คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2
บทที่�2
ภายในห้องสีเหลี่ยมสีขาวสะอาดตาที่ถูกตกแต่งด้วยเฟอนิเจอร์ไม้ราคาแพงและแจกันใบใหญ่ทรงสูงที่มีดอกไม้สีขาวประดับอยู่รอบๆห้อง ถูกตบแต่งด้วยรูปภาพกีต้าร์มากมาย
�“นายนี่มีดนตรีในหัวใจกับเขาด้วยเหรอเนี่ย”
ซินเซียร์บ่นพรึมพรำกับตัวเองหลังจากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ เมื่อเขาตื่นเช้ามาพี่ชายได้เล่าให้เขาฟังว่าเขาได้ทำอะไรลงไปกับเพื่อนพี่บ้าง ซินเซียร์แทบอยากจะเอาหน้าซุกแผ่นดินหนีเพราะดูเหมือนเพื่อนพี่ชายของเขาในเมื่อวานนี้ คือคนเดียวกับผู้ชายที่เอาจูบแรกของเขาไป แต่ในวันนี้ที่ซินเซียร์มาสมัครงานเพราะเขาต้องการที่จะมาเผชิญหน้ากับนัทหรือนายโชติวุฒิที่เขาเรียกกัน ผมไม่ผิดหนิผมทำไปเพราะความเมา ไม่ใช่สัญชาติญาณดิบในตัวของผมเสียหน่อย ชายหนุ่มคิดในใจ ยังไม่ทันที่ความคิดชายหนุ่มจะเตลิดออกไปไกลกว่านี้ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมผู้ชายในชุดสูทสีดำ และแว่นตากันแดดที่เขาชอบใส่เป็นประจำ
“ใส่ทำไมวะ บ้ารึเปล่ายังกับคนขายลอตเตอร์รี่”
ชายหนุ่มคิดในใจได้แค่นั้นเพราะยังไงคนนี้ก็คือเจ้านายของเขาแม้จะเกลียดขี้หน้าแค่ไหนก็เหอะ ท่องเอาไว้นะซินเซียร์เพื่อเงิน และตามมาพร้อมด้วยหญิงสาวรูปร่างอ้วนที่วันนี้มาด้วยเดรสสีเขียวมรกต พี่แม่วนั้นเอง
"สวัสดีครับพี่แม่ว"
ผมยกมือไหว้หญิงสาวโดยเมินชายหนุ่มที่ตอนนี้อยู่ข้างหน้าผมเสียแล้ว
“แม่วออกไปก่อนนะมีอะไรเดี๋ยวผมค่อยเรียก”
“ค่ะ คุณโชติวุฒิ”
ภายในห้องกลับมาเงียบอีกครั้งก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยทำลายความเงียบ
“ผมจะให้คุณมาเป็นเลขาของผมอีกคน นอกจากงานหลักของคุณแล้ว”
“ฮะ อะไรนะคุณจะบ้ารึเปล่าผะ..ผะ..ผมไม่ทำ”
"ตามใจคุณนะครับซินเซียร์ บริษัทโฆษณารายใหญ่ครอบครัวของผมก็ครอบครองเกือบทั้งหมด ถึงคุณจะไปที่ไหนผมก็มีอำนาจพอที่จะทำให้เขาไม่รับคุณเข้าทำงานได้ ถึงไปบริษัทเล็กๆความก้าวหน้าในการงานคุณคงไม่มีอยู่ดี ว่ายังไงครับ ผมสืบประวัติของคุณดูความสามารถของคุณก็มากมายนิ"
“ผมมีความสามารถ..แล้วทำไมคุณถึงให้ผมทำตำแหน่งเลขาบ้าบออะไรนี่ ทำไมละ”
ร่างบางพูดด้วยความโมโห
“ผมก็ไม่ได้บอกให้คุณมาตามติดผมตลอดเวลานี่ หน้าที่หลักของคุณก็ยังเป็นแบบเดิมแค่เพิ่มหน้าที่เลขาเข้าไปก็เท่านั้น ผมไม่ใช้อะไรมากหรอกอย่างมากก็ชงกาแฟ”
ชายหนุ่มพูดพร้อมกับสไลด์ไอโฟนเล่นเกมแองกี้เบิร์ดอย่างสบายใจ
“ฮึ..เงินคุณคงเยอะมากซินะ ที่จ้างพนักงานมาชงกาแฟเนี่ย”
“ก็ใช่ เงินผมมีเยอะจนชาตินี้ผมใช้ไม่หมดเชียวละ ทำไมครับ..คุณกลัวอะไรเหรอซินเซียร์”
ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ร่างบางช่างใจอยู่สักครู่ก่อนจะเอ่ยออกมา
“ผมขอเพิ่มเป็น4เท่า ทำงานกับคุณผมเปลืองตัว”
ฮึชายหนุ่มระบายยิ้มออกมา
“ตามนั้นครับ”
“งั้นเริ่มงานเลยแล้วกันครับ ชักช้าเสียเวลา คุณช่วยไปชงกาแฟให้ผมทีซิ”
“ฮะอะไรนะ”
ร่างบางทำพ่นลมทางจมูกอย่างเหนื่อยใจ
“หูตึงไงคุณ ชงกาแฟครับ เดินตรงไปนะคุณเดี๋ยวก็เจอ ”
ร่างบางเดินปึงปังกระแทกประตูออกไปจากห้องพร้อมเดินไปยังเคาร์เตอร์ชงกาแฟกับอารมณ์ที่เริ่มจะถึงขีดสุด พลางคิดในใจว่าเขานั้นตัดสินใจถูกรึเปล่าที่มาทำงานกับชายหนุ่ม เพราะดูท่าทางเขาคงต้องกินยาแก้ปวดหัววันละหลายเม็ดแน่ๆ ชายหนุ่มคิดในใจก่อนหยิบแก้วกาแฟเซรามิกที่อยู่ตรงหน้านิ้วเรียวเอื้อมไปหยิบโหลกาแฟ ตักลงไปยังถ้วยกาแฟพลันจะเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำตาล แต่สายตานั้นก็เห็นขวดอีกขวดที่มีลักษณะเดียวกับโหลน้ำตาลแต่บนฝามันเขียนว่าเกลือ ร่างบางแสยะยิ้มพลางเอื้อมมือไปหยิบโหลเกลือแทนโหลน้ำตาล
“หึไม่ตายดีแน่ นายโชห่วย ฮ่าๆๆๆ” ��
ร่างบางพูดขึ้นอย่างสะใจ�พร้อมเทโหลเกลือเกือบครึ่งขวดไปยังถ้วยกาแฟ
“มาแล้วครับกาแฟ”
ร่างบางวางถ้วยกาแฟลงพร้อมนั่งลงตรงข้างหน้าชายหนุ่มแล้วเอื้อมมือไปหยิบหนังสือนิตยสารที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอ่าน แต่สมาธิของร่างบางนั้นไม่ได้อยู่กับหนังสือเลย ในใจคิดแต่เมื่อไหร่ชายหนุ่มจะยกถ้วยกาแฟนั้นขึ้นมาดื่มเสียที
“ลีลาวะ”
ร่างบางพูดขึ้นมาด้วยความเหลืออด เมื่อเห็นชายหนุ่มเอาแต่สไลด์ไอโฟนเล่นเกมแองกี้เบิดร์ไม่หยุดเสียที
“คุณว่าอะไรนะ”
“ผมบอกว่าให้คุณดื่มกาแฟเสียที เดี๋ยวมันเย็นหมดจะไม่อร่อยนะ”
ร่างบางพูดพร้อมฉีกยิ้มสดใสให้ชายหนุ่มตรงหน้า
“มีพิรุธนะคุณ”
“อะไรคู๊ณ..กล่าวหาผมนะ ผมหมายถึงรีบดื่มกาแฟ แล้วพาผมไปโต๊ะทำงานเสียทีผมอยากทำงาน”
ชายหนุ่มว่างไอโฟนตรงหน้าลงพร้อมหยิบถ้วยกาแฟตรงหน้าขึ้นมาพร้อมมองร่างบางที่ตอนนี้หน้าเกือบจะชนกับหนังสือนิตยสารอยู่แล้ว ชายหนุ่มก้มไปมองถ้วยกาแฟพลางเลิกคิ้วขึ้นเพราะขอบถ้วยกาแฟเต็มไปด้วยเม็ดสีขาวที่ติดอยู่ตามขอบถ้วยเมื่อใช้ช้อนกาแฟตักน้ำขึ้นมาปรากฎเม็ดสีขาวที่นอนก้นเต็มไปหมด ชายหนุ่มจึงใช้ปลายลิ้นสัมผัสไปยังถ้วยกาแฟที่ร่างบางชงให้ เกือบจะวางถ้วยลงแถบทันที นี่ถ้าเขาไม่เห็นเช็คดูให้ดีก่อนคงเสียท่าให้ร่างบางนี้แน่ ชายหนุ่มดันถ้วยกาแฟที่อยู่ตรงหน้าลงส่งไปยังร่างบาง
“คุณดื่มนี่ซะ”
"ฮะอะไรนะ! ไม่เอา"
ร่างบางรีบสายหัวดุกดิกเหมือนลูกแมวน้อยสะบัดน้ำ พร้อมก้มลงไปอ่านนิตยสารที่อยู่ในมือ
“คุณใส่อะไรลงไปรึเปล่า คุณกินให้ผมดูก่อน” �ชายหนุ่มมองร่างบางหวังที่จะจับพิรุธ
“เอ่อคือ
ดูหนังมากไปรึเปล่าคุณ ”
ร่างหนายกแก้วกาแฟขึ้นจอปากร่างบาง
“ไม่งั้นผมจะป้อนด้วย
ปากของผมนะครับ”
ร่างบางเงยหน้าพร้อมทำตาปริบๆขอคะแนนความสงสารเต็มที่แต่มีเหรอว่า นายโชติวุฒิจะยอม
“ไม่กินใช่ไหมงั้นมาเดี๋ยวผมป้อน”
ร่างบางแถบดีดตัวลุกจากเก้าอี้เมื่อชายหนุ่มเถิบเข้ามาใกล้ ร่างบางรีบแย่งแก้วกระแฟจากชายหนุ่มขึ้นมากระดกรวดเดียวหมดหวังว่าถ้าความเค็มไม่ผ่านปลายลิ้นคงไม่เค็มมากนัก แต่ก็เกือบจะคายออกมาเพราะเขาไม่คิดว่าเกลือที่เขาใส่มันจะเค็มอย่างกับทะเล ชะอำกับหัวหิน รวมกันเสียอีกบวกกับเกลือที่ยังไม่ละลายดีที่นอนอยู่ก้นแก้ว ถ้าเขาเป็นโรคอะไรตายภายในสาม วันเจ็ดวัน ไม่ต้องสงสัยหรอกเขาเป็นโรคไตตายเพราะนายนี่นั่นแหละ
�
“เป็นไงคุณชื่นใจไหม�5555555555” ชายหนุ่มหัวเราะสะใจพร้อมฉีกยิ้มให้ร่างบางอย่างอารมณ์ดีสุดๆ
ร่างบางรีบลุกตัวหมุนเดินจะไปกินน้ำที่อยู่ข้างนอก แต่ไวเท่าความคิดชายหนุ่มจับเอวร่างบางไว้พร้อมดันตัวร่างบางขึ้นบนบ่า
“จะไปไหนครับทานน้ำแล้วยังไม่ได้ทานข้าวเลย “
“ไปกินข้าวดีกว่าผมหิวแล้ว”
ร่างหนาไม่พูดเปล่าพร้อมเดินไปยังประตู ตลอดทางร่างบางเห็นคนมองเแต่เขาแต่เห็นไม่ชัดเพราะตอนนี้ภาพที่เขาเห็นมันกลับหัวหมดแล้ว นี่เจ้านายของเขามันโรคจิตขนานแท้เลย เขาได้แต่คิดในใจ ร่างบางดิ้นมาตลอดทางปากก็ตะโกนด่าทอชายหนุ่มไปเรื่อยๆ ร่างหนาเปิดประตูรถพร้อมกะแทกร่างบางให้นั่งที่เบาะข้างๆคนขับพร้อมกับตัวเองที่มานั่งข้างๆร่างบางพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำที่หลังรถ
“อ่ะคุณกินซะ เดี๋ยวตายซะก่อน”
ร่างบางรับน้ำมาพร้อมยกซดอย่างไม่คิดชีวิต แล้วสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเขาเข้าใจคำว่ากรรมตามสนองก็วันนี้เอง
“คุณจะพาผมไปไหน”
ทันทีที่คิดว่าเอาอากาศเข้าไปเต็มที่แล้วก็หันไปถามชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ
“กินข้าว กินเป็นเพื่อนผมหน่อย”
ระหว่างทางร่างบางทำลายความเงียบด้วยการหยิบซีดีเพลงที่อยู่ในรถมาเปิดพร้อมใส่แผ่นยังเครื่องเล่นดีวีดี�เสียงเพลงดังขึ้น
Take me to your heart take me to your soul
Give me your hand before I'm old
Show me what love is - haven't got a clue
Show me that wonders can be true
�
�ร่างบางเคาะนิ้วพร้อมโยกหัวไปตามจังหวะดนตรี อาจเป็นเพราะเสียงหวานๆของร่างบางหรือเพราะท่าทางที่ดูสบายตาไม่ว่าจะเป็น ผมที่ยาวสลวย ใบหน้าที่หวานมากกว่าชายปกติ ทำให้การขับรถของเขาวันนี้ช่างมีความสุขเสียเกินเหลือเกิน เขาไม่หงุดหงิดที่รถติดไฟแดงทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มองบรรยากาศที่อยู่รอบตัวมากขึ้น ตั้งแต่เด็กจนโตเขาถูกสอนมาด้วยกฎระเบียบที่เคร่งครัด ทุกอย่างต้องทำตามคำสั่งที่พ่อของเขาให้ทำ ไม่เคยนั่งทานข้าวด้วยกันทั้งครอบครัว ไม่เคยวิ่งเล่นเหมือนเด็กคนอื่น เพื่อนที่เขาคบตั้งแต่เด็กจนโตก็นับคนได้ จนทำให้เขาบ้างาน และเหมือนเป็นคนที่ชีวิตนี้มีแต่งานอย่างที่ใครหลายคนคิด จะมีก็แต่เครื่องระบายความเหงาของเขาที่แม่สุดที่รักทิ้งไว้ให้ก่อนตายคือกี้ต้าร์นั้นเอง
“ให้ดนตรีเป็นเพื่อนแก้เหงาของหนูนะลูก เสียงเพลงไม่เคยทำร้ายใคร แล้วสักวันหนูก็จะพบคนที่เป็นเหมือนเสียงเพลงในใจของหนู”
นั่นคือสิ่งที่แม่เขาบอกเขาไว้ก่อนตาย เมื่อนึกถึงสิ่งที่แม่เขาพูด น้ำตาก็คลอขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“คุณ คุณ”
�
ผมสะดุ้งหลุดจากภวังค์ความคิดของผมก่อนหันไปทางร่างบาง
“ไฟเขียวแล้วคุณ”
ร่างบางพูดขมวดคิ้วให้อย่างอารมณ์เสีย ผมรีบออกรถสักพักก็จอดยังหน้าตึกสูงสีขาวที่ติดกับสวนสาธรณะขนาดใหญ่ ชายหนุ่มเดินนำร่างบางไป พร้อมเปิดประตูไปยังตัวตึก เมื่อชายหนุ่มหันมาพร้อมที่จะให้ร่างบางเดินไปก่อน แต่กลับไม่เห็นร่างบางตามมาเสียแล้ว เมื่อหันซ้ายหันขวา�ร่างสูงก็เห็นร่างบางเดินไปยังสวนสาธรณะ ร่างสูงเดินตามไป
“มาทำอะไรตรงนี้คุณ”
“คุณไปกินข้าวเถอะ เดี๋ยวผมนั่งรออยู่ตรงนี้วันนี้อากาศไม่ร้อนมาก ผมไม่ค่อยถูกกับของแพงๆน่ะ”
ร่างบางหันหน้าไปตอบกับชายหนุ่ม
“เรื่องมากนะคุณซินเซียร์ งั้นก็กินมันตรงนี้ละ”
ร่างบางเลิกคิ้วใส่ชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ ก่อนที่จะได้ถามอะไรชายหนุ่มก็เดินหายไปเสียแล้ว ร่างบางจึงหันกับมามองทิวทัศน์ข้างหน้าต่อไปโดยไม่สนใจชายหนุ่มอีก ประมาณ10นาทีผ่านไป ชายหนุ่มก็กลับมาพร้อมกับถ้วยมาม่า�2�ถ้วย พร้อมถุงน้ำอีก�2 ถุง�ชายหนุ่มยื่นถ้วยมาม่าให้ร่างบางก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงข้างๆ
“อะไร”
ร่างบางเอ่ยถามชายหนุ่ม
“เอามาม่าไงคุณ ไม่เคยเห็นหรือไง”
ชายหนุ่มตอบพร้อมกับเริ่มใช้ซ้อมคีบเส้นมาม่าอย่างเอร็จอร่อย ร่างบางมองอย่างแปลกใจก่อนที่จะตักเส้นมาม่าในถ้วยตัวเองเข้าปากบ้าง ก่อนที่จะมีเสียงร่างสูงพูดขึ้นทำรายความเงียบขึ้นมา
“ผมฝันที่จะนั่งกินอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว รู้ไหม”
ชายหนุ่มพูดพร้อมยกยิ้มเศร้ามาทางร่างบาง
“รวยไง ไม่เคยกินมาม่า”
ร่างบางพูดพลางส่งยิ้มกวนให้ชายหนุ่ม
�
“เก็บปากไว้กินมาม่าเถอะครับคนสวย”
ร่างสูงจบพลางกินมาม่าในถ้วยต่ออย่างอารมณ์ดี ทั้งสองคุยกันได้สักพัก ร่างบางจึงเอนหลังไปกับพื้นหญ้าสีเขียวพร้อมกับหลับตาพริ้ม ภาพที่ชายหนุ่มตรงหน้าแทบจะทำให้หัวใจของใครหลายคนหยุดเต้นได้ไม่ยาก ผมยาวสะหยายตัดกับต้นหญ้าสีเขียวอ่อน ใบหน้าที่เชิดขึ้นอย่างได้รูป ขนตาที่ยาวงอน จมูกที่โด่งรั้น ผิวที่ขาวอมชมพูยามต้องกับแสงแดดอ่อนๆ มันเพลินตาอย่างมาก ชายหนุ่มจึงนึกสนุก ไหนๆก็มาพักผ่อนเล้ว ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นไปหยิบกีต้าร์ที่หลังรถแล้วกลับมานั่งข้างร่างบางที่ตอนนี้ได้ลุกขึ้นหยิบไอโฟนของตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปเล่น ชายหนุ่มเริ่มบรรเลงเพลงที่ร่างบางฟังตอนที่เขานั่งอยู่ในรถ เมื่อชายหนุ่มเริ่มดีดกีต้าร์ร่างบางก็หันมา ก่อนที่จะตัดสินใจร้อง เมื่อยินเพลงที่ตัวเองคุ้นหู ร่างบางจึงเริ่มร้องออกมาด้วยเสียงใสๆ
Hiding from The Rain and Snow
Trying to forget but I won't let go
Looking at a crowded street
Listening to my own heart beat
So many people all around the world
Tell me where do I find someone like you girl
Take me to your heart take me to your soul
Give me your hand before I'm old
Show me what love is - haven't got a clue
Show me that wonders can be true
They say nothing lasts forever
We're only here today
Love is now or never
Bring me far away
ทั้งเสียงกีต้าร์และเสียงร้องของร่างบางรวมทั้งลมที่พัดอ่อนๆทำให้ภาพที่อยู่ตรงนั้นน่ามองสำหรับใครหลายคนที่ผ่านไปผ่านมายิ่งนัก ร่างบางเคาะนิ้วไปตามจังหวะกีต้าร์ของชายหนุ่ม ส่วนชายหนุ่มก็ดีดกี้ต้าร์พร้อมหันหน้ายิ้มให้ร่างบางเป็นระยะๆ �ทั้งคู่นั้งร้องเพลงสาระพัดที่ร่างบางเอ่ยขึ้นมา แต่หน้าแปลกเมื่อร่างบางร้องเพลงไหนเขาก็เล่นได้และชอบทุกเพลงที่ร่างบางร้องเสียด้วย �ทั้งคู่นั่งกันเพลินจนลืมเวลารู้ตัวอีกทีพระอาทิตก็เริ่มคล้อยเสียแล้ว ทั้งคู่จึงตัดสินใจกลับไปยังรถ ชายหนุ่มอาสาที่จะไปส่งร่างบางที่บ้านเพราะนี่มันก็เวลาเลิกงานแล้ว�ร่างบางจึงชั่งใจก่อนที่จะบอกทางชายหนุ่ม ยังไม่ทันได้บอกชายหนุ่มกลับไปยังบ้านร่างบางถูก�เมื่อถึงหน้าบ้านชายหนุ่มจึงบอกกับร่างบางเมื่อเห็นสีหน้าฉงนสงสัย
“ผมไม่ใช้พวกโรคจิตที่มานั่งสืบบ้านคุณหรอก แต่อย่าลืมพี่ชายคุณเป็นเพื่อนผม”
ร่างบางพยักหน้ารับ ก่อนที่จะกล่าวขอบคุณชายหนุ่มพร้อมกับเคาะกระจกให้ชายหนุ่มให้เปิดกระจกรถให้หน่อย
“คุณก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ผมคิดนะ ขอบคุณสำหรับม่ามา”
พร้อมเดินเข้าบ้านไป ร่างหนามองตามร่างบางไปจนลับสายตาพลันยิ้มให้กับตัวเอง เป็นยิ้มที่ตัวเขาเองนั้นก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน เป็นยิ้มในรอบหลายปีที่เขาเคยยิ้มมา
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
.
....
......
........
..........
สวัสดีค่ะก่อนอื่นต้องขอบคุณมากเลยน่ะค่ะ สำหรับคอมเมนต์เเละคนที่เข้ามาอ่าน ตอนเเรกที่เขียนเรื่องนี้นึกว่าจะไม่มีคนอ่านซะเเล้ว ดีใจสุดๆเลย ตอนนี้ขอเป็นเบาๆนะค่ะ เพราะตอนเเรกที่ตั้งใจเขียนจะให้เนื่อเรื่องมันเเรงขึ้นเรื่อยจนถึงขั้นดราม่าเเต่ไม่เท่าเเรงเงานะค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะค่ะl ขอบคุณจริงๆ><
เปิดเพลงนี้คลอๆไปนะคะ เพราะไรท์ชอบ อิอิ
http://youtu.be/GKn3GGCbh_0
�
ความคิดเห็น