คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : . 23 .
.
23 .
Rr rr r.
แขนยาวยื่นปัดป่ายไปทั่วโต๊ะข้างหัวเตียงเพื่อหาแหล่งที่มาของเสียงดังรบกวน มือหนาคว้าเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและพยายามเพ่งสายตามองไปที่ชื่อของคนที่โทรเข้ามา แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผลเพราะสติสัมปะชัญญะทั้งหมดของเขาถูกความอ่อนเพลียดูดกลืนไปซะหมด สุดท้ายจึงต้องยอมกดรับสายถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าคนปลายสายเป็นใครก็ตาม
" ฮัลโหล "
( พี่ชานยอล )
" หื้อ .. พั้มพ์หรอ
"
( เราเองงงงงงง )
" อา .. ตอนนี้กี่โมงแล้วหรอ
"
( ตีสี่สี่สิบสอง )
" เราเป็นอะไรหรือเปล่า
ทำไมถึงโทรมาเช้าจัง "
(
ก็พี่ชานยอลต้องลุกไปอาบน้ำตอนนี้ไม่ใช่หรอ เดี๋ยวเข้างานไม่ทันนะ )
คนฟังขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เพราะสมองกำลังประมวลผลถึงประโยคที่ได้ยินเมื่อครู่และเพียงไม่กี่วินาทีต่อมาร่างสูงก็ทะลึ่งตัวขึ้นจากเตียงอย่างแรงพร้อมกับเบิกตากว้าง
" โอ้ย
พี่นึกออกแล้ว .. ลืมไปเลยว่าวันนี้ต้องไปอยู่ไลน์อาหารเช้า "
( ไหวหรือเปล่าพี่ชานยอล
)
" ไหวอยู่แล้ว "
( เก่งมาก )
"
เราตื่นเพื่อโทรมาปลุกพี่หรอ ? "
(
จะวางอยู่แล้วนะ พี่ชานยอลเพิ่งรู้หรอเนี่ย ฮ่า ๆ )
" ขอบคุณมากนะตัวเล็ก
"
( ไม่เป็นอะไรเลย เราเต็มใจมาก
)
" งั้นเรารีบนอนต่อเถอะ
เดี๋ยวตื่นไปเรียนไม่ไหวนะ "
( โอเค .. พี่ชานยอลสู้สู้นะ
ตั้งใจทำงาน )
" แน่นอนสิ
เราอุตส่าห์โทรมาให้กำลังใจขนาดนี้ "
( ฮ่า ๆ
วางแล้วนะ )
" ครับ "
( รักพี่ชานยอลนะ )
คนฟังหลุดหัวเราะออกมาเบา
ๆ เพราะความทะเล้นของคนตัวเล็กที่แอบบอกรักเขาก่อนจะรีบวางสายไปอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลัวเขาลุกไปเตรียมตัวไม่ทันหรือเป็นเพราะเขินกันแน่
แต่จะว่าไปเหตุผลไหนก็ไม่สำคัญหรอก ยังไงซะมันก็น่ารักอยู่ดี
นั่งยิ้มอยู่สักพักจนเพิ่งรู้สึกตัวว่ามันเสียเวลาเปล่า คนตัวสูงถึงได้ลุกขึ้นจากเตียงเดินไปคว้าผ้าขนหนูมาพาดบ่าเอาไว้ เตรียมตัวจะเข้าไปอาบน้ำแต่พอเดินผ่านเพื่อนสนิทที่กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ ขอแกล้งสักหน่อยก็แล้วกัน ..
" ไอเหี้ยยอล
! มึงมาตั้งนาฬิกาปลุกทำไมวะ ! "
ปาร์คชานยอลหัวเราะลั่นอย่างสะใจจนเสียงดังลอดประตูห้องน้ำออกมา เมื่อได้ยินเสียงหงุดหงิดโวยวายของเพื่อนสนิท อะไรกัน เขาก็แค่เดินไปปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์มือถือของมันแล้วตั้งนาฬิกาปลุกนาทีต่อไปเท่านั้นเอง
มาว่ากันได้ยังไงเนี่ย ก็มันถึงเวลาที่ต้องตื่นแล้วนี่นา คิมจงอิน J
.
ขาเรียวพันกันจนแทบจะล้มเพราะโดนเพื่อนร่วมห้องกอดคอลากให้มานั่งลงที่โต๊ะเลคเชอร์ข้าง ๆ แบคฮยอนยกมือขึ้นจัดผมให้เข้าทรงก่อนจะหันไปหรี่ตาใส่คิมจงแดที่ลากเขามาโดยไม่ได้ดูสารรูปของเขาเลยสักนิดว่าตอนนี้หัวยุ่งไปถึงไหนแล้ว สงสัยจะใคร่รู้เรื่องชาวบ้านขนาดหนัก
"
ไหนพูดมาสิ นี่คืออะไร " จงแดพูดพร้อมยื่นโทรศัพท์ที่เปิดรูปดิสไลน์ของเขาเอาไว้ ยื่นเข้ามาใกล้จนแทบจะติดลูกตา
"
เอาเข้าไปในตากูเลยมั้ย "
"
ไม่ต้องมาเฉไฉเลย นี่ใครวะ "
"
เขาเป็นรุ่นพี่ เรียนที่นี่แหละอยู่ปีสามแล้ว ชื่อปาร์คชานยอล "
" แล้วไง
เกี่ยวข้องยังไงกัน "
"
เรื่องคนอื่นนี่ชอบจังเลยนะ "
" … "
" เออ ๆ
ก็ .. เป็นแฟนกันนั่นแหละ " เสียงหวานเอ่ยออกมาเบา ๆ
พร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ทำให้คนฟังหมั่นไส้จนต้องหันมาเบ้ปากใส่
" ทำไมเขาเอามึงวะ
.. กูว่าเขาหล่อนะ
"
" อ้าว
ทำไมปากหมาจัง "
"
หน้าเจ๊กแบบมึงไม่สมควรมีแฟนหล่อ "
"
เดี๋ยวตบคว่ำ " แบคฮยอนไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดอะไรกับคนปากหมาอย่างคิมจงแดอีกต่อไป จึงพูดทิ้งท้ายเอาไว้แล้วรีบลุกขึ้น เดินหนีกลับไปนั่งที่ข้างเซฮุนเหมือนเดิม
มือเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองออกมาจากกระเป๋ากางเกงและเปิดเข้าไปในแอพพลิเคชั่นไลน์
กดขยายรูปดิสขึ้นมาดูและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
รูปตรงหน้าถูกถ่ายเมื่ออาทิตย์ก่อนตอนที่เราทั้งคู่ออกไปทานมื้อกลางวันด้วยกัน ก่อนที่คนตัวสูงจะต้องกลับไปฝึกงานต่อที่เซจู ร้านอาหารญี่ปุ่นเป็นจุดหมายที่วางเอาไว้แต่พอไปถึง ร้านกลับอัดแน่นไปด้วยผู้คนจนแทบไม่อยากจะรอแต่เพราะความอยากกินมากด้วยกันทั้งคู่จึงทำให้ตัดสินใจนั่งรออยู่หน้าร้าน ถึงแม้ว่ารอบข้างจะเต็มไปด้วยร้านที่ร้างผู้คนก็ตาม
ตอนนั้นผมยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อตอบไลน์เซฮุนที่บ่นไม่หยุดเรื่องการไปไหนมาไหนแล้วไม่ยอมบอกของผม แต่หลังจากตอบข้อความกลับไปแล้ว ดันมีความคิดดี ๆ วิ่งเข้ามาในหัว ผมยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองส่งไปให้พี่ชานยอล เขาหันมามองมันอย่าง งง ๆ แต่ก็ยอมรับไว้ ผมขยับตัวเข้าไปใกล้และใช้นิ้วสไลด์มุมขวาล่างของหน้าจอ เปิดกล้องขึ้นมา
ก่อนจะเอียงหัวตัวเองไปทางที่พี่ชานยอลนั่งอยู่ ชูสองนิ้วขึ้นมาและยิ้มใส่กล้อง แต่เขากลับไม่ยอมกดถ่ายรูปสักที มัวแต่นั่งมองการกระทำของผมผ่านกล้อง จนเกือบนาทีได้ถึงยอมยกมือขึ้นมาชูสองนิ้วและกดถ่ายในที่สุด
ถ่ายกันไปได้สักพักเขาก็ลดมือลง ผมเลยยื่นมือออกไปรับโทรศัพท์ของตัวเองเพื่อจะเช็ครูป
แต่คนที่ถือมันเอาไว้กลับไปยอมคืนและนั่งก้มหน้าทำอะไรสักอย่างอยู่คนเดียว ในทีแรกผมคิดว่าเขาอาจจะลบรูปที่ตัวเองดูไม่ดีอยู่
แต่เพราะไม่อยากเดามั่ว ๆ จึงขยับใบหน้าตัวเองไปวางไว้บนแขนแกร่งและมองสิ่งที่เขาทำ
การกระทำที่ปรากฏแก่สายตาทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
เพราะคนตัวสูงกดเข้าไปในแอพพลิเคชั่นไลน์แล้วเปลี่ยนรูปดิสเป็นหนึ่งในรูปที่เราเพิ่งถ่ายกัน
ผมละสายตาออกจากโทรศัพท์มือถือและหันไปมองใบหน้าของอีกคนก่อนจะยื่นมือไปเล่นหูของเขาด้วยความหมั่นเขี้ยว
พี่ชานยอลมุมนี้ก็ตลกดีเหมือนกัน
แต่ดู ๆ
ไปแล้วเหมือนจะน่ารักมากกว่า♡
นึกไปถึงอดีตที่เพิ่งผ่านมาไม่นานก็พาลให้ยิ้มกว้างออกมาจนโดนคนข้าง ๆ
หมั่นไส้และทำร้ายด้วยการยกมือหนาขึ้นมาผลักเข้าที่หัวจนถึงกับเอนไปอีกฝั่ง ไอ้นี่ ! หมดกันคนกำลังอารมณ์ดี
" ไอสึด
ผลักหัวทำไมวะ "
"
หมั่นไส้ เป็นบ้าหรอ นั่งยิ้มคนเดียวอยู่ได้ "
"
คนมีความสุขอ่ะ จะให้ทำหน้าบึ้งหรอวะ "
" มึงดูบ้ามากขึ้นทุกวันเลยนะ รู้ตัวป่ะ "
แบคฮยอนไม่ตอบและหันกลับมาให้ความสนใจโทรศัพท์มือถือที่กำลังสั่นอยู่ในมือแทน ดวงตาเรียวจ้องไปที่ชื่อของบุคคลที่ส่งข้อความเข้ามาก่อนจะใช้นิ้วสไลด์หน้าจอเพื่อพิมพ์ข้อความตอบกลับอย่างรวดเร็ว
ชานยอล : แขกเยอะมาก
ชานยอล : เหนื่อยมากเลยตัวเล็ก
แบคฮยอนนี่ : ส่งกำลังใจไป
ชานยอล : ไหน ..
พี่ไม่เห็นได้เลย
แบคฮยอนนี่ : You sent a photo.
คนตัวเล็กยิ้มขำกับความงอแงเหมือนเด็กของคนรักก่อนจะพับนิ้วกลางและนิ้วนางมือข้างที่ว่างอยู่ลง ยกขึ้นมาแนบแก้มไว้
กดถ่ายรูปแล้วส่งไป
ชานยอล : ค่อยยังชั่วหน่อย
ชานยอล : หายเหนื่อยเลย
J
แบคฮยอนนี่ : งั้นรีบไปทำงานเลย
เราใกล้จะเรียนแล้ว
ชานยอล : โอเค
ตั้งใจเรียนนะ
แบคฮยอนนี่ : ตั้งใจทำงานนะ
ชานยอล : ครับ
แบคฮยอนเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋า หลังจากหันไปเห็นว่าอาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามาภายในห้อง มือเรียวหยิบปากกาขึ้นมาพร้อมกับเปิดหนังสือเรียนออก แต่แทนที่จะสนใจหนังสือตรงหน้าเขากลับนึกถึงประโยคหนึ่งของพี่ชานยอลขึ้นมาได้ ..
‘ พี่อยากมีเราอยู่ข้าง
ๆ เป็นกำลังใจให้กันทุกวัน ’
พี่ชานยอลทำให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าความรู้สึกที่ได้รับพลัง ที่ทำให้เราขับเคลื่อนไปตามหน้าที่ในแต่ละวันมันเป็นอย่างไร
เขาที่ชอบตัวเองได้กำลังใจจากใครสักคน
แต่ชอบมากกว่าที่ได้เป็นกำลังใจของใครสักคน
เพราะมันช่วยย้ำเหตุผล ว่าทำไมเราถึงควรมีชีวิตอยู่ :)
.
( ไหน
เราทำอะไรอยู่ )
เสียงดังลอดผ่านลำโพงโทรศัพท์มือถือ ทำให้แบคฮยอนวางปากกาในมือลงและกดสลับเปลี่ยนไปใช้กล้องหลังแล้วยกมันขึ้นมาถือเหนือกระดาษที่กำลังทำการบ้านอยู่
"
เราทำการบ้านวิชาแพลนนิ่งอยู่ .. น่าเบื่อมากเลยอ่ะ "
บ่นเสียงงุ้งงิ้งก่อนจะกดให้กล้องกลับมารับภาพใบหน้าของตัวเอง ปลายสายหัวเราะออกมาเบา
ๆ เพราะท่าทางน่าเอ็นดูของคนตรงหน้า
(
ทำอะไรไม่เบื่อบ้าง ไหนบอกมาสิ )
"
คุยกับพี่ชานยอลนี่ไง "
( เด็กแสบ )
"
เรียกแบบนี้แปลว่าเขินล่ะสิ " พูดพร้อมยกนิ้วขึ้นชี้ใส่คนตัวสูงที่สบตากันอยู่
(
เปล่าซะหน่อย )
" เป็นคนขี้โม้ตั้งแต่เมื่อไหร่
" คนตัวเล็กพูดแล้วค่อย ๆ วางโทรศัพท์ลงที่เดิม
หยิบปากกามาไว้ในมือและเริ่มทำงานต่อ ปล่อยให้คนอายุมากกว่านั่งท้าวคางมองตัวเองไปอย่างเพลิน
ๆ
( เมื่อเช้า .. )
" อ่าฮะ "
ส่งเสียงขานรับในขณะที่ยังใช้สายตาโฟกัสไปกับการบ้านตรงหน้า
(
ก่อนเราจะวางสาย .. )
" อื้อ "
(
เราพูดว่าอะไรนะ พี่ไม่ค่อยได้ยินเลย วางเร็วมาก )
มือซ้ายที่ว่างอยู่ยกขึ้นมาปิดหน้าผากพร้อมกับก้มใบหน้าลงซ่อนรอยยิ้มเขิน
ๆ ของตัวเอง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ให้วางราบไปกับโต๊ะหนังสือเพื่อหลบหน้า ทำให้ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอของคนปลายสายตอนนี้จึงมีเพียงเพดานห้องสีขาวเท่านั้น
ปฏิกิริยาตอบสนองของคนตัวเล็กทำเอาชานยอลหลุดหัวเราะออกมา แต่พอรู้ตัวก็รีบเงียบลงทันทีเพราะกลัวว่าอีกคนจะทำตัวไม่ถูกจนอาจจะขอวางไปก่อน
ซึ่งเขาไม่โอเคกับการตัดสินใจแบบนั้นเท่าไหร่เพราะยังอยากนั่งมองใบหน้าหวานไปอีกสักพักใหญ่
ๆ
( แบคฮยอน )
" … "
( ตัวเล็ก )
" … "
( พั้มพ์ )
ชานยอลแกล้งเรียกคนที่อยู่ในสายด้วยเสียงยาน ๆ เพื่อให้คนตัวเล็กเอาหน้ากลับเข้ามาในกล้องสักที
เขาไม่ได้อยากเฟซไทม์มาเพื่อนั่งมองเพดานหรอกนะ
"
อะไรรรรร " ตอบรับพร้อมยื่นหน้าเข้าไปในเลนส์กล้องเพียงนิดหน่อย
ทำให้คนตัวสูงเห็นเพียงแค่ดวงตาเรียวรีเท่านั้น
(
พี่อยากมองหน้าเรานะ ไม่ได้อยากมองเพดานสักหน่อย )
" … "
คนตัวเล็กไม่ตอบ แต่ขยับใบหน้าเข้าไปมากขึ้นเพื่อให้เห็นจมูกเล็ก ๆ ด้วย
( พั้มพ์
พั้มพ์ พั้มพ์ :D )
"
ไม่ต้องมายิ้มแบบนั้นเลยยยยยย "
(
เราก็เอาหน้าเข้ามาให้หมดสิ )
"
เบื่อคนแก่ วุ่นวายจังเลย "
( ถ้าอยู่ใกล้
ๆ เราโดนพี่บีบแก้มย้วย ๆ นั่นแน่ )
ปากกาที่ใช้ทำงานถูกวางลงอีกครั้งเมื่อเจ้าของหันเหความสนใจทั้งหมดไปที่โทรศัพท์มือถือ
มือสวยหยิบมันยกขึ้นตั้งวางดี ๆ ให้กล้องกลับมาฉายภาพใบหน้าของเขาทั้งหมดอีกครั้ง ก่อนจะท้าวแขนไว้ที่คางและเล่นเกมส์จ้องตาไปกับอีกคน
(
ตกลงเมื่อเช้าเราพูดว่าอะไรหรอ พี่ไม่ได้ยินจริง ๆ นะ )
"
จริงหรอ "
( อื้อ
สงสัยมาทั้งวันเลย ไม่เป็นอันทำงาน จะโทรไปถามเราก็กลัวว่าจะกวน )
" พอเลย
ขี้โม้อ่ะ ! "
(
น่าเสียดายจัง เฮ้อ .. )
เสียงทุ้มเอ่ยพลางแสร้งทำใบหน้าเศร้า
ก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียงดังเพื่อแสดงความเสียดายออกมาอย่างสุดซึ้ง .. อือหือ แสดง แสดงมาก การกระทำเนี่ย ไม่ต้องเป็นแล้วมั้งช้งเชฟ
ไปเป็นนักแสดงน่าจะรุ่งมากกว่า
"
น่าเชื่อมาก "
( เร็วสิ พี่รอฟังอยู่นะ
)
"
อันนี้เชื่อเลย หูพี่ชานยอลขยายรอฟังมากเลยอ่ะ โห ๆ กางใหญ่แล้วนั่น "
คนตัวเล็กพูดแหย่พร้อมยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ กล้องและชี้ไปยังหูของอีกคน
โดยที่ไม่รู้เลยว่าใบหน้าน่ารักที่ทำเป็นกวน โดนคนปลายสายแคปเก็บไว้ซะแล้ว
( เดี๋ยวจะโดน
)
"
อยากฟังหรอ ? "
(
ถ้าเราอยากพูดอีกสักทีน่ะนะ )
"
อืมมมมมมมม … "
( แบคฮยอนอาาาา
)
" ฮ่า ๆ "
เจ้าของเสียงหัวเราะและยอมเก็บความสนุกไว้ในใจ กระแอมไอหนึ่งครั้งก่อนจะทำท่าทางจริงจังจนคนที่มองอยู่เกือบจะหัวเราะออกมา
ก็คนตัวเล็กทำอย่างกับว่ากำลังจะกล่าวสุนทรพจน์อย่างไรอย่างนั้น
เก๊กหน้าซะนิ่งเชียว เว่อร์ไปมั้ยนั่น
"
เมื่อเช้า .. เราบอกว่า .. "
( อื้อ )
" บอกว่า
"
" พี่ชานยอลหรอวะ
"
" อือ
พี่ชานยอล .. ถุย " คนตัวเล็กยกมือขึ้นเกาหัวอย่างขำ ๆ
กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความหวานซึ้งที่นั่งสบตากันอยู่เมื่อสักครู่
หายวับไปทันทีเพราะเสียงทักของเซฮุน
" อะไรวะ
หยาบคาย .. พี่ชานยอล
สวัสดีครับ "
( สวัสดีเซฮุน
)
"
ดูจากหน้าตาของมึงกับพี่ชานยอลแล้ว .. คาดว่ากูคงมาขัดจังหวะอะไรสักอย่างแน่
ๆ "
"
รู้ก็ไปไกล ๆ ได้ละ "
พูดพร้อมยกมือเล็กขึ้นดันหลังเพื่อนสนิทให้หลบออกไปจากห้อง
แต่คนตัวสูงยื้อตัวเอาไว้ ก่อนจะยกมือขึ้นป้องปากยื่นหน้าไปใกล้กล้องแล้วพูดกับรุ่นพี่ด้วยเสียงเบา
ๆ
"
ผมว่าพี่ควรหาวันหยุดแล้วกลับมาบ่อย ๆ นะ .. ไอแบคบ่นคิดถึงพี่อยู่ได้
น่ารำคาญมาก ว่าง ๆ ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปดูนั่งเพ้อบ้าบอ
ผมเริ่มกลัวมันแล้วนะเนี่ย "
"
มึงพูดอะไรน่ะ หะ "
" เปล่า "
คนตัวสูงส่งเสียงตอบอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเดินหนีออกจากห้องไป ทิ้งให้คนอายุมากกว่าต้องโดนสอบสวนอยู่คนเดียว
"
เซฮุนบอกอะไรอ่ะ ทำไมถึงหัวเราะเสียงดังแล้วทำหน้าปลื้มปริ่มขนาดนั้น "
( เปล่าสักหน่อยนี่
)
"
พี่ชานยอลลลลลลลลลลล "
(
คิดถึงพี่มั้ย ? )
" ไม่ "
( เด็กขี้โกหก
นิสัยไม่ดีไม่เล่าให้ฟังแล้วดีกว่า )
"
บังคับชัด ๆ เลย "
(
พี่ส่งข้อความไปเราก็ไม่ตอบ .. พี่ไม่ชอบทำตัวเป็นเด็กหรอกนะ
ไอสองตัวนั้นชอบล้อ แต่ตอนนี้จะงอนเราแล้วล่ะ L )
" ฮ่า ๆ
ดูทำหน้าสิ "
( L )
" เราไม่ได้ตอบเพราะรู้ว่าเดี๋ยวก็คุยกันอยู่ดี
"
(
เดี๋ยวคุยกันก็เลยไม่คิดถึงหรอ ? )
" เปล่า
เราแค่อยากพูดให้ฟังมากกว่า … เราคิดถึงพี่ชานยอล "
พูดแล้วทำเป็นแลบลิ้นส่งไปให้แก้เขิน
ถ้าบอกในเวลาปกติมันก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่นี่อีกคนเล่นมองมาที่เขาไม่วางตาแบบนี้
จะให้อยู่เฉย ๆ ได้ยังไงกันล่ะ ..
" พอใจยังงงงงงงง
"
( ฮ่า ๆ .. มีแรงทำงานทั้งอาทิตย์เลย
J )
" ดีมาก
ขยัน ๆ ไว้นะน้อง "
(
อนาคตจะได้ทำงานดี ๆ แล้วเลี้ยงเราได้ใช่มั้ย )
"
เลี้ยงไม่ไหวหรอก กินเปลือง "
(
เราก็กินน้อยลงหน่อยสิ )
" โธ่
พี่ชานยอลต้องบอกว่า ยังไงก็เลี้ยงไหวสิ จะได้ซึ้ง "
( อ้าวหรอ ฮ่า
ๆ )
"
พูดแบบนี้อย่างกับจำใจต้องเลี้ยง "
(
เพราะอยากเลี้ยงต่างหาก ถึงได้บอกให้เรากินน้อยลงไง พี่จะได้เลี้ยงไหว )
"
ตอบดีแบบนี้ให้สิบคะแนนเลย "
(
คะแนนแลกเป็นอะไรได้บ้างครับ )
"
กลับมาแล้วจะบอกนะครับ J "
(
เจ้าเล่ห์น้อยซะที่ไหนเนี่ย หื้มมมมม )
"
ไปนอนเลย เราจะทำงานต่อแล้ว .. ไม่เสร็จสักที "
( โอเคครับ )
"
บ้ายบายครับ "
( แบคฮยอนอา .. พี่รักเรานะ
)
เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาพร้อมกับยื่นใบหน้าเข้ามาจูบกล้องและกดวางสายไป
ไม่ทันรอให้อีกคนได้ตอบอะไรกลับ แบคฮยอนนั่งกัดริมฝีปากล่างของตัวเองไว้ด้วยความเขิน
ก่อนจะบังคับตัวเองให้เลิกนึกถึงเรื่องพวกนั้นสักทีเพราะถ้าขืนมัวแต่สนใจพี่ชานยอลอยู่อย่างนี้ เขาคงไม่มีการบ้านไปส่งแน่ ๆ
.
50 %
ปาร์คชานยอลยืนทำงานมาราวแปดชั่วโมงได้แล้ว
แต่มือหนายังคงถูกใช้งานต่อไปเรื่อย ๆ อย่างขยันขันแข็ง
ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดพักเลยสักนิด คนตัวสูงกำลังคิดว่าถ้าได้ยืนทำงานอยู่เงียบ ๆ
เหมือนกับทุกวันก็คงดี เพราะตอนนี้เสียงเจื้อยแจ้วข้างใบหูของเขามันชักจะน่ารำคาญขึ้นมาซะแล้ว
" ที่สาขาโซลนะคะ แขกเยอะมาก ๆ เลย
ในครัวนี่วุ่นวายไปหมด .. สาขานี้ดีนะคะ
ถึงจะห้าดาวเหมือนกันแล้วก็เป็นเกาะท่องเที่ยว แต่ยังดูทำงานกันสบาย ๆ อยู่เลย "
" … "
" แถมอากาศที่นี่ก็ดีอีกต่างหาก
ถ้าได้วันว่าง ๆ แล้วออกไปพักผ่อนคงดีไม่น้อยเลย "
" … "
" เอ .. หรือว่าฉันจะย้ายมาฝึกงานที่นี่ดี "
ไม่ได้ฟังเลยสักนิด
ชานยอลไม่รู้ตัวว่าเขาปล่อยให้เรื่องที่อีกคนกำลังพูดลอยเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวาไปอย่างเฉย
ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนหน้านี้เขาพยายามจะฟังมันแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ทำให้รู้สึกเบื่อมากอยู่ดี
รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เด็กสาวคนนั้นทักขึ้นมานั่นแหละ
" พี่คะ พี่ฟังฉันอยู่หรือเปล่า ?
"
" … " อา .. ป่านนี้ตัวเล็กจะเข้าเรียนหรือยังนะ
ทำไมถึงยังไม่ทักมาอีกล่ะ หรือว่ามัวแต่กินขนมจนเพลินอยู่
" พี่คะ ?
"
" … " ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆ กลับไปคราวนี้เขาคงกอดอีกคนไม่ไหวแล้วแหง
" พี่ ..
ยิ้มอะไรน่ะ "
หญิงสาวถามพลางชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของคนที่อายุมากกว่า
คิ้วที่ถูกวาดขึ้นขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยว่าทำไมอยู่ดี ๆ คนตัวสูงถึงได้ยิ้มออกมา ทั้งที่ยังไม่ทันได้เล่าอะไรตลกเลย
" หะ "
" พี่ ..
ไม่ได้ฟังฉันเลยหรอคะ ? "
" อ่า .. ฮเยริ พี่ว่าเธอน่าจะไปช่วยห้องเบเกอรี่นะ คนนวดแป้งน้อยน่ะ "
พูดอึกอักอย่างรู้สึกผิดแล้วหันกลับมาสับกระเทียมบนเขียงต่อ
" ฉันไม่อยากไปนี่คะ ..
ให้ฉันช่วยพี่เถอะ สับกระเทียมฉันถนัดมากเลยนะ ! "
" งั้นเราอยู่สับกระเทียมตรงนี้ได้ใช่มั้ย
พี่สองคนจะได้ไปช่วยเขานวดแป้ง " เจ้าของประโยคพูดในขณะที่ขายาว ๆ
พาตัวเองมาหยุดยืนข้างเพื่อนสนิท ก่อนจะพาดแขนไปบนไหล่
" จะทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวหรอคะ ?
"
นักศึกษาฝึกงานชายทั้งสองคนหันไปสบตาและสื่อสารคำพูดกันผ่านทางสายตา
ห้องนี้เป็นห้องที่อยู่ติดกับสโตร์ พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกเว้นว่างไว้เพื่อให้ผู้ช่วยใช้ตัดแต่งวัตถุดิบของเมนูอาหารต่าง
ๆ ที่ต้องใช้เป็นจำนวนมาก อย่างที่ชานยอลกำลังสับกระเทียมกองพะเนินอยู่ ก็เพื่อส่งต่อไปให้ครัวร้อนนำไปใส่ในเมนูอาหารต่าง
ๆ
แถวนี้จึงไม่ค่อยมีคนมากนัก นาน ๆ
จะมีเข้ามาสักคนสองคนเพราะเดินผ่านเข้าไปหยิบของในสโตร์
หรืออย่างมากก็อาจจะมีคนมายืนหั่นหอมใหญ่ หั่นแครอทอยู่ข้าง ๆ
" ถ้าอย่างนั้นเธอจะเอายังไงล่ะ ?
"
" นั่นสิ
ไอยอลบอกให้เธอไปช่วยนวดแป้งเธอก็ไม่ไป บอกว่าถนัดสับกระเทียม
พอจะให้อยู่สับกระเทียมก็มาคิดว่าพี่สองคนจะทิ้งซะอย่างนั้น "
เด็กสาวแสร้งทำสีหน้าสลดลงอย่างเกรงใจ
เลื่อนสายตาลงไปมองที่เท้าของตัวเองก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน
" พี่ชานยอล ..
อยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยสิคะ "
" พี่มาฝึกงานในครัวนะ .. แล้วงานมันก็มากเกินกว่าจะมายืนเฝ้าใคร " กล่าวเสียงเข้มเพราะเริ่มรู้สึกไม่พอใจกับความคิดเด็ก
ๆ ของอีกคน
" ฉันรู้ค่ะ แต่ว่า …
"
" เธอควรจะแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ออกนะ
" คิมจงอินพูดทิ้งท้ายไว้ ใช้มือหนาที่วางอยู่บนไหล่เพื่อนตบให้กำลังใจเบา ๆ ก่อนจะเดินออกไปเพื่อปล่อยให้ทั้งสองได้พูดคุยกัน
" … "
" เธอ .. "
" ค่ะ ฉันชอบพี่ ..
แล้วก็คิดว่าพี่ดูออก "
เสียงหวานเอ่ยพลางเงยหน้าขึ้นมาสบตากับชายในฝันของเธออีกครั้งอย่างมีความหวัง
" ก็ ..
พอจะดูออก "
"
ถ้าอย่างนั้นแปลว่าพี่ไม่สนใจฉันใช่มั้ยคะ ? "
" ต่อให้ไม่ใช่เธอ
พี่ก็ไม่สนใจหรอก "
" ทำไมล่ะคะ "
" พี่ ..
มีครอบครัวแล้ว "
" อะไรนะ !
พี่โกหกให้มันเนียนกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือยังไง "
ฮเยริพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความอารมณ์เสีย
พี่ชานยอลเห็นว่าเขาโง่มากหรือยังไงถึงได้พูดอย่างนั้นออกมา
" พี่มีครอบครัวแล้วจริง ๆ นะ "
" หมายถึงมีภรรยาและลูก ?
"
" อื้อ "
" ตลกนะคะ "
มือหนายกขึ้นเกาต้นคอเพราะทำตัวไม่ถูก
ชานยอลล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงใต้ผ้ากันเปื้อนหยิบไอพอดออกมา
กดยุกยิกอยู่สักพักแล้วส่งไปให้คนอายุน้อยกว่าดู หญิงสาวตาเบิกโพลงอย่างตกใจเพราะรูปที่กำลังดูอยู่เป็นรูปที่คนตัวสูงกำลังอุ้มเด็กเล็กคนหนึ่งเอาไว้และที่ข้างกันก็มีคนตัวเล็กกว่านิดหน่อยยืนอุ้มเด็กอีกคนที่หน้าตาเหมือนกันเอาไว้เช่นกัน
นั่นมันบ้ามากเลยนะ !
ฮเยริมองสลับไปมาระหว่างภาพนั้นและคนตรงหน้า
ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองแต่รูปนั้นมันก็ดูแฟมมิลี่มากจริง ๆ
แถมยังดูน่ารักอบอุ่นมากอีกด้วย
แต่ก็อย่างว่าเขาเจอพี่ชานยอลแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมงยังชอบเลยแล้วคนอื่นที่เจอมาก่อนจะพลาดได้ยังไง
ฮือ เสียดายชะมัด !
" เชื่อหรือยัง ?
"
" ขนาดนี้แล้วฉันจะไม่เชื่อได้ยังไง
.. เฮ้อ ครอบครัวพี่น่ารักดีนะคะ
ดูอบอุ่นมากเลยถึงแม้ว่าเด็กแฝดทั้งสองคนจะหน้าตาไม่ค่อยเหมือนพี่เท่าไหร่ก็ตาม
แต่ช่างเถอะ "
" … "
" ฉันขอตัวไปช่วยห้องเบเกอรี่นวดแป้งก่อนนะคะ
" ว่าแล้วโค้งตัวให้คนอาวุโสกว่านิดหน่อยก่อนจะเดินคอตกออกไป
โดยไม่ทันมองคนผิวคล้ำอีกคนที่เดินสวนเข้ามา
" ฮ่า ๆๆ เป็นไงล่ะ กูบอกแล้ว ..
นี่ถ้ามึงบอกว่าแบคฮยอนเป็นแค่แฟน
แล้วน้องเขารู้อีกว่าแบคฮยอนไม่ใช่ผู้หญิง มึงไม่รอดหรอก "
" รู้ได้ไงวะกัมจง "
" เขาไม่ได้ใสอย่างที่แสดงออกหรอก
มึงก็น่าจะดูออก "
แผนที่บอกว่าเขามีครอบครัวแล้วนั่นมันไม่ใช่ของเขาหรอก ไม่ใช่แน่ ๆ
ความคิดพวกนั้นไม่เคยลอยมาอยู่ในหัวเขาเลยสักนิด เพราะมันดูบ้ามากเกินไป
แต่เป็นเพราะคิมจงอินหันมากระซิบบอกเขาก่อนจะเดินออกจากห้องไปว่าให้ทำอย่างนั้นแล้วจะรอด
เขาก็เลยลองเสี่ยงดูทั้งที่ไม่คิดว่ามันจะได้ผล .. แต่ก็อย่างที่เห็น ฮเยริบอกว่าครอบครัวของเขาน่ารักอบอุ่นซะด้วย
ไม่รู้ว่าเขาแสดงเนียน
หรือฮเยริอินเกินไปกันแน่ ..
เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนนั้นชื่อฮเยริ
จองฮเยริ เป็นหนึ่งในนักศึกษาฝึกงานที่เป็นตัวแทนได้เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับโรงแรมในเครือของแต่ละสาขา
ตั้งแต่ได้เจอกันเมื่อเช้าฮเยริก็พูดจ้อไม่หยุดจนเขาเบื่อ
และถึงแม้ว่าจะแสดงออกไปหลายต่อหลายครั้งแล้วว่าไม่สนใจ
แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ไปสักที จนสุดท้ายได้วิธีช่วยของกัมจงนั่นแหละ
เด็กคนนั้นถึงได้แยกตัวออกไปจากเขาสักที
" กูไม่คิดว่าจะมีคนเชื่อ "
" รูปนั้นน่ารักจะตาย ..
ดูเป็นครอบครัว จนกูอยากให้แบคฮยอนเป็นผู้หญิงขึ้นมาเลย "
" ไม่ใช่ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่ "
" พูดจาแบบนี้แล้วจะอ้วกหวะ "
พูดพร้อมใบหน้าแหย ๆ
แล้วใช้ศอกดันแกล้งเพื่อนก่อนจะเดินออกไปจากห้องอีกครั้งเพื่อกลับไปทำงานของตน
ชานยอลมองตามเพื่อนสนิทเดินออกไปจนพ้นสายตาและหันกลับมาเตรียมจะหยิบมีดขึ้นมาทำงานต่อ
แต่เพราะไอพอดในกระเป๋าสั่นเรียกเขาซะก่อน
ความสนใจทั้งหมดจึงหายวับไปอยู่กับมันทันที
แบคฮยอนนี่ : Sent you a photo.
แบคฮยอนนี่
: นี่ เป็นไง เราเก่งมั้ย
นิ้วกดไปที่รูปบนหน้าจอเพื่อขยายให้ใหญ่ขึ้น
แถบดาวน์โหลดแสดงขึ้นอยู่ครู่หนึ่ง รูปภาพที่อีกคนส่งมาก็ชัดเจนแก่สายตา สิ่งที่คนตัวเล็กภูมิใจอยากนำเสนอนักหนาจนต้องถ่ายรูปส่งมาก็คือ
ชูว์ครีมที่ถูกจัดตัดแต่งเป็นรูปหงส์อย่างสวยงาม
เทอมนี้แบคฮยอนได้ลงเรียนวิชาเบเกอรี่พื้นฐานที่ดูเหมือนว่าจะสนใจมากเป็นพิเศษ
สังเกตได้จากการถ่ายรูปส่งมาอวดเขาทุกครั้งที่ได้เข้าเรียน
แบคฮยอนดูมีความสุขมากแต่คนตัวสูงไม่แน่ใจในเหตุผลเท่าไหร่ว่าเป็นเพราะอีกคนชอบทำหรือว่าชอบกิน
ชานยอล : สวยนะ
ชานยอล : แต่อาจารย์สอน
ก็ทำได้ทุกคนอยู่แล้วนี่นา
แบคฮยอนนี่ : พี่ชานยอลอ่ะ L
แบคฮยอนนี่ : วันหลังเราจะไม่ถ่ายรูปมาให้ดูแล้ว
ชานยอล : ล้อเล่นหรอกนะ
:D
ชานยอล : เราบีบสวยออก
ขนาดชูว์กำลังดีเลย ถ้าเล็กกว่านี้คงตัดตัวหงส์กับปีกไม่สวยหรอก
ชานยอล : ทำครั้งแรกด้วย
เก่งจะตาย
ชานยอล : แฟนใครก็ไม่รู้
J
แบคฮยอนนี่ : คิดว่าพูดจาแบบนี้แล้วจะยกโทษให้ง่าย
ๆ หรอ L
ชานยอล : อา ..
ถ้าอย่างนั้นทำยังไงดีล่ะ
แบคฮยอนนี่ : วันนี้ไม่ต้องโทรมาเลย
ชานยอล : จริงอ่ะ
?
ชานยอล
: พี่ว่าจะถามสักหน่อยว่าอาทิตย์นี้เลือกหยุดวันไหนดี
ชานยอล : ถ้าตัวเล็กงอนแบบนี้
ไม่กลับโซลดีกว่า
แบคฮยอนนี่ : ไม่เอานะ
!
แบคฮยอนนี่ : กลับสิ
ๆๆ
ชานยอล : วันไหนดีครับ
? J
แบคฮยอนนี่ : วันเสาร์กับอาทิตย์
ชานยอล : เราอยากไปไหนหรอ
?
แบคฮยอนนี่
: ไว้คุยกันเย็นนี้เราจะบอกอีกทีนะ
ตอนนี้ต้องไปบีบไส้เอแคลร์แล้ว
แบคฮยอนนี่ : บ้ายบาย
ชานยอล : บาย
แบคฮยอนนี่ : ไม่เหนื่อยนะ
สู้ ♡
รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนริมฝีปากหยักอยู่แล้วถูกยกขึ้นให้กว้างขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้อ่านข้อความที่แสดงอยู่ตรงหน้า
มือหนาเก็บไอพอดใส่ลงในกระเป๋าตามเดิม หยิบมีดขึ้นมาและสับกระเทียมบนเขียงตามหน้าที่ของตัวเองต่ออย่างอารมณ์ดี
แหม จะว่าไป ..
กระเทียมมันก็น่ารักดีเหมือนกันนะเนี่ย
.
ร่างเล็กกลิ้งไปมาบนเตียงนอนในขณะที่ถือโทรศัพท์เครื่องแพงแนบหูเอาไว้
เพราะรอสายใครบางคนอยู่ ใครบางคนที่เริ่มทำให้เขาอารมณ์ไม่ค่อยดี
ก็โทรออกไปตั้งหลายครั้งแล้วแต่ไม่ได้รับการตอบรับจากปลายสายเลยสักครั้ง ไม่รู้ว่ามัวแต่ทำอะไรอยู่
ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ไม่คิดถึงกันบ้างเลยหรือยังไงนะ ! L
( ฮัลโหล )
" โอโห
รับโทรศัพท์ช้ามากเลยยยยยย "
(
เก็บร้านอยู่น่ะสิ )
"
บอกแล้วไงให้หาลูกจ้าง "
(
ไม่เหนื่อยสักหน่อย )
"
ลืมไปแล้วมั้ง ว่ามีลูก "
( อ้าว นี่ฉันไม่ได้โสดอยู่หรอกหรอ
โถ เผลอให้เบอร์หนุ่มไปแล้วทำยังไงดีล่ะ )
" แม่ "
( ฮ่า ๆ
ว่าไงลูกชาย โทรมามีอะไรสำคัญหรือเปล่า )
" ไม่มีอะไรสำคัญมาก
นอกจากคิดถึงแล้วก็จะบอกว่าวันเสาร์นี้จะกลับไปหา พาพี่ชานยอลไปด้วยนะ "
( จริงหรอ
? ดีเหมือนกัน ไม่ได้เจอหน้าตั้งนานแล้ว .. ตั้งแต่เขามาซื้อดอกลิลลี่วันนั้นก็หายไปเลยนะ )
"
เขาไปฝึกงานอ่ะ .. หะ ดอกลิลลี่อะไรหรอ ? "
(
อ้าว นี่เราไม่รู้หรอ ว่าพี่เขามาซื้อดอกไม้ที่ร้านแม่ )
สิ้นเสียงผู้เป็นแม่
คิ้วบางก็ขมวดเข้าหากันพลางนึกย้อนไปถึงวันที่ได้รับดอกไม้จากคนตัวสูง
เขาไม่รู้เลยว่าดอกไม้เป็นของที่ร้าน
อาจเป็นเพราะมัวแต่สับสนกับเรื่องพวกนั้นอยู่เลยไม่ทันได้สังเกต
นี่เขาไปซื้อที่ร้านแม่มาเลยหรอ ?
"
เพิ่งรู้นะเนี่ย … แสดงว่าแม่เป็นคนบอกความหมายเขาน่ะสิ "
( ใช่
ลูกเขยฉันน่ารักไม่ใช่เล่นเลยนะ )
"
ผมก็ว่าอย่างงั้นแหละ ฮิฮิ "
( น้อย ๆ หน่อยค่ะลูก
)
" ฮ่า ๆ "
(
วันเสาร์เจอกันนะแบคฮยอน .. เดี๋ยวแม่ไปเก็บร้านต่อก่อน จะได้รีบกลับบ้าน )
" ครับ .. คิดถึงแม่น้า
"
( รักลูกจ๊ะ )
หลังจากผู้เป็นแม่กดวางสาย คนตัวเล็กก็ทิ้งโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงทันที
สายตาเหลือบไปมองเวลาบนนาฬิกาเหนือโทรทัศน์ก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสองทุ่มแล้ว
ซึ่งมันน่าเบื่อเป็นบ้าเพราะเขาไม่มีอะไรให้ทำ เซฮุนก็ไม่อยู่ให้กวนเพราะออกไปเล่นเกมส์กับจงแดและซูโฮ
ส่วนคนรักของเขายิ่งไม่อยากจะพูดถึง กว่าจะโทรมาก็คงสามสี่ทุ่มเพราะต้องรอจัดการหน้าที่ตัวเองให้เรียบร้อยซะก่อน
Rr rr r.
"
ฮัลโหล ! ทำไมวันนี้โทรมาเร็วจังเลยล่ะ "
( ไม่ดีหรอ ? )
" ดีสิ
แต่เราสงสัยไง "
( เลิกเร็วน่ะ
ก็เลยรีบกลับมาอาบน้ำแล้วก็โทรหาเรา )
"
กินข้าวหรือยัง " สบตาถามอีกคนและค่อย ๆ ยันตัวเองขึ้นจากที่นอน
ย้ายไปเอนหลังพิงกับหัวเตียงแทน
( กินแล้วครับ )
"
แล้ววันนี้เหนื่อยมั้ยครับ ? "
(
ตัวเล็กกกกกกกกกกกกก )
คนปลายสายตอบประโยคของเขาด้วยการเรียกคำแทนชื่ออย่างงอแง
แล้วก้มหน้าลงฟุบไปกับโต๊ะหนังสือของตัวเอง
ทำเอาคนที่ฟังอยู่ถึงกับงงว่าเขาเผลอทำอะไรผิดไป
"
พี่ชานยอลเป็นอะไรหรือเปล่า ? "
(
เราถามประโยคนั้นแล้วจะมาทำหน้าแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ )
" อ้าว
ทำไมล่ะ .. เราก็ทำหน้าปกตินี่นา
"
(
เรากำลังจะทำให้พี่เกเร ไม่อยากไปทำงานแล้วบินกลับโซลแทน )
" ฮ่า ๆ .. เด็กน้อยนี่นา
"
คนตัวเล็กหลุดหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู
ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าคนปลายสายอายุมากกว่าก็ตาม
ปาร์คชานยอลก็แค่แพ้ใบหน้ากับน้ำเสียงน่ารักที่แสดงถึงความเป็นห่วงของคนรักเท่านั้นเอง
( คิดถึงเราจัง )
"
เราเล่นของใส่พี่ชานยอลแหละ แต่ไม่คิดว่ามันจะได้ผลเร็วขนาดนี้ "
( จริงหรอ ? ถอนออกบ้างเถอะ
พี่ว่ามันมากไปแล้วนะ )
" ฮ่า ๆ "
(
วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง กินเอแคลร์กับชูว์ไปจนหมดเลยหรือเปล่า ? )
" หมดเลย
ของเซฮุนด้วย "
(
กลับไปนอนกอดคราวนี้ แขนพี่คงโอบรอบตัวเราไม่ได้แล้วล่ะ )
"
ไม่ขนาดนั้นสักหน่อย ! L "
( J )
"
เราเก็บไว้ให้พี่ชานยอลด้วยล่ะ
แต่เป็นไส้รสกาแฟนะเพราะเราว่ามันหวานน้อยกว่าตัวที่เป็นคัสตาร์ดอ่ะ กินเยอะก็ไม่น่าจะเลี่ยน "
( ขอบคุณครับ )
( แบคฮยอนหรอวะ
ใช่ป่ะ .. อันย้องงงงงงงง
)
มือเล็กยกขึ้นโบกกลับไปให้รุ่นพี่ผิวเข้มที่จู่ ๆ ก็โผล่เข้ามาในกล้อง
จงอินหันไปกระซิบอะไรสักอย่างใส่หูเพื่อนตัวเองแล้วหันมายิ้มที่คิดว่าหวานส่งมาให้คนตัวเล็ก
ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้คนที่นั่งมองอยู่ได้แต่มองตามไปอย่าง งง ๆ
( พี่มีเรื่องจะเล่าให้เราฟังด้วยล่ะ
)
" หื้อ
เรื่องอะไรหรอ ? "
(
อ่า .. วันนี้ที่โรงแรมเขาจัดกิจกรรมพิเศษ
รวมตัวแทนนักศึกษาฝึกงานของแต่ละสาขาเป็นกลุ่มแล้วพามาดูงานแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันที่สาขาที่พี่ทำอยู่
)
" อื้อ "
(
แล้วก็มีน้องผู้หญิงคนหนึ่ง .. ชื่อฮเยริ เขาทำตัวแปลก ๆ ตั้งแต่มาเลยแหละ
แบบมาชวนคุยทำตัวติดกับพี่ตลอดเวลาจนน่าเบื่อเลย )
" อ่าฮะ "
( คุยกันไปคุยมาก็รู้ว่า
.. )
"
เขาชอบพี่ชานยอลหรอ ? "
(
อื้อ .. ชอบไปได้ยังไงก็ไม่รู้ )
"
แล้วยังไงต่อ "
( พี่ก็บอกให้เขาเข้าใจว่าพี่รับความรู้สึกดี
ๆ พวกนั้นไว้ไม่ได้ )
" … "
(
เพราะว่า .. พี่มีครอบครัวแล้ว )
" หะ ! "
ตาเล็กเบิกกว้างด้วยความตกใจเพราะสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่
ภายในหัวนึกย้อนถึงประโยคนั้นวนไปวนมาซ้ำ ๆ เพื่อแปลความหมายของมัน
( ไอจงอิน บอกว่าให้บอกอย่างนั้นน่ะสิ
)
" ฮ่า ๆ .. จริงหรอ
คิดได้ยังไงเนี่ย แล้วเขาจะเชื่อหรือไง "
(
พี่ก็คิดเหมือนเรา แต่เขาดันเชื่อ )
" หะ .. นี่เราต้องตกใจอีกกี่รอบเนี่ย
"
( หลายเลยแหละ .. เขาเชื่อจริง
ๆ นะ เพราะพี่เปิดรูปวันที่เราสองคนไปช่วยกันเลี้ยงน้องแฝดให้ข้างห้อง ให้เขาดู
เออ แล้วเขาก็เชื่ออ่ะ )
" เห้ย
แบบนี้เขาก็คิดว่าเราเป็นผู้หญิงหรอ ? "
(
น่าจะใช่นะ ฮ่า ๆ )
คนตัวสูงหลุดหัวเราะออกมาบ้างเมื่อนึกไปถึงใบหน้าเหวอ ๆ
และความเข้าใจผิดของเด็กสาวคนนั้น คงเป็นเพราะในรูปแบคฮยอนหน้าหวานแล้วก็ตัวเล็กมากเมื่อเทียบกับเขา
เลยทำให้เป็นสาเหตุของความเชื่อผิด ๆ พวกนั้นเกิดขึ้น
" โอโห
ไม่อยากจะนึกภาพตอนตัวเองคลอดน้องแฝดเลย "
(
เราไม่คิดมากเลยหรอ ? )
"
เรื่องที่มีผู้หญิงเข้ามาหาพี่ชานยอลหรอ "
( อื้ม )
" ไม่หรอก .. ก็เจอกันแค่วันเดียวเองนี่
แต่ถ้าเป็นคนที่ฝึกงานด้วยกัน เราคิดมากแน่ L "
( ถ้าอย่างนั้นน่าจะฝึกงานที่เดียวกัน )
" ทำไมล่ะ
อยากให้เราคิดมากหรือไง "
(
พี่อยากเห็นเราหวงพี่น่ะ ไม่เคยเห็นเลย )
"
เราไม่คิดว่าพี่ชานยอลจะอยากเห็นหรอก "
( น่ากลัวหรอ )
" ไม่รู้สิ
เรานิสัยไม่ค่อยดีนะ เราอาจจะหนีออกมาเงียบ ๆ โดยไม่ฟังคำอธิบายเลยก็ได้ "
(
ถ้ามันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมา เราต้องฟังพี่นะ .. เพราะพี่มั่นใจว่าตัวเองมีคำอธิบายที่ไม่ใช่คำแก้ตัวแน่
ๆ )
" เราก็เชื่อพี่ชานยอลตลอดนั่นแหละ
"
( ประโยคนั้น
น่ารักนะ J )
" แล้ว .. พี่ชานยอลอยากมีครอบครัวจริง ๆ
หรือเปล่า "
( อยากสิ )
" เราหมายถึง
.. มีลูกด้วยน่ะนะ
"
ถามด้วยน้ำเสียงที่เบาลงนิดหน่อยเพราะแอบหวั่นใจกับคำตอบ
เรื่องนี้มันค่อนข้างละเอียดอ่อนทั้งสำหรับตัวเขาเองและคนรัก
ถึงใจจะอยากคบกับพี่ชานยอลไปตลอด
แต่ก็แอบอยากปล่อยให้อีกคนไปมีภรรยาและลูกเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์อยู่เหมือนกัน
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าพี่ชานยอลต้องเป็นสามีที่ดีแล้วก็เป็นพ่อที่น่ารักมากแน่ ๆ
(
เอาหัวมาให้ลูบหน่อยสิเด็กแสบ )
" … "
(
ให้ตอบตามจริงพี่ก็ต้องอยากมีอยู่แล้ว .. ไม่ได้จะพูดเอาใจเราหรอกนะ
แต่ถ้าไม่ใช่แบคฮยอนหรือลูกที่มาจากแบคฮยอน พี่ก็ไม่ได้อยากมีหรอก )
" … "
( สองคนก็เป็นครอบครัวได้นะ
รู้หรือเปล่าพั้มพ์ ? J )
" เฮ้อ "
( อ้าว ทำไมเราถอนหายใจอย่างนั้นล่ะ )
" ทำไมเราต้องรักพี่ชานยอลมากแบบนี้ด้วยเนี่ย
แย่ชะมัด L "
บ่นกับตัวเองอย่างไม่เข้าใจแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะเพื่อซ่อนใบหน้าหวานที่แก้มกำลังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
คนตัวสูงนั่งมองคนรักด้วยรอยยิ้มที่กว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะพูดตอบกลับไป
(
พี่ก็รักเรามากเหมือนกัน .. จริง ๆ ตั้งใจไว้แล้วนะว่าจะไม่พูดบ่อยเพราะกลัวมันจะดูไม่มีค่า
)
" … "
(
แต่เราก็ทำให้พี่อดพูดไม่ได้ทุกทีเลย )
"
เราชอบฟังจะตายยยยยยย "
( พี่รักเรานะ )
" อ่าฮะ "
( พี่รักเรานะ )
" อ่าฮะ "
( พี่ .. )
" พี่ชานยอล
กวนหรือเปล่าเนี่ย หื้มมมมมมม "
ถามออกไปแก้เขินพร้อมกับยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ กล้องแล้วหรี่ตาใส่
จนชานยอลชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าใครกันแน่ที่กำลังกวน
(
เราต่างหากที่กวน )
" ไปเตรียมแผนงานของพรุ่งนี้เลย
"
( ก็ได้ )
"
วันเสาร์เจอกันนะ J "
( ครับ )
"
เอาแก้มมาใกล้ ๆ กล้องหน่อยสิ "
( หื้อ )
" ขอหอมที "
(
ทำไมแสบแบบนี้เนี่ย )
" ว้าย
คนแก่เขินล่ะ หูแดงด้วยนั่น จุ้บ "
คนตัวเล็กหัวเราะคิกคักไม่หยุดจนกระทั่งกดวางสาย
เขาต้องรีบชิงวางก่อนสิเพราะไม่อย่างนั้นมีหวังได้โดนคนปลายสายแกล้งอะไรกลับคืนมาแหง
แบคฮยอนหยัดตัวลุกขึ้นจากเตียงหลังจากตัดสินใจจะเปิดโน้ตบุ๊คเล่นเกมส์แก้เบื่อ
แต่พอหย่อนก้นลงบนเก้าอี้เขาก็ต้องหันกลับมาสนใจโทรศัพท์มือถือในมืออีกครั้ง
เพราะแรงสั่นแจ้งเตือนข้อความเข้า
นิ้วเรียวกดเข้าไปและใช้สายตาอ่านเพียงไม่นานก็เผยรอยยิ้มกว้างออกมาบนริมฝีปากอย่างดีใจ
มีข่าวดีมาบอกลูกชาย
พี่โซยูกลับมาวันศุกร์นี้พอดี
และเขาก็จะมาทานข้าววันเสาร์กับเราด้วย
เจอกันนะจ๊ะ ..
บยอนฮเยซอน
_______________
รูปที่นางตั้งดิสไลน์ อิอิ
แล้วก็ชูว์รูปสวอนที่น้องแบคทำ
ก็อย่างที่คุณแม่บอกนั่นแหละค่ะ
แล้วเจอกันนะจ๊ะ :D
ปาร์คชานนางเพ้อไปแล้ว ช่วยด้วย
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน
รออ่านคอมเม้นอยู่ด้วยแหละ ยักษ์ ♡
ความคิดเห็น