ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    prince of mind

    ลำดับตอนที่ #1 : เริ่มจากความเป็นเพื่อน

    • อัปเดตล่าสุด 4 ส.ค. 56


    Prince of mind

    เจ้าชายของฉัน

       ณ โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง

               “มายด์! ทางนี้จ๊ะ ยัยขิม สาวตากลม ผมสั้น หน้าเชิด ร้องเรียกฉันซึ่งกำลังเดินเข้าห้องเรียน

               ขิม! มานานหรือยัง? โทษทีนะ วันนี้รถติดน่ะฉันทักทายขิมเพื่อนสนิทของฉันแบบไม่ปกติเท่าไหร่นัก ที่ไม่ปกติคือ วันนี้เกิดเหตุรถชนที่ปากซอยหน้าบ้านฉันนะสิ

                ไม่เป็นไรหรอกย่ะ ฉันไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผลอย่างนั้นซะหน่อย แล้วปริ้นซ์ล่ะไม่ได้มาด้วยกันหรอกเหรอ? ปริ้นซ์ที่ยัยขิมพูดถึงก็คือเพื่อนร่วมกลุ่มอีกคนหนึ่ง ซึ่งฉันกับเขาจะมาพร้อมกันทุกวันแต่วันนี้ไม่มาพร้อมกันก็เลยผิดสังเกต

                 “อาจารย์ปริตาเรียกไปคุยงานที่ห้องน่ะอาจารย์ปริตาที่ว่าก็คือ อาจารย์ฝ่ายปกครองนั่นเอง ที่เรียกไปพบก็เพราะว่าปริ้นซ์เป็นประธานนักเรียน จึงต้องเข้า - ออกห้องปกครองอยู่บ่อยๆ

                 อีกแล้วเหรอ หวังว่าคงจะไม่มีเรื่องอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นหรอกนะ ฉันล่ะเบื่อจริงๆพวกที่ชอบสร้างเรื่องเนี้ย คงจะนึกว่าเท่ห์ตายล่ะ คนพรรค์นั้นฉันไม่มีทางเอามาเป็นแฟนแน่ เสียงชื่อฉันหมด!!!” ยัยขิมเป็นคุณหนูไฮโซสวยเลือกได้ สวย เริด เชิด หยิ่ง ประจำโรงเรียนเลยก็ว่าได้

                  อย่าว่าแต่คนพรรค์นั้นเลย ไม่ว่าผู้ชายคนไหนเธอก็ไม่คิดจะแลอยู่แล้วนี่น่า 555+ ใช่แล้วล่ะ ก็ยัยขิมเล่นเริด เชิดขนาดนี่ ใครจะกล้าแหยมกับเธอกันล่ะ

                   เรื่องของฉันน่ะ ว่าแต่เธอเถอะเรื่องนั้นไปถึงขั้นไหนแล้วล่ะ?เปลี่ยนเรื่องไปซะดื้อๆอย่างนั้นแหละ สมกับเป็นเธอชะมัด

                  เรื่องไหนล่ะ? เรื่องรายงาน ที่บ้าน หรือว่า...

                  ”ไม่ต้องมาเฉไฉเลย ก็เรื่องที่เธอแอบชอบปริ้นซ์น่ะ เธอบอกความในใจกับเขาไปหรือยัง?” ยัยขิมรอคำตอบจากฉันอย่างใจจดใจจ่อ โธ่เอ้ย! ฉันอุตส่าห์ทำเป็นลืมไปแล้วเชียว ถ้ากล้าบอกว่าชอบเพื่อนสนิทของตัวเองก็เก่งแล้วล่ะ

                   เอ่อ...ฉันไม่อยากเสียเพื่อนดีๆอย่างปริ้นซ์ไปอ่ะ ฮะๆ คิดว่าไม่พูดน่าจะดีกว่า ฉันยิ้มฝืนๆ ใช่อยู่ที่ฉันแอบชอบ ปริ้นซ์มาตั้งนานแล้ว แต่ถ้าฉันบอกความจริงไปว่าชอบเขา แต่ถ้าเขาเกิดไม่ชอบฉันล่ะ ความเป็นเพื่อนที่สะสมมานานนับสิบปีคงล่มไม่เป็นท่าแน่ๆ

                   “นี่! มายด์ ถ้าเธอไม่ลองจะรู้ได้ไงล่ะ กล้าๆหน่อยสิย่ะ

                   “ก็ฉันกลัวจะเสียเพื่อนนี่น่า...มันเสี่ยงเกินไปที่สารภาพออกไปตรงๆแบบนั้น

                    ถ้าเธอไม่กล้าฉันจะบอกปริ้นซ์เอง ว่าเธอชอบเขา!”

                    อย่านะขิม ฉันขอร้องล่ะ...ฉันขอร้องขิมด้วยน้ำตาที่หลั่งริน

                    แต่ว่า...เออก็ได้! แต่ถ้าต้องการความช่วยเหลือเมื่อไหร่ก็บอกล่ะกัน ฉันไม่อยากให้เธอเสียใจอยู่แบบนี้หรอกนะ

                   ขอบใจนะขิม ฉันรักเธอที่สุดเลยไม่ใช่รักธรรมดานะ แต่รักมากๆเลยล่ะ

                   มายด์ ขิม! อรุณสวัสดิ์ปริ้นซ์ ชายหนุ่มผู้มีดีกรีเป็นถึงประธานนักเรียนกล่าวทักทายอย่างคุ้นเคย

                   “มายด์! เธอร้องไห้ ใครรังแกเธอบอกฉันมา!” ยังไม่ทนขาดคำเลย ปริ้นซ์ทำสีหน้าจริงจังแล้วถามฉันอย่างเคร่งขรึมตามฉบับของเขา ฉันน่าจะเช็ดน้ำตาให้เร็วกว่านี้นะ ให้ตายสิ

                   “เปล่าหรอก คือ...นิยายที่ฉันซื้อมาอ่านมันซึ้งมากเกินไปหน่อยน้ำตาก็เลยซึม ว่าแต่นายเถอะอาจารย์เรียกไปมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?รีบเปลี่ยนดีกว่าเริ่มสังหอนใจไม่ดีแล้ว

                  ถ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ พอดีมีนักเรียนใหม่ย้ายเข้ามาน่ะ ก็เลยฝากฝังให้ฉันช่วยดูแล เห็นว่าอยู่ห้องเดียวกับเราด้วยนะ เขาตอบคำตอบของฉันแต่ก็ไม่วายจ้องจับผิดฉันอยู่ดี ทำตัวให้ปกติไว้นะมายด์!!

                  “แล้วชื่ออะไร ย้ายมาจากไหนล่ะ?ยัยขิมสักประวัตินักเรียนใหม่เพื่อเบี่ยงเบียนความสนใจของปริ้นซ์เพื่อช่วยฉันนั่นเอง ขอบใจมากนะเพื่อน

                   รู้สึกว่าจะชื่อเฟิร์สนะ ฉันได้คุยกับเขาบ้างแล้ว ก็นิสัยดีนะ เขาย้ายมาจากกรุงเทพฯ แล้วเขาก็เพิ่งจะย้ายมาอยู่หมู่บ้านเดียวกับขิมด้วยล่ะจะว่าโชคดีหรือโชคร้ายดีเนี้ยที่ได้อยู่หมู่บ้านเดียวกับคุณหนูไฮโซ!!

                 “งั้นเหรอ... แต่ก็ช่างเถอะ ฉันว่าพวกเราเตรียมตัวขึ้นเรียนกันดีกว่าออดเข้าแถวดังนานแล้ว นะคะคุณเพื่อนขา!!” สิ้นเสียงของขิมพวกเราก็รีบไปเข้าแถวทันที

                  ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการกันเลยนะคะ ฉันชื่อมายด์ เป็นนักเรียนชั้นม.6 ของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง  ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่สองคน คือ ขิมและปริ้นซ์ พวกเราเป็นเพื่อนกับฉันมาตั้งแต่เด็กๆเพราะเรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาล แต่คนหลังเนี้ยรู้จักมาก่อนขิมซะอีกเพราะพ่อแม่ของฉันกับปริ้นซ์เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันแล้ว จึงไปมาหาสู่กันบ่อยๆ เราสองคนก็เลยสนิทกันไปโดยปริยาย ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคอยปกป้องฉันเสมอทุกครั้งที่ฉันถูกรังแก  ถึงแม้จะเป็นเพราะคำสั่งของคุณพ่อของเขาก็ตาม แต่เขาก็เป็นเจ้าชายของฉันเสมอ ไม่แค่ชื่อของเขาที่แปลว่า เจ้าชาย เท่านั้น และพอเริ่มเข้าม.ปลายฉันก็มีความรู้สึกว่า ความรู้สึกที่ฉันมีต่อปริ้นซ์ไม่เหมือนเพื่อนอย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว ยิ่งนานวันความรู้สึกนั้นก็เพิ่มเป็นทวีคูณ เพราะเวลาที่ฉันเห็นเขามีสาวๆมาห้อมล้อมบ่อยๆเข้า ฉันก็รู้สึกหึงไม่อยากจะให้เขารับรักใครและอยู่กับฉันตลอดไป แต่ในความเป็นจริงแล้วฉันก็รู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ สักวันหนึ่งเขาก็ต้องมีครอบครัวอยู่ดี ฉันก็เลยทำได้แค่ทำใจยอมรับเท่านั้น และไม่คิดบอกความจริงกับเขาแน่ๆไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป...ตลอดไป...ตลอดไป...ตลอด..ปะ

                   มายด์!!!”

                 ฮะๆ มีอะไรหรอ นั่งใกล้กันก็แค่นี้จะตะโกนทำไมกันฉันกำลังระลึกความอยู่นะ ขัดจังหวะอีกล่ะ

                  ฉันเรียกเธอตั้งนานแล้วนะ แต่เธอไม่หันเองตั้งหาก มัวแต่คิดถึงเรื่องปริ้นซ์อยู่หรือล่ะสิ

                 “อย่าทำมาเป็นรู้ดีหน่อยเลยนะ ถ้าเธอมีบ้างล่ะก็ฉันล้อเธอกลับอย่างสาสมเลย เชอะ!”  คอยดูนะยัยขิมฉันไม่ยอมให้เธอล้อฉันอยู่ฝ่ายเดียวแน่ๆ

                  เรื่องของฉันยังอีกนานย่ะ ฝันไปเถอะ....555+

             โป๊ะๆๆๆ!!!

                   นักเรียนทุกคน โปรดอยู่ในความสงบ วันนี้ครูมีเพื่อนใหม่มาแนะนำให้พวกเธอรู้จัก นายจักรพรรดิเข้ามาแนะนำตัวให้เพื่อนๆรู้จักหน่อยสิจ๊ะหลังจากสิ้นเสียงของอาจารย์ปริตาแล้วนักเรียนใหม่ก็เดินเข้ามา แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ สาวๆในห้องที่ส่งเสียงกรี๊ดให้นักเรียนใหม่ดังลั่น ก็เขาเท่ห์ออกขนาดนี่ แต่ก็ยังน้อยกว่าปริ้นซ์อยู่ดีในความคิดของฉัน

                 “กรี๊ด!!!!”

                 “เท่ห์จังเลยอ่ะเธอ...ว่าไหม?และอีกมากมายสำหรับเสียงเยินยอนายเฟิร์สนักเรียนใหม่

                  สวัสดีครับเพื่อนๆทุกคน ผมชื่อจักรพรรดิครับ เรียกสั้นๆว่า เฟิร์ส ก็ได้ครับ ยังไงๆก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับนายนั่นทำท่าขัดๆเขินๆคงจะยังไม่คุ้นกับบรรยากาศอย่างนี้เป็นแน่

                  หล่อได้แค่นี้เองหรอ! ยัยพวกนั้นก็ทำเป็นกรี๊ดไปได้ สู้ปริ้นซ์ของมายด์ไม่ได้สักนิดจริงไหมมายด์?โยงเข้าหาฉันอีกแล้วนะยัยขิมตัวแสบ

                   “เฟิร์สเขาก็ดูน่ารักดีนิ แล้วเธอน่ะอย่าเที่ยวไปเรียกปริ้นซ์ว่า ปริ้นซ์ของมายด์ให้ใครได้ยินอีกเป็นอันขาดเชียวนะ ฉันไม่อยากให้มันเป็นเรื่อง

                   “ถ้าได้ยินก็ดีสิ ฉันอยากให้รู้จะแย่แล้วย่ะทำไมดื้อแบบนี้นะยัยบ้า

                   ฉันว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วนะ!”

                   “เธอจะกลัวอะไรกัน ฉันว่าปริ้นซ์ก็ดูเป็นห่วงเป็นใยเธอจะตายไป บางทีเขาอาจจะคิดแบบเธอก็ได้นะ ว่าไหม?ทะเล้นไม่รู้กาลเทศะเลยนะคุณหนูไฮโซ!!

                    “เขาก็แค่ทำตามคำสั่งของคุณพ่อเขาเท่านั้นแหละ เขาจะมาสนใจผู้หญิงธรรมดาๆอย่างฉันให้เสียเวลาทำไมกันล่ะฉันก็แค่ผู้หญิงหน้าตาบ้านๆคนหนึ่งเท่านั้น

                      ถ้าหน้าตาของเธอ เธอยังว่าธรรมดาแล้วผู้หญิงคนอื่นๆในโรงเรียนไม่โคตรของโคตรธรรมดาเลยหรือไงย่ะ!!” ใครจะเว่อเท่าเธอได้อีกมีไหมเนี้ย!

                       “อย่ามาเว่อโวหารได้ปะ...โอ๊ย!!”

                       ‘มายด์ครับ เที่ยงนี้ไปกินข้าวด้วยกันนะครับ

                                                                       , นิค...

                      “ยังไม่ทันจะขาดคำเลยนะย่ะยัยขิมเบะหน้าใส่ฉันหลังจากที่ฉันอ่านโน้ตในกระดาษที่ส่งมาเสร็จ

                      “ช่างเถอะน่า... เถียงไม่ออกเลยเรา -__-

                       “นักเรียนที่น่ารักทุกคนคะ เงียบเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นครูจะหักคะแนนความประพฤติคนละ 10 คะแนน!!” หลังจากเสียงประกาศิตของอาจารย์ปริตาจบลง เสียงเจื้อยแจ้วทั้งหลายก็เงียบลงทันทีมามุกนี้ทีไรได้ผลทุกที

                    เอาล่ะ! นายจักรพรรดิเธอไปนั่งที่ของเธอได้ที่นั่งของเธออยู่ข้างๆเกริกก้องนะ นายเฟิร์สทำตามคำสั่งของอาจารย์แล้วหน้าจ๋อยเดินมานั่งทีทันทีเลย

                     นั่งสิ! เจอกันอีกแล้วนะ งั้นเราจะแนะนำเพื่อนเราให้นายรู้จักนะ คนที่ตากลมผมยาวคนนี้ ชื่อมายด์นะ ส่วนคนที่ผมสั้นๆเนี้ยชื่อ ขิม’ ”

                      ยินดีที่ได้รู้จักนะ

                      ดีจ๊ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันส่งยิ้มทักทายเฟิร์สอย่างเป็นมิตรผิดกับขิมที่รู้สึกไม่ถูกชะตากับเฟิร์สตั้งแต่แรกเห็นล่ะ ซวยแล้วล่ะเฟิร์สเอ่ย

                      “ไม่เห็นจะอยากรู้จักสักนิด ชิ!”  ยัยขิมเชิดใส่อย่างหมั่นไส้

                      หน้าตาก็ดีอยู่หรอกนะ แต่...

                      “แต่อะไรไม่ทราบ ตอบให้ดีๆนะ ไม่งั้นสวยแน่!”

                      “แต่ไม่มีมนุษยสัมพันธ์เอาซะเลย จะบอกให้นะฉันน่ะหล่ออยู่แล้ว และฉันก็ไม่อยากสวยแต่ไร้มารยาทอย่างเธอด้วย!”

                       “นี่! มันจะมากไปแล้วนะนา...

                       “พอๆ พอทั้งคู่นั้นแหละ ทะเลาะกันเป็นเด็กๆไปได้ ฉันจะหักคะแนนความประพฤติของเธอสองคนรู้ไว้ด้วยนะ นายจักรพรรดิ นางสาวมินตรา...ทะเลาะกันจนได้เรื่อง

                       มาวันแรกก็ก่อเรื่องซะแล้วนะนายจักรพรรดิ ทำตัวให้ดีๆหน่อยนะ เกริกก้องครูฝากให้เธอช่วยดูแลนายจักรพรรดิให้ครูด้วยแล้วกันนะจ๊ะพูดซะหวานเชียวยังกับคนละคน

                      ครับอาจารย์ปริ้นซ์รับคำสั่งทันทีอย่างรู้ใจอาจารย์

                      “เธอเองก็เหมือนกัน นภัสสราดูแลมินตราให้เพลาๆลงบ้างรู้ไหม?

                      “คะอาจารย์ หนูจะดูแลมินตราให้เองคะ

                      ขอบใจจ๊ะ งั้นเรียนกันต่อเถอะจ๊ะ ครูไม่รบกวนเวลาของพวกเธอแล้วล่ะเมื่อพูดเสร็จท่านก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

                 เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง

                       มายด์ครับ นิค หนุ่มนักกีฬาดึงมือฉันไว้ เหมือนรู้ทันว่าฉันกำลังจะหนีเขาอ่ะ

                       มีอะไรหรือเปล่านิค?ไม่ใช่ลืมหรอกนะ แต่ไม่อยากไปต่างหาก ก็เขาเจ้าชู้จะตาย

                       ไปกินข้าวด้วยกันนะครับมายด์อย่ามาทำสายตาอ้อนแบบนั้นนะ ฉันไม่อยากใจอ่อน

                       เอ่ออ...” จะทำไงดีเนี้ย ยัยขิมก็เพิ่งขอตัวไปเข้าห้องน้ำเมื่อกี้นี่เอง

                       ปล่อยมือมายด์เดี๋ยวนี้! ไม่งั้นจะหาว่าฉันไม่เตือนเจ้าชายของฉันขี้ม้าขาวมาช่วยฉันแล้ว^^

                       “แกไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน ทำไมถือว่าตัวเองเป็นประธานนักเรียนหรือไง ฉันไม่กลัวแกหรอกนะ ฉันจะเชื่อมายด์คนเดียวเท่านั้น ว่าไงครับมายด์?นิคพูดอย่างไม่เกรงกลัวปริ้นซ์ผู้ซึ่งเป็นประธานนักเรียนสักนิด   

                        เออ...ขอโทษนะนิค แต่...เราสี่คนมีนัดว่าจะไปกินข้าวด้วยกันเพื่อต้อนรับเฟิร์สน่ะ ขอโทษจริงๆนะนิค ฉันขอโทษนะ...

                         ไม่เป็นไรไว้คราวหน้าก็ได้นะมายด์ เราจะรอนะนิคดูหน้าเศร้าไปทันทีไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องปริ้นซ์หรือว่าเรื่องฉันกันแน่

                         คราวหน้าหรือคราวไหนก็คงไม่ได้หรอกว่ะ 555+

                         “แกมันก็เป็นได้แค่ไอ้หมาหวงก้างเท่านั้นแหละ!” นิคยังหาเรื่องปริ้นซ์อีกจนได้

                         “ไอ้นิค!!!”

                         “ปริ้นซ์! ไปกินข้าวกันเถอะนะ พวกเราหิวแล้วใช่ไหมเฟิร์ส?ฉันส่งซิกให้กับเฟิร์สเขาก็รับมุกทันทีเช่นกัน

                          ใช่! ปริ้นซ์เราไปกันเถอะนะ ฉันก็รู้สึกหิวขึ้นมาแล้วสิ

                          “ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้หมาหวงก้าง!!!”

                          “เกิดอะไรขึ้นเหรอมายด์? ยัยขิมที่เพิ่งกลับออกมาจากห้องน้ำทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกที่อยู่ๆปริ้นซ์ก็ทำหน้าบึ้งตึงผิดกับเมื่อเช้าลิบลับเลย

                          “เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟังนะ แต่ตอนนี้พาปริ้นซ์ไปจากที่นี้ก่อน

                           “ก็ได้ย่ะ!”

                     มีเรื่องกันได้แทบทุกวันไม่เบื่อกันบ้างหรือไงนะ สองคนนี้เริ่มทะเลาะกันตั้งแต่ที่นิคตามจีบฉันตั้งแต่ม.4แล้วล่ะ เวลาที่สองคนนี้เจอกันที่ไรจึงเกิดศึกแบบนี้ทุกที เขาทำไปเพราะหึงหรือแค่เป็นเพราะทำตามหน้าที่ที่คุณพ่อเขาสั่งกันแน่?        

                  ณ โรงอาหาร

                        ทีนี้จะเล่าให้ฉันฟังได้หรือยัง?ทวงเลยเชียว

                        “ขนาดนั้นเลยเหรอเนี้ย? มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆเลย อิอิหลังจากที่ฉันเล่าให้ขิมฟัง ยัยนั้นก็คิดไปไกลเลย จะว่าอะไรก็ไม่ได้เดี๋ยวความลับก็แตกกันพอดี

                         “ว่าไง เลือกได้หรือยังว่าจะกินอะไรกัน คิดซะนานเชียว เดี๋ยวมื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง เลี้ยงขอบคุณที่พวกนายรับฉันเข้ากลุ่มไง ตกลงไหม?

                           จะอวดว่าบ้านรวยงั้นเถอะ!” ศึกนอกไม่ทันหายดี แต่ตอนนี้ศึกในปะทุขึ้นอีกแล้วล่ะ

                            คนเขาอุตส่าห์มีน้ำใจ คิดในแง่ดีๆไม่เป็นหรือไง อคติชะมัด!”

                            ก็จริงอย่างที่เฟิร์สบอกนั้นแหละ เธอจะอคติทำไมเราอยู่กลุ่มเดียวกันแล้วแท้ๆ

                            “กะอีแค่ข้าวมื้อเดียว มันทำให้แกแปรพรรคเลยเหรอยัยเพื่อนเห็นแก่กิน!”

    ท่าทางยัยขิมจะงอนจริงๆแหะ

                             เปล่าสักหน่อย ฉันไม่อยากให้เขาเสียน้ำใจต่างหากล่ะ ใช่ไหมปริ้นซ์?ฉันหันไปถามประธานนักเรียนหนุ่มที่ยืนนิ่งไร้บทมานาน

                              มายด์ว่าไง เราก็ว่าตามนั้นแหละปริ้นซ์ยิ้มแบบแหยๆให้ฉันสบายใจ แต่ฉันก็รู้อยู่ดีว่าอาการเขายังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไรนัก

                               งั้นตกลงตามนี้นะ ไปกินข้าวกันเถอะ ฉันหิวจนกินช้างได้ทั้งตัวแล้วนะ พวกเธอไม่คิดจะสงสารผู้หญิงตาดำดำอย่างฉันบ้างเลยเหรอ.....^^”

                               “โฮ!!!!” ทั้งสามคนรวมใจกันประสานเสียงโฮให้ฉันเลยทีเดียว กลุ่มของฉันจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติสักที รู้สึกโล่งใจยังไงไม่รู้^^


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×