ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : วันเปิดเรียน
ฟ้าอันสดใสในวันเปิดเทอมวันแรก แสงแดดอันอบอุ่นลอดผ่านหน้าต่างห้องเข้ามาปลุกชายขี้เซา ให้ตื่นนอน เขาลุกขึ้นดูนาฬิกา “ ตายห่า 7 โมงแล้ว” เขารีบทำธุระส่วนตัวแล้วลงมายังชั้นล่างซึ่งเปิดเป็นร้านการ์ตูน
“เฮ้ย นัท วันนี้เปิดเรียนวันแรกนะเว้ย ชักช้าเดี๋ยวไม่ทันหรอก” เสียงพ่อของเขาดังออกมาจากหลังบ้านก่อน ที่นัทจะลงมา
“คร๊าบบ จะไปเดี่ยวนี้แหละพ่อ พ่อ ยืมไอ้แก่ไปใช้ด้วยนะ”นัทลงมาจากชั้นสอง จากนั้นจึงเข้าไปหยิบกุญแกรถจักรยานยนต์ แล้วจึงออกจากบ้านไป
“ไอ้แก่” มอเตอร์ไซด์ c-65 สีแดงดำถังแยก อยู่มาตั้งแต่สมัยพ่อกับแม่ของเขาจีบกันใหม่ๆ สภาพนั้นไม่ต้องพูดถึง เปลี่ยนเครื่องมาไม่รู้กี่ครั้ง ทำสีมาไม่รู้กี่หน ครั้งหนึ่งเคยมีปัญหากับตำรวจเรื่องไอ้แก่ แต่เผอิญพ่อรู้จักกับคนใหญ่คนโต เลยเอามันกลับมาได้ ท้ายสุด ก็ตกมาเป็นของลูกชายสุดแสบ “ไอ้นัท”
บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในซอยที่ใหญ่ที่แยกมาจากถนนหลัก สำหรับวัยรุ่นแล้ว เป็นซอยที่สำคัญซอยหนึ่งเพราะมันจะเอาไว้ หนีตำรวจ แล้วยังต่อไปยังถนนสายสำคัญต่างๆทางฝั่งตะวันออกของเมือง ซึ่งถูกแยกออกด้วยทางรถไฟ ถนนนี้เป็นเส้นทางสัญจรของบรรดา นักเรียน นักศึกษา พนักงานบริษัท ตลอดจนบุคคลเสี่ยงโชคทั่วไป เพราะเป็นถนนที่มีที่ตั้งของ โรงเรียน ตลาด ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารมีชื่อ ผับ บาร์ บ่อนการพนัน หอพัก บ้านเช่า โรงแรม มอร์เตอร์โชว์ สวนสาธารณะ และอื่นๆ มีซอยแยกย่อยอีกมากมาย ทำให้การสัญจรสะดวกสบาย
แต่โรงเรียนที่นัทเรียนอยู่ ดันอยู่ฝากตะวันตกของเมือง ฝากตะวันตกของเมืองส่วนใหญ่เป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการ และบริษัทต่างๆ ทำให้ไม่ค่อยมีบ้านพักมากนัก เพราะคนสวนใหญ่จะพักที่ฝากตะวันออก แต่กระนั้น ก็มีย่านคนรวยอยู่ด้วย ก็บรรดาผู้รากมากดีเก่า หรือพวกผู้บริหารนั่นแหละ
นัทขี่ไอ้แก่ออกมาจากบ้านได้สักพัก ก็เหลียวหันไปมองห้องที่2ของตึกแถว ซึ่งเคยเป็นร้านเสริมสวย ที่นั่นเคยเป็นที่อยู่ของคนที่เขาแอบชอบ พลอยเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่เรียนชั้นประถมด้วยกัน เธอไม่เคยมีทีท่าว่าจะชอบเขาเลย ความเป็นเพื่อนยังคงอยู่จนกระทั่งเขาพยายามบอก แต่เหมือนสาวน้อยจะรู้ทันและบอกตัดรักตัดเยื่อใย ไม่นาน เธอก็จากเขาไป ข่าวว่าครอบครัวของเธอนั้นย้ายไปอยู่ต่างประเทศ และเขาก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย มีแต่เพียงความฝัน และความทรงจำที่มีเท่านั้น
เมื่อข้ามทางรถไฟไปแล้ว เขาขี่ไปตามเส้นทางที่แสนจะคุ้นเคย แต่ก็ต้องหยุดเมื่อรถจักรยานยนต์ที่ขับแซงเขาไป เกิดอุบัติเหตุ ในบริเวณวงเวียนอนุสรณ์สถานจังหวัด คู่กรณีเบียดรถเธอจนชนกับฟุตบาทวงเวียน ด้วยความตกใจ รถคันนั้นกลับขี่หนีไปทันที
“เฮ้ย...เป็นไรบ้างป่าว”นัทจอดไอ้แก่ไว้แล้วกลางถนนเข้าไปดูอาการของหญิงสาวในชุดนักเรียนโรงเรียนเดียวกัน แต่เอะ
“ บัว” เขาตกใจเมื่อใบหน้าที่อยู่ต่อหน้าเขานี้คือเพื่อนร่วมห้อง “เธอเป็นไรหรือป่าว”เขามองรอบข้าง เพื่อหาคนช่วยแต่ไม่มีใครคิดจะช่วยสักคน มีแต่ไทยมุงทีไม่รู้จะมุงอะไรนักหนา
“เออ เค้าไม่เป็นไรหรอก”บัวกล่าวทั้งๆที่เลือดเริ่มออกจากแผลที่ขาขวา แต่ก็ปั้นหน้าไม่แสดงอาการใด
“ไม่เป็นไรได้ไง”นัทพยุงบัวขึ้นไอ้แก่ แล้วขับออกไป ก่อนที่ตำรวจจะมายังที่เกิดเหตุ เขาพาเธอมายังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
“นัท เราขอบใจเธอมากนะ” บัวยิ้มทั้งๆที่ยังเจ็บแผลอยู่
“ไม่เป็นไรหรอก”นัทส่งบัวยังแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาล เขาอยู่รอจนกระทั่งทำแผลเสร็จ แล้วพาเธอไปส่งยังสถานีตำรวจเพื่อแจ้งความ ต่อจากนั้นก็ไปส่งเธอที่บ้าน ซึ่งเป็นร้านเบเกอรี่
*
“เฮ้ย ทำไมมาสายจังวะ เปิดเทอมวันแรกนะเนี่ย”โจ้แนว หนึ่งในเพื่อนสนิทซึ่งเท่ห์ที่สุด เดินเข้ามาหาเมื่อเจอนัทที่โรงอาหารพร้อมกับสหายร่วมศึกอีก 5 คน
“เออนะ มีเรื่องนิสสสหน่อย ว่าแต่... พวกแกเป็นไงบ้างวะ”นัทตอบ
“ก็เรื่อยๆ ไปหาไรกินกันดีกว่าว่ะ” ทั้ง 7 เดินไปยังร้านป้านวลเจ้าประจำ
“สวัสดีครับ ป้า กระเพา 7 แถมไข่ดาวให้ด้วยนะ” มาร์ช สุดงก ฉายาเค็มมหากาฬสั่งกับข้าวด้วยความกวน... ซึ่งหากเป็นร้านอื่น มันคงโดนตืบไปแล้ว
“เอาไปลูก แล้วอย่าลืมบอกเฮียซ้งให้ลดหนี้ให้ป้าด้วยนะลูกนะ”
ทั้ง 7 ถือกระเพาไก่ไข่ดาวคนละจาน แล้วมานั่งยังที่ประจำ
“เฮ้ย สั่งมาทำไมวะ กระเพาไก่ รู้ป่าว มันเป็นอาหารคนไร้ความคิด” แบงค์ ไอ้เพลบอยผู้ช่ำชอง เด็กมันมีเพียบแต่ใจดำไม่แบ่งให้เพื่อนสักคน (มันบอกว่า ”ของแบบนี้ต้องใช้ฝีมือเอาเองพวกกากก็งี้”)
“แล้วแกจะกินไร อยากกินไรก็ไม่บอก แล้วใครมันจะไปตรัสรู้ละวะ”โจ้น้อย พูดขัดขึ้นมา มันเป็นหนอนหนังสือ ที่โครตเทพ ใครอ่านอะไร คุยกับมันได้หมด
“อ้าวไอ้นี่...”
“ทำไม...”
“พวกแกจะกัดกันอีกนานแค่ไหน ไม่กินก็เอามาให้ตูกินนิ”มาร์ชห้ามทัพ อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนักหรอก ถ้ามันไม่หาเรื่องกัดกันนี่สิแปลก
“แล้วแกกำลังเขียนโปรไรอยู่วะ ช่วงนี้”นัทหันมาถามบิวไอ้บ้าไอที หากถามเรื่องคอม เรื่องเทคโนโลยีไม่มีใครรู้ดีกว่ามัน
“เออ ไม่บอกวะ ฟามลับ”
“ช่างมันเถอะ พวกแกรู้จักเรื่อง 7 อัศจรรย์ในโรงเรียนเราป่าววะ”โจ้น้อยพูดขึ้น
“เรื่องไรวะ” โจ้จุม ถามขึ้นด้วยความสงสัย มันเป็นเด็กสายวิทย์โดยแท้ ทุกวิชาสายวิทย์ที่ว่ายากๆมันเข้าใจหมด มักจะเข้าค่ายวิทยศาสตร์อยู่บ่อยๆ คุยกับมันบางทีก็เข้าใจ บางทีก็ไม่
“อืม... มันเป็นเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นในโรงเรียนเรานี่เอง คืองี้ แกรู้ใช่ป่ะว่าโรงเรียนภักดีพิทยาของเราก่อตั้งมาร่วม 107 ปีแล้ว เป็นธรรมดาที่เจ้าที่มักจะแรง พวกแกเห็นศาลพระภูมิใช่ป่ะ ครั้งหนึ่ง ผอ.คนก่อนแกคิดจะรื้อศาลพระภูมิ แกคุยกับรองฝ่ายต่างๆในที่ประชุม วันต่อมา แกก็ถูกรถชนตายขณะกำลังเดินทางมาโรงเรียน”
“ไร้สาระวะ”โจ้จุมเดินถือจานไปคืนป้านวล และเลยไปซื้อน้ำ
“เออ แล้วไงต่อ” การสนทนาดำเนินต่อไป นัทเดินออกจากวงข้าวเป็นรายต่อไปพร้อมกับเลยไปเข้าห้องน้ำที่อยู่หน้าอาคาร 3 อาคารไม้ที่ค่อนข้างเก่า ว่ากันว่าไม้ของอาคารนี้เป็นไม้เก่าจากอาคาร 1 ซึ่งถูกสร้างขึ้นใหม่ ก่อนการรื้ออาคารมีเหตุอาถรรพ์มากมายเกิดขึ้น กระทั่งต้องทำบุญโรงเรียนอุทิศส่วนบุญให้กับวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในอาคาร 1 หลังเก่าจึงรื้อและสร้างใหม่ได้
+
เมื่อหลายปีก่อน ช่วงที่โรงเรียนเปิดเป็นโรงเรียนสหศึกษาในชั้นมัธยมปลาย มีนักเรียนหญิง 6/14 ซึ่งมีห้องโฮมรูมอยู่ในอาคาร 3 ห้อง 317 ห้องซึ่งยื่นออกมาจากหน้าอาคาร เธอมักถูกเพื่อนร่วมห้องรังแกอยู่เสมอ เช้าของวันหนึ่งนักการภารโรงได้เข้ามาเปิดห้องตามปกติ กลิ่นเหม็นเน่าฟุ้งออกมาจากห้อง 317 ภารโรงรีบไปเปิดห้องนั้น เขาพบกับร่างไร้วิญญาณที่เชือกผูกมัดอยู่ที่คอ เธอตายแล้ว เหลือเพียงจดหมายที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง พร้อมคำสาปว่าเธอจะพา นักเรียน 6/14 ไปอยู่ด้วย ในทุกๆปี
หลังจากนั้น ทุกปี นร.ห้อง6/14 จะมีเหตุต้องตายอยู่เสมอๆ กลายเป็นเรื่องอาถรรพ์ให้โรงเรียนซึ่งไม่มีวันจะเลือนหายไปกับกาลเวลา แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากพูด
+
“แกว่าเรื่องที่ได้หนอนมันเล่าเมื่อกลางวันมันจะเป็นจริงหรือป่าววะ”โจ้แนวผู้ซึ่งนั่งฟังโจ้น้อยเล่าจนจบ พูดขึ้นขณะที่คนอื่นๆออกไปซื้อขนม และน้ำมานั่งที่เดิมในตอนเที่ยง เขาถามความเห็นจากเพื่อนๆซึ่งนั่งอยู่ม้าหินอ่อน ก่อนที่จะเตรียมตัวกลับบ้าน
“เรื่องนี้ตูก็ไม่รู้นะเฟ้ย อ่านมาอีกที พวกแกจะลองพิสูจน์ดูปะละ” นัทนึกขึ้นได้ว่าเมื่อเช้าบัวเกิดอุบัติเหตุจึงลุกขึ้น “เฮ้ย วันนี้ตูไปก่อนนะเฟ้ย มีธุระนิสหน่อย”เขาเดินจากไปโดยไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มของเขาในวันคืนนี้
หลังจากที่แยกกัน นัทก็ไปหลังอาคาร 7 ซึ่งเป็นที่จอดรถ นักเรียน สายลมพัดใบสนไหว ที่จอดรถบัดนี้เหลือเพียงไอ้แก่ กับบรรยากาศอันวังเวง ในช่วงหัวค่ำ นัทเดินตรงไปยังไอ้แก่แล้วขี่ออกไป ทางหน้าโรงเรียนซึ่งต้องผ่านด้านข้างของอาคาร 7 เขารู้สึกเหมือนว่า มีคนกำลังจ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลาจากที่ใดที่หนึ่ง แต่เมื่อเขามองไป กลับไม่มีใครสักคน เขาขี่ไอ้แก่กลับบ้าน พร้อมกับความสงสัยและกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก
“””
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น