ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โนลีนีเซีย ตำนานอาณาจักรเวทมนต์

    ลำดับตอนที่ #2 : องครักษ์

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ย. 52





                        สิบห้าปีผ่านไป . . .

    เรนเนียร์โตขึ้นเป็นหญิงสาวที่งดงาม ผมสีดำขลับยาวประบ่า ตากลมโตสีม่วงเข้มอ่านยากคู่นั้นของเธอดูเศร้าหมอง โดดเดี่ยวและเย็นชา อีกทั้งรูปลักษณ์ภายนอกยังดูเหมือนชายหนุ่มมากกว่าหญิงสาว 

    เนื่องด้วยตระกูลคลูเร็ตเป็น ตระกูลขุนนางชั้นสูง การไปพบกับองค์โรนอส นายเหนือหัวของอาณาจักรแห่งนี้ จึงเป็นเรื่องปกติ อย่างในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน แต่ต่างออกไปตรงที่ครั้งนี้เอลเดอร์ได้พาเรนเนียร์ไปด้วย

    เมื่อถึงวังเรนเนียร์ก็ขอตัวออกไปเดิน เล่นที่สวนธรรมชาติ เพราะไม่มีความจำเป็นอะไรที่เธอจะเข้าไปยุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ ขณะเดียวกันเจ้าหญิงฟาเรนเซีย เฮอร์ ไฮล์ท พระราชธิดาขององค์โรนอส เฮอร์ ไฮล์ท ได้หนีพี่เลี้ยงในวังมาเดินเล่นในสวนธรรมชาติเช่นกัน แต่หลังจากเดินทอดน่องไปได้ซักพัก เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคน ปกติแล้วไม่หน้าจะมีใครเข้ามาในนี้ได้ก่อนได้รับอนุญาตเรื่องคนสวนนั้นตัดไปได้เลยเพราะ คนสวนจะมาดูแลเฉพาะตอนเช้าเท่านั้น คงจะเหลือเพียง
    อย่างเดียว ผู้บุกรุก คิดได้ดังนั้นฟาเรนเซียก็ลดเสียงฝีเท้าของตนเองลง แล้วสาวเท้าเข้าไปใครผู้บุกรุกที่เริ่มจะใกล้เข้ามาทุกที 

    ฝ่ายเรนเนียร์เองก็เดินชมสวนไปเรื่อยอย่างเป็นสุข แต่ก็สามารถรับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่มาพร้อมกับผู้มาใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งคงจะไม่เป็นมิตรนัก ถึงจะเก็บเสียงฝีเท้าได้ดี แต่ก็ยังเก็บจิตสังหารได้ไม่ดีพอ สงสัยจะเป็นพวกอ่อนหัด เรนเนียร์หลับตาลงรวบรวมสมาธิ แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพุ่งตัวอย่างเร็วไปยังแหล่งกำเนิดจิตสังหารนั้น แล้วชักมีดสั่นที่ไม่รู้ว่ามาอยู่ในมือเจ้าตัวตั้งแต่เมื่อไรขึ้นมาแล้วจอไว้ที่คอผู้มาใหม่โดยไม่ให้ทันตั้งตัว 

    “อยู่นิ่งๆ” เรนเนียร์ผู้ด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ใครจะรู้ว่าภายใต้ใบหน้า และน้ำเสียงที่แสนจะเย็นชานั้น มันจะเต็มไปด้วยความขบขัน ผู้หญิงอะไรจะส่งจิตสังหารได้แรงขนาดนี้ น่าสนใจจริงๆ 
     

    “...” เมื่อมองหน้าผู้บุกรุกดีๆ ฟาเรนเซียก็ถึงกับอึ้ง คนที่เธอคิดว่าเป็นผู้บุกรุกนั้น กลับกลายเป็นเป็นหนุ่มหน้าหวานอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน เขาใช้นัยตาสีม่วงเข้มน่าหลงใหลคู่นั่นจ้องมองเธอไม่วางตา ซึ่งมันก็ทำให้เธอรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที กว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอเวลามันก็ผ่านไปนานพอสมควรแล้ว

    “เจ้าเป็นใคร มาทำอะไรที่นี้ ไม่รู้หรือไงว่ามันเป็นที่ของข้า”

    “ ...” เรนเนียร์เลิกคิ้วขึ้นพลางมองหน้าคนที่อ้างว่าตนเป็นเจ้าของที่อย่างหาเรื่อง ซึ่งมันก็ทำให้ฟาเรนเซียถึงกับควันออกหู แต่ลึกๆแล้วเธอกลับรู้สึกถูกชะตากับคนตรงหน้าอย่างประหลาด

    “ข้าชื่อฟาเรนเซียเป็นเจ้าหญิงของอาณาจักรนี้ ข้าต้องการให้เจ้าไปพบท่านพ่อกับข้าเดี่ยวนี้” พูดจบฟาเรนเซียก็ลากเรนเนียร์ไปหาผู้เป็นพ่อโดยไม่รอคำตอบเลยแม้แต่น้อย ถึงเธอจะยังไม่รู้จักคนคนนี้เลยก็ตาม แต่ธอก็รู้สึกว่าคนตรงหน้ามีอะไรที่ต่างจากคนทั่วไปแน่ เธอจึงอยากรู้จักเขาให้มากขึ้น ท่านพ่อเองก็ยังหาองครักษ์ให้กับเธอไม่ได้เธอก็หาเองซะเลย ท่านพ่อกับลุงเอลเดอร์จะได้ไม่ต้องเหนื่อย คิดได้ดังนั้นฟาเรนเซียก็ยิ้มนิดๆ และเร่งฝีเท้าขึ้นอีก อาการยิ้มกริ่มของฟาเรนเซียทำให้เรนเนียร์งงเข้าไปใหญ่เพราะเพิ่งจะเคยเจอคนที่คิดเองเออเองอย่างนี้เป็นครั้งแรก แต่ก็คงไม่แย่เท่าไรหรอกมั้ง ถ้าเธอจะมีเพื่อนใหม่ซักคน


                        ก๊อก ก๊อก

    “เข้ามาได้” สิ้นเสียงนั้น ฟารนเซียก็ลากเรนเนียร์ให้เข้าไปในห้องทำงานของผู้เป็นพ่อทันที


                 ภายในห้องทำงานขององค์โรนอสนั้น เป็นห้องขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยหนังสือที่จัดเรียงไว้บนชั้นอย่างเป็นระเบียบ โต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่กลางห้องก็เต็มไปด้วยเอกสารต่างๆนานา ที่คนเป็นกษัตริย์เองยังขยาด มองหลังกองเอกสารนั้นไปจะเห็นว่าองค์โรนอสกำลังส่งยิ้มให้ผู้เป็นดังแก้วตาดวงใจของตนอย่างอบอุ่น  ซึ่งภาพที่หาได้ในครอบครัวนั้นทำให้เรนเนียร์ถึงกับรู้สึกอิจฉาอยู่ลึกๆ ส่วนเอลเดอร์ที่นั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้รับแขกที่ไม่ห่างกันนัก ก็มองเรนเนียร์ไม่วางตา

    “เสด็จพ่อเพคะ ข้าต้องการให้ชายคนนี้มาเป็นองครักษ์ให้กับข้า”

    “หือ แล้วเขาเป็นใครล่ะ” หลังฟังความต้องการของลูกสาวตัวน้อย เขาก็ต้องเหลือบไปมองชายคนนี้ของลูกสาวเต็มๆตา 

    “เอ่อ..ข้าเองก็ยังไม่ทราบเหมือนกันเพคะ” เธอตอบไปด้วยน้ำเสียงอ่อยๆและมองพ่อขอตนของสายตาขอลุแก่โทษ ซึ่งมันก็ทำให้คนถูกมองแทบจะตบหน้าผากตัวเองดังๆ ลูกคนนี้เนียน้าไม่รู้จักถามชื่อถามแซ่เขาก่อน สงสัยจะรีบมากล่ะสิเนี้ย น่าจับมาตีซะให้เข็ด

    “เจ้าชื่ออะไรล่ะ”

    “ข้าชื่อ เรนเนียร์” เรนเนียร์ตอบออไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความเคารพนตรงหน้าอยู่ไม่น้อย ท่าทางของเรนเนียร์นั้นสรางความประทับใจให้กับโรนอสอยู่ไม่น้อย เด็กคนนี้ถึงจะดูเงียบแต่ก็รู้จักกาละเทศะดี แถมนิสัยเงียบๆแบบนี้น่าจะเอาเจ้าลูกคนนี้ได้อยู่หมัด 

    เมื่อเอลเดอร์เห็นเรนเนียร์ก็รู้สึกตกใจไม่น้อย ในเมื่อลูกเขาเป็นผู้หญิงแล้วทำไมถึงกลายเป็นผู้ชายไปได้ แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะพูดอะไรเพราะต้องการให้เรนเนียร์เป็นคนพูดเอง พอผ่านไปสักพักลูกสาวตัวดีก็ยังไม่คิดจะแก้ไขผิดนั้นเลย เอลเดอร์จึงได้แต่ถอนหายใจ และพูดกับฟาเรนซียว่า 

    “เจ้าหญิงข้าเกรงว่าท่านจะเข้าใจผิดแล้วล่ะ นี้คือเรนเนียร์ลูกสาวของข้า”

    “ลูกสาวของท่าน งั้นก็เป็นผู้หญิงน่ะสิ”ฟาเรนเซียพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าปกติเล็กน้อย ด้วยความตกใจ ก็คิดอยู่หรอกถ้าเป็นผู้ชายก็ดูจะหน้าหวานเกินไปหน่อย แต่ไม่คิดเลยนะว่าจะเป็นผู้หญิงจริงๆ 

    “...” ฝ่ายเรนเนียร์เองก็หันไปส่งสายตาเป็เชิงขอบคุณให้กับผู้เป็นพ่อ ที่ทำให้เธอไม่ต้องแก้ความเข้าใจผิดของหญิงสาวด้วยตัวเอง

    “ถึงอย่างไรข้าก็จะมอบตำแหน่งองครักษ์ ให้เจ้า จะรับได้หรือไม่” องค์โรนอสก็ตรัสออกมาหลังจากนั่งเงียบอยู่นาน 

    “ข้าแล้วแต่ท่านพ่อ” เรนเนียร์ตอบเสียงเรียบ สายตาสองคู่ของฟาเรนเซียและองค์โรนอสก็หันไปมองเอลเดอร์ทันที ทำเอาเอลเดอร์ถึงกับเหงื่อตก นั่งลังเลใจอยู่ชั่วครู่ เอลเดอร์ก็ตอบตกลงอย่างเสียไม่ได้ เล่นมองกันอย่างนี้แล้วใครที่ไหนจะไปกล้าปฏิเสธ คนหนึ่งก็เจ้านาย อีกคนก็ลูกของเจ้านาย

    “ดี งั้นไปที่ลานประลองเดี่ยวนี้” ถ้าข้าจะขอทดสอบลูกเจ้าหน่อยคงไม่เป็นไรใช่ไหมเอลเดอร์  

    ลานประลองของที่นี้ใหญ่กว่าลานฝึกที่บ้านอีกนะเนี้ยเรนเนีย์คิดอย่างตื่นเต้น แต่ก็ยังรักษาหน้าตานิ่งเฉยไว้ได้อย่างเหนี่ยวแน่น สนามถูกสร้างขึ้นด้วยอิฐชั้นดีที่มีความคงทนและสวยงาม ยิ่งได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ก็จะสามารถคงสภาพเดิมไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ชมความงามของสนามประลองได้ไม่นาน 

    “เจ้าพร้อมหรือยังเรนเนียร์” องค์โรนอสตรัสถาม แต่ก็ได้รับเพียงการพยังหน้าเป็นคำตอบ ถึงจะเป็นการเสียมารยาทแต่ตัวเขาก็ไม่ได้สนใจเท่าไรนักสิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้คือฝีมือของเด็กคนนี้ต่างหาก

    “เริ่มการทดสอบได้!!” สิ้นเสียงประกาศนั้นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่สามคนก็เดินออกมาพร้อมอาวุธครบมือ เรนเนียร์เห็นดังนั้น ก็ยิ้มนิดๆ ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มคนแรกที่ดูอ่อนแอที่สุด เรนเนียร์มองชายคนแรกอย่างระแวดระวัง  ก่อนจะหยิบมีดน้ำแข็งประจำตัวปาเข้าใส่ แต่ชายคนนั้นก็สามารถกระโดดหลบได้ พร้อมกับคว้าแส้ตวัดใส่เรนเนียร์ทันที ทำให้อาวุธคู่กายหลุดออกไปจากมือ

    “ฝีมือใช้ได้” เรนเนียร์กล่าว ระหว่างที่เธอกำลังชื่นชมความสามารถของชายคนแรกอยู่นั้น ชายหนุ่มคนที่สองก็พุ่งดาบมาหมายจะทำร้าย ถ้าเป็นคนปกติคงกลัวไม่น้อยเพราะไม่มีอาวุธอยู่ในมือเลยซักชิ้น แต่ไม่ใช่กับเธอแน่ ซึ่งเธอก็ไม่ได้สนุกอย่างนี้มานานแล้ว แต่คงต้องทำให้มันจบแล้วล่ะนะ คิดได้ดังนั้นเรนเนียร์ก็เบี่ยงตัวหลบวิถีดาบของอีกฝ่ายทันที ก่อนจะสร้างดาบน้ำแข็งขึ้นไว้ในมือขวา และเงื่อดาบโจมตีอย่างรวดเร็วโดยอาศัยเวทลมเข้าช่วย พร้อมกับสร้างใบมีดน้ำแข็งไว้
    ในมืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ และปาออกไปตัดอาวุธออกจากมือคู่อีกสองคนที่เหลือไปพร้อมกัน 

    เคร้ง!! เสียงดาบตกกระทบพื้น ดังไปทั่วลานประลอง ด้วยเพลงดาบที่เหนือชั้นและความเร็วที่มองตามแทบไม่ทัน ทำให้เรนเนียนร์สามารถปัดดาบในมือคู่ต่อสู้ได้อย่างสวยงาม ก่อนจะจบด้วยการร่ายเวทย์เแช่แข็งชายคนนั้น และอีกสองคนที่เตรียมจะเข้ามาช่วยเพื่อนของตนทันที 

    แปะ แปะ แปะ เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มของทั้งองค์โรนอสและฟาเรนเซีย แต่เอลเดอร์กลับมีสีหน้าเป็นกังวล ครุ่นคิด เรนเนียร์มองไปที่เอลเดอร์พร้อมกับความสงสัยที่เกิดขึ้นในใจ แต่ด้วยมารยาทจึงไม่ถามออกไป

    “เจ้าทำได้ไม่เลว ประยุกต์ใช้เวทย์น้ำและลมได้ดีเยี่ยม” เมื่อได้รับคำชมเรนเนียร์ก็ค้อมศีรษะลงเล็กน้อย เป็นการขอบคุณ

    “เจ้าต้องติดตามลูกสาวข้า ไม่ว่าที่ใดก็ตาม รวมถึงต้องมาอยู่ในวังด้วย”

    “แต่ว่า...”

    “เจ้ามีปัญหาอะไรรึ เอลเดอร์”

    “ปะเปล่า แล้วต้องเข้าวังวันไหนล่ะ”

    “เอาเป็นอาทิตย์หน้าแล้วกัน แล้วข้ะคอยดูผลงานของเจ้า” เรนเนียร์และเอลเดอร์ต่างพยักหน้ารับ แต่ต่างคนก็มีสีหน้าที่ต่างกัน เรนเนียร์มีสีหน้านิ่งเฉย ผิดกับเอลเดอร์ที่มีสีหน้าแสดงถึงความเป็นห่วง และกังวล แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา

    หลังจากพูดคุยถึงรายละเอียดต่างๆอีกนิดหน่อย ไม่นานทั้งคู่ก็ขอตัวกลับ โดยแวะไปหามาเอลที่ร้านมอลเทีย ร้านขนมชื่อดังของเมือง แต่เมื่อถึงโต๊ะกลับพบชายหนุ่มอีกคนนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย เขามีนัยตาสีเงินไหวระริกเหมือนเห็นของเล่นชิ้นใหม่ ผมสีทอง รับกับผิวสีน้ำผึ้งได้อย่างลงตัวไร้ที่ติ ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นคือ เพื่อนของพี่มาเอลส่วนใหญ่น่าจะเป็นคนที่ดูมีสง่าราศีกว่านี้ นิ่งกว่านี้ ดูเก่งกว่านี้ไม่ใช้หรอ แล้วทำไมถึงดูตรงข้ามกับที่เธอเคยเห็นแบบนี้

    เมื่อมาเอลเห็นท่าทีของน้องสาว ก็รู้ได้ทันทีว่าคิดเธออะไรอยู่ จึงรีบอธิบายให้น้องสาวและพ่อของตนเข้าใจทันที

    “นี่ไดเอน ไฟน์ ที่ไปเจอกันที่อาเดนน่า” มาเอลแนะนำชายข้างตัว ให้พ่อและน้องสาวได้รู้จัก

    “สวัสดีฮะ”

    “ใช่คนที่จะมาพักที่บ้านเรารึป่าว มาเอล” เอลเดอร์ถามขึ้น

    “ใช่ครับ เขากำลังจะสอบเข้าโรงเรียนอาราฟูร่า”

    “พอดีเลย พ่อก็จะให้น้องไปสอบอยู่เหมือนกัน”

    เรนเนียร์ขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะคลายออกอย่างรวดเร็ว เพราะคาดว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับงานองครักษ์ที่เพิ่งได้รับมาแน่นอน และเธอไม่ต้องการให้คนนอกรู้เห็น จึงคิดที่จะกลับไปถามที่บ้าน  ระหว่างทางกลับบ้านไดเอนจำเป็นต้องซื้อของใช้เพิ่มอีกนิดหน่อย เอลเดอร์จึงขอตัวกลับไปก่อน เพื่อไปจัดเตรียมห้องพักไว้ให้แขกของลูกชาย แต่ระหว่างทางกลับบ้านนั่นเอง คำถามที่ไม่เคยมีใครกล้าถามและไม่น่าถามก็ถูกเอ่ยขึ้นโดยคนนอกในสายตาเรนเนียร์นั้นเอง

    “พี่มาเอล น้องพี่เค้าเป็นใบ้หรอ”ไดเอนถามขึ้นอย่างสงสัย เพราะตั้งแต่เขาได้เจอเธอคนนี้ เขายังไม่เคยยินเสียงเธอซักครั้ง

    “เปล่า แค่ไม่ค่อยพูด พูดน้อยน่ะ” มาเอลตอบอย่างไม่ใส่ใจ เพราะคนส่วใหญ่ก็คิดกันอย่างนี้ทั้งนั้น แต่คำถามต่อมากลับเป็นคำถามที่ทำให้เขาแทบจะเป็นบ้า

    “ดูเย็นชาจัง แล้วเค้าเป็นทอมป่ะ”

    “ไอ้บ้า น้องข้าเป็นผู้หญิงโว้ย” เขาตวาดกลับไปอย่างไม่ใยดี และไม่สนใจจะกลับไปตอบคำถามของมันอีกเลย


              ครั้งแรกที่เรนเนียร์ได้ฟังไดเอนพูด เธอก็รู้สึกฉุนนิดๆเพราะ แม้กระทั้งพ่อและพี่ชายหรือคนอื่นๆยังไม่เคยพูดแบบนี้เลย แล้วเค้าคิดว่าเค้าเป็นใคร ทำไมถึงกล้าพูด เรนเนียร์หันไปมองไดเอนด้วยสายตาตำหนิ เย็นชา และเชือดเฉือน แต่ก็ไมได้พูดอะไรอยู่ดี  สำหรับไดเอนแล้ว เรนเนียร์เป็นคนเย็นชามาก ไม่พูดไม่จา ขนาดเขากระตุ้นให้เธอพูดอยู่หลายครั้ง กลับได้รับเพียงความเงียบและสายตาตำหนิ เหมือนผู้ใหญ่ดุเด็กเท่านั้น

    เมื่อกลับมาถึงบ้าน เอลเดอร์ก็เรียกเรนเนียร์และมาเอลเข้าไปคุยในห้องทำงานของตน และบอกให้ไดเอนไปเก็บขอและพักผ่อนได้ตามสบาย โดยห้องของไดเอน อยู่ติดกับห้องของมาเอลนั้นเอง

    หลังสองพี่น้องเข้ามาในห้องทำงานตามที่สั่งแล้ว เอลเดอร์ก็ไม่รอช้า รีบเปิดหัวข้อสนทนาในทันที ด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด  

    “วันนี้พ่อไปเข้าเฝ้านายเหนือหัวมา” 

    “แล้วทำไมหรอครับ” มาเอลที่ยังไม่รู้เรื่องก็ถามออกไป ด้วยไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องที่แปลกตรงไหน  

    “เร็น อยากบอกเองไหม” เอลเดอร์หันไปถามเรนเนียร์ แต่ก้ได้รับเพียงการส่ายหน้าปฏิเสธเท่านั้น

    “เกี่ยวอะไรกับเร็นล่ะพ่อ” มาเอลถามด้วยความงงงวย

    “เจ้ารู้ใช่ไหมว่า ตอนนี้นายเหนือหัวกำลังหาคนมารับตำแหน่งองครักษ์ ให้กับเจ้าหญิงฟาเรนเซียน่ะ”

    “ก็พอรู้มาบ้าง” หลังฟังคำตอบของลูกชายเขาก็พยักหน้าเล็กน้อย ถึงยังไงลูกชายของเขาก็ยังรู้จักตามข่าวสารเหมือนชาวบ้านบ้าง

    “เร็นต้องเป็นองครักษ์ให้กับเจ้าหญิงฟาเรนเซีย เลยต้องเข้าไปอยู่ในวังตั้งแต่อาทิตย์หน้า” เอลเดอร์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเก่า

    “ไม่ได้เด็ดขาด อย่าลืมสิว่าเร็นเป็นผู้หญิงนะพ่อ” มาเอลค้านเสียงแข็ง

    “มันก็จริง แต่พ่อรับปากไปแล้ว  และยังเป็นความประสงค์ของเจ้าหญิงฟาเรนเซียด้วย เจ้าจะให้พ่อทำยังไง” เขาพูดอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ก็รู้ว่าคนมันรักน้อง แต่งานนี้คงต้องทำใจยอมรับล่ะนะ มาเอล ลูกพ่อ ฝ่ายมาเอลเองก็ได้แต่ทำใจ รับปากไปแล้วนี้ จะให้เขาทำไงได้

    “เห็นแก่พ่อหรอกนะ แต่ต้องให้เร็นกลับบ้านทุกวันเสาร์อาทิตย์นะครับ”

    “ได้ พ่อจะไปคุยให้” เอลเดอร์รับปากลูกชายอย่างแข็งขัน 

    “แล้วทำไมเร็นต้องไปเข้าโรงเรียนอาราฟูร่าด้วยล่ะ” เรนเนียร์ถามปัญหาทีคาใจเธออยู่นาน

    “อ๋อ ก็เพราะว่าเจ้าหญิงต้องไปเรียนที่นี้ด้วยน่ะสิ”  

    “แล้วจะเข้าไปในฐานะอะไรล่ะคะ” เธอถามต่อ

    “อันนี้พ่อเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน เอาไว้จะลองไปถามองค์โรนอสดู”

    “งั้นผมจะให้ไดเอนไปคุมไม่ให้หนุ่มๆทั้งหลายเข้ามายุ่งกับเร็น” มาเอลพูดขึ้น ซึ่งมันก็ทำให้เรนเนียร์ถึงกับส่ายหน้าให้กับอาการหวงและห่วงของพี่ชาย ไม่ได้ดูเลยว่าน้องสาวคนนี้โตขนาดไหนแล้ว แทนที่จะห่วงเธอ น่าจะห่วงตัวเองมากกว่า จะหาแฟนได้รึเปล่าก็ไม่รู้

    “พ่อว่าจะมีก็แต่พวกผู้หญิงมากกว่าล่ะมั้ง ลูกสาวพ่อออกจะหล่อขนาดนี้”

    “โธ่ พ่อก็เป็นไปกับเขาด้วย” มาเอลพูดอย่างผิดหวังสุด เร็นออกจะน่ารัก ไม่เห็นเหมือนผู้ชายตรงไหน 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×