ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พระคลังซุกข้าวซุกของ

    ลำดับตอนที่ #4 : What, again! ก๊วนนักเรียนสัตว์!?

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 64



    "ถ้ายังไม่เลิกทำแบบนี้...พี่รัญชน์จะดุแล้วนะคะ"



    https://www.pinterest.com/pin/655344183278686332/

     


     

    บทบาท : Scissors



    ชื่อ-นามสกุล : รัญชน์ พรธนิต (Run Pornthanit)



    ความหมายของชื่อ : รัญชน์ = ความยินดี , พรธนิต = สิ่งประเสริฐอันหนักแน่น



    ชื่อเล่น/ชื่อที่เรียก : รัน



    เพศ : หญิง



    สัญชาติ : ไทย



    เชื้อชาติ : ไทย



    วันเกิด : 13 เมษายน



    อายุ : 20 ปี



    สายพันธุ์ที่อยู่ในตัว : ม้าน้ำหนามขอ






    อาชีพ : นักศึกษาปี 1 คณะพยาบาลศาสตร์ สาขาวิชาการพยาบาลครอบครัวและผดุงครรภ์



    ที่อยู่ : บ้านอยู่กรุงเทพ เขตบางขุนเทียน(อาณาเขตที่มีบริเวณติดกับอ่าวไทย ถิ่นม้าน้ำ) ระหว่างเป็นนักเรียนย้ายมาอยู่หอที่เขตปทุมวัน ปัจจุบันกลับมาอยู่มหาวิทยาลัยใกล้บ้าน



    ส่วนสูง/น้ำหนัก : สูง 160 ซม. น้ำหนัก 55 กก.



    รูปร่างลักษณะ : รัญชน์เป็นผู้หญิงผมดำยาว โครงหน้าเป็นทรงไข่ไก่รับกับดวงตากลมโตและดำสนิทภายใต้แพขนตาบาง มีริมฝีปากหนาที่ทำให้เธอสนุกที่จะลองลิปสติกสีใหม่ ๆ อยู่เสมอ ทุกคนหากเคยเห็นเธอในลุคปากแดงบ้าง ปากม่วง ฟ้า เขียว ฯลฯ ไม่เคยซ้ำกัน ผิวขาวเหลืองที่ออกจะคล้ำแดดจากการทำกิจกรรมกลางแจ้งบ่อย ๆ รวมถึงยังมีกระบนใบหน้าที่เธอแสนจะภูมิใจอีกด้วย ทุกตำหนิบนร่างกายเธอล้วนเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจแก่การแสดงออกทั้งหมด รวมถึงตำหนิขี้แมลงวันบริเวณข้อมือข้างขวาด้านใน รอยแผลจากการขี่มอเตอไซค์บนท่อนขา หน้าท้องที่มีไขมันนิดหน่อย หรือแม้แต่ปานดำรูปคล้ายดาวบนไหปลาร้า สไตล์การแต่งตัวของรัญชน์ในแต่ละครั้งมักดูออกในทันที่ว่าเธอกำลังตั้งใจโชว์ส่วนไหนในร่างกายตัวเองอยู่ เช่น เธออาจเลือกใส่เสื้อเอวลอยหากวันไหนอยากโชว์หน้าท้อง เธออาจเลือกใส่เสื้อปาดไหล่เพื่อโชว์ปานดำที่ไหปลาร้า หรืออาจใส่กางเกงขาสั้นเปิดเผยให้เห็นรอยแผลที่ขาไปเลย รัญชน์มักสนุกกับการแต่งตัวเสมอและนั่นทำให้เธอแต่งตัวได้ทุกลุคทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นสายหวาน สายโกธิค สายดาร์ค สายมินิมอล เธอก็แต่งได้หมด แต่เพราะมีบุคลิกการเป็นสาวมั่นนี่แหละที่ทำให้ไม่ว่าจะแต่งตัวสไตล์ไหน มันก็อัญเชิญฟิลเตอร์ผัดสัวมาบังตาได้ทุกที

    (โชว์หน้าท้อง แม้วันกินหมูกระทะก็ไม่หวั่นเพราะมั่นใจ จะย้อยยังไงก็ดูดีแน่นอน)

     (โชว์ไหปลาร้ากับผิวคล้ำสวย ๆ )

    (ข้างบนจะแง้มนิดหน่อยให้พอน่าค้นหา ลุคนี้ก็จะเน้นโชว์ท่อนขาที่มีรอยแผลจากมอเตอไซค์)



    ลักษณะนิสัย : รัญชน์เป็นคนมีความมั่นใจและมั่นคงในจุดยืนของตัวเองสูง ทำให้บางครั้งอาจจะเผลอแสดงอาการ ไม่อิน ต่อบางปัญหาที่คนเข้ามาขอคำปรึกษาได้ แต่เพราะความไม่อินนี่แหละที่ทำให้เธอสามารถให้คำปรึกษาแบบเน้นเหตุและผลมากกว่าใช้อารมณ์ร่วม ไม่เข้าข้างคนใดคนหนึ่งมากเกินไป แต่ก็มีบางปัญหาที่เธอไม่สามารถตัดสินให้ได้เพราะไม่อินอย่างแรงจนถึงขั้นมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ก็จะทำแค่รับฟัง แต่หากปัญหานั้นมันกวนใจไม่เลิกก็จะใช้ความคิดเจ้าแผนการในตัวหาทางกำจัดมันออกไปให้พ้นหูพ้นตาซะให้จบ ๆ ทั้งคนรอบข้างและรุ่นน้องที่รักต่างรู้ดีว่าพี่รัญชน์ไม่ใช่คนที่ควรไปหาเรื่องด้วย แต่หากไม่ได้ทำอะไรผิดก็สบายใจได้ จะเล่นหัวเล่นหางกันแค่ไหนพี่รัญชน์ก็ไม่ได้โกรธสักนิด 

                      ในเรื่องของการแสดงออกทางอารมณ์ รัญชน์อาจถูกจัดได้ว่าเป็นคนที่เก็บอารมณ์เก่งพอสมควร กล่าวคือหากมีอารมณ์ด้านลบอย่างโมโห เศร้าใจ อับอาย มักจะไม่ค่อยแสดงออกมาทางสีหน้าต่อหน้าคนอื่น ๆ เท่าไหร่นัก มักจะเก็บเอาไว้เวลาอยู่คนเดียวค่อยระบายมันออกมา ส่วนใหญ่มักใช้วิธีอาละวาดด้วยการเอาหางม้าน้ำของตัวเองออกมาทำท่าจระเข้ฟาดหางข้าวของแถวนั้นให้หนำใจสักรอบสองรอบ(ถึงแม้ว่าระบายเสร็จแล้วก็ต้องมานั่งเก็บของให้เข้าที่อีกทีก็เถอะ) หรือไม่ก็ใช้วิธีการแช่น้ำแล้วร้องเพลงเสียงเพี้ยนระบายอารมณ์ เสร็จแล้วจึงค่อยมานั่งคิดแผนการกำจัดปัญหานั้นให้หมดไป ซึ่งทั้งหมดนี้มักจะทำเวลาที่อยู่ตัวเดียวเท่านั้น มีแค่คนที่ไว้ใจมาก ๆ กับครอบครัวที่รู้ ส่วนอารมณ์ด้านบวกอย่างมีความสุข ขบขัน ให้กำลังใจนั้นอาจพูดได้ว่ามันมีอยู่ในตัวเธออย่างเต็มเปี่ยม รัญชน์มักแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาทันทีเวลาเจออะไรดี ๆ ไม่ว่าจะยิ้ม หัวเราะ โอบกอด ที่สำคัญคือเธอมักหาข้อดีของคนรอบข้างได้เสมอ และมักจะพูดมันออกมาตรง ๆ เวลาคนที่มาปรึกษาเริ่มแสดงออกถึงความไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง ทำให้พวกเขาได้รับกำลังใจ

                       รัญชน์เป็นคนรักความสะอาดและระเบียบมาก ข้าวของในห้องพักไม่เคยรก หรือไม่รกจากการระบายอารมณ์ได้ไม่นานเท่านั้นเธอจะจัดใหม่ให้เป็นระเบียบอยู่ดี ห้องน้ำก็สะอาดมาก กระเป๋าใส่เครื่องสำอางก็มีการจัดช่องใส่ข้าวของอย่างเป็นระเบียบแม้ด้านในจะบรรจุลิปสติกเป็นสิบสีก็ไม่มีหวั่น แต่เพราะสาเหตุนี้เองทำให้เธอมักจะเจอเหตุการณ์ให้ต้องเก็บอารมณ์ด้านลบไประบายทีหลังอยู่บ่อย ๆ เวลาเจอความสกปรกเลอะเทอะนอกบ้าน รัญชน์มักพกอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น กระดาษชำระ ทิชชูเปียก หรือแม้แต่ผ้าอนามัยไว้กับตัวเสมอเพื่อความสะอาดและสุขอนามัยที่ดีของตัวเองรวมถึงคนอื่น ๆ ด้วย 

                      ในด้านความสัมพันธ์ที่มีต่อคนรอบข้าง เนื่องจากบุคลิกสาวมั่นที่ทำให้รัญชน์เป็นคนมีเสน่ห์ ก็เลยมีคนเข้ามาจีบเยอะพอควร เธอเองก็ไม่ใช่คนที่ไม่สนใจความรักดังนั้นก็มักเปิดโอกาสให้จีบเสมอ แต่ถ้าส่อแววจะไปกันไม่รอดเมื่อไหร่  ทีแรกอาจจะลองพูดตรง ๆ ไปก่อนว่าเริ่มไม่อินในความสัมพันธ์นี้แล้ว แต่ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่อง เท่านั้นแหละแผนการสลัดคนทิ้งก็จะเข้ามาอยู่ในหัวเธอทันที เธอจะลองเริ่มหาจุดอ่อนอีกฝ่ายดูก่อน เช่น ถ้าเธอบังเอิญสืบเจอว่าผู้ชายช่างตื๊อคนหนึ่งมันกลัวผีมาก เธอก็จะแสร้งชวนเขามาบ้านที่เต็มไปด้วยผีปลอมมากมายหลอกหลอนเพื่อให้เขาหนีไปเองตามแผน แต่กับคนที่ชอบจริง ๆ ไม่รู้ทำไมเธอมักจะเก็บอาการไม่อยู่แล้วแสดงออกด้วยการแกล้งหยอก แกล้งเล่น เพราะวางแผนเก่งเลยแกล้งเก่งยิ่งกว่ารายการสาระแน(แต่ไม่เคยเกินเลยถึงขั้นให้เจ็บช้ำน้ำใจกันนะ)ให้อีกฝ่ายหลุดมาดทุกที ใช่แล้วล่ะ สเปคของเธอมักจะเป็นเด็กเรียบร้อยหรือไม่ก็เด็กเนิร์ดมาดเนี้ยบไงล่ะ เวลาที่ได้แกล้งจนอีกฝ่ายหลุดโวยวายขึ้นมานะ มันน่ารักมากเลยล่ะ 

     


                      

    ลักษณะการพูดจา : 

    คนมาขอคำปรึกษา:

    "อ้าวนั่น [1] ไม่ใช่เหรอ? ไปไงมาไงหน้าเครียดมาเชียว นั่งนี่สิคะ..." รัญชน์รีบตบที่นั่งว่างข้างกายตัวเองเป็นสัญญาณอนุญาตให้ [1] เข้ามานั่งด้วยทันที "ไหนบอกพี่สิคะ มีปัญหาอะไรที่ทำให้ประธานนักเรียนอย่าง[1] ถึงกับทำหน้าเครียดมาหาสมาชิกสภานักเรียนเก่าแบบพี่รัญชน์ได้"

    "..."

    "เอ๊ะ? ชอบเขา? ค่ะ...แล้วยังไงคะ"

    "..."

    "อ้าว แล้วทำไมไม่บอกเขาไปล่ะคะ[1] คนที่ไหนเขาก็ไม่ได้มีพลังอ่านใจรู้ได้หรอกนะว่าเราคิดอะไรอยู่ ถ้าไม่บอกก็ไม่มีใครรู้หรอก"

    "..."

    "พอ ๆ พอก่อนค่ะ[1] ยิ่งบอกเหตุผลมาพี่รัญชน์ยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ ถ้าเป็นพี่รัญชน์ พี่รัญชน์จะไม่ทำแบบนี้หรอกนะ ไหนมองตาพี่รัญช์ซิ" เธอพูดกับเชยคาให้[1] หันหน้ามาสบตาตัวเอง แม้ในใจจะไม่ค่อยอินกับความกลัวอะไรไม่เข้าเรื่องของ[1]ในมุมมองของเธอเท่าไหร่ แต่เรื่องความรู้สึกแบบนี้หาปล่อยให้เป็นปัญหาคาราคาซังคงไม่ดีแน่

    "ฟังพี่รัญชน์นะคะ...เท่าที่ฟังมาทั้งหมดนี่ พี่ว่ามันก็เป็นความกลัวของ[1]เองทั้งนั้นเลยนี่ ทั้งที่ความรู้สึกรักหรือชอบใครเนี่ย พี่รัญชน์ว่ามันก็เป็นสิ่งที่ดีนะคะ ไม่มีใครไม่ดีใจที่ได้รับมันหรอก"

    "...."

    "อ้อ ไอ้เรื่องกลัวไปกันไม่รอดน่ะพี่รัญชน์ก็เข้าใจนะคะ แต่นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเอง ถ้า[1]ยังไม่กล้าบอกเขาแบบนี้ มันก็ไม่มีทางไปถึงขั้นนั้นด้วยซ้ำค่ะ จำไว้นะ[1] [1]น่ะเป็นคนที่เพอร์เฟคแล้วก็มีความพยายามมาก ๆ มาตลอดเลย แถมยังเป็นคนดีจากใจจริงอีกต่างหาก พี่รัญชน์คิดว่า ต่อให้คำตอบไม่ได้เป็นดังหวัง แต่[1]จะไม่ได้สูญเสียอะไรไปหรอก จะรู้สึกดีกับการได้ลองมีความรักครั้งนี้ด้วยซ้ำ"

    "..."

    "ไปบอกเขาเลยนะคะ เชื่อพี่รัญชน์ ถ้าอกหักเดี๋ยวให้ยืมไหล่ไว้ซบ"

     

     

    เวลาระบายอารมณ์:

    "กรี๊ด!!!"

    ผลัวะ! เพล้ง!

    เสียงข้าวของภายในห้องนอนแตกกระจายจากแรงฟาดจากหางม้าน้ำของรัญชน์ดังไปทั่วจนคนในครอบครัวที่อยู่ด้านล่างพากันส่ายหน้าพร้อมกับสีหน้าที่เสมือนมีคำว่า อีกแล้ว แปะอยู่บนหน้าผาก จนกระทั่งเมื่อเสียงกรี๊ดหมดลม รัญชน์ก็หอบหายใจรัว ๆ 

    "แฮก...แฮก..." ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วเพื่อดูความเสียหาย ก่อนจะส่งเสียงคำรามอย่างเสียอารมณ์หนึ่งทีเป็นการปิดท้ายเพื่อเดินตรงไปคว้าผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป มือคว้าเอาก๊อกได้ก็บิดให้น้ำไหลลงอ่างด้วยแรงสูงสุดหลังจากปิดท่อระบายเรียบร้อย ใช้เวลาไม่นานก็เปลื้องผ้าออกหมดแล้วทิ้งตัวลงอ่างทันที

    "เอ้อ น้ำอุ่นนี่มันสบายดีจริง ๆ นั่นแหละ" ริมฝีปากหนาที่ยังไม่ได้ทำแม้แต่การล้างลิปสติกออกบ่นพึมพำ ทว่าสบายอารมณ์ได้ไม่เท่าไหร่ก็หงุดหงิดเพราะภาพความทรงจำมันแล่นเข้ามาในหัวกะทันหัน เล่นเอาหางม้าน้ำโผล่จนตีน้ำแตกกระจายไปอีกรอบ

    ซ่า!

    "อีผู้ชายนั่นมันก็เป็นกระดออะไรก็ไม่รู้ บอกว่าไม่ชอบ ๆ ก็ยังตื้ออยู่ได้! แล้วปากก็พร่ำบอกรัก ๆ อยู่นั่น ไม่อินเลยสักนิดว้อย คอยดูนะ แม่จะหาทางสลัดมันให้หลุดให้ได้เลยคอยดู๊

     

     

    เวลาเจอคนที่ชอบ:

    "ว้าย ขอโทษ เผลอชวนคุยเพลินจนรถเมล์ผ่านไปซะแล้วสิ" เธอยกมือสองข้างแบขึ้นพร้อมยิ้มแฮะ ๆ อย่างสำนึกไม่จริง เล่นเอาอีกฝ่ายที่แม้จะอายุน้อยกว่าลุกขึ้นมาโวยวายใส่อย่างหลุดมาดเด็กเนิร์ดทันที

    "..."

    "โอ๊ย ๆ ขอโทษแล้วไง อย่าดุพี่แบบนั้นสิ ไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย พี่รัญชน์ไม่ได้อยากแกล้ง[9]นะคะ" 

    "...."

    "รู้แล้ว เอางี้ดีกว่า พี่รัญชน์เพิ่งนึกได้ว่าจอดมอเตอไซค์ไว้ใกล้ ๆ นี้" ว่าแล้วก็ลดมือลงแล้วเอานิ้วจิ้มริมฝีปากสีน้ำเงินด้วยท่าทีครุ่นคิด "ถ้ายังไง ให้พี่รัญชน์ไปส่งมั้ยล่ะ?"

    "..." เมื่อเห็นว่าคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว อีกฝ่ายทำได้เพียงตอบตกลง

    "โอเคเลยค่ะ" รัญชน์พูดพร้อมกับหยิบกุญแจรถขึ้นมาแกว่งเล่นโชว์  "จะซ้อนท้ายก็...กอดพี่รัญชน์แน่น ๆ นะคะ จะได้ไม่ตกลงไป"

    "..."

    "ไม่ได้หมายถึงตกไปบนถนนหรอก"

    "..."

    "หมายถึงตกหลุมรักพี่รัญชน์เนี่ยแหละ"

     

     

    คุยกับคนอายุมากกว่า:

    "สวัสดีค่ะคุณครู คิดถึงรัญชน์มั้ยคะ" หญิงสาวพูดพร้อมกับยกมือไหว้ "ตั้งแต่จบไปก็มีเรื่องวุ่น ๆ อยู่บ้างก็เลยเพิ่งมาเอาป่านนี้ ยังจำกันได้ใช่มั้ยคะ แต่หลังจากนี้รัญชน์จะมาหาบ่อย ๆ เลยแหละ"

    "..."

    "อ๋อ ก็เพราะว่ามีรุ่นน้องน่ารัก ๆ อยู่โรงเรียนนี้เยอะยังไงล่ะคะ เห็นแล้วไม่อยากทิ้งไปไหนหรอก"

     

     

    คุยกับพ่อแม่:

    "พ่อ~ รัญชน์บอกแล้วไงอะว่างานซักผ้าเนี่ยรัญชน์จะทำเอง เกิดลื่นแล้วน้องแท้งไปจะทำยังไงเล่า" เธอพูดก่อนรีบปราดเข้าไปดึงแขนพ่อที่กำลังตั้งครรภ์น้องคนแรกออกมาจากบริเวณลานซักผ้า ในใจพลางคิดว่าหากเศรษฐกิจดีขึ้นกว่านี้เมื่อไหร่จะขอให้แม่ซื้อเครื่องซักผ้าดี ๆ ให้พ่อเสียที จะได้ไม่ต้องมาก้ม ๆ เงยๆ หัวจะทิ่มกะละมังตายมิตายแหล่แบบนี้

    "..." ผู้เป็นพ่อเอ่ยปฏิเสธปัดด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเหมือนยามปกติ

    "โห พูดงี้อีกละ บอกแล้วไงว่าไม่ลำบากเลย ไม่งั้นรัญชน์จะโทรไปฟ้องแม่เลยนะ" ว่าพลางควักโทรศัพท์มือถืออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วแสร้งตั้งท่าเอามาแนบหูทันที

    "ฮัลโหล...แม่~ เนี่ยดูซิสุดที่รักของแม่จะฝืนตัวเองอีกแล้ว สงสัยจะดื้อไม่เลิก เลิกงานแล้วรีบมาดุเลยนะ"

     

     

    คุยกับน้อง:

    "ฟังพี่รัญชน์ก่อนนะคะ ริน แรม ราม รักษ์" 

    ยังไม่จบประโยค น้อง ๆ เจ้าของชื่อที่กำลังเถียงกันเสียงดังอยู่บนโต๊ะอาหารก็หยุดชะงักแล้วสะดุ้งตามกันไปเป็นแถบเมื่อได้ยินเสียงเยือกเย็นจากพี่สาวคนโต ผู้ซึ่งตอนนี้เริ่มทำการสูดหายใจเข้าลึกเป็นสัญญาณว่าเตรียมตัวจะอบรมเรียบร้อย

    "พี่รัญชน์เคยบอกกี่รอบแล้ว ข้อหนึ่งคือห้ามเสียงดังตอนกินข้าว และสองอย่าทำอาหารหกเลอะเทอะ มันจะเปื้อมผมพี่รัญชน์ รู้ใช่มั้ยคะว่าพี่รัญชน์เกลียดมาก ดังนั้นช่วยกรุณากินข้าวให้เสร็จก่อนแล้วค่อยทะเลาะกันทีหลัง อ้อไม่สิ แบบนี้ต้องรอจนกว่าจะช่วยกันล้างจานเสร็จก่อนล่ะมั้ง...ทั้งสี่คนเลยค่ะ"

     

     

    คุยกับเพื่อน:

    "[ชื่อเพื่อน] รัญชน์มีเรื่องจะบอก...คือรัญชน์ชักไม่ชอบอีผู้ชายช่างตื๊อคนนั้นแล้ว แต่เขาไม่ยอมไป" เธอรีบพุ่งเข้าไปจับมือเพื่อนสนิทพร้อมกับบอกความต้องการทันที ขณะที่เพื่อนที่ยังมีหลอดชาไข่มุกอยู่ในปากทำเพียงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย แต่เมื่อพูดจบประโยคแล้วก็เข้าใจได้ทันที

    "..."

    "ใช่แล้ว [ชื่อเพื่อน]นี่รู้ใจรัญชน์จริง ๆ เลย ถ้ารู้แบบนี้แล้วต้องช่วยรัญชน์ด้วยนะ"

    เพราะรู้อยู่แล้วว่าหากมาถึงขั้นตอนคิดแผนเสร็จ ไม่ว่าจะห้ามปรามอย่างไรคงไม่ได้ เพื่อนเลยพยักหน้าแล้วตอบตกลงพลางถามขั้นตอนเพื่อตรวจสอบเผื่อมันจะรุนแรงไป

    "..."

    "โอ้ ง่าย ๆ เลยเรื่องนี้ เมื่อคืนรัญชน์นั่งแช่น้ำคิดมาอย่างดีแล้ว แผนก็คือแบบนี้นะ..."

     

     

    เวลาเจอคนที่ไม่ชอบ:

    "รัญชน์ไม่อยากทำร้ายจิตใจ[ชื่อคน]นะ สำหรับรัญชน์แล้ว[ชื่อคน]เป็นคนดีมากเลย มีความพยายามแล้วก็รักในการเล่นกีฬาสุด ๆ มันเป็นสิ่งที่ดีนะ แต่รัญชน์ว่าช่วงนี้เรามีอะไรไม่เข้ากันหลายอย่าง สำหรับรัญชน์นะ รัญชน์ไม่ชอบที่[ชื่อคน]พูดจาไม่ดีแบบนั้นกับพนักงานเสิร์ฟ คุณป้าแม่บ้าน คุณลุงพ่อค้าในตลาดแบบนั้นเลย แล้วก็ยังเรื่องความสะอาดอีก สำหรับ[ชื่อคน]อาจจะรู้สึกว่าไม่เป็นไรนะ แต่สำหรับรัญชน์ รัญชน์ว่าเราอย่าเพิ่งไปไกลกว่านี้ดีกว่า"

    ทั้งประโยคนั้นถูกเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงสุภาพและพยายามรักษาน้ำใจสุด ๆ ทว่าเหมือนจะไม่ได้เข้าถึงจิตใจคนตรงหน้าเลย เพราะจู่ ๆ ชายหนุ่มก็เลือดขึ้นหน้าราวกับถูกหยามเหยียด ก่อนจะเริ่มส่งเสียงโวยวายจนคนแถวนั้นหันมามอง เล่นเอารัญชน์ถึงกับเลิกคิ้วขึ้นสูงแล้วถอนหายใจเงียบ ๆ อย่างเก็บอารมณ์ ส่วนหนึ่งในใจก็รู้สึกดีที่ในที่สุดก็แสดงธาตุแท้ออกมา แต่อีกส่วนหนึ่งกำลังคิดแผนการเอาตัวเองให้รอดออกจากสถานการณ์นี้ไปก่อน

    "เอ้า ใจเย็น ๆ นะ ถ้าโมโหขนาดนี้แล้วเราไปหาที่เงียบ ๆ คุยกันก่อนมั้ย หรือ[ชื่อคน]อยากอยู่คนเดียวไปก่อน?"

    "..."

    "ถ้าจะบอกว่ารักรัญชน์ขนาดนั้น เราค่อยมาคุยกันอีกทีวันพรุ่งนี้มั้ยคะ นัดเจอกันหน้าม. สัญญาจะไม่หนีด้วยเอ้า เกี่ยวก้อยค่ะ"

    เนื่องจากรู้อยู่แล้วว่าคนตรงหน้าเป็นประเภทชอบให้คนมาเอาใจหรือทำตัวน่ารักใส่ รัญชน์เลยตัดสินใจชูนิ้วก้อยขึ้นแล้วทำสีหน้าให้ดูน่ารักสุดฤทธิ์ โชคดีที่ได้ผล อีกฝ่ายเลยยอมเกี่ยวก้อย ก่อนจะแยกย้ายกันไปในที่สุด

     

     

     

     

    ประวัติ : รัญชน์เกิดมาในครอบครัวที่พ่อแม่เป็นครึ่งม้าน้ำทั้งคู่ ซึ่งตามธรรมชาตินั้นฝ่ายตั้งครรภ์จะเป็นเพศที่มีโครโมโซม XY หรือก็คือพ่อของเธอนั่นเอง ส่วนแม่นั้นมีหน้าที่คอยดูแลสุขภาพพ่อและหาเงินจากการทำงานนอกบ้าน โชคไม่ดีนักที่ช่วงเวลาหลังเธอเกิดได้ไม่นานนั้นเศรษฐกิจครอบครัวดันตกต่ำทำให้แม่ต้องวิ่งโร่หางานหนักกว่าเดิม แล้วยิ่งทั้งพ่อแม่มีปนิธานแรงกล้าอยากให้เธอผู้ซึ่งขณะนั้นยังเรียนชั้นมัธยมต้นได้ต่อมัธยมปลายที่โรงเรียนสัตว์น้อยซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงอีก โชคร้ายซ้ำสองเมื่อพ่อรู้ตัวว่าดันตั้งครรภ์ที่สองมา รัญชน์เลยต้องรับหน้าที่ดูแลพ่อซึ่งตั้งครรภ์ขณะที่แม่ยิ่งไม่กลับบ้านมากกว่าเดิม จนกระทั่งเมื่อเธอช่วยพ่อทำคลอดออกมาเป็นน้องสาวแฝดสอง(ริน แรม)ก็ราวกับนางฟ้าส่งพรมาให้ แม่ได้งานที่มั่นคงในที่สุด ซึ่งนั่นทำให้มากพอที่จะส่งรัญชน์เรียนโรงเรียนสัตว์น้อยและพร้อมสำหรับการมีลูกรอบต่อไปอีก คราวนี้รัญชน์ได้รับความไว้วางใจจากพ่อในการดูแลครรภ์และช่วยทำคลอดเองที่บ้านจนได้น้องชายแฝดสองมาอีก(ราม รักษ์) ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเธอถึงผูกพันกับการทำคลอดและดูแลเด็กเล็กอันเป็นแรงบันดาลใจให้เข้าเรียนต่อในคณะพยาบาลศาสตร์ สาขาวิชาการพยาบาลครอบครัวและผดุงครรภ์ในที่สุด 

    สมัยเป็นนักเรียนมัธยมปลายโรงเรียนสัตว์น้อย รัญชน์เคยเป็นถึงหนึ่งในสมาชิกสภานักเรียนผู้นำร่องเรื่องของนโยบายผ้าอนามัยแจกฟรี , นโยบายสนับสนุนและให้โอกาสนักเรียนตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้ศึกษาต่อ และรวมถึงคิดโครงการต่าง ๆ สำหรับนักเรียนที่ฐานะทางบ้านมีรายได้น้อยได้มาชิงทุนค่าเทอมกันอีกด้วย 





    งานอดิเรก : แช่น้ำอุ่น , ร้องคาราโอเกะคนเดียว 



    ความสามารถพิเศษ : ขี่มอเตอไซค์วิบาก(ขึ้นเขาลงน้ำ บุกป่าฝ่าดง ฯลฯ) , เล่นเปียโน



    สิ่งที่ชอบ : มาร์ชเมโล เพราะว่ามันนุ่มนิ่มแถมยังดูบอบบางด้วย : เวลาเจอมักจะบีบเล่นนานเป็นนาทีกว่าจะเอาเข้าปาก



    สิ่งที่ไม่ชอบ : ทุกสิ่งที่มีความเป็นไปได้ว่าจะทำร้ายเส้นผมดำยาวที่เธอทะนุถนอม เช่น ของที่เหนียวเหนอะหนะ(กาว หมากฝรั่ง) , ฝน , ไดร์เป่าผมที่ร้อนเกินไป : หากเจอของพวกนี้ในยามปกติล่ะก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อไหร่ที่เส้นผมของเธอเกิดความเสียหายขึ้นมา นั่นแหละจะเป็นจุดจบของภาพลักษณ์พี่สาวยิ้มเก่งแสนผัดสัวที่สะสมมาทั้งหมด แรกเริ่มเธอจะมือสั่นราวกับไม่อยากจะเชื่อว่ามันเกิดขึ้นจริง เธอจะหอบหายใจถี่รัวอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ไว้ แล้วไม่ว่า ณ ตอนนั้นจะทำอะไรอยู่ คุยกับครู ก็จะขอตัวกลับบ้านไปจัดการตัวเองทันที โดยเฉพาะหากมีใครมาแตะเส้นผมโดยไม่ได้อนุญาต เธอจะตวัดมือลง เพี๊ยะ! ทันทีราวกับปฏิกิริยาอัตโนมัติ

                    

     

    สิ่งที่เกลียด : คนช่างตื๊อที่พูดไม่รู้เรื่อง เพราะว่ามันน่ารำคาญมากที่พล่ามแต่เรื่องที่เธอไม่อินอยู่ได้ : ทีแรกมักจะปฏิเสธไปตรง ๆ ก่อน แต่ถ้าพูดไม่รู้เรื่องก็วางแผนเผด็จศึกเลย(ตามตัวอย่าง)

                    



    สิ่งที่แพ้ : -



    สิ่งที่กลัว : ความจน เพราะว่าเคยอยู่ในสภาพนั้นมาก่อนและไม่อยากกลับไปอีก : มักจะพะวงกับเลขเงินในบัญชีเงียบ ๆ หากลดน้อยเกินกว่าจะรับได้(ตกไปหนึ่งหน่วย เช่น หมื่นเหลือพัน แสนเหลือหมื่น) ก็จะเลิกเที่ยวก่อนเงินค่าขนมออกใหม่ ทั้งที่ปกติเที่ยวบ่อย ใช้ชีวิตอิสระมาก แต่เหตุการณ์นี้มักจะเกิดขึ้นไม่บ่อยนักเรพาะเธอควบคุมการใช้จ่ายดีมาก



    สเปคคนที่ชอบ : คนสไตล์น่ารักน่าทะนุถนอม หรือไม่ก็อาจจะเรียบร้อยถึงขั้นเนี้ยบแบบเด็กเนิร์ดไปเลยก็ได้ แต่ไม่ใช่เชื่อฟังคนอื่นเสียหมด ต้องมีจุดยืนเป็นของตัวเองและสามารถเป็นผู้นำได้ในบางเรื่องที่ถนัด พูดกันตรง ๆ ได้ ปรึกษากันได้ + ถ้าทำอาหารได้จะยิ่งบวกคะแนนให้เลยล่ะ

    การที่เธออยู่ในครอบครัวที่พ่อเป็นฝ่ายตั้งครรภ์นั้น ทำให้เธอซึมซับพฤติกรรมการประคบประหงมดูแลฝ่ายที่ตั้งครรภ์มาจากแม่ และนั่นเป็นสาเหตุที่รัญชน์มักมีแรงดึงดูดกับคนรอบข้างทั้งชายหญิงที่มีบุคลิกน่าทะนุถนอมหรือต้องการการปกป้องดูแลเป็นพิเศษ อ้อ หรือจะเรียกว่าบุคลิกน่าแกล้งน่าบีบก็ว่าได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่ต้องการการดูแลหรอกนะ เพราะฝีมือการทำอาหารเธอแย่มาก เลยใฝ่ฝันว่าถ้ามีคู่ชีวิตเป็นคนที่ช่วยเธอใส่ใจเรื่องอาหารก็คงดีมากเลย



    ข้อมูลเพิ่มเติม : -










    INTERVIEW

    (ถือว่าเป็นบทสัมภาษณ์สมัยพี่รัญชน์เพิ่งเข้าโรงเรียนนะคะ แฮ่)


                ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องหลังจากปล่อยให้รัญชน์รอมาเกือบครึ่งชั่วโมง ซึ่งมันก็ออกจะทำให้เธอรู้สึกรำคาญเล็กน้อยกระนั้นชายหนุ่มผู้มาใหม่ก็ยังคงยิ้ม ขยับตัวให้นั่นในท่าที่สบายที่สุดก่อนจะเอยทักทายขึ้น

                “ที่รักครับ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ นี่ผมมาสายนิดเดียวเองนะเนี่ย” ยิ้มร่าพร้อมกับโบกมือป้อย ๆ อย่างไม่คิดจะสำนึก “พอดีผมสะดุดยอดหญ้าล้มลงไปบาดเจ็บนิดหน่อยน่ะ มาสายเลย หวังว่าคุณคงจะยกโทษให้ผมนะ” …พูดอยู่ฝ่ายเดียวโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูด ซ้ำยังจะเอ่ยต่ออีก “โอเค เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ผมชื่อลูซิเฟอร์นะครับ อย่างที่รู้กันว่าผมเป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนนี้ ไม่ทราบกว่าคุณชื่ออะไรเหรอครับ?”

                "สวัสดีค่ะ" เธอยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ก่อนพูดตามบทที่เตรียมมา "ชื่อนางสาว รัญชน์ พรธนิต มาจากโรงเรียนมัธยมต้นในเขตบางขุนเทียนค่ะ"

                “อา... เป็นชื่อที่เพราะดีนะครับนั่นน่ะ” ลูซิเฟอร์ยิ้ม “ว่าแต่มันมีความหมายรึเปล่าครับ ถ้ามี แล้วมันแปลว่าอะไรล่ะนั่นน่ะ?” จากนั้นเขาก็ขยับตัว โน้มตัวเข้ามาเท้าคางลงกับโต๊ะ ขณะจ้องมองฝ่ายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้า

                "ชื่อรัญชน์มีความหมายว่าความยินดีค่ะ พ่อแม่ตั้งให้เพราะอยากให้รัญชน์รู้ว่าดีใจแค่ไหนที่มีรัญชน์เป็นลูกคนแรก"

                “งั้นเหรอครับ… ผมชอบจัง” เขายิ้ม “ชอบคุณด้วย” จากนั้นเขาก็หัวเราะ “โอ๊ะ อันนี้ผมพูดจริงนะ ผมชอบคุณจริง ๆ เลยล่ะ… อ่า ว่าแต่ คุณเป็นสายพันธุ์อะไรเหรอครับ?”

                "ทั้งรัญชน์แล้วก็พ่อแม่เป็นลูกครึ่งม้าหนามหนามขอทั้งหมดเลยค่ะ ลักษณะของมันดูเผิน ๆ จะเหมือนม้าน้ำทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วมีปากที่ยาวกว่าแล้วก็หนามบนแผ่นหลังเราจะแหลมกว่าพันธุ์อื่นด้วยนะคะ...อ๊ะ พูดแบบนี้ ผอ.จะกลัวรัญชน์มั้ยคะเนี่ย" เธอพูดก่อนจะหัวเราะแก้เก้อเมื่อรู้ตัวว่าเผลอร่ายยาวถึงคุณสมบัติที่อาจไม่พึงประสงค์เท่าไหร่นัก

                “โอ้ งั้นเหรอครับ อันนั้นผมก็ชอบเหมือนกันแฮะ ยอดเยี่ยมไปเลย” เขาพยักหน้า ก่อนจะยืดหลังตรงอีกครั้ง เอ่ยถามต่อทันที “ที่บรรยากาศเป็นยังไง คุณชอบโรงเรียนนี้รึเปล่าครับ?”

                "ชอบสิคะ ร่มรื่นดี แล้วก็มีนักเรียนจากหลายสายพันธุ์ให้รัญชน์ได้เรียนรู้เยอะแยะเลยนะคะ แถมยังมีคนที่น่ารักน่าทะนุถนอมหลายคนเลยด้วย"

                “อ๋างั้นเหรอ แล้วคุณมีอะไรอยากจะเสนอมั้ยครับ อย่างให้เพิ่มเติม หรือปรับปรุงอะไรเกี่ยวกับโรงเรียนนี้น่ะ ผมรับฟังนักเรียนทุกคนเสมอเลยล่ะ” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมองไปยังรัญชน์ก่อนจะเอ่ยช้า ๆ ชัด ๆ “และผมก็จับตามองนักเรียนทุก ๆ คนเสมอเลยด้วย

                รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง กระนั้นมันก็ค่อนข้างดูประหลาดเหมือนกับผืนน้ำที่สั่นไหวไม่แน่นอนจนมองไม่ออกว่ามีสิ่งใดกันที่อยู่ด้านใน รัญชน์ก็รู้สึกว่าถึงเวลาของเธอแล้ว

                เธอกรีดยิ้มมุมปากก่อนจะพูดในสิ่งที่อยู่ในใจมาได้สักพัก

              "อย่างแรกก็คงเป็นเรื่องของค่าใช้จ่ายหลังจากเข้ามาเป็นนักเรียนที่นี่น่ะค่ะ รัญชน์เห็นภาพแม่ต้องกัดฟันวิ่งโร่หาเงินแล้วทำใจให้มองโรงเรียนนี้ในแง่บวกร้อยเปอร์เซ็นไม่ได้หรอกนะคะ แต่ก็เข้าใจว่าระบบการศึกษาที่นี่ดีจริง ๆ ดีมากจนคนที่จบไปก็มีโปรไฟล์ดีแถมโด่งดังจนมีข้อมูลบให้รัญชน์ได้ศึกษาแทบทุกคน ดังนั้นรัญชน์เลยคิดว่า จะเป็นเรื่องที่ดีมั้ยถ้ารัญชน์อยากช่วยออกความเห็นเกี่ยวกับปัญหาพวกนี้น่ะค่ะ"

                “โอเคครับ… เข้าใจล่ะ” เขาผงกหัว “อืม… งั้นคำถามสุดท้ายแล้วนะ คุณคิดว่าตัวเองเป็นคนแบบไหนเหรอ โอ๊ะ รวมถึงผมด้วยนะ ผมอยากฟังจากปากพวกคุณจัง ว่าพวกคุณมองว่าผมเป็นคนยังไง

                "โอ้โห ถ้าเอาจากที่เพื่อนว่ามาคงต้องบอกว่าเป็นตัวเองสุด ๆ เลยมั้งคะ" เธอว่าพลางใช้หลังมือทั้งสองประสานกันแล้วยืดไปด้านหน้าจนสุดแขนอย่างใช้ความคิด

              "รัญชน์จะไม่ค่อยอินกับเรื่องบางเรื่องของคนอื่นเขาเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่รับฟังเลยหรอกนะ ก็อยากช่วยอยู่แล้วแค่บางอย่างมันไม่ค่อยอินก็อาจจะให้คำปรึกษาผิดไปบ้าง อ้อแล้วก็ รัญชน์คิดว่าตัวเองชอบที่จะเป็นฝ่ายดูแลคนอื่นมาก ๆ เลย เสียดายที่นี่รับแค่มัธยม...ไม่งั้นจะแวะไปดูห้องเรียนเด็กตัวน้อย ๆ ให้หนำใจเลย"

              เธอพูดจนจบแล้วปล่อยให้เกิดช่องว่างเป็นความเงียบ ก่อนนึกขึ้นได้ว่าเธอยังขาดคำตอบของคำถามอีกข้อไป

              "อ้อ ผอ.สินะคะ ถ้าให้รัญชน์วิเคราะห์แล้วล่ะก็...ถือว่ายังใช้ได้อยู่นะคะที่ยอมรับความผิดตัวเองว่ามาสายเนี่ย พ่อแม่เคยเล่าให้ฟังว่าระบบการศึกษาก่อนจะพัฒนาเนี่ยย่ำแย่ถึงขั้นพวกผู้ใหญ่ในโรงเรียนยังไม่มีวุฒิภาวะกันเลย แต่ผอ.เนี่ย...ถึงเหตุผลการมาสายจะฟังไม่ขึ้นไปหน่อย แต่รัญชน์ว่ากล้าขอโทษก็น่านับถือแล้วค่ะ"

                “ขอบคุณครับ… เอาล่ะ ทีนี้ก็หมดธุระแล้ว สามารถกลับบ้านได้เลยนะครับ” ลูซิเฟอร์ฉีกยิ้มอีกรอบ “แล้วก็นะ ถ้าเป็นไปได้ อย่าลืมไปติดตามไอจีของผมด้วยนะ ผมอัพเดททุก ๆ สองชั่วโมงเลยล่ะ—”

                "อ่า เอ้อ น่าสนใจดีค่ะ ขอบคุณนะคะ" เธอว่าพลางควักโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากกระเป๋ากระโปรงนักเรียนจากโรงเรียนเก่า ปากก็พึมพำเบา ๆ "คงไม่ใช่จะโพสต์แม้กระทั่งเรื่องที่สะดุดยอดหญ้าจนมาสัมภาษณ์นักเรียนสายหรอกนะ...ช่างเถอะ"

              เจอคนแปลก ๆ ที่รับมือไม่ถูกแบบนี้มัน...อ่า...คืนนี้แช่น้ำสักหน่อยดีกว่า











    TALK TO JACINDA

     

    สวัสดีคุณผู้ปกครองค่ะ! ทางนี้ชื่อเจนนะคะ ทางนั้นชื่ออะไรเอ่ยย

    ชื่อปิ่นค่า



    นึกยังไงถึงมาสมัครเรื่องนี้คะ

    เพิ่งสอบ 9 สามัญเสร็จเลยว่างยาว ๆ ค่ะแฮ่ อยากทำแบบนี้มานานแล้วแต่ที่ผ่านมาไม่ว่างสักที พอตอนนี้มาเจอเรื่องนี้เลย ว้าว! ตรงใจเลย



    มีเหตุผลอะไรถึงเลือกบทนี้รึเปล่าคะะ

    จริง ๆ ก็ลังเลอยู่หลายบทเหมือนกันค่ะ แต่มาลงเอยที่พี่รัญชน์เพราะรู้สึกว่าน่าสนใจเพราะเราอยากทำให้เขามีความผัดสัวโดยไม่จำเป็นต้องแต่งบอยหรือมีบุคลิกคล้ายผู้ชายมากน่ะค่ะ ว่าง่าย ๆ คืออยากใช้แนวคิดว่าความเป็นผู้หญิงก็สามารถเป็นที่น่าดึงดูดในแง่ของการทำให้ละลายใจหรือทำให้อีกฝ่ายเขินจนทำตัวไม่ถูกบ้างน่ะค่ะ



    เรื่องนี้ไม่ได้ดาร์คอะไรมาก แต่ก็มีดราม่า และพวกปมอะไร ๆ เข้ามาบ้างนิดหน่อย อาจจะมีการบาดเจ็บบ้างอะไรบ้าง พอจะรับได้ไหมคะ?

    รับได้แน่นอนค่า เคารพการตัดสินใจของคุณเจนทุกอย่างเลย

     

    เรื่องนี้จะเป็นแนว LGBT+ ซะ 90% เลยนะคะ พอจะรับได้มั้ยเอ่ย

    พี่รัญชน์ผู้มาพร้อมกับครอบครัวที่มีบทบาททางเพศแตกต่างจากหลายครอบครัวในปัจจุบันบอกว่าพร้อมทุกอย่างเลยค่า



    ถ้าหากว่าไม่ผ่านบทที่ต้องการ จะรับกลับหรือยัดบทดีคะ

    แฮะ ๆ คาดคะเนจากตัวละครอื่น ๆ ที่เยอะพอสมควรแล้วเกรงใจคุณเจนจังเลยค่ะ กลัวคุณเจนจะเหนื่อย รับกลับเลยดีกว่าค่า



    อยากให้เลือกระหว่าง พระอาทิตย์ กับ พระจันทร์ พร้อมกับเหตุผลเล็ก ๆ น้อย ๆ มาหน่อยค่ะ เอาให้เข้ากับคาร์ของลูก ๆ เลยก็ได้ค่ะ เค้าอาจจะมีเซอร์ไพรส์นิด ๆ  หน่อย ๆ 555555

    : คิดว่าน่าจะเป็นพระอาทิตย์นะคะที่เหมาะกับพี่รัญชน์ ด้วยความมีจุดยืนของตัวเองสูงน่าจะเปรียบได้กับดวงอาทิตย์ที่มีแสงในตัวเองไม่ต้องพึ่งพาใครค่ะ



    อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับตัวละคร หรือเนื้อเรื่องรึเปล่าคะ ลอง ๆ เสนอมาได้น้า

    ด้วยความที่พี่รัญชน์แพ้เด็กเรียบร้อยเลยครีเอทให้พี่รัญชน์เขาชอบ [9] น่ะค่ะ คงอยากให้พี่เขาชอบมาหยอก ๆ น้องไรงี้ เอ๊ะหรือว่าจะเป็นคนอื่นที่มีบุคลิกนุ่มนิ่มน่าทะนุถนอมหรือเรียบร้อยตามสเปคพี่เขาก็ได้นะคะ แต่สุดท้ายจะให้พี่เขาสมหวังหรือไม่ก็ได้นะคะ คิดว่ายังไงพี่เขาก็เข้าใจและมูฟออนต่อได้ง่ายอยู่แล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ



    เราอาจจะอัพช้ามากด้วยความที่เคลียร์งานด้วย แล้วก็เคลียร์เรื่องหลักในไอดีอื่นด้วย คงไม่ว่ากันนะคะ ;w;

    ไม่ว่าแน่นอนค่ะ แค่คุณเจนรับพี่รัญชน์ไปพิจารณาคอมเมนต์ก็ดีมากแล้ว



    หมดคำถามแล้ว ยังไงก็ขอให้ทุก ๆ คนโชคดีมีชัยค่า /////7/////

    ขอบคุณค่ะ เย่~~






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×