสียงเพลงที่ยังบรรเลงต่อเนื่อง ตั้งใจฟังทุกคำ ให้มันลึกเข้าไปถึงหัวใจ.. ให้ยอมรับสักทีว่ามันเป็นไปไม่ได้.. เลิกคิดถึง เลิกคะนึงหา เลิกเอาชีวิตไปผูกติดกับคนที่เขาไม่เคยรับรู้เรื่องของเรา.. เลิกรักพี่เต๋าเสียที...

    ...คนคนนั้นที่ได้ผ่านมาในชีวิตครั้งหนึ่ง

    ไม่มีวันจะไม่คิดถึงว่าเคยได้ยืนใกล้

    ท่วงทำนองความรัก แม้ไม่เคยได้เป็นอย่างใจ

    ปล่อยให้มันบรรเลงอย่างนั้น แม้สุดท้ายน้ำตายังต้องไหล...

    ����������� “ขอนั่งด้วยคนนะครับ...” เสียงทุ้มแสนคุ้นหูดังขึ้นเบาๆ ข้างร่างบาง คชาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนเงยหน้าขึ้นมามองคนที่กำลังนั่งมองดวงจันทร์อยู่ข้างๆ ตน

    ����������� “พ...พี่เต๋า...” มันอึ้งเสียจนพูดไม่ออก ตกใจ ตื่นเต้น ดีใจ เสียใจ ประหม่า ขลาดกลัว ความรู้สึกทุกอย่างตีรวนขึ้นมาพร้อมกัน คชาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร พูดอะไร แม้กระทั่ง..ตอนนี้ต้องรู้สึกยังไงกันแน่

    ����������� “คชา..” เต๋าระบายรอยยิ้มกว้างให้กับคนข้างกาย รอยยิ้มเดียวกับผู้ชายอายุยี่สิบสี่ในวันนั้น..

    ����������� “พี่เต๋า...” ตอนนี้คชาเหมือนกับคนที่ไม่รู้ภาษา สิ่งที่พูดได้ตอนนี้คงมีแค่นี้เท่านั้น หัวใจมันสั่นไหวจนแทบจะระเบิดออกมา คนตรงหน้าคือพี่เต๋าจริงๆ คชาไม่ได้ฝันไป.. คือพี่เต๋า ผู้ชายที่ขโมยหัวใจรักของคชาไปจริงๆ

    ����������� “ดีใจมากที่เจอ พี่ดีใจมากที่เจอคชา พี่เดินมาเห็นเรานั่งอยู่ พี่รู้ว่าใช่เรา เราไม่เปลี่ยนไปเลยนะรู้ไหม ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดเดียว..” นัยน์ตาอบอุ่นที่จ้องมองมาช่างเหมือนกับพี่เต๋าเมื่อสิบปีก่อน เหมือนกับคนๆ นั้น คนที่ทำให้คชาหลงรักอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้

    ����������� “พี่เต๋า..คชา...” เกินจะพูดออกไป ทุกคำที่อยู่ในใจมันมากมายจนไม่รู้จะเรียบเรียงยังไง ใช่.. คชาไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิดเดียว คชาเป็นคชาคนเดิม คชาในวันนั้น คชาที่รักพี่เต๋า คชาที่คิดถึง คชาที่ไม่คิดไม่ฝันว่าพี่เต๋าจะกลับมาอยู่ตรงหน้าตอนนี้ คชาที่ดีใจมากจนไม่รู้จะบรรยายยังไง ที่พี่เต๋ายังไม่ลืม...

    ����������� “พี่คิดถึงคชา.. คิดถึง...” วงแขนอุ่นเลื่อนเข้ามาโอบกอดคนตรงหน้าแผ่วเบา ศีรษะกลมซุกซบลงบนอ้อมอกของคนที่แสนรัก และปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาช้าๆ

    ����������� “คชาก็คิดถึง...คิดถึงมาก....คิดถึง....คิดถึงพี่เต๋า...คิดถึงมาตลอด คิดถึงมาสิบปี.. คิดถึงทุกลมหายใจ... คิดถึง...” ความรู้สึกพรั่งพรูออกมาอย่างไม่หักห้ามใจตัวเองอีกต่อไป..

    ����������� “คชา...” ฝ่ามือหนาลูบลงบนเส้นผมนุ่มมือเบาๆ ราวกับจะปลอบโยนเด็กน้อยที่ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของเขา

    ����������� “คชาดีใจ...ดีใจที่พี่เต๋าจำคชาได้...ดีใจที่สุดเลย...” เสียงหวานพึมพำอยู่กับอกของเจ้าของอ้อมกอด จะไม่หยุดอีกแล้ว จะไม่ห้ามใจอีกแล้ว ขอแค่อีกคืนเดียว แค่คืนนี้ที่พี่เต๋าอยู่ข้างๆ กัน เพราะต่อไปจากนี้พี่เต๋าก็ต้องกลับไป กลับไปอยู่กับครอบครัวเหมือนเดิม

    ����������� “พี่ไม่เคยลืม..คชา... พี่ไม่เคยลืมเราเลยจริงๆ..” จมูกโด่งกดลงซึมซับความหอมจากกลุ่มผมนุ่ม พร้อมๆ กับถ่ายทอดความรู้สึกออกไปให้รับรู้ว่าที่เขาพูดทั้งหมดเป็นความจริง

    ����������� “อย่าปล่อยคชานะพี่เต๋า...คืนนี้กอดคชาไว้อย่างนี้ อย่าปล่อยคชานะ..” เสียงสะอื้นดังลอดออกมาเบาๆ จากคนที่กำลังขอร้อง การที่เป็นคนเฝ้ารอ เฝ้ามองมาตลอดสิบปีมันไม่ง่ายเลย...

    ����������� “อืม...พี่ก็อยากกอดคชาไว้แบบนี้เหมือนกัน” แม้ว่าจะเนิ่นนานที่ไม่ได้พบกัน แต่เต๋ากลับรู้สึกว่าความรู้สึกที่เคยมีไม่ได้ห่างหายไปไหน แต่กลับยิ่งโหยหา เมื่อได้พบคชา ราวกับความรู้สึกบางอย่างที่แหว่งๆ วิ่นๆ โดยไม่รู้ตัวมันถูกเติมเต็ม

    ����������� “พี่เต๋ารู้ไหม.. คชามองพี่เต๋ามาตลอด มองอยู่ตลอด... คชาเห็นพี่เต๋าส่องสว่างอยู่ไกลๆ คชาเห็นพี่เต๋ามีความสุข คชาก็มีความสุขไปตามพี่เต๋าด้วย...” เพราะรู้ว่าเวลาของเรามีเพียงแค่คืนนี้ ผ่านพ้นคืนนี้ไปคชาก็จะไม่ได้พูดอีกแล้ว

    ����������� “คชาไม่เคยมีใครเลยนะพี่เต๋ารู้ไหม..คชาลองคบกับใครก็คิดถึงแต่พี่เต๋าทุกที คชารักใครไม่ได้เลย...”

    ����������� “คชาเฝ้ามองพี่เต๋ามีความสุขกับแฟน คชาเห็นพี่เต๋าออกงานกับลูกด้วยนะ ลูกพี่เต๋าน่ารักมากเลย ชื่ออะไรนะ น้องคิตตี้ใช่มั้ย.. สามขวบแล้วใช่หรือเปล่า.. เอ๊ะ ใกล้สี่ขวบแล้วนี่นา”

    ����������� “แฟนพี่เต๋าก็สวย...คชาชอบดูรูปเค้ามากเลย เวลายืนข้างๆ พี่เต๋านะ เหมือนเจ้าชายกับเจ้าหญิงเลย คชาชอบเวลาเค้ายิ้ม เค้ายิ้มสวยจังเลยพี่เต๋า น้องคิตตี้โตมาต้องยิ้มสวยเหมือนคุณแม่แน่ๆ คชาว่าเดี๋ยวพี่เต๋าต้องหวงลูกสาวมากแน่ๆ เลย”

    ����������� “ชา...พอแล้ว...ไม่ต้องพูดแล้ว...” อกเสื้อที่เปียกไปหมดของเต๋าทำให้หัวใจสั่นไหว ไม่เคยรู้เลยว่าคชาเฝ้ามองตัวเองอยู่ตลอดแบบนี้ ไม่เคยรู้เลยว่าคชารักตัวเองมากขนาดนี้ ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองได้ทิ้งอะไรไว้ที่คชาบ้างหลังจากกันวันนั้น

    ����������� “คชารักพี่เต๋านะ...” แขนเรียวเล็กโอบกอดอีกคนแน่น ไม่อยากจะปล่อยไปเลยจริงๆ.. แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อเส้นทางของเราไม่ได้ถูกขีดมาให้บรรจบกัน

    ����������� “ร้องไห้เป็นเด็กเลย..โตแล้วนะเรา” เลี่ยงที่จะไม่ตอบ แต่กลับดันตัวอีกคนออกมาปาดน้ำตาให้แผ่วเบา ดวงตาคู่สวยบวมช้ำ แต่ริมฝีปากนั้นยังแย้มยิ้มให้เต๋าเสมอ

    ����������� “ก็คชาคิดถึง.. คชาไม่คิดเลยว่าจะได้เจอพี่เต๋าวันนี้ ที่นี่... ไม่เคยคิดเลยว่าเราจะได้เจอกันอีก.. เราไม่น่าจะเจอกันอีก” ประโยคสุดท้ายแผ่วเบาจนแทบหายไปในลำคอ

    ����������� จบคำพูดนั้น ริมฝีปากหยักก็ประทับลงบนริมฝีปากนุ่มของคนตรงหน้าแผ่วเบา ความรู้สึกเดิมๆ หวนกลับมา ความรู้สึกที่แท้จริงแล้วนอนนิ่งราวกับตะกอนอยู่ก้นหัวใจของเศรษฐพงศ์ ราวกับช่วงเวลานั้นหมุนกลับมาอีกครั้ง...

    ����������� เต๋ารู้ว่าตัวเองทำผิด... ตอนนี้เขาทำร้ายทั้งครอบครัวที่รออยู่.. และทำร้ายทั้งคชา..

    ����������� แต่เต๋าเองก็หยุดมันไม่ได้.. หยุดไม่ได้จริงๆ แบบที่ตัวเองเคยคิดไว้...

    ����������� เพียงแต่คืนนี้ผ่านพ้นไป เมื่อรุ่งอรุณแห่งวันใหม่ผ่านมา

    ����������� เรื่องราวของเต๋าและคชาก็จะจบลง... มันจะจบลงไป...

    ����������� จนกว่าฟ้าจะลิขิตให้เราได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง....

    ...คนบางคนผ่านมาให้รักไม่ได้เกิดมาเพื่อคู่กัน

    ทำได้แค่นี้ เรื่องเธอกับฉัน ท่องไว้

    คนบางคนผ่านมาแค่เขียนภาพเพื่อให้จดจำเอาไว้

    แค่นี้ก็ดีมากแล้ว

    ได้มีความทรงจำ ที่แม้จะเจ็บ

    ก็สวยงาม...

    �End.



    Talk,,

    ในที่สุดก็จบ T^T *รัวมือ*

    ถ้ามีโอกาสจะมารีไรท์นะคะ นี่แบบ ไม่ได้ทวน ไม่ได้มีสมาธิอะไรในการแต่งเลย

    ขอบคุณตัวเองที่กลับมาแต่ง

    ขอบคุณ คุณทุกคนที่กวาดสายตาผ่านมาค่ะ <3

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×