คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ก็ผมนี่แหละนายสายลมล่ะ
“ผํวะ”
“คนที่ 34 แล้วซินะ”
ผมบ่นออย่างหอบ ๆ ก่อนที่จะซัดหน้าบรรดาเหล่าลูกน้องหรือบอดี้การ์ดของยัยริน หงายตึงไป
“ทำไมนายถึงได้” ยัยนั้นคงมองผมแบบอึ้ง ๆ เช่นกัน
เฮ่อออออออออ ทำไมชีวิตของผมมันถึงได้ยุ่งวุ่นวายแบบนี้เนี่ย แต่ไงก็เถอะผมคงทนไม่ได้อยู่ดีแหละ ที่เห็นไอพวกคนที่มีฐานะดีกว่า มาดูถูกคนธรรมดาน่ะนะ
ย้อนกลับเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว
ตอนนั้น เพื่อนผมมันได้ไปม่ ผู้หญิงอยู่สองคน คนหนึ่งเป็นคนธรรมดา ชื่อว่า น้องเก๋ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นดาวมหาลัยแล้วยังเป็นลูกสาวเจ้าพ่อซะอีก คน ๆ นั้นชื่อว่ายัยริน
แล้วเรื่องมันก็เกิดขึ้นที่อยู่มาวันหนึ่ง สาวเจ้าทั้งสองคนนั้นเจอกันโดยบังเอิญ
ซึ่งก็แปลว่าเพื่อนผมนั้นมันรถไฟชนกันพอดี
“เพชรนายเลือกเองเถอะนะ อีกอย่างถ้าน้องเค้าสวยกว่าเราแล้วล่ะก็นายก็รับเขาไว้เป็นกิ๊กก่อนก็ได้นะเดี๋ยวจะเสียดุลการค้าเอา” ยัยรินพูดดูถูกน้องเก๋ได้น่าหมั่นไส้มาก
“......................” แต่ไอเพชรเพื่อนผมเนี่ยดิแง่ม ไหงมันถึงนิ่งล่ะฟร่ะ
“แล้วเธอคิดว่าตัวเองสูงค่ามากนักเหรอไง” น้องเก๋ที่ทนฟังยัยรินดูมานานคงทนไม่ค่อยได้แล้วล่ะมั้งเธอจึงพูดสวนกลับขึ้นมา
"งั้นก็เอาเป็นว่า เมิงจะเลือกใครล่ะไอเพชรชี้ขาดกันไปเลย "
ตอนนั้นผมพูดแบบนั้นออกไป ถึงแม้จะรู้สึกหมั้นไส้ยัยรินไรนั้นก็ตามแต่มานก็เป็นเรื่องที่เพื่อนผมควรจะเคลีย
“เพชรคิดเอาเองนะ ว่าดาวมหาลัยฐานะทางบ้านก็รวยแบบริน กับยัยเด็กธรรมดานั้น”
ตอนนี้ผมชักจะโมโห ตงิด ๆ แระนะ
หลังจากที่ยัยรินไรนั้นพูดออกมาแค่ประโยคเดียวเท่านั้นแหละครับผมนิ่งต่อไปไม่ได้อีก
“เพชร ถ้าเพชรมาเป็นกิ๊กกับเรานะ เราว่าเพชรคงจะสบายกว่าคบกับยัยเด็กนั้นเยอะนะ
แล้วเราก็สวยกว่า แถมฐานะก็ดีกว่าด้วย ถ้าเพชรจะโง่ก็ตามใจนะ”
อะไรฟร่ะ ไอเราก็นึกว่าจะให้เป็นตัวจริงนี่แม่คุณเล่นให้เป็นแค่กิ๊กอีก ผมว่าเพื่อนผมมันก็คงทนไม่ได้ล่ะนะ เพราะมันหันมามองหน้าผมแบบ กรุซึ้งแล้วว่ะ ไรทำนองนี้
“ไปเหอะ” ผมพูดกับเพื่อนผมนิ่ง ๆ ให้มันพาน้องเก๋เดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน ตกลงเพชรเลือกมันใช่ไหม” ยัยรินยังคงถามคำถามสุดท้าย แล้วเธอก็เรียกเหล่าบรรดาบอดี้การ์ดตัวเบอเร่อ มา 3 คนเพื่อรุมเพื่อนผมกับน้องเก๋
“หู้วววว...เมการใช้กำลังกันด้วยแฮะ”
“แต่ไปเหอะเมิงเด๋วทางนี้กรุเคลียให้”
ผมหันไปพูดกับเพื่อนผมอย่างมั่นใจ แล้วมันก็หันมาทำหน้าซึ้งใส่ผมนิดนุงก่อนที่จะลากน้องเก๋ไปอีกทาง (อ้าวตกลงจะให้ผมลุยคนเดียวชิมิเน่)
“เพชรใครสั่งให้เพชรไป” ยัยรินไรนั้นเริ่มขึ้นเสียง ก่อนจะให้บอดี้การ์ดของเธอมารุมไอเพชรเพื่อนผม
“ผลั๊ก อ๊อก อ้ากกกกกกกกกกกกก”
ผมเองแหละครับที่เดินไปซัดนายบอดี้การ์ด 3 ตัวนั้นลงไปนอนกองกับพื้น
“แล้วถ้าฉันสั่งเธอห้ามได้ไหมล่ะ” ผมหันไปทำหน้ากวนใส่ยัยริน
“นะนายยยยยยยยยยยยยยยยย” สงสัยยัยนี่คงจะโกรธจัดแฮะเลยเอามือมาชี้หน้าเหมือนจะด่าผมก็คงด่าไม่ออก
“อีกอย่างนะ ถ้าเธอจะภูมิใจกับสิ่งที่เธอมีอยู่ล่ะก็ฉันว่าเธอภูมิใจแบบผิด ๆ ว่ะ
เพราะไอฐานะทางบ้านของเธออ่ะถ้าเธอหามาเองแล้วค่อยมาอวดเบ่งเหอะ
แต่นี่เปล่าเลย เธอแพ้ น้องเก๋เขาตรงที่ เธอน่ะนะไม่เคยเจอความลำบากแบบพวกเราที่เธอดูถูกว่าต่ำต้อยกว่าไง อีกอย่างความร่ำรวยของเธอมันคงเอามาเบ่งใส่คนแบบฉันไม่ได้หรอกนะ เพราะไงมันก็ไม่ใช่ของของ เธอ ทำตัวเป็นเด็กดีอยู่ในกรอบเอาใจบุพการีเธอไปวัน ๆ เถอะถ้าเธอพอใจแบบนั้น”
หึหึหึ สะใจหลอกด่าไปว่ายัยนี่เป็นพวกคุณหนูเกาะพ่อแม่กินไปวัน ๆ ซะงั้น
ฮ่า ๆ ๆ ๆ
สงสัยว่ายัยรินคงจะเถียงไม่ออกมั้ง เลยได้แค่เดินกระทืบเท้าจากไป
หุหุหุ ก็เป็นงี้แหละครับพวกคุณหนูเอาแต่ใจชอบดูถูกคนอื่น
"................................................."
และแล้วคาบสุดท้ายที่ผมมีเรียนวันนี้จบลง
“เห้ย สายลมเว้ย”
“หือมีไร” ผมหันไปตามเสียงเรียกที่คุ้นเคย ใช่แล้วล่ะฮะมันคือไอเบียเพื่อนผม
ตั้งก่ะตอน ม. ปลายนั้นเอง
“ได้ยินว่าเมิงไปด่า คุณรินเลยเหรอว่ะนั้น” โถ่คนอื่นเรียกยัยนี่ซะคุณแต่ไหงมาทำตัวให้ผมไม่อยากเรียกแบบนั้นเลยอ่ะ = =
“อื้อไมอ่ะ และก็ไม่ได้ด่าแค่พูดเตือนสติเท่านั้นเฟ้ย” หุหุหุ ฟามจริงก็หลอกด่าไปอ่านะ -3-
“แล้วนี่แกรู้หรือเปล่าว่าคุณรินเป็น..............”
“เป็นลูกสาวเจ้าพ่อค่ะ” อยู่ดี ๆ ยัยรินก็เดินมาจากไหนไม่รู้พร้อมกับส่งยิ้มหว่านเสน่ห์ใส่ไอเบียเพื่อนผม
“แล้วไง” ผมตอบกลับไปโดยไม่มองแม้แต่หน้าของยัยนั้น
แต่...............ผัวะ ไอเบียตบหัวผมแทบหน้าทิ่ม
“อะไรของเมิงเนี่ยผมหันควับไปถามมันอย่างเคือง ๆ”
“แล้วคุณรินเค้าไปทำอะไรให้แกเล่า ถึงได้ไปหยาบคายใส่เค้าแบบนั้น”
“เมิงเข้าข้างยัยนี่ว่างั้น” ผมพูดอย่างรำคาญก่อนจะลุกขึ้นเดินหนีทั้งคู่ออกมา
จะหน้าม่ ก็ดันหน้าม่ ไม่เลือกคนแบบนี้ระวังเห้อ จะเป็นแบบไอเพชรแล้วฉันจะไม่ช่วยแกเลยไอเบีย ผมคิดในใจ
แต่แล้วยัยรินไรนั้นก็ดันวิ่งตามผมมาซะงั้น
“เดี๋ยวก่อนซินายยยยยย รอเราด้วย”
“มีไรอีกล่ะ” หยุดรอซักนิดดูซิแม่นี่จะมาไม้ไหนอีก
“ก็เพื่อนนายที่ชื่อเพชรอ่ะ วันนี้เราก่ะจะชวนเพื่อนนายไปงานปาร์ตี้คืนนี้ที่บ้านเราน่ะ”
“แล้วไง”
“ก็เพื่อนนายไม่ไปแบบนี้แล้วจะให้เราทำยังไงเล่าเราอุตสาห์บอกเพื่อนเราไปแล้วนะว่าจะควงกิ๊กไปด้วย”
“อ่าห่ะ”
“งั้นนายก็ต้องรับผิดชอบแทนเพื่อนนายด้วยล่ะกัน”
ยัยนั้นพูดจบเหล่าบอดี้การ์ดของเธอก็โผล่ออกมาหิ้วปีก
ลากผมขึ้นรถของเธอไปเลย -*-
15นาทีต่อมา
“อะไรเนี่ยยยยย” ผมบ่นอย่างรำคาญ ๆ ที่ร้านขายเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง
“ก็เราต้องควงนายออกงานนี่ ขืนให้นายใส่เสื้อผ้าธรรมดา ๆ เข้าไปเราก็หน้าแตกซิ”
ยัยนั้นพูดเหมือนผมจะมาเป็นตัวแทนไอเพชรเพื่อนผมยังไงอย่างงั้นอ่ะ
แล้วมันก็จริงอย่างที่ผมคิดเพราะยัยนี่ก่ะควงผมออกงานแทนเพื่อนผมจริง ๆ -*-
จนผมโดนจับใส่เสื้อสูทตัวแล้วตัวเล่า พวกเจ้าของร้านรวมถึงยัยรินไรนั้นก็ไม่ถูกใจซักที คนนะเฟ้ยไม่ใช่ตุ๊กตา
จนผมต้องมาใส่สูทสีน้ำตาลอ่อนตัวนึง เฮ้อออ เอาฟร่ะ ถ้าถอดแว่นเเล้วเสยผมนิด ๆ ผมคงหน้าตาดีเหมาะกับสูทตัวนี้มั้งแหละนะ ลืมบอกไปครับว่าผมใส่แว่น แต่ผมสายตาไม่สั้นอ่ะชอบใส่อ่ะ เหะ ๆ (มานบ้าครับ <<< คนเขียน SAYYY)
เมื่อผมเดินออกมาเจ้าของร้านเสื้อกับยัยรินนั้นยืนอึ้งตะลึงกับเป็นแถว
“พอใจหรือยัง” ผมพูดแกมประชด
“หล่อมากเลยนะค๊าาาาาา กิ๊กใหม่หนูรินเนี่ย ถ้าวันไหนหนูรินเบื่อ ๆ
ก็ให้พี่ยืมควงมั่งนะ” ยัยเจ้าของร้านที่เมื่อกี้ทำหน้าเบื่อ ๆ ใส่ผม
ตอนนี้ ชี กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที
ยัยรินนั้นคงไม่ต่างกับเจ้าของร้านซักเท่าไหร่นัก เธอเลยวางฟอร์มนิ่ง ๆ จ่ายเงินค่าสูทของผมไป
“แล้วนี่เราจะไปไหนล่ะนั้น”
“ก็บ้านชั้นเอง” ยัยรินหันมาพูดกับผมนิดนึง
ก่อนที่เธอจะหันไปแอบยิ้มทางกระจกรถ เป็นไรมากป่าวฟร่ะ
“โห ไปไมอ่ะ” รู้อยู่แล้วล่ะครับแต่ถามไปงั้น ๆ
“นี่ชั้นบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอไงว่าวันนี้มีงานเลี้ยงแล้วชั้นก็ต้องควงนายไปแทนเพื่อนนายด้วย”
“มันก็ใช่อ่ะ แต่ว่าคุณหนูผุ้เพียบพร้อม (แอบแขวะ) แบบเธออ่ะหาคนอื่นได้อีกนี่
ทำไมต้องมาเป็นฉันด้วยห่ะ”
“เหอะน่าไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว” ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วงั้นเหร้อ
ไม่ใช่เพราะใช้กำลังบังคับผมมาเหรอไงนั้น จริงม่ะครับท่านผู้อ่าน -3-
เมื่อมาถึงคฤหาสน์ หลังหนึ่ง คนขับรถก็วนรถไปทางบริเวณด้านหลัง
ของคฤหาสน์หลังนี้
“นายก็เข้าไปมั่วนิ่มในงานก่อนก็แล้วกันเดี๋ยวชั้นตามไป”
พอลงจากรถยัยนั้นก็ขอเดินปรีกวิเวกไปซะก่อน
เอาแล้วซิผมจะรู้ไหมนะว่าเค้าจัดงานกันตรงไหน
เอาฟร่ะเดินดุ่ม ๆ มันไปทั้ง ๆ อย่างงี้แหละ
แต่ไหงเดิน มา 15 นาทีแล้วผมยังไม่เจอสถานที่จัดงานเลยเนี่ยไอคฤหาสน์ หลังนี้ก็ดันใหญ่จิบเป๋ง
แต่โว๊ะ ข้างหน้านี้เหมือนกับโรงฝึกอะไรซักอย่างแหละ ไปตาม ๆ ทาง เผื่อได้ถามทางด้วยดีกว่าแฮะ
“ย้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เมื่อผมมาถึงบริเวณด้านหน้าประตูโรงฝึก
เท่านั้นแหละ เด็กหนุ่มหน้าตาดีคนนึงอายุประมาณ ม.ปลายได้มั้ง ก็กำลังจับครูฝึกของเขาเหวี่ยงไปนอกบริเวณการแข่งขันประลองฝีมือ
“โอ้ยเก่งแล้วครับคุณหนูเรย์”
“แบบนี้พวกอาจารย์คงต้องสอนบทเรียนต่อไปให้แล้วล่ะนะครับ
แต่ว่าคงต้องขอเพิ่มเงินค่าเรียนอีกด้วยนะครับ”
เอ้า โด่เอ๊ยนึกว่าใครที่ไหนได้พวกเป็นวิชาป้องกันตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ
แล้วมาหลอกพวกคุณหนู ๆ ที่อยากจะเรียนทั้งหลายโดยเพิ่มค่าเรียนทีละนิด ๆ
แล้วที่ผมเห็นตาลุงนั้นโดนจับทุ่มอ่ะนะคงแกล้งแหงม ๆ
“เหรอครับแต่เมื่อกี้นี้ผมว่าผมลงน้ำหนักมือเบาไปนะครับอาจารย์”
เด็กหนุ่มที่ชื่อเรย์นั้นพูดอย่างเกรงอกเกรงใจ
“อะอ๋อ แสดงว่าที่อาจารย์สอนคุณหนูเรย์ไปนั้น
คุณหนูเรย์เรียนได้ดีต่างหากเล่าครับ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ” โหกัวฟามแตกเลยกุเรื่องมาหลอกเด็กเหรอเนี่ยตาลุงนั้น
ผมอดสงสัยฝีมือที่แท้จริงไม่ได้ เลยเดินดุ่ม ๆ ไปหาทั้งคู่
“เอ้าแขกของพี่รินเหรอครับ” สงสัย นายเรย์นี่กับยัยรินจะเป็นพี่น้องกันแฮะ
“อ่ะครับใช่ครับ” เมื่อเด็กเขาสุภาพมางี้แทบตอบแบบสุภาพกลับไปไม่ทัน
อะไรฟร่ะพี่สาวออกจะดูถูกคนขนาดนั้น แต่ไหงน้องชายเจี๋ยมเจี้ยมจังง่ะ
“คงหลงทางซินะครับ” จิ๊ดดดดดดดดแทงใจดำเพ่มากมายเลยน้อง
แต่ก็คงต้องรับฟามจริงแหละผมอ่ะ
“ก็ใช่อีกละครับ”
“งั้นคอยผมซักครู่นะครับเดี๋ยวพี่ไปกับผมก็ได้ครับ
แต่ผมขออาบน้ำซักครู่นึงได้ไหมครับ” โห.......นอบน้อมมาแบบนี้
งั้นก็คงรอได้แหละเน้อ /^ ^
“อ่ะครับ”
จนนายเรย์นั้นกำลังจะเดินไปผมถึงได้ทักเขามาก่อนว่า
“เอ.......แล้วนี่น้องเรียนพวกศิลปะการป้องกันตัวนี้พวกนี้มานานยังครับ”
“ก็นานพอสมควรแล้วครับ”
“งั้นพี่ขอลองวิชาน้องซักนิดได้ไหม” ก็ผมอยากรู้อ่ะว่าตาลุงนี่เป็นครูสอนจริง ๆ หรือพวก 18มงกุฎกันแน่ -3-
พอผมพูดจบก็เดินมายังลานประลองทันที แต่ไม่ว่านายเรย์จะเตะหรือต่อยผมยังไง
ผมก็หลบได้อย่างสบาย ๆ ทุกครั้ง ก็เพราะนายนี่อ่ะจะเตะจะต่อยไง
ก็อ่านทางออกได้ง่ายไปหมด
“เฟี้ยวววววววววว” หมัดของนายเรย์ซัดผ่านหน้าผมไปนิดนึง หง่ะไหงหมัดของนายนี้มันเหยาะแหยะจังอ่ะ ผมเลยแกล้งถูกนายนั้นซัดเข้าแก้มซ้ายผมเต็ม ๆ ทีนึง
แต่ผมกลับไม่เจ็บอะไรเลย (ผมไม่ได้หน้าด้านนะ) นายเรย์ไรนั้นก็คงอึ้ง ๆ อยู่นิดหน่อย
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ”
“นายเรย์เอ๋ย ถ้านายเรียนกับตาลุงคนนี้แล้วต่อยได้เท่านี้อ่ะนะ เปลี่ยนครูฝึกใหม่เหอะ”
ผมรู้ทันทีเลยว่าไอ 18 มงกุฎนี่อ่ะหลอกเอาเงินจากคุณหนูเรย์นี่จริง ๆ
“อ้าว..........ถ้าคุณพูดดูถูกกันแบบนี้ผมคงเฉยไม่ได้นะครับ” แล้วตาลุงนั้นก็ฟอร์ม
นอมน้อมใส่ผม
“เข้ามาเต้อลุงมาหลับซะดี ๆ มาม่ะ”
“งั้นขอโทษด้วยนะครับ”
“ผลั๊กกกกกกกกกก”
“อ๊อก”
ทันทีที่ตาลุงนั้นเข้ามาผมก็ซัดสันมือไปที่ลำคอของตาลุงนั้นจนเขาแทบล้มล้งไปทันที
(วิธีที่ผมใช้นั้นทำได้ในชีวิตจริงนะ เวลามีเรื่องอ่ะ แค่เราต้องซัดไปที่ลำคอ
ตัดการหายของเขาให้ติดขัดอ่ะครับ ยิ่งถ้าเราซัดเพศชายจะดีมาก
เพราะสันมือมานจะไปโดนลูกกระเดือกทันที แต่ไม่แนะนำให้ใช้นะครับ เ
พราะมันทำให้คนที่โดนสันมืดซัดไปที่ลำคอเกิดอาการหายใจไม่สะดวก
จนถึงขั้น ขาด อ็อกซิเจนตายได้เลยนา) -.-
“ใจเย็นลุงกลั้นหายใจไว้ 10วิ ให้หลอดลมไม่ทำงานหนักมาก”
“ขืนรีบหายใจเด๋วได้ตายกันพอดี”
ถึงแม้ผมจะไม่พอใจก็เตอะ แต่ไงซะถ้าผมไม่ช่วยบอกจังหวะการหายใจ
ให้ตาลุงนี้มีหวังมันขาดอ็อกซิเจนจนน้ำลายฟูมปากแน่นอน
“ฟู่...................” หลังจากตาลุงนั้นหายใจได้เป็นแบบเดิมมันก็เลยรีบเก็บข้าวของแล้วก็เผ่นออกไปเลย
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” ผมละสะใจจริงจริ้ง
แต่ผมลืมไปว่ากลับมทำให้หนุ่มน้อยใกล้ ๆ นามว่าเรย์นั้นซึมลงไปทันที
“หง่ะเอาน่า”
“ไม่เคยได้ยินเหรอว่าถ้าถึงเวลาครูดี ๆ จะปรากฏตัวออกมาเองแหละน่า”
ปลอบใจได้มั่วนิ่มมากไหม๊ผมอ่ะ -3-
“เหรอครับ” แต่ไหงใบหน้าอันสิ้นหวังของนายเรย์กลับมามีประกายอีกครั้งล่ะนั้น
“แล้วพี่จะสอนผมไหมครับ”
“อื้ออ่าได้เดะ”
“.........................”
“เห้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
อะ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อะไรนะ สอนง้านเหรอนึกว่าจะพาเข้างานเลี้ยงซะอีก
“ไม่หร้อกพี่คงไม่มีเวลาอ่ะ” ผมรีบปฏิเสธพัลวัน
“เหรอครับ” แหงะไหงตีหน้าเศร้าได้เก่งจังนายเรย์นี่
หลังจากผมรอนายเรย์ไรนั้นอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ
แล้วก็พาผมเข้างานได้
ซักพักยัยรินไรนั้นก็แต่งตัวซะสวยเชียวพร้อมกับเดินเข้างานมา
แล้วพิธีกรประจำงานก็กล่าวอะไรไปซักพักจนผมได้รู้ว่าวันนี้คือวันเกิดของยัยนี่นั้นเอง
พองานเริ่มได้ซักพักก็มีบรรดาพวกคุณหญิงคุณนายเดินพาลูกชายหน้าตาดูไม่ได้
มาแนะนำตัวให้ยัยรินรู้จัก ยัยนั้นเลยลากผมไปควงแล้วบอกว่าผมนี่แหละคือแฟนของเธอ
ดังนั้น ผมจึงได้รู้ทันทีว่ายัยนี่ลากผมมาเป็นไม้กันหมานั้นเอง ส่วนบรรดาคุณชายทั้งหลายที่มาทำความรู้จักก็เลยพากันทำหน้าจ๋อยไปในทันที
“เอ่อ คุณหนูรินครับ เมื่อกี้ท่านโทรมาว่าติดงานสำคัญ
เลยมางานของคุณหนูไม่ได้นะครับ” รู้สึกจะมีพ่อบ้านเดินออกมาพูดกับยัยรินว่าแบบนี้มั้งครับ
“เหรอไม่เป็นไรหรอก” แว็บนึงผมกลับเห็นแววตาอันเศร้าสร้อยของยัยนี่
แต่แค่แว็บเดียวเท่านั้นนะครับ แล้วยัยนั้นก็ปั้นหน้ายิ้มเพื่อต้อนรับแขกในงานต่อไป
ส่วนผมนะเหรอชิ่งมากินอาหารในงานเลี้ยงแล้วละครับ นี่แหละน๊าร่ำรวยยังไง
ก็คงหนีไปไม่พ้นความว้าเหว่อยู่ดี ผมก็พอจะเข้าใจจุด ๆ นี้ดีบ้างอ่ะนะครับ
ซักพักไฟก็ดันดับขึ้นมาซะอย่างนั้น จึงทำให้บรรดาแขกในงานไม่พอใจกันอย่างมาก
“คุณหนู ๆ คุณหนูครับเอาไงดีล่ะครับ”
“ถามชั้นแล้วจะให้ชั้นตอบไงเล่า”
“ทำไมนะคุณพ่อก็มาไม่ได้ แล้วงานของชั้นยังจะต้องมาล่มอีกเหรอเนี่ย”
ดูเหมือนยัยนี่จะทำอะไรไม่ถูกเลยกำลังจะเป่าปี่ (ร้องไห้) แล้ว
ผมล่ะสะใจจริง ๆ แต่มันก็ต้องช่วยซินะ
เอาไงฟร่ะเป็นไงเป็นกัน
ผมรีบเดินไปลากคอนายเรย์น้องชายของยัยรินมาแล้วกระซิบบอกอะไรไปบางอย่าง
15 นาทีต่อมา
บรรดาคนใช้ก็แจกเทียนให้กับแขกกันถ่วนหน้าพร้อมกับเตรียมเชิงเทียนมาวางไว้ที่โต๊ะของบรรดาแขกในงาน
ผมเลยเดินไปที่เปียนโนที่ตั้งไว้บริเวณ หน้าเวทีของงาน
“แบะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” <<< ผมตบมือเรียกความสนใจของแขกในงาน
“ไม่ต้องตกใจคร้าบแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน”
“นี่เป็นแค่เซอร์ไพรส์ของงานวันเกิดของคุณหนูรินเองครับ”
“แต่ก่อนอื่นเนี่ยผมขออุนญาตจุดเทียนให้สว่าง ๆ กันก่อนนะครับ”
แล้วบรรดาคนใช้ในบ้านของยัยรินต่างจุดเทียนให้กับแขกทุกคน
“เอาล่ะครับผมจะเฉลยแล้วนะว่าเซอร์ไพรส์ของงานนี้คือ.........”
“งานเต้นรำใต้แสงเทียนครับผม”
“รบกวนแขกผู้มีเกียนติทุกท่านจับจองคู่ของตัวเอง
แล้วก็มาบริเวณด้านหน้าเวทีเลยครับ”
ผมพูดจบผมก็ลงมือดีดเปียนโน เป็นทำนองของเพลงที่เขาใช้เต้นรำกันเลย
พอมาถึงเพลงที่ 3 ผมก็ส่งซิกไปถามเจ้าเรย์ว่าของที่ให้เตรียมไว้ชิ้นที่ 2 พร้อมหรือยัง แล้วอีกนานไหมกว่าไฟฟ้าจะเป็นปกติ
ผมเลยได้คำตอบมาว่าพร้อมแล้ว แล้วอีกประมาณ 5 นาทีไฟฟ้าก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
“เอาล่ะครับ มาถึงไคล์แม็กซ์ ของงานแล้วทีนี้ผมจะขอเล่นเพลงเร็วเพื่อให้การเต้นรำของทุกท่านสนุกยิ่งขึ้นนะครับ”
“เดี๋ยวก่อนครับ”
แต่ไหงอยู่ ๆ นายเรย์ก็เดินมาบนเวที พร้อมกับขยิบตาให้ผมซึ่งกำลังทำหน้า งง อยู่
“แต่จะขาดไม่ได้เลยถ้าผมจะขอให้พี่สาวของผมนั้น
ได้ร่วมเต้นรำพร้อมกับนักดนตรีคนนี้ซึ่งเป็นแฟนของพี่สาวของผมเองครับ”
นายเรย์พูดจบก็ลงไปจูงมือยัยรินนั้นมาหาผม
“ได้โปรดให้เกียรติเต้นรำกับพี่สาวผมซักเพลงนะครับพี่สายลม”
แหงะรู้ชื่อผมได้ไงเนี่ย ส่วนยัยรินนั้นก็ทำหน้าอึ้ง ๆ คงจะงง ว่าเกิดอะไรขึ้นน่ะซิ หุหุหุ
ก็ทันทีที่ไฟดับผมหันไปเตรียมการกับนายเรย์ว่า ให้เขาหาเทียนกับเชิงเทียน
มาจำนวนเยอะ ๆ ให้พอกับแขกในงานพร้อมกับพลุจำนวนหนึ่ง
ซึ่งผมคิดว่าความร่ำรวยของนายเรย์คงหาได้ไม่นานแน่ ๆ
แล้วผมก็เดินไปขึ้นเวทีพร้อมกับประกาศว่าจะจัดงานเต้นรำใต้แสงเทียนโ
ดยผมจะเดี่ยวเปียนโนให้เอง หุหุหุ เป็นไงล่ะแผนผมเยี่ยมป่ะล่ะ
แล้วทันทีที่นายเรย์เล่นดนตรีทำนองเร็ว พวกแขกบรรดาคุณหนูในงานก็เต้นสนุกกันใหญ่ รวมถึงยัยรินที่เมื่อกี้ยังทำหน้า งง อยู่ด้วย พอนายเรย์เล่นไปถึงกลางเพลง
เขาก็ส่งซิกให้คนใช้ของเขาจุดพลูขึ้นในทันทีพร้อมกับเปลี่ยนเป็นเพลงช้า ๆ
แนวคลาสสิค คิดดูว่าบรรยากาศมันจะโรแมนติคแค่ไหน
แต่ผมอ่ะดิซวยเพราะต้องจับคู่กับยัยริน -*- เลยต้องจับมือเต้นรำเพลงช้า
พร้อมกับเอามือโอบเอวแล้วยังต้องมองหน้ายัยนี่ด้วย
หลายคนในงานอาจคิดว่าผมโชคดีนะ แต่อย่าลืมนะครับว่าผมยัยเคืองยัยนี่อยู่
“มองอาราย” ในขณะที่เต้นกันไปนั้นผมถามยัยนี้ขึ้นมาทันที
เพราะสายตาของยัยนี่ไหงมันออกแววซึ้ง ๆ เกินเหตุ
“นายทำได้ยังไงกันน่ะ”
“ทำอะไร”
“ก็ไอที่เซอร์ไพรส์อะไรนี่แหละ”
“ฟามสามารถพิเศษอ่ะ” ผมกลับตอบไปอย่างกวน ๆ
“ขอบใจนะ”
“อื้อไม่เป็นไรหร้อก ถือซะว่าเป็นของขวัญวันเกิดเธอแล้วกัน”
เหมือนยัยนั้นกำลังจะพูดอะไรต่อ แต่ไฟก็ติดขึ้นมาซะก่อน
แล้วเพลงก็จบลงด้วย
“เอาล่ะชั้นไปล่ะนะหมดหน้าที่และ” ผมพูดอย่างสบาย ๆ พร้อมกับยิ้มให้ยัยนั้นอย่างเป็นกันเอง แต่ไหงจู่ ๆ ยัยนั้นก้มหน้าล่ะ = = แทนที่จะมาพูดดูถูกผมอีก
แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมเลยเดินออกมาจากงานเลย
พร้อมกับโบกแท็กซี่เพื่อกลับห้องเช่าของผมทันที
แต่ผมหารู้ว่าความวุ่นวายแบบสุด ๆ ในชีวิตผมนับจะเริ่มต้นขึ้น
นับจากนี้............................
ความคิดเห็น