prince of mind
เมื่อเพื่อนรักกลับกลายมาเป็นรักเพื่อน...บทลงเอยจะเป็นเช่นไรคงต้องติดตามตอนต่อไป
ผู้เข้าชมรวม
225
ผู้เข้าชมเดือนนี้
12
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Prince of mind
เจ้าชายของฉัน
ณ โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
“มายด์! ทางนี้จ๊ะ” ยัยขิม สาวตากลม ผมสั้น หน้าเชิด ร้องเรียกฉันซึ่งกำลังเดินเข้าห้องเรียน
“ขิม! มานานหรือยัง? โทษทีนะ วันนี้รถติดน่ะ” ฉันทักทายขิมเพื่อนสนิทของฉันแบบไม่ปกติเท่าไหร่นัก ที่ไม่ปกติคือ วันนี้เกิดเหตุรถชนที่ปากซอยหน้าบ้านฉันนะสิ
“ไม่เป็นไรหรอกย่ะ ฉันไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผลอย่างนั้นซะหน่อย แล้วปริ้นซ์ล่ะไม่ได้มาด้วยกันหรอกเหรอ?” ปริ้นซ์ที่ยัยขิมพูดถึงก็คือเพื่อนร่วมกลุ่มอีกคนหนึ่ง ซึ่งฉันกับเขาจะมาพร้อมกันทุกวันแต่วันนี้ไม่มาพร้อมกันก็เลยผิดสังเกต
“อาจารย์ปริตาเรียกไปคุยงานที่ห้องน่ะ” อาจารย์ปริตาที่ว่าก็คือ อาจารย์ฝ่ายปกครองนั่นเอง ที่เรียกไปพบก็เพราะว่าปริ้นซ์เป็นประธานนักเรียน จึงต้องเข้า - ออกห้องปกครองอยู่บ่อยๆ
“อีกแล้วเหรอ หวังว่าคงจะไม่มีเรื่องอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นหรอกนะ ฉันล่ะเบื่อจริงๆพวกที่ชอบสร้างเรื่องเนี้ย คงจะนึกว่าเท่ห์ตายล่ะ คนพรรค์นั้นฉันไม่มีทางเอามาเป็นแฟนแน่ เสียงชื่อฉันหมด!!!” ยัยขิมเป็นคุณหนูไฮโซสวยเลือกได้ สวย เริด เชิด หยิ่ง ประจำโรงเรียนเลยก็ว่าได้
“อย่าว่าแต่คนพรรค์นั้นเลย ไม่ว่าผู้ชายคนไหนเธอก็ไม่คิดจะแลอยู่แล้วนี่น่า 555+” ใช่แล้วล่ะ ก็ยัยขิมเล่นเริด เชิดขนาดนี่ ใครจะกล้าแหยมกับเธอกันล่ะ
“เรื่องของฉันน่ะ ว่าแต่เธอเถอะเรื่องนั้นไปถึงขั้นไหนแล้วล่ะ?” เปลี่ยนเรื่องไปซะดื้อๆอย่างนั้นแหละ สมกับเป็นเธอชะมัด
“เรื่องไหนล่ะ? เรื่องรายงาน ที่บ้าน หรือว่า...”
”ไม่ต้องมาเฉไฉเลย ก็เรื่องที่เธอแอบชอบปริ้นซ์น่ะ เธอบอกความในใจกับเขาไปหรือยัง?” ยัยขิมรอคำตอบจากฉันอย่างใจจดใจจ่อ โธ่เอ้ย! ฉันอุตส่าห์ทำเป็นลืมไปแล้วเชียว ถ้ากล้าบอกว่าชอบเพื่อนสนิทของตัวเองก็เก่งแล้วล่ะ
“เอ่อ...ฉันไม่อยากเสียเพื่อนดีๆอย่างปริ้นซ์ไปอ่ะ ฮะๆ คิดว่าไม่พูดน่าจะดีกว่า” ฉันยิ้มฝืนๆ ใช่อยู่ที่ฉันแอบชอบ ปริ้นซ์มาตั้งนานแล้ว แต่ถ้าฉันบอกความจริงไปว่าชอบเขา แต่ถ้าเขาเกิดไม่ชอบฉันล่ะ ความเป็นเพื่อนที่สะสมมานานนับสิบปีคงล่มไม่เป็นท่าแน่ๆ
“นี่! มายด์ ถ้าเธอไม่ลองจะรู้ได้ไงล่ะ กล้าๆหน่อยสิย่ะ”
“ก็ฉันกลัวจะเสียเพื่อนนี่น่า...” มันเสี่ยงเกินไปที่สารภาพออกไปตรงๆแบบนั้น
“ถ้าเธอไม่กล้าฉันจะบอกปริ้นซ์เอง ว่าเธอชอบเขา!”
“อย่านะขิม ฉันขอร้องล่ะ...” ฉันขอร้องขิมด้วยน้ำตาที่หลั่งริน
“แต่ว่า...เออก็ได้! แต่ถ้าต้องการความช่วยเหลือเมื่อไหร่ก็บอกล่ะกัน ฉันไม่อยากให้เธอเสียใจอยู่แบบนี้หรอกนะ”
“ขอบใจนะขิม ฉันรักเธอที่สุดเลย” ไม่ใช่รักธรรมดานะ แต่รักมากๆเลยล่ะ
“มายด์ ขิม! อรุณสวัสดิ์” ปริ้นซ์ ชายหนุ่มผู้มีดีกรีเป็นถึงประธานนักเรียนกล่าวทักทายอย่างคุ้นเคย
“มายด์! เธอร้องไห้ ใครรังแกเธอบอกฉันมา!” ยังไม่ทนขาดคำเลย ปริ้นซ์ทำสีหน้าจริงจังแล้วถามฉันอย่างเคร่งขรึมตามฉบับของเขา ฉันน่าจะเช็ดน้ำตาให้เร็วกว่านี้นะ ให้ตายสิ
“เปล่าหรอก คือ...นิยายที่ฉันซื้อมาอ่านมันซึ้งมากเกินไปหน่อยน้ำตาก็เลยซึม ว่าแต่นายเถอะอาจารย์เรียกไปมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” รีบเปลี่ยนดีกว่าเริ่มสังหอนใจไม่ดีแล้ว
“ถ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ พอดีมีนักเรียนใหม่ย้ายเข้ามาน่ะ ก็เลยฝากฝังให้ฉันช่วยดูแล เห็นว่าอยู่ห้องเดียวกับเราด้วยนะ” เขาตอบคำตอบของฉันแต่ก็ไม่วายจ้องจับผิดฉันอยู่ดี ทำตัวให้ปกติไว้นะมายด์!!
“แล้วชื่ออะไร ย้ายมาจากไหนล่ะ?” ยัยขิมสักประวัตินักเรียนใหม่เพื่อเบี่ยงเบียนความสนใจของปริ้นซ์เพื่อช่วยฉันนั่นเอง ขอบใจมากนะเพื่อน
“รู้สึกว่าจะชื่อเฟิร์สนะ ฉันได้คุยกับเขาบ้างแล้ว ก็นิสัยดีนะ เขาย้ายมาจากกรุงเทพฯ แล้วเขาก็เพิ่งจะย้ายมาอยู่หมู่บ้านเดียวกับขิมด้วยล่ะ” จะว่าโชคดีหรือโชคร้ายดีเนี้ยที่ได้อยู่หมู่บ้านเดียวกับคุณหนูไฮโซ!!
“งั้นเหรอ... แต่ก็ช่างเถอะ ฉันว่าพวกเราเตรียมตัวขึ้นเรียนกันดีกว่าออดเข้าแถวดังนานแล้ว นะคะคุณเพื่อนขา!!” สิ้นเสียงของขิมพวกเราก็รีบไปเข้าแถวทันที
ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการกันเลยนะคะ ฉันชื่อมายด์ เป็นนักเรียนชั้นม.6 ของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่สองคน คือ ขิมและปริ้นซ์ พวกเราเป็นเพื่อนกับฉันมาตั้งแต่เด็กๆเพราะเรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาล แต่คนหลังเนี้ยรู้จักมาก่อนขิมซะอีกเพราะพ่อแม่ของฉันกับปริ้นซ์เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันแล้ว จึงไปมาหาสู่กันบ่อยๆ เราสองคนก็เลยสนิทกันไปโดยปริยาย ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคอยปกป้องฉันเสมอทุกครั้งที่ฉันถูกรังแก ถึงแม้จะเป็นเพราะคำสั่งของคุณพ่อของเขาก็ตาม แต่เขาก็เป็นเจ้าชายของฉันเสมอ ไม่แค่ชื่อของเขาที่แปลว่า ’เจ้าชาย’ เท่านั้น และพอเริ่มเข้าม.ปลายฉันก็มีความรู้สึกว่า ความรู้สึกที่ฉันมีต่อปริ้นซ์ไม่เหมือนเพื่อนอย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว ยิ่งนานวันความรู้สึกนั้นก็เพิ่มเป็นทวีคูณ เพราะเวลาที่ฉันเห็นเขามีสาวๆมาห้อมล้อมบ่อยๆเข้า ฉันก็รู้สึกหึงไม่อยากจะให้เขารับรักใครและอยู่กับฉันตลอดไป แต่ในความเป็นจริงแล้วฉันก็รู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ สักวันหนึ่งเขาก็ต้องมีครอบครัวอยู่ดี ฉันก็เลยทำได้แค่ทำใจยอมรับเท่านั้น และไม่คิดบอกความจริงกับเขาแน่ๆไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป...ตลอดไป...ตลอดไป...ตลอด..ปะ…
“มายด์!!!”
“ฮะๆ มีอะไรหรอ นั่งใกล้กันก็แค่นี้จะตะโกนทำไมกัน” ฉันกำลังระลึกความอยู่นะ ขัดจังหวะอีกล่ะ
“ฉันเรียกเธอตั้งนานแล้วนะ แต่เธอไม่หันเองตั้งหาก มัวแต่คิดถึงเรื่องปริ้นซ์อยู่หรือล่ะสิ”
“อย่าทำมาเป็นรู้ดีหน่อยเลยนะ ถ้าเธอมีบ้างล่ะก็ฉันล้อเธอกลับอย่างสาสมเลย เชอะ!” คอยดูนะยัยขิมฉันไม่ยอมให้เธอล้อฉันอยู่ฝ่ายเดียวแน่ๆ
“เรื่องของฉันยังอีกนานย่ะ ฝันไปเถอะ....555+”
โป๊ะๆๆๆ!!!
“นักเรียนทุกคน โปรดอยู่ในความสงบ วันนี้ครูมีเพื่อนใหม่มาแนะนำให้พวกเธอรู้จัก นายจักรพรรดิเข้ามาแนะนำตัวให้เพื่อนๆรู้จักหน่อยสิจ๊ะ” หลังจากสิ้นเสียงของอาจารย์ปริตาแล้วนักเรียนใหม่ก็เดินเข้ามา แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ สาวๆในห้องที่ส่งเสียงกรี๊ดให้นักเรียนใหม่ดังลั่น ก็เขาเท่ห์ออกขนาดนี่ แต่ก็ยังน้อยกว่าปริ้นซ์อยู่ดีในความคิดของฉัน
“กรี๊ด!!!!”
“เท่ห์จังเลยอ่ะเธอ...ว่าไหม?” และอีกมากมายสำหรับเสียงเยินยอนายเฟิร์สนักเรียนใหม่
“สวัสดีครับเพื่อนๆทุกคน ผมชื่อจักรพรรดิครับ เรียกสั้นๆว่า ‘เฟิร์ส’ ก็ได้ครับ ยังไงๆก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” นายนั่นทำท่าขัดๆเขินๆคงจะยังไม่คุ้นกับบรรยากาศอย่างนี้เป็นแน่
“หล่อได้แค่นี้เองหรอ! ยัยพวกนั้นก็ทำเป็นกรี๊ดไปได้ สู้ปริ้นซ์ของมายด์ไม่ได้สักนิดจริงไหมมายด์?” โยงเข้าหาฉันอีกแล้วนะยัยขิมตัวแสบ
“เฟิร์สเขาก็ดูน่ารักดีนิ แล้วเธอน่ะอย่าเที่ยวไปเรียกปริ้นซ์ว่า ‘ปริ้นซ์ของมายด์’ ให้ใครได้ยินอีกเป็นอันขาดเชียวนะ ฉันไม่อยากให้มันเป็นเรื่อง”
“ถ้าได้ยินก็ดีสิ ฉันอยากให้รู้จะแย่แล้วย่ะ” ทำไมดื้อแบบนี้นะยัยบ้า
“ฉันว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วนะ!”
“เธอจะกลัวอะไรกัน ฉันว่าปริ้นซ์ก็ดูเป็นห่วงเป็นใยเธอจะตายไป บางทีเขาอาจจะคิดแบบเธอก็ได้นะ ว่าไหม?” ทะเล้นไม่รู้กาลเทศะเลยนะคุณหนูไฮโซ!!
“เขาก็แค่ทำตามคำสั่งของคุณพ่อเขาเท่านั้นแหละ เขาจะมาสนใจผู้หญิงธรรมดาๆอย่างฉันให้เสียเวลาทำไมกันล่ะ” ฉันก็แค่ผู้หญิงหน้าตาบ้านๆคนหนึ่งเท่านั้น
“ถ้าหน้าตาของเธอ เธอยังว่าธรรมดาแล้วผู้หญิงคนอื่นๆในโรงเรียนไม่โคตรของโคตรธรรมดาเลยหรือไงย่ะ!!” ใครจะเว่อเท่าเธอได้อีกมีไหมเนี้ย!
“อย่ามาเว่อโวหารได้ปะ...โอ๊ย!!”
‘มายด์ครับ เที่ยงนี้ไปกินข้าวด้วยกันนะครับ’
, นิค...
“ยังไม่ทันจะขาดคำเลยนะย่ะ” ยัยขิมเบะหน้าใส่ฉันหลังจากที่ฉันอ่านโน้ตในกระดาษที่ส่งมาเสร็จ
“ช่างเถอะน่า...” เถียงไม่ออกเลยเรา -__-
“นักเรียนที่น่ารักทุกคนคะ เงียบเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นครูจะหักคะแนนความประพฤติคนละ 10 คะแนน!!” หลังจากเสียงประกาศิตของอาจารย์ปริตาจบลง เสียงเจื้อยแจ้วทั้งหลายก็เงียบลงทันทีมามุกนี้ทีไรได้ผลทุกที
“เอาล่ะ! นายจักรพรรดิเธอไปนั่งที่ของเธอได้ที่นั่งของเธออยู่ข้างๆเกริกก้องนะ” นายเฟิร์สทำตามคำสั่งของอาจารย์แล้วหน้าจ๋อยเดินมานั่งทีทันทีเลย
“นั่งสิ! เจอกันอีกแล้วนะ งั้นเราจะแนะนำเพื่อนเราให้นายรู้จักนะ คนที่ตากลมผมยาวคนนี้ ชื่อ’มายด์’นะ ส่วนคนที่ผมสั้นๆเนี้ยชื่อ ‘ขิม’ ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“ดีจ๊ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ฉันส่งยิ้มทักทายเฟิร์สอย่างเป็นมิตรผิดกับขิมที่รู้สึกไม่ถูกชะตากับเฟิร์สตั้งแต่แรกเห็นล่ะ ซวยแล้วล่ะเฟิร์สเอ่ย
“ไม่เห็นจะอยากรู้จักสักนิด ชิ!” ยัยขิมเชิดใส่อย่างหมั่นไส้
“หน้าตาก็ดีอยู่หรอกนะ แต่...”
“แต่อะไรไม่ทราบ ตอบให้ดีๆนะ ไม่งั้นสวยแน่!”
“แต่ไม่มีมนุษยสัมพันธ์เอาซะเลย จะบอกให้นะฉันน่ะหล่ออยู่แล้ว และฉันก็ไม่อยากสวยแต่ไร้มารยาทอย่างเธอด้วย!”
“นี่! มันจะมากไปแล้วนะนา...”
“พอๆ พอทั้งคู่นั้นแหละ ทะเลาะกันเป็นเด็กๆไปได้ ฉันจะหักคะแนนความประพฤติของเธอสองคนรู้ไว้ด้วยนะ นายจักรพรรดิ นางสาวมินตรา...” ทะเลาะกันจนได้เรื่อง
“มาวันแรกก็ก่อเรื่องซะแล้วนะนายจักรพรรดิ ทำตัวให้ดีๆหน่อยนะ เกริกก้องครูฝากให้เธอช่วยดูแลนายจักรพรรดิให้ครูด้วยแล้วกันนะจ๊ะ” พูดซะหวานเชียวยังกับคนละคน
“ครับอาจารย์” ปริ้นซ์รับคำสั่งทันทีอย่างรู้ใจอาจารย์
“เธอเองก็เหมือนกัน นภัสสราดูแลมินตราให้เพลาๆลงบ้างรู้ไหม?”
“คะอาจารย์ หนูจะดูแลมินตราให้เองคะ”
“ขอบใจจ๊ะ งั้นเรียนกันต่อเถอะจ๊ะ ครูไม่รบกวนเวลาของพวกเธอแล้วล่ะ” เมื่อพูดเสร็จท่านก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง
“มายด์ครับ” นิค หนุ่มนักกีฬาดึงมือฉันไว้ เหมือนรู้ทันว่าฉันกำลังจะหนีเขาอ่ะ
“มีอะไรหรือเปล่านิค?” ไม่ใช่ลืมหรอกนะ แต่ไม่อยากไปต่างหาก ก็เขาเจ้าชู้จะตาย
“ไปกินข้าวด้วยกันนะครับมายด์” อย่ามาทำสายตาอ้อนแบบนั้นนะ ฉันไม่อยากใจอ่อน
“เอ่ออ...” จะทำไงดีเนี้ย ยัยขิมก็เพิ่งขอตัวไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้นี่เอง
“ปล่อยมือมายด์เดี๋ยวนี้! ไม่งั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน” เจ้าชายของฉันขี้ม้าขาวมาช่วยฉันแล้ว^^
“แกไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน ทำไมถือว่าตัวเองเป็นประธานนักเรียนหรือไง ฉันไม่กลัวแกหรอกนะ ฉันจะเชื่อมายด์คนเดียวเท่านั้น ว่าไงครับมายด์?” นิคพูดอย่างไม่เกรงกลัวปริ้นซ์ผู้ซึ่งเป็นประธานนักเรียนสักนิด
“เออ...ขอโทษนะนิค แต่...เราสี่คนมีนัดว่าจะไปกินข้าวด้วยกันเพื่อต้อนรับเฟิร์สน่ะ ขอโทษจริงๆนะนิค” ฉันขอโทษนะ...
“ไม่เป็นไรไว้คราวหน้าก็ได้นะมายด์ เราจะรอนะ” นิคดูหน้าเศร้าไปทันทีไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องปริ้นซ์หรือว่าเรื่องฉันกันแน่
“คราวหน้าหรือคราวไหนก็คงไม่ได้หรอกว่ะ 555+”
“แกมันก็เป็นได้แค่ไอ้หมาหวงก้างเท่านั้นแหละ!” นิคยังหาเรื่องปริ้นซ์อีกจนได้
“ไอ้นิค!!!”
“ปริ้นซ์! ไปกินข้าวกันเถอะนะ พวกเราหิวแล้วใช่ไหมเฟิร์ส?” ฉันส่งซิกให้กับเฟิร์สเขาก็รับมุกทันทีเช่นกัน
“ใช่! ปริ้นซ์เราไปกันเถอะนะ ฉันก็รู้สึกหิวขึ้นมาแล้วสิ”
“ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้หมาหวงก้าง!!!”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอมายด์?” ยัยขิมที่เพิ่งกลับออกมาจากห้องน้ำทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกที่อยู่ๆปริ้นซ์ก็ทำหน้าบึ้งตึงผิดกับเมื่อเช้าลิบลับเลย
“เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟังนะ แต่ตอนนี้พาปริ้นซ์ไปจากที่นี้ก่อน”
“ก็ได้ย่ะ!”
มีเรื่องกันได้แทบทุกวันไม่เบื่อกันบ้างหรือไงนะ สองคนนี้เริ่มทะเลาะกันตั้งแต่ที่นิคตามจีบฉันตั้งแต่ม.4แล้วล่ะ เวลาที่สองคนนี้เจอกันที่ไรจึงเกิดศึกแบบนี้ทุกที เขาทำไปเพราะหึงหรือแค่เป็นเพราะทำตามหน้าที่ที่คุณพ่อเขาสั่งกันแน่?
ณ โรงอาหาร
“ทีนี้จะเล่าให้ฉันฟังได้หรือยัง?” ทวงเลยเชียว
“ขนาดนั้นเลยเหรอเนี้ย? มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆเลย อิอิ” หลังจากที่ฉันเล่าให้ขิมฟัง ยัยนั้นก็คิดไปไกลเลย จะว่าอะไรก็ไม่ได้เดี๋ยวความลับก็แตกกันพอดี
“ว่าไง เลือกได้หรือยังว่าจะกินอะไรกัน คิดซะนานเชียว เดี๋ยวมื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง เลี้ยงขอบคุณที่พวกนายรับฉันเข้ากลุ่มไง ตกลงไหม?”
“จะอวดว่าบ้านรวยงั้นเถอะ!” ศึกนอกไม่ทันหายดี แต่ตอนนี้ศึกในปะทุขึ้นอีกแล้วล่ะ
“คนเขาอุตส่าห์มีน้ำใจ คิดในแง่ดีๆไม่เป็นหรือไง อคติชะมัด!”
“ก็จริงอย่างที่เฟิร์สบอกนั้นแหละ เธอจะอคติทำไมเราอยู่กลุ่มเดียวกันแล้วแท้ๆ”
“กะอีแค่ข้าวมื้อเดียว มันทำให้แกแปรพรรคเลยเหรอยัยเพื่อนเห็นแก่กิน!”
ท่าทางยัยขิมจะงอนจริงๆแหะ
“เปล่าสักหน่อย ฉันไม่อยากให้เขาเสียน้ำใจต่างหากล่ะ ใช่ไหมปริ้นซ์?” ฉันหันไปถามประธานนักเรียนหนุ่มที่ยืนนิ่งไร้บทมานาน
“มายด์ว่าไง เราก็ว่าตามนั้นแหละ” ปริ้นซ์ยิ้มแบบแหยๆให้ฉันสบายใจ แต่ฉันก็รู้อยู่ดีว่าอาการเขายังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไรนัก
“งั้นตกลงตามนี้นะ ไปกินข้าวกันเถอะ ฉันหิวจนกินช้างได้ทั้งตัวแล้วนะ พวกเธอไม่คิดจะสงสารผู้หญิงตาดำดำอย่างฉันบ้างเลยเหรอ.....^^”
“โฮ!!!!” ทั้งสามคนรวมใจกันประสานเสียงโฮให้ฉันเลยทีเดียว กลุ่มของฉันจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติสักที รู้สึกโล่งใจยังไงไม่รู้^^
ผลงานอื่นๆ ของ อรนัทชา ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ อรนัทชา
ความคิดเห็น