ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - AF8 - | 'อมยิ้ม' [TaoKacha] Short Fiction

    ลำดับตอนที่ #1 : 'พักตรงนี้ {end}

    • อัปเดตล่าสุด 25 มี.ค. 58






                  ต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขา ใบสีเขียวขจีปกคลุมพื้นที่ริมน้ำในสวนสาธารณะแห่งนี้ แสงอาทิตย์ในยามบ่ายเล็ดรอดผ่านใบไม้เหล่านี้มาได้เพียงเล็กน้อย ลมโชยพัดผ่าน ปลาหลากหลายชนิดว่ายเวียนไปมาอย่างมีความสุข..

                   

    ชายผู้หนึ่ง.. ร่างสูง ผิวขาว นั่งอยู่บนเก้าอี้หินอ่อนริมน้ำราวชั่วโมง สายตาเหม่อมองไปยังอีกฟากฝั่งน้ำ..

                   

    ร่างบางวิ่งด้วยเท้าเปล่าอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียวสด หยอกล้อกับเด็กผู้ชายร่างป้อมตัวเล็ก อายุราว 7-8 ปี สีหน้าและท่าทางของคนทั้งคู่เปี่ยมไปด้วยความสุข

                   

    เขาเองก็ไม่รู้ว่าสายตาจับจ้องไปที่ร่างบางนั้นนานแค่ไหน.. เพียงแต่ตอนนี้ร่างบางๆ นั้นหยุดการวิ่ง ล่ำลาเด็กน้อย ใส่รองเท้า แล้วเดินตรงมาทางนี้.. ทางที่เขากำลังนั่งอยู่

                   

    .. คงจะรู้ตัวว่ามีคนกำลังจ้องมอง ..

                   

    “คุณ.. มีอะไรหรือเปล่าครับ ผมเห็นว่ามองผมอยู่ตั้งนานแล้ว”

                   

    “อ..อ๋อ เปล่าครับ ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ”

                   

    “ไม่เป็นไรครับ”

                   

    “ถ้าไม่รบกวน.. นั่งเป็นเพื่อนคุยกับผมหน่อยได้ไหมครับ?”

                   

    “อ..อ้อ ได้สิครับ” รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน ส่งผลให้ผู้เอ่ยปากชักชวนอดยิ้มตามไปไม่ได้.. ทำไมเขาถึงได้รู้สึกหลงใหลผู้ชายคนนี้อย่างห้ามใจไม่ได้..

     

    เขาเพียงเครียดกับเรื่องวุ่นวายรอบๆ ตัวที่ถาโถมเข้ามาจนตั้งรับไม่ทัน แค่ภาระหน้าที่การทำงานที่ต้องแบกรับมันก็มากพอแล้ว เขายังจะต้องทำตามใจทุกคนรอบตัวตามที่คนพวกนั้นต้องการ เขาโดนบังคับให้แต่งงานกับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รัก เพียงเพราะเหตุผลทางธุรกิจ อาจจะฟังเหมือนนิยายน้ำเน่า แต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นกับเขาจริงๆ เขาเองก็อยากจะไม่เชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะมีในชีวิตจริงด้วยซ้ำ เขาไม่อยากจะตอบสนองความต้องการของทุกคน เขารับความวุ่นวายนี้ไม่ไหว เขาต้องการเวลา เขาจึงหนีออกมาจากสถานที่ที่แสนวุ่นวายนั้น หนีออกมานอกเมือง หนีออกมาทำใจให้สบาย ยังสวนสาธารณะแห่งนี้ ก่อนที่เขาจะต้องกลับไปรับความจริง..

                   

    แล้วเขาก็ได้เจอผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่ดึงดูดสายตาเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่มอง รอยยิ้มสดใสที่ปรากฏบนดวงหน้าเรียวสวยนั่นก็ทำให้เขาละสายตาไม่ได้ หากไม่เห็นท่าวิ่งแบบนั้นละก็ บางครั้งเขาอาจจะคิดว่านี่เป็นสาวน้อยด้วยซ้ำ

                   

    “พี่ชื่อเต๋านะครับ” เป็นร่างสูงที่เปิดประเด็นพูดขึ้นก่อน เมื่อคนที่เขาชักชวนได้นั่งลงข้างๆ เขาสักพัก

                   

    “อ่า..คชาครับ”

     

    “คชามาที่นี่บ่อยไหมครับ”

                   

    “พยายามมาทุกอาทิตย์น่ะครับ มาเล่นกับบาสเขา เด็กคนนั้นนั่นแหละครับ เป็นเด็กน่ารัก ร่าเริง แต่น่าสงสาร พ่อแม่เขาเสียไปตั้งแต่ยังเล็ก นี่ก็ช่วยยายขายของอยู่ที่นี่น่ะครับ”

                   

    “คชาท่าทางรักเด็กนะครับเนี่ย เป็นนางงามรึเปล่า ฮ่าๆๆ”

                   

    “บ้าเหรอครับพี่ ผมเป็นผู้ชายเน้อ”

                   

    “ฮ่าๆ พี่ล้อเล่น”

                   

    “พี่เต๋ามาคนเดียวเหรอครับ”

                   

    “อืม.. พี่เบื่อชีวิตในเมือง วุ่นวาย เหนื่อย”

                   

    “นั่นสิ คชาว่า ที่นี่สงบดี บรรยากาศร่มรื่น ลมเย็นๆ คชาชอบ”

                   

    “พี่ก็ว่าพี่ชอบ”

                   

    “คชาว่าใครมาก็ต้องชอบ ยิ่งทำงานเหนื่อยๆ หนักๆ มาเจอบรรยากาศแบบนี้แล้วเหมือนสมองโปร่ง”

                   

    “พี่ไม่ได้หมายถึงสวน”

                   

    “อ้าว แล้วพี่เต๋าหมายถึง?”

                   

    “หึหึ”

                   

    “หัวเราะอะไรพี่?”

                   

    “พี่ว่าพี่ชอบจริงๆ ว่ะ น่ารัก”

                   

    “อะไรของพี่เนี่ย คชางง”

                   

    “เอาเถอะ..” ยิ่งอมยิ้มยิ่งทำให้คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ งงกับอาการของเต๋ามากขึ้นไปอีก

                   

    “พี่เต๋าอายุเท่าไหร่อะพี่”

                   

    “ยี่สิบสี่ครับ เราอะ?”

                   

    “ยี่สิบฮะ”

                   

    “มีแฟนยัง?”

                   

    “ยังครับ ถามไมเนี่ยพี่”

                   

    “เผื่อจีบไง”

                   

    “เห้ย! คชาเป็นผู้ชาย”

                   

    “ก็ไม่เหมือนสักเท่าไหร่หรอก”

                   

    “เออ มีแต่คนบอกคชาหน้าหวาน จริงเหรอพี่?”

                   

    “ยิ่งกว่าจริงอีก”

                   

    “คชาว่าคชาหล่อแล้วนะ”

                   

    “อย่างงี้นะเรียกหล่อ? พี่ว่าคชาน่ารักว่ะ”

                   

    “จริงดิพี่ -///-“

                   

    “ไม่ต้องหน้าแดงก็ได้ ฮ่าๆๆ ไม่เคยมีใครชมเหรอ”

                   

    “ก็มี.. แต่แบบ ไม่ค่อยเชื่อไง”

                   

    “เออ ถ้าใครบอกน่ารักก็เชื่อๆ ไว้ แล้วเคยมีใครจีบป้ะ”

                   

    “ไม่รู้อะ คชาไม่รู้ว่าเค้าจีบรึเปล่า -0-“

                   

    “คชาเอ๊ย” ร่างสูงตอนนี้ทำได้เพียงหัวเราะเบาๆ ให้กับความใสซื่อ(?)ของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาตอนนี้

                                   

    “หัวเราะชาทำไมเล่า” คชาตีแขนคนข้างๆ เบาๆ และก็มีปฏิกิริยาตอบสนองทันที คือการที่มือขาวรีบคว้ามือบางมากุมไว้

                   

    “คชา พี่ไม่ได้พูดเล่นนะ น่ารักว่ะ”

                   

    “พ..พี่เต๋า พูดอะไร”

                   

    “เฮ้อ.. บางทีถ้าพี่ไม่ได้เกิดมาอยู่ในสถานะนี้ อะไรๆ มันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้”

                   

    “พี่เต๋า..”

                   

    “คชา.. พี่ขอยืมไหล่หน่อยนะ” ไม่รอคำตอบ ร่างสูงก็ค่อยๆ เอนตัวลงซบกับไหล่ของร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ ใบหน้าคมนั้นอยู่ห่างใบหน้าของอีกคนเพียงคืบเท่านั้น เต๋าปิดเปลือกตาลงช้าๆ ราวกับจะละทิ้งทุกอย่างที่เขาต้องพบเจอ

                   

    “พักตรงนี้..ดีกว่า หยุดและพักให้คลาย..หายเหนื่อย สายลมไหวโชยเอื่อย เหนื่อยให้คลายได้แรงกลับคืน เหมือนเดิม...” เสียงใสๆ ของคชาเริ่มร้องเพลงขึ้น ทำให้คนที่ซบไหล่ของเขาอยู่ลืมตาขึ้นมองเล็กน้อย และหลับตาลงฟังเสียงใสร้องเพลงต่อไป

                   

    “เพราะทางนั้น ไกลอยู่ และไม่รู้ต้องเดินอีกไกล เท่าไหร่ มีเรื่องราว มากมาย ที่ยังคอยให้เราเข้าไป พบเจอ.. ที่ตรงนี้.. นั้นมีต้นไม้ มีร่มเงาให้นอนสบาย พักผ่อน ลมไม่แรง แสงแดดไม่ร้อน มีฟ้าเอาไว้ห่มนอน และรักแท้จริงใจ” มือบางค่อยๆ เลื่อนไปกุมมือหนาที่วางอยู่ข้างๆ กาย ราวกับต้องการจะถ่ายทอดพลังให้ส่งผ่านไปถึงคนที่ดูเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินในเวลานี้

                   

    “พักตรงนี้ ดีกว่า เหนื่อยมานานกับความสับสน วุ่นวาย นอนเถอะนอน ให้สบาย ตื่นขึ้นมาแล้วเดินต่อไป ตามทาง ..”

               

    “คชา..” เสียงเรียกของคนที่ยังคงหลับตาดังขึ้นเบาๆ โดยไม่ได้มีคำพูดใดตามมา ในขณะที่มือทั้งสองยังกุมกันอยู่

                   

    “คชาไม่รู้หรอกนะว่าพี่เต๋าเจอเรื่องอะไรมา แต่คชารู้ว่าพี่เหนื่อย คชาอยากให้พี่พักก่อน อยู่กับคชาตรงนี้ คชารู้ว่าพี่มองคชาก่อนที่คชาจะเดินมาหาพี่ตั้งนานแล้ว.. คชาก็มองพี่อยู่เหมือนกันนะ ไม่รู้ตัวเลยเหรอเนี่ย”

                   

    “คชา..” คราวนี้คนเรียกลืมตา และผละออกมาจากไหล่บางๆ ที่ซบอยู่

                   

    “เมื่อกี๊คชาให้พี่ยืมไหล่คชาแล้ว คราวนี้พี่เต๋าต้องให้คชายืมบ้างแล้วละ” พูดจบก็เอียงซบไหล่ของคนข้างๆ ทันที และแทบจะทันทีอีกเช่นกัน ที่มือหนาเลื่อนมาโอบร่างบางข้างๆ นั่นไว้

     

                   

    นานเท่าไรไม่รู้ที่ร่างกายทั้งสองร่างยังคงแนบชิดกันอยู่อย่างนั้น ดวงอาทิตย์ค่อยเคลื่อนต่ำลง จนในที่สุดก็ค่อยๆ หายไป ดวงจันทร์กลมโตค่อยๆ เคลื่อนขึ้นมาแทนที่ ท้องฟ้ามืดสนิท มีเพียงแสงจากพระจันทร์ดวงใหญ่เท่านั้น

                   

    “คชา..” เสียงนุ่มกระซิบเบาๆ ข้างๆ หูของคนที่หลับปุ๋ยอยู่บนไหล่ของเขา

                   

    “พี่เต๋า..มืดแล้วเหรอเนี่ย” ตาเรียวคมค่อยๆ เปิดขึ้นมองท้องฟ้าที่โอบล้อมอยู่โดยรอบ

                   

    “เดี๋ยวพี่ก็ต้องไปแล้วนะ” น้ำเสียงนั้นราวกับอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ ถ้าเป็นไปได้.. เขาต้องการอยู่อย่างนี้ตลอดไป

                   

    “พี่เต๋าอย่าห่วงเลย ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล ทุกอย่างมันจะต้องผ่านไปนะครับ”

                   

    “แล้วเรื่องของเราสองคนก็จะผ่านไปเหมือนกันใช่ไหม พี่อยากหยุดเวลาให้อยู่แค่ตรงนี้ พี่อยากอยู่กับคชาตลอดไป”

                   

    “คชาเชื่อว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นฟ้าได้กำหนดไว้แล้ว ฟ้าอาจจะกำหนดให้พี่เต๋าต้องเจอเรื่องเหนื่อยหนัก แต่สักวันมันก็จะผ่านไป .. และฟ้าอาจจะกำหนดให้เราได้เจอกันในเวลาสั้นๆ แต่ฟ้าก็กำหนดให้เราได้มีเวลาดีๆ ด้วยกันแบบนี้ไงครับ”

                   

    “ขอบคุณนะคชา ขอบคุณที่ทำให้หนึ่งวันของพี่มีความหมาย ขอบคุณที่ทำให้พี่รู้สึกดีมากขนาดนี้ ขอบคุณที่ทำให้พี่เชื่อใน.. รักแรกพบ”

                   

    เมื่อสิ้นเสียงนั้น มือเรียวบางทั้งสองข้างของคชาก็จับที่แก้มขาวเนียนของอีกฝ่าย ก่อนโน้มใบหน้าของตัวเองให้เข้าใกล้เจ้าของแก้มที่จับอยู่มากขึ้น แล้วประกบริมฝีปากบางของตัวเองเข้ากับริมฝีปากอวบอิ่มตรงหน้า เต๋าเบิกตากว้างเล็กน้อยด้วยความตกใจ ก่อนจะค่อยๆ ลิ้มรสหวานจากอีกฝ่ายที่เปิดทางให้อยู่แล้ว

                   

     

    โลกทั้งโลกราวมีเพียงเขาสองคนเท่านั้น วินาทีนี้ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามจะไม่มีวันทำให้ทั้งสองคนแยกกันได้ แม้ว่าเขาทั้งสองคนจะไม่ได้พบกันอีกตลอดไป แต่ความทรงจำทุกอย่างในวันนี้ จะไม่มีวันหายไปจากความทรงจำของทั้งคู่เลย..


     

    -- End --





    Talk,,
    เป็นยังไงกันบ้างคะ?
    เม้นท์บอกกันหน่อยสิคนดี :)
    ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ
    รักคนอ่าน รักคนเม้นท์ จุ๊บสามที >w<

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×