ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : หินแห่งความรัก [ ดิสนีย์ VS เอสเจ ]
หน้าร้านคาราโอเกะย่านเมียงดง
"เมื่อไหร่จะมาซักทีนะ กึมยองมัวทำอะไรอยู่เนี่ย"จองซูเดินวนไปวนมาหน้าร้านอยู่หลายรอบ ทำเอาสมาชิกของชมรมที่ถูกบังคับให้ตามาด้วยเริ่มเกิดอาการตาลาย
"ฮยอง ใจเย็นหน่อยสิครับ"คังอินเดินเข้ามายืนข้างๆเด็กหนุ่มรุ่นพี่ พลางโอบไหล่ของเขาเอาไว้
"แล้วยังไงอีก -____-"
"ทำไมฮยองมองผมแบบนี้ล่ะ ไม่พอใจอะไรผมเหรอไง"คังอินโวยเมื่อเห็นสายตาไม่สบอารมณ์ของอีกฝ่าย
"เปล่า ฉันกำลังหงุดหงิดตัวเองที่ยืนซื่อให้นายโอบไหล่อยู่ได้ตั้งนาน"จองซูบอกเสียงเรียบ เขาเดินกลับไปยืนกอดอกอยู่ข้างๆฮีชอล เด็กหนุ่มคนนี้ก็ดูจะออกอาการหงุดหงิดไม่น้อยไปกว่าเขาเลย คังอินมองตามพี่ชายสุดรักสุดหวงของเขา มีหรือที่เขาจะยอมให้พี่ชายของเขาทำหน้างอใส่ เด็กหนุ่มนัยน์ตาพราวเสน่ห์เดินเข้าไปยืนตรงหน้าจองซูพลางจ้องหน้านิ่ง
"นายมองหน้าฉันทำไม"คนอายุมากกว่าตีสีหน้าดุๆใส่ เขาพายามอย่างมากที่จะไม่หลุดหัวเราะออกมา
"งืม..."คังอินยังจ้องไม่เลิก จนในที่สุดเขาก็ได้เห็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย เขาใช้โอกาสนี้เดินเข้าไปคล้องแขนของจองซูเอาไว้ ซองมินเหลือบมองด้วย อาการหมันไส้แต่เขาก็ยินดีที่จะอยู่อย่างสงบแบบนี้ดีกว่าการหาเรื่องใส่ตัว
"พวกนั้นคงไม่มาแล้วล่ะ"เด็กหนุ่มหน้าหวานเอ่ยลอยๆ เขาไม่เคยคิดจะสนใจกับสิ่งใดเลยนอกเสียจากแอปเปิ้ลลูกสีแดงสดในมือ ซองมินเหลือบมองชั่วครู่ก่อนจะละสายตามองไปทางอื่นอย่างนึกเหนื่อยหน่าย... นายจะหาเรื่องใส่ตัวเองทำไมนะ?
"นายหมายถึงใคร?"ฮีชอลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงบ่งบอกถึงอารมณ์ที่พร้อมจะระเบิดโลกได้ทั้งใบได้หากเค้าได้รับคำตอบไม่ถูกใจ ซองมินเหลือบมองหน้าคนถูกถามอย่างนึกห่วงเล็กน้อย =____= แต่คนตอบดูเหมือนจะไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองเสียเลย นั่นอาจเพราะว่าเขามัวแต่สนใจแอปเปิ้ลในมือเลยไม่ทันได้สังเกตเห็นท่าทีของฮีชอล
"หมายถึงคนที่พวกพี่และผมกำลังรออยู่ไงล่ะครับ"
คนแอบห่วงถอนหายใจเสียงดัง... จะรอดมั๊ยฟร่ะวันนี้ เส้นประสาทของฮีชอลเริ่มทำงานอย่างหนัก เจ้าตัวออกอาการหงุดหงิดกับคำตอบนั้นเป็นอย่างมาก...ไม่มาเหรอ ยัยนั่นจะไม่มาเหรอ เธอจะปล่อยให้ฉันรอเก้อรึไง... ฮึ่ย!!
"ใจเย็นๆครับพี่ ^ ^"ชีวอนรีบคว้าร่างของพี่ชายเขาเอาไว้ก่อนที่ฮีชอลจะตัดสินประการชีวิตคยูฮยอน โดยที่อีกฝ่ายนั้นยังไม่รู้สึกตัวถึงอันตรายนั้นเลยแม้เพียงเล็กน้อย คนอื่นๆเองก็ดูจะหลุดไปอยู่ในโลกส่วนตัว มีเพียงเขากับซองมินเท่านั้นที่รู้สึกลุ้นระทึกกับเหตุการณ์นี้
"ทำมาย...อุ้บ!!"คยูทำท่าจะอ้าปากพูดต่อทำให้ซองมินต้องรีบยัดแอปเปิ้ลในมือของคยูเข้าปากเจ้าตัวไปเสียเลย
"ฉันว่าถ้านายมองมันนานกว่านี้มันอาจจะช้ำ... เพราะงั้นรีบกินมันซะ"ซองมินบอกเสียงเรียบ คยูฮยอนนิ่งไม่พูดอะไรต่อมีเพียงสายตาเท่านั้นที่สื่อถึงความขัดใจ
ฮีชอลเหลือบมองคนที่กอดเขาเอาไว้ พลางทำตาโตใส่... ชีวอนเองก็ไม่น้อยหน้าแววตาไร้เดียงสาที่ดูเหมือนจะงงๆอยู่ตลอดเวลาของเขาก็ถูกส่งออกไปยังอีกฝ่ายเช่นกัน
"นายว่าพวกนั้นจะมามั๊ย?"
"หือ... อ่อ มาสิครับ ^ ^ ทำไมเหรอ พี่ฮีชอลรอใครในกลุ่มพวกนั้นรึเปล่าครับ" ชีวอนถามกลับ เขายอมรับว่าเขานั้นมาที่นี่ก็เพื่อมารอกึมแจ จองซูเองก็ไม่ต่างเขากล้าพูดกับทุกคนในชมรมและใช้ความเป็นประธารชมรมบวกประธานนักเรียนบังคับให้ทุกคนมาเป็นเพื่อนเขาก็เพื่อจะได้เจอกับนารา
"เฮอะ! ฉันถามนาย นายต้องตอบสิ มาถามฉันทำไม -____-+ ใครจะไปรอล่ะ ฉันไม่รอหรอก"ฮีชอลแกล้งอารมณ์เสียกลบเกลื่อน... ฉันไม่ได้รอหรอก ไม่ได้รอแค่วันนี้... แต่ฉันรอยัยนั่นมานานแล้วต่างหาก... ชีวอนเองก็ดูจะซื่อ(บื้อ)เกินกว่าจะรู้สึกได้ว่าพี่ชายของตัวเองมีบางอย่างแปลกไป =___= ( ฉันยังยืนยันว่าฉันรักพี่นะคะ T^T : ผู้แต่ง )ภาพของเด็กหนุ่มหน้าตาดีทั้ง 10 คนทำให้บรรดาเด็กสาวที่เดินผ่านไปให้ความสนใจไม่น้อย อึนฮยอกแจจะคอยยิ้มตอบเมื่อมีใครยิ้มให้เขา คังอินเองก็ไม่ต่าง เขาจะยิ้มให้กับผู้หญิงทุกคนที่หน้าตาดีพอที่จะเข้าวัดตอนสายๆได้
"เราต้องรอไปถึงเมื่อไหร่เนี่ย?"ทงเฮเดินเข้าไปกอดคอของฮยอกแจ เขาเริ่มเบื่อกับการรอคอยในครั้งนี้แล้ว แต่ที่ทำให้เขาหงุดหงิดยิ่งกว่าคือท่าทางของฮยอกแจซึ่งดูจะสนใจผู้หญิงที่เดินผ่านไปมามากกว่าเขา
"นายสนใจฉันหน่อยสิ"ดงเฮทำเสียงหงุดหงิด
"อืม ^ ^ ว่ามา "ฮยอกแจยังคงไม่ยอมหันมามองหน้าของเพื่อนรัก
"นายไม่สนใจฉันเลย"ดงเฮขยับแขนให้รัดรอบคอฮยอกแจแน่นขึ้น
"ฉันสนใจนาย ^ ^ นายควรจะเข้าใจแบบนี้มากกว่านะ"
"นายไม่มองหน้าฉันเลย"
"ฉันควรจะมองหน้านายเหรอ? o_O"
"-____-^^ ตกลง ฉันจะลืมมันซะ นายอยากสนใจอะไรก็ตามใจนาย"ทงเฮเมินหน้าหนีเพื่อนรักของเขาก่อนจะเดินกลับมานั่งข้างๆคิมคิบอมตามเดิม
"ฉันง่วงนอน"ทงเฮบอกเสียงอ่อย ใจจริงเขาอยากกลับบ้านไปนอนมากกว่ามานั่งอยู่ริมฟุตบาทแบบนี้ คิบอมเหลือบมองคนนั่งข้างๆชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยกับเพื่อนของเขา
"นายพิงไหล่ฉันก็ได้... คงอีกนานกว่าพวกนั้นจะมา"
"ได้เหรอ *O*"
"อื้ม"คิบอมพยักหน้ารับ แล้วมีหรือที่เขาจะปฏิเสธ แต่ยังไม่ทันที่ทงเฮจะได้เอียงหัวซบไหล่ของคิบอม เสียงใสๆที่ฟังดูคุ้นหูก็ทำให้ใครหลายคนต้องหันไปมองรวมทั้งเขาเองก็ด้วย
"มาแล้วค่ะ"กึมยองโบกไม้โบกมือตะโกนร้องบอกด้วยความดีใจ... ที่สำคัญ =___= ด้วยความลืมตัว ลักยิ้มเล็กๆที่มุมปากทั้งสองข้างของอีทึกปรากฎขึ้น รอยยิ้มซึ่งใครได้เห็นก็จะต้องยิ้มตามทุกครั้ง แววตาเป็นประกายส่งตรงราวกับพิซซ่าเดลิเวอร์รี่ไปที่นารา แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่รู้ว่าถูกมอง เพราะมัวแต่จ้องจะจัดการกับกึมยอง รวมไปถึงโพมีเองก็ไม่รู้ตัวเช่นกันว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองมายังเธอ.... มันคือมหกรรมแอบมอง =____= เพราะชีวอนเองก็ถูกสายตาคู่หนึ่งจ้องมองอยู่ตลอดเช่นกัน ถึงแม้ว่าเธอคนนั้นที่แอบมองเขาจะรู้ดีว่า ชีวอนกำลังส่งยิ้มให้กึมแจก็ตาม
"กึมยอง หมายความว่าไง?"โพมีบอกเสียงดุ ทำเอากึมยองพูดไม่ออกได้แต่ยิ้มเจื่อนๆเท่านั้น
"รังแกรุ่นน้องรึไง ประธานชมรมดิสนีย์เวิร์ล"ฮีชอลเดินเข้ามาตีสีหน้ากวนประสาทใส่ โพมีสูดออกซิเจนเข้าท้องเล็กน้อยก่อนจะหันมามองทางเขา
"สวัสดีค่ะพี่ฮีชอล ^ ^ มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีจังนะคะที่วันนี้ฉันเจอพี่ถึงสองครั้ง..."โพมีพยายามอย่างมากที่จะสะกดอารมณ์ตัวเองเอาไว้ เพราะถ้าเธอยิ่งโกรธ หมอนี่ก็จะยิ่งมีความสุข... วันนี้ฉันจะไม่ยอมแพ้พี่แน่ !!
" ^-------^ นั่นสินะมันเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเลย แล้วคราวนี้เธอจะซุ่มซ่ามอะไรอีกล่ะ"
"คงไม่แล้วล่ะค่ะ เพราะฉันรู้ว่าคนมีน้ำใจจริงๆมันหายาก เดี๋ยวนี้มีแต่พวกทำดีเพื่อหวังสิ่งตอบแทน"โพมียังคงไม่ยอมอ่อนให้ฮีชอลง่ายๆ สมาชิกที่เหลือของทั้งสองเริ่มเล็งเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า ...อย่าว่าแต่จะร้องคาราโอเกะเลย จะได้ย้ายสังขารณ์เข้าไปนั่งตากแอร์ในร้านรึเปล่าก็ยังไม่รู้ ยาวแน่งานนี้...เฮ้อ มินจีถอนหายใจแล้วเริ่มมองหาที่นั่ง ก่อนจะลงไปทิ้งตัวนั่งข้างๆทงเฮ
" ^ ^ ขอนั่งด้วยคนนะคะ"มินจีหันไปยิ้มให้คนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วหันกลับมาสนใจคู่ของโพมีกับฮีชอลอีกครั้ง ทงเฮเองก็ได้แต่พยักหน้ารับอย่างงงๆ ... ยัยนี่เป็นใคร??
"คำขอบคุณเขาไม่เรียกว่าสิ่งตอบแทนหรอกนะ"ฮีชอลสวนกลับ
"แต่นั่นแหล่ะค่ะ ฉันถือว่ามันเป็นสิ่งตอบแทน"
"ฉันว่ามันเป็นมารยาทมากกว่า"
"ก็แล้วแต่จะคิดนะคะ"
"บางทีเธอควรเชื่อฟังรุ่นพี่ให้มากกว่านี้นะ ฉันกำลังสอนเธออยู่"
"แต่ฉัน...." ราวกับฟ้าได้ส่งเบรกเอบีเอสลงมาให้เมื่อเริ่มจะทนไม่ไหว
"แต่ฉันอยากร้องเพลง -____-^^ เธอคงไม่อยากให้ฉันเปลี่ยนจากร้องเพลงเป็นร้องไห้ใช่มั๊ย"กึมแจบอกเสียงหงุดหงิด ทำไมสองคนี้เจอกันทีไรต้องหาเรื่องทะเลาะกันด้วยนะ?..
"ค่ะ... ฉันจะจำเอาไว้"โพมีกระแทกเสียงใส่ผู้ชายตรงหน้าก่อนจะเดินหนีออกมา เธอรู้สึกราวกับอีกฝ่ายกำลังหัวเราะไล่หลังให้กับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ของเธอ
" ^---^" <<<<<<<<<<< ฮีชอล
ฮีชอลทำท่าจะเดินกลับไปที่กลุ่มของเขาแต่เหลือบไปเห็นเซรินที่ยืนมองเขาอยู่เสียก่อน
"เซริน ... มาด้วยเหรอ"ฮีชอลเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
"แล้วที่ยืนอยู่นี่ไม่ใช่ฉันเหรอคะ"
"ไม่ใช่มั้ง ^ ^"ฮีชอลใช้มือตีหัวเซรินเล่นเบาๆ ทั้งสองคนไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งแอบมองอยู่ตลอด มันก็คงเหมือนกับที่เซรินยืนแอบมองอยู่ตลอดล่ะมั้ง... แอบมองคนสองคนทะเลาะกัน ทั้งที่เขาสองคนทะเลาะกัน แต่ความรู้สึกมันกลับไม่ใช่เลย...
"ค่ะ งั้นฉันคงไม่ได้มา"เสียงหัวเราะของคนทั้งสองทำให้บรรยากาศเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย ถ้าไม่ติดที่ว่าประธานชมรมดิสนีย์เริ่มกลายเป็นน้ำต้มเดือด 100 องศา
"อ่าฮะ วันนี้จบเร็วแฮะ"มีนจีบอกพลางรีบลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดินไปรวมกับกลุ่ม แต่เพราะเธอลุกเร็วเกินไปทำให้เซล้มลงมาทับทงเฮอย่างจัง คิบอมเองก็พลอยซวยไปด้วยเพราะทงเฮพิงแขนเขาอยู่
"ว๊าย ขอโทษนะคะโอป้า ฉันไม่ได้ตั้งใจ... โอ๊ย!! "มินจีที่ล้มลงไปนอนอยู่บนตักของทงเฮรีบเอ่ยคำขอโทษทันที ก่อนจะพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่คงเพราะวันนี้เป็นวันซวยของเธอจริงๆ เส้นผมของเธอเลยไปเกี่ยวเข้ากับกระดุมเสื้อของคนอารมณ์ไม่ดี ทงเฮมองภาพตรงหน้าด้วยอารมณ์หงุดหงิดปนสงสาร
"อยู่นิ่งๆนะ อย่าขยับ"ทงเฮจับแขนเธอเอาไว้แล้วบอกให้เธอนอนอยู่นิ่งๆบนตักของเขา ก่อนจะค่อยๆแกะผมที่พันติดกับกระดุมออกอย่างเบามือเพื่อไม่ให้เธอต้องเจ็บ มินจีไม่รู้เลยว่าเธอควรจะทำสีหน้ายังไง จะว่าผู้ชายคนนี้ใจดีก็คงใช่มั้ง หรือว่าจะไม่ใช่ เฮ้อ ถ้ายิ้มซักหน่อยก็คงจะดีกว่านี้อ่ะนะ...
"อะนี่ หลุดแล้ว"ดงเฮคลี่ยิ้มบางๆออกมา คิบอมมองการกระทำของเพื่อนเขาด้วยความงุนงงเล็กน้อย เพราะทงเฮไม่ชอบให้คนแปลกหน้าถูกเนื้อต้องตัวเขา แต่นี่เค้ากลับยอมให้มินจีนอนอยู่บนตัวของเขา...เป็นไปได้ไง???
"ขอบคุณนะคะโอป้า แล้วก็ขอโทษด้วย"มินจีรีบลุกออกจากตัวของอีกฝ่าย แล้ววิ่งไปสมทบกับกลุ่มของเธอ ทงเฮกับคิบอมเองก็ต้องลุกเช่นกันเพราะคนอื่นๆเริ่มทยอยกันเข้าไปในร้านแล้ว อีกไม่นานคงได้ยินเสียงเพลงที่พวกเขาร้อง... เว้นเสียแต่ว่า เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้น...
"อย่าวิ่งสิแรวอน!!!!" เด็กชายคนหนึ่งกำลังวิ่งมาทางพวกเขาพลางกอดลูกโป่งสีแดงแนบอกเอาไว้ มีแม่ของเด็กวิ่งตามหลังมาแต่ก็เว้นระยะห่างพอสมควร ชีวอนหันมามองชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าร้าน แต่เสียงร้องของเด็กน้อยกลับฉุดรั้งเขาเอาไว้
"แม่ครับ!! ลูกโป่งผม"
ลูกโป่งสวรรค์สีแดงลอยไปคล้องติดกับป้ายโฆษณาที่แขวนอยู่หน้าร้านขายอาหาร บริเวณนั้นเป็นโรงภาพยนตร์เก่าที่คงร้างผู้คนมานานแรมปี ชีวอนหมุนตัวกลับแล้วออกวิ่งไปทางเด็กผู้ชายคนนั้นที่กำลังพยายามจะกระโดดคว้าเชือกซึ่งผูกติดกับลุกโป่ง
"พี่ครับ ลูกโป่งของผม"น้ำเสียงเล็กๆน่ารักสมวัยเอ่ยกับเขาชีวอนคลี่ยิ้มแทนคำตอบรับใดๆ เขาเอื้อมมือไปคว้าเส้นเชือกนั้นเอาไว้แล้วดึงลูกโป่งลงมา พร้อมกับเอาเส้นเชือกพันข้อมือของแรวอนเอาไว้
"ทำแบบนี้นะ แล้วมันจะไม่บินหนีนายไม่ไปไหนอีก ^ ^"
มินฮีมองภาพตรงหน้าแล้วอมยิ้ม... ผู้ชายคนนี้จะดูอ่อนโยนน่ารักอย่างมากเวลาเขามอบรอยยิ้มสดใสนั้นให้กับเด็กๆ
"มินฮีมองอะไรอยู่เหรอ เข้ามาสิ"นาราเอ่ยถามเมื่อเห็นว่ามินฮีไม่ยอมเข้ามาในร้านเสียที
"เปล่าหรอกค่ะ...เอ่อมอง...มอง..."น้ำเสียงในท่อนสุดท้ายขาดหายไปทันที เมื่อเด็กสาวออกวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อสายตาของเธอเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง ไม่นะ !!!
"อ้าวมินฮี!! จะไปไหน"นาราร้องเรียกเสียงดังทำให้สมาชิกที่เข้าไปในร้านรู้สึกแปลกใจจนต้องออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่มันคงจะอายุมากเสียจนต้องจบชีวิตลงในวันนี้... แต่ช่างมันสิ แกจะเจ๊งจะเป็นอะไรฉันเคยสนใจที่ไหน แต่ทำไมแกต้องมาดิ่งลงพื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลกในวันนี้ด้วยฟร่ะ!!
"โอป้า!! ระวัง!!!!!!!!!!!!!!!"
เสียงร้องนั้นเงียบหายไปพร้อมกับสติสัมปชัญญะของใครคนหนึ่งที่กำลังดิ่งสู่ห้วงนิทรา....
"เมื่อไหร่จะมาซักทีนะ กึมยองมัวทำอะไรอยู่เนี่ย"จองซูเดินวนไปวนมาหน้าร้านอยู่หลายรอบ ทำเอาสมาชิกของชมรมที่ถูกบังคับให้ตามาด้วยเริ่มเกิดอาการตาลาย
"ฮยอง ใจเย็นหน่อยสิครับ"คังอินเดินเข้ามายืนข้างๆเด็กหนุ่มรุ่นพี่ พลางโอบไหล่ของเขาเอาไว้
"แล้วยังไงอีก -____-"
"ทำไมฮยองมองผมแบบนี้ล่ะ ไม่พอใจอะไรผมเหรอไง"คังอินโวยเมื่อเห็นสายตาไม่สบอารมณ์ของอีกฝ่าย
"เปล่า ฉันกำลังหงุดหงิดตัวเองที่ยืนซื่อให้นายโอบไหล่อยู่ได้ตั้งนาน"จองซูบอกเสียงเรียบ เขาเดินกลับไปยืนกอดอกอยู่ข้างๆฮีชอล เด็กหนุ่มคนนี้ก็ดูจะออกอาการหงุดหงิดไม่น้อยไปกว่าเขาเลย คังอินมองตามพี่ชายสุดรักสุดหวงของเขา มีหรือที่เขาจะยอมให้พี่ชายของเขาทำหน้างอใส่ เด็กหนุ่มนัยน์ตาพราวเสน่ห์เดินเข้าไปยืนตรงหน้าจองซูพลางจ้องหน้านิ่ง
"นายมองหน้าฉันทำไม"คนอายุมากกว่าตีสีหน้าดุๆใส่ เขาพายามอย่างมากที่จะไม่หลุดหัวเราะออกมา
"งืม..."คังอินยังจ้องไม่เลิก จนในที่สุดเขาก็ได้เห็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย เขาใช้โอกาสนี้เดินเข้าไปคล้องแขนของจองซูเอาไว้ ซองมินเหลือบมองด้วย อาการหมันไส้แต่เขาก็ยินดีที่จะอยู่อย่างสงบแบบนี้ดีกว่าการหาเรื่องใส่ตัว
"พวกนั้นคงไม่มาแล้วล่ะ"เด็กหนุ่มหน้าหวานเอ่ยลอยๆ เขาไม่เคยคิดจะสนใจกับสิ่งใดเลยนอกเสียจากแอปเปิ้ลลูกสีแดงสดในมือ ซองมินเหลือบมองชั่วครู่ก่อนจะละสายตามองไปทางอื่นอย่างนึกเหนื่อยหน่าย... นายจะหาเรื่องใส่ตัวเองทำไมนะ?
"นายหมายถึงใคร?"ฮีชอลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงบ่งบอกถึงอารมณ์ที่พร้อมจะระเบิดโลกได้ทั้งใบได้หากเค้าได้รับคำตอบไม่ถูกใจ ซองมินเหลือบมองหน้าคนถูกถามอย่างนึกห่วงเล็กน้อย =____= แต่คนตอบดูเหมือนจะไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองเสียเลย นั่นอาจเพราะว่าเขามัวแต่สนใจแอปเปิ้ลในมือเลยไม่ทันได้สังเกตเห็นท่าทีของฮีชอล
"หมายถึงคนที่พวกพี่และผมกำลังรออยู่ไงล่ะครับ"
คนแอบห่วงถอนหายใจเสียงดัง... จะรอดมั๊ยฟร่ะวันนี้ เส้นประสาทของฮีชอลเริ่มทำงานอย่างหนัก เจ้าตัวออกอาการหงุดหงิดกับคำตอบนั้นเป็นอย่างมาก...ไม่มาเหรอ ยัยนั่นจะไม่มาเหรอ เธอจะปล่อยให้ฉันรอเก้อรึไง... ฮึ่ย!!
"ใจเย็นๆครับพี่ ^ ^"ชีวอนรีบคว้าร่างของพี่ชายเขาเอาไว้ก่อนที่ฮีชอลจะตัดสินประการชีวิตคยูฮยอน โดยที่อีกฝ่ายนั้นยังไม่รู้สึกตัวถึงอันตรายนั้นเลยแม้เพียงเล็กน้อย คนอื่นๆเองก็ดูจะหลุดไปอยู่ในโลกส่วนตัว มีเพียงเขากับซองมินเท่านั้นที่รู้สึกลุ้นระทึกกับเหตุการณ์นี้
"ทำมาย...อุ้บ!!"คยูทำท่าจะอ้าปากพูดต่อทำให้ซองมินต้องรีบยัดแอปเปิ้ลในมือของคยูเข้าปากเจ้าตัวไปเสียเลย
"ฉันว่าถ้านายมองมันนานกว่านี้มันอาจจะช้ำ... เพราะงั้นรีบกินมันซะ"ซองมินบอกเสียงเรียบ คยูฮยอนนิ่งไม่พูดอะไรต่อมีเพียงสายตาเท่านั้นที่สื่อถึงความขัดใจ
ฮีชอลเหลือบมองคนที่กอดเขาเอาไว้ พลางทำตาโตใส่... ชีวอนเองก็ไม่น้อยหน้าแววตาไร้เดียงสาที่ดูเหมือนจะงงๆอยู่ตลอดเวลาของเขาก็ถูกส่งออกไปยังอีกฝ่ายเช่นกัน
"นายว่าพวกนั้นจะมามั๊ย?"
"หือ... อ่อ มาสิครับ ^ ^ ทำไมเหรอ พี่ฮีชอลรอใครในกลุ่มพวกนั้นรึเปล่าครับ" ชีวอนถามกลับ เขายอมรับว่าเขานั้นมาที่นี่ก็เพื่อมารอกึมแจ จองซูเองก็ไม่ต่างเขากล้าพูดกับทุกคนในชมรมและใช้ความเป็นประธารชมรมบวกประธานนักเรียนบังคับให้ทุกคนมาเป็นเพื่อนเขาก็เพื่อจะได้เจอกับนารา
"เฮอะ! ฉันถามนาย นายต้องตอบสิ มาถามฉันทำไม -____-+ ใครจะไปรอล่ะ ฉันไม่รอหรอก"ฮีชอลแกล้งอารมณ์เสียกลบเกลื่อน... ฉันไม่ได้รอหรอก ไม่ได้รอแค่วันนี้... แต่ฉันรอยัยนั่นมานานแล้วต่างหาก... ชีวอนเองก็ดูจะซื่อ(บื้อ)เกินกว่าจะรู้สึกได้ว่าพี่ชายของตัวเองมีบางอย่างแปลกไป =___= ( ฉันยังยืนยันว่าฉันรักพี่นะคะ T^T : ผู้แต่ง )ภาพของเด็กหนุ่มหน้าตาดีทั้ง 10 คนทำให้บรรดาเด็กสาวที่เดินผ่านไปให้ความสนใจไม่น้อย อึนฮยอกแจจะคอยยิ้มตอบเมื่อมีใครยิ้มให้เขา คังอินเองก็ไม่ต่าง เขาจะยิ้มให้กับผู้หญิงทุกคนที่หน้าตาดีพอที่จะเข้าวัดตอนสายๆได้
"เราต้องรอไปถึงเมื่อไหร่เนี่ย?"ทงเฮเดินเข้าไปกอดคอของฮยอกแจ เขาเริ่มเบื่อกับการรอคอยในครั้งนี้แล้ว แต่ที่ทำให้เขาหงุดหงิดยิ่งกว่าคือท่าทางของฮยอกแจซึ่งดูจะสนใจผู้หญิงที่เดินผ่านไปมามากกว่าเขา
"นายสนใจฉันหน่อยสิ"ดงเฮทำเสียงหงุดหงิด
"อืม ^ ^ ว่ามา "ฮยอกแจยังคงไม่ยอมหันมามองหน้าของเพื่อนรัก
"นายไม่สนใจฉันเลย"ดงเฮขยับแขนให้รัดรอบคอฮยอกแจแน่นขึ้น
"ฉันสนใจนาย ^ ^ นายควรจะเข้าใจแบบนี้มากกว่านะ"
"นายไม่มองหน้าฉันเลย"
"ฉันควรจะมองหน้านายเหรอ? o_O"
"-____-^^ ตกลง ฉันจะลืมมันซะ นายอยากสนใจอะไรก็ตามใจนาย"ทงเฮเมินหน้าหนีเพื่อนรักของเขาก่อนจะเดินกลับมานั่งข้างๆคิมคิบอมตามเดิม
"ฉันง่วงนอน"ทงเฮบอกเสียงอ่อย ใจจริงเขาอยากกลับบ้านไปนอนมากกว่ามานั่งอยู่ริมฟุตบาทแบบนี้ คิบอมเหลือบมองคนนั่งข้างๆชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยกับเพื่อนของเขา
"นายพิงไหล่ฉันก็ได้... คงอีกนานกว่าพวกนั้นจะมา"
"ได้เหรอ *O*"
"อื้ม"คิบอมพยักหน้ารับ แล้วมีหรือที่เขาจะปฏิเสธ แต่ยังไม่ทันที่ทงเฮจะได้เอียงหัวซบไหล่ของคิบอม เสียงใสๆที่ฟังดูคุ้นหูก็ทำให้ใครหลายคนต้องหันไปมองรวมทั้งเขาเองก็ด้วย
"มาแล้วค่ะ"กึมยองโบกไม้โบกมือตะโกนร้องบอกด้วยความดีใจ... ที่สำคัญ =___= ด้วยความลืมตัว ลักยิ้มเล็กๆที่มุมปากทั้งสองข้างของอีทึกปรากฎขึ้น รอยยิ้มซึ่งใครได้เห็นก็จะต้องยิ้มตามทุกครั้ง แววตาเป็นประกายส่งตรงราวกับพิซซ่าเดลิเวอร์รี่ไปที่นารา แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังไม่รู้ว่าถูกมอง เพราะมัวแต่จ้องจะจัดการกับกึมยอง รวมไปถึงโพมีเองก็ไม่รู้ตัวเช่นกันว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองมายังเธอ.... มันคือมหกรรมแอบมอง =____= เพราะชีวอนเองก็ถูกสายตาคู่หนึ่งจ้องมองอยู่ตลอดเช่นกัน ถึงแม้ว่าเธอคนนั้นที่แอบมองเขาจะรู้ดีว่า ชีวอนกำลังส่งยิ้มให้กึมแจก็ตาม
"กึมยอง หมายความว่าไง?"โพมีบอกเสียงดุ ทำเอากึมยองพูดไม่ออกได้แต่ยิ้มเจื่อนๆเท่านั้น
"รังแกรุ่นน้องรึไง ประธานชมรมดิสนีย์เวิร์ล"ฮีชอลเดินเข้ามาตีสีหน้ากวนประสาทใส่ โพมีสูดออกซิเจนเข้าท้องเล็กน้อยก่อนจะหันมามองทางเขา
"สวัสดีค่ะพี่ฮีชอล ^ ^ มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีจังนะคะที่วันนี้ฉันเจอพี่ถึงสองครั้ง..."โพมีพยายามอย่างมากที่จะสะกดอารมณ์ตัวเองเอาไว้ เพราะถ้าเธอยิ่งโกรธ หมอนี่ก็จะยิ่งมีความสุข... วันนี้ฉันจะไม่ยอมแพ้พี่แน่ !!
" ^-------^ นั่นสินะมันเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเลย แล้วคราวนี้เธอจะซุ่มซ่ามอะไรอีกล่ะ"
"คงไม่แล้วล่ะค่ะ เพราะฉันรู้ว่าคนมีน้ำใจจริงๆมันหายาก เดี๋ยวนี้มีแต่พวกทำดีเพื่อหวังสิ่งตอบแทน"โพมียังคงไม่ยอมอ่อนให้ฮีชอลง่ายๆ สมาชิกที่เหลือของทั้งสองเริ่มเล็งเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า ...อย่าว่าแต่จะร้องคาราโอเกะเลย จะได้ย้ายสังขารณ์เข้าไปนั่งตากแอร์ในร้านรึเปล่าก็ยังไม่รู้ ยาวแน่งานนี้...เฮ้อ มินจีถอนหายใจแล้วเริ่มมองหาที่นั่ง ก่อนจะลงไปทิ้งตัวนั่งข้างๆทงเฮ
" ^ ^ ขอนั่งด้วยคนนะคะ"มินจีหันไปยิ้มให้คนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วหันกลับมาสนใจคู่ของโพมีกับฮีชอลอีกครั้ง ทงเฮเองก็ได้แต่พยักหน้ารับอย่างงงๆ ... ยัยนี่เป็นใคร??
"คำขอบคุณเขาไม่เรียกว่าสิ่งตอบแทนหรอกนะ"ฮีชอลสวนกลับ
"แต่นั่นแหล่ะค่ะ ฉันถือว่ามันเป็นสิ่งตอบแทน"
"ฉันว่ามันเป็นมารยาทมากกว่า"
"ก็แล้วแต่จะคิดนะคะ"
"บางทีเธอควรเชื่อฟังรุ่นพี่ให้มากกว่านี้นะ ฉันกำลังสอนเธออยู่"
"แต่ฉัน...." ราวกับฟ้าได้ส่งเบรกเอบีเอสลงมาให้เมื่อเริ่มจะทนไม่ไหว
"แต่ฉันอยากร้องเพลง -____-^^ เธอคงไม่อยากให้ฉันเปลี่ยนจากร้องเพลงเป็นร้องไห้ใช่มั๊ย"กึมแจบอกเสียงหงุดหงิด ทำไมสองคนี้เจอกันทีไรต้องหาเรื่องทะเลาะกันด้วยนะ?..
"ค่ะ... ฉันจะจำเอาไว้"โพมีกระแทกเสียงใส่ผู้ชายตรงหน้าก่อนจะเดินหนีออกมา เธอรู้สึกราวกับอีกฝ่ายกำลังหัวเราะไล่หลังให้กับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ของเธอ
" ^---^" <<<<<<<<<<< ฮีชอล
ฮีชอลทำท่าจะเดินกลับไปที่กลุ่มของเขาแต่เหลือบไปเห็นเซรินที่ยืนมองเขาอยู่เสียก่อน
"เซริน ... มาด้วยเหรอ"ฮีชอลเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
"แล้วที่ยืนอยู่นี่ไม่ใช่ฉันเหรอคะ"
"ไม่ใช่มั้ง ^ ^"ฮีชอลใช้มือตีหัวเซรินเล่นเบาๆ ทั้งสองคนไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งแอบมองอยู่ตลอด มันก็คงเหมือนกับที่เซรินยืนแอบมองอยู่ตลอดล่ะมั้ง... แอบมองคนสองคนทะเลาะกัน ทั้งที่เขาสองคนทะเลาะกัน แต่ความรู้สึกมันกลับไม่ใช่เลย...
"ค่ะ งั้นฉันคงไม่ได้มา"เสียงหัวเราะของคนทั้งสองทำให้บรรยากาศเริ่มดีขึ้นเล็กน้อย ถ้าไม่ติดที่ว่าประธานชมรมดิสนีย์เริ่มกลายเป็นน้ำต้มเดือด 100 องศา
"อ่าฮะ วันนี้จบเร็วแฮะ"มีนจีบอกพลางรีบลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดินไปรวมกับกลุ่ม แต่เพราะเธอลุกเร็วเกินไปทำให้เซล้มลงมาทับทงเฮอย่างจัง คิบอมเองก็พลอยซวยไปด้วยเพราะทงเฮพิงแขนเขาอยู่
"ว๊าย ขอโทษนะคะโอป้า ฉันไม่ได้ตั้งใจ... โอ๊ย!! "มินจีที่ล้มลงไปนอนอยู่บนตักของทงเฮรีบเอ่ยคำขอโทษทันที ก่อนจะพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่คงเพราะวันนี้เป็นวันซวยของเธอจริงๆ เส้นผมของเธอเลยไปเกี่ยวเข้ากับกระดุมเสื้อของคนอารมณ์ไม่ดี ทงเฮมองภาพตรงหน้าด้วยอารมณ์หงุดหงิดปนสงสาร
"อยู่นิ่งๆนะ อย่าขยับ"ทงเฮจับแขนเธอเอาไว้แล้วบอกให้เธอนอนอยู่นิ่งๆบนตักของเขา ก่อนจะค่อยๆแกะผมที่พันติดกับกระดุมออกอย่างเบามือเพื่อไม่ให้เธอต้องเจ็บ มินจีไม่รู้เลยว่าเธอควรจะทำสีหน้ายังไง จะว่าผู้ชายคนนี้ใจดีก็คงใช่มั้ง หรือว่าจะไม่ใช่ เฮ้อ ถ้ายิ้มซักหน่อยก็คงจะดีกว่านี้อ่ะนะ...
"อะนี่ หลุดแล้ว"ดงเฮคลี่ยิ้มบางๆออกมา คิบอมมองการกระทำของเพื่อนเขาด้วยความงุนงงเล็กน้อย เพราะทงเฮไม่ชอบให้คนแปลกหน้าถูกเนื้อต้องตัวเขา แต่นี่เค้ากลับยอมให้มินจีนอนอยู่บนตัวของเขา...เป็นไปได้ไง???
"ขอบคุณนะคะโอป้า แล้วก็ขอโทษด้วย"มินจีรีบลุกออกจากตัวของอีกฝ่าย แล้ววิ่งไปสมทบกับกลุ่มของเธอ ทงเฮกับคิบอมเองก็ต้องลุกเช่นกันเพราะคนอื่นๆเริ่มทยอยกันเข้าไปในร้านแล้ว อีกไม่นานคงได้ยินเสียงเพลงที่พวกเขาร้อง... เว้นเสียแต่ว่า เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้น...
"อย่าวิ่งสิแรวอน!!!!" เด็กชายคนหนึ่งกำลังวิ่งมาทางพวกเขาพลางกอดลูกโป่งสีแดงแนบอกเอาไว้ มีแม่ของเด็กวิ่งตามหลังมาแต่ก็เว้นระยะห่างพอสมควร ชีวอนหันมามองชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าร้าน แต่เสียงร้องของเด็กน้อยกลับฉุดรั้งเขาเอาไว้
"แม่ครับ!! ลูกโป่งผม"
ลูกโป่งสวรรค์สีแดงลอยไปคล้องติดกับป้ายโฆษณาที่แขวนอยู่หน้าร้านขายอาหาร บริเวณนั้นเป็นโรงภาพยนตร์เก่าที่คงร้างผู้คนมานานแรมปี ชีวอนหมุนตัวกลับแล้วออกวิ่งไปทางเด็กผู้ชายคนนั้นที่กำลังพยายามจะกระโดดคว้าเชือกซึ่งผูกติดกับลุกโป่ง
"พี่ครับ ลูกโป่งของผม"น้ำเสียงเล็กๆน่ารักสมวัยเอ่ยกับเขาชีวอนคลี่ยิ้มแทนคำตอบรับใดๆ เขาเอื้อมมือไปคว้าเส้นเชือกนั้นเอาไว้แล้วดึงลูกโป่งลงมา พร้อมกับเอาเส้นเชือกพันข้อมือของแรวอนเอาไว้
"ทำแบบนี้นะ แล้วมันจะไม่บินหนีนายไม่ไปไหนอีก ^ ^"
มินฮีมองภาพตรงหน้าแล้วอมยิ้ม... ผู้ชายคนนี้จะดูอ่อนโยนน่ารักอย่างมากเวลาเขามอบรอยยิ้มสดใสนั้นให้กับเด็กๆ
"มินฮีมองอะไรอยู่เหรอ เข้ามาสิ"นาราเอ่ยถามเมื่อเห็นว่ามินฮีไม่ยอมเข้ามาในร้านเสียที
"เปล่าหรอกค่ะ...เอ่อมอง...มอง..."น้ำเสียงในท่อนสุดท้ายขาดหายไปทันที เมื่อเด็กสาวออกวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อสายตาของเธอเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง ไม่นะ !!!
"อ้าวมินฮี!! จะไปไหน"นาราร้องเรียกเสียงดังทำให้สมาชิกที่เข้าไปในร้านรู้สึกแปลกใจจนต้องออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่มันคงจะอายุมากเสียจนต้องจบชีวิตลงในวันนี้... แต่ช่างมันสิ แกจะเจ๊งจะเป็นอะไรฉันเคยสนใจที่ไหน แต่ทำไมแกต้องมาดิ่งลงพื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลกในวันนี้ด้วยฟร่ะ!!
"โอป้า!! ระวัง!!!!!!!!!!!!!!!"
เสียงร้องนั้นเงียบหายไปพร้อมกับสติสัมปชัญญะของใครคนหนึ่งที่กำลังดิ่งสู่ห้วงนิทรา....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น