ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
ในชีวิตคนเราทุกคนต้องมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น ทั้งเรื่องราวที่ทำให้เรามีความสุขหรือความทุกข์ แน่นอนว่าช่วงที่เรามีความสุขจะต้องเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับเราอย่างแน่นอน เราเองก็อยากจะจดจำมันไว้ให้นานที่สุด บ้างก็อยากบอกให้ใครรู้ บางคนเลือกที่จะถ่ายเป็นรูปภาพเก็บไว้หวนรำลึกถึง เพราะรูปภาพนั้นบอกเรื่องราวให้เราได้ดีมากแม้ไม่ต้องเขียนอธิบายใดๆกำกับไว้ก็ตาม แต่ก็เป็นเฉพาะกับผู้ประสบพบเจอหรืออยู่ในเหตุการณ์ที่บันทึกเป็นรูปภาพเท่านั้นที่จะรู้ความหมายที่ถูกต้องที่สุด ดังนั้นบางคนจึงอยากเล่าให้คนนั้นคนนี้ ให้ลูกให้หลานได้รับรู้เหตุการณ์เหล่านั้นซึ่งบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องเป็นความรู้สึกดีๆหรือมีความสุขอย่างเดียวก็ได้ บางครั้งเรื่องที่เราทุกข์ เรื่องที่เราไม่สบายใจก็เขียนเป็นบทความระบายออกมาก็ยังได้ ซึ่งทั้งทุกข์และสุขไม่ว่าจะมีคนมาอ่านหรือไม่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะอย่างน้อยๆเราก็สบายใจที่ได้ระบายมันออกมา
เช่นเดียวกับข้าพเจ้า บันทึกนี้เป็นเรื่องราวเหตุการณ์ที่เล่าจากประสบการณ์จริง ซึ่งบางครั้งมันก็วกวนเข้าใจยากเพราะว่าสิ่งที่เราพบเจอนั้นบางครั้งก็ยากต่อการอธิบาย ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามการที่ข้าพเจ้าได้เขียนบันทึกเส้นทางชีวิตของข้าพเจ้าเอาไว้ไม่ได้ต้องการให้ใครมารับรู้ ไม่ได้อยากให้ใครมารู้จัก เพียงแค่อยากจะจดจำมันไว้ว่านี่คือครั้งหนึ่งในชีวิตของเรา การได้เรียบเรียงเขียนมันออกมาอย่างเป็นระเบียบมันก็เหมือนทำให้เราได้จัดเรียงลำดับความทรงจำของเราไปด้วยในตัว แน่นอนมันมีทั้งดีและไม่ดี บางเรื่องอยากจำบางเรื่องไม่อยากจำ หรือในบางครั้งอยากจำแทบตายก็ดันลืมไปได้ หรืออยากลืมแทบตายแต่ก็ไม่ยอมลืม ทั้งหมดคือความเป็นไปแห่งชีวิต บางคนก็มีชีวิตที่เหมือนละคร บ้างก็ยิ่งกว่าละคร บางคนก็เรียบง่ายไปเสียหมด แต่จะมีสักกี่คนที่เพอร์เฟกต์ขนาดที่ว่าไม่เคยพบกับความทุกข์เลยสักครั้ง มันก็คงเหมือนกับการโกหก จะมีใครสักกี่คนที่ไม่เคยโกหกเลยซักครั้งในชีวิตนี้ ตั้งแต่เกิดจนโตขนาดที่อ่านหนังสือเป็นหรือกระทั่งตายจากโลกนี้ไป แทบไม่มีใครที่ไม่โกหก เช่นกัน นี่คือการจัดลำดับความทุกข์ ที่มีสุขแว๊บมาช่วงหนึ่งก่อนจะเข้าสู่ความทุกข์ วนเวียนอยู่อย่างนี้จริงๆ ซึ่งถ้าข้าพเจ้าไม่ได้มาจัดลำดับความทรงจำคงไม่อาจทราบได้ว่าแท้จริงแล้วมันเป็นเช่นนี้นี่เอง
ข้าพเจ้ามีความทรงจำเล็กสุดช่วงประมาณ สี่ห้าขวบ ถึงจะเลือนรางแต่ก็จำได้ดีในเหตุการณ์สำคัญๆ วัยเด็กนั้นเราไร้เดียงสาที่สุดจึงทุกข์น้อยที่สุด โตขึ้นมาเรื่อยๆก็ทุกข์มากยิ่งขึ้น ข้าพเจ้าได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมายตลอดระยะเวลาสิบกว่าปี สะสมประสบการณ์มาเรื่อยๆ บางเรื่องที่เราไม่เคยพบเจอกับตนเองก็ไปดูเอาจากคนอื่นๆที่เขาได้พบเจอ ก็เพราะการที่เราอยากรู้นี้เองที่เป็นแรงบันดาลใจให้ข้าพเจ้าเขียนบันทึกเป็นครั้งแรกเพราะคิดว่าถ้าทุกคนมีบันทึกชีวิตประสบการณ์เป็นของตัวเองออกมาให้คนอื่นๆได้อ่านกันทุกคนทั่วทั้งโลก ถ้าเราอยากรู้จักใคร อยากศึกษาประสบการณ์แบบไหนก็คงไม่ใช่เรื่องยาก บางทีอาจไม่ต้องค้นพบด้วยตนเอง แต่แค่อ่านของคนที่เขาค้นพบค้นเจอเราก็อาจเข้าใจได้อย่างง่ายดายก็ได้ แต่ในความเป็นจริงแทบไม่มีให้เห็นที่เห็นก็มีแต่ชีวประวัติของบุคคลสำคัญๆเท่านั้น แล้วคนไม่สำคัญละจะมีโอกาสได้เล่าประสบการณ์ของตนเองหรือไม่ แล้วจะมีใครมาสนใจประสบการณ์ของเขาหรือไม่ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ถ้าเราไม่ลองทำดูก็ไม่มีทางรู้ได้ ลองเขียนดูสักครั้งให้คนเขามาอ่านดู เช่นที่ข้าพเจ้าทำอยู่นี้ก็เหตุผลเดียวกัน ข้าพเจ้าเชื่อแน่นอนว่าเหรียญมีสองด้าน ทุกๆอย่างก็ต้องมีสองด้าน เช่นกัน เมื่อมีคนมาอ่านบันทึกของข้าพเจ้าก็ต้องมีทั้งคนชอบ และไม่ชอบ อยู่ที่ว่าอย่างไหนมากกว่ากันเท่านั้นเอง
ข้าพเจ้าเคยได้ยินคำพูดของท่าน ว.วชิรเมธี พระนักปราชญ์ ท่านกล่าวเอาไว้ด้วยเช่นกัน เกี่ยวกับที่มีคนชอบและไม่ชอบผลงานของท่าน ท่านว่าส่วนใหญ่คนไทยก็เป็นกันเสียอย่างนี้ คือ ดี เด่น ดับ ความหมายคือ เมื่อมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นและมากจนเกินหน้าเกินตา คนส่วนใหญ่ก็จะไม่ชอบ จะเกลียด จะดูถูก กดดันและสกัดดาวรุ่งไปเสีย ซึ่งต่างจากเมืองนอกที่ใช้คำว่า ดี เด่น ดัน คือเวลามีคนทำอะไรดีๆเด่นๆขึ้นมาก็จะส่งเสริมสนับสนุนให้ทำดียิ่งขึ้นต่างประเทศเขาถึงได้เจริญขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นแล้วสำหรับกระแสที่เข้ามาหาท่าน ท่านก็จะเฉยๆกับทั้งคำชมและคำด่าเหล่านั้นและเรียนรู้ไปกับมัน และท่านก็ยึดเป็นหลักเอาเสียว่า “ถูกชมก็เข้าท่า ถูกด่าก็ไม่เลว” ข้าพเจ้าจำได้ขึ้นใจกับประโยคนี้ ดังนั้นแล้วข้าพเจ้าก็พร้อมที่จะเขียนบันทึกนี้ขึ้นมา ไม่ว่าจะมีคนอ่านหรือไม่ก็ตาม และนี่คือความทรงจำทั้งหมดในชีวิตที่ผ่านมาของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าเรียกมันว่า บันทึกเส้นทางแห่งชีวิต
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น