ตอนที่ 74 : บทที่ ๑๔ : ยังไม่พอ (๑)
บทที่ ๑๔ ยังไม่พอ
เช้าวันต่อมาเนื่องจากมีงานช้างรออยู่ ณดาเลยตื่นมาเตรียมตัวตั้งแต่เช้ามืด เธอซ้อมท่องบทและเช็คสภาพของเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองซ้ำๆ จนเมื่อมั่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วจึงเตรียมออกจากบ้าน โชคดีที่เมื่อวานเธอทำตามคำแนะนำของภีมด้วยการประคบน้ำแข็ง วันนี้มือของเธอจึงไม่มีอาการปวดหรือบวมแต่อย่างใด มีเพียงรอยแผลเล็กๆ บนนิ้วซึ่งเมื่อวานถูกพันอย่างดีด้วยผ้าเช็ดหน้าราคาแพง แต่ในเมื่อผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นกำลังถูกซักตากอยู่บนราวตากผ้าหลังบ้าน วันนี้เธอจึงปิดทับแผลด้วยพลาสเตอร์แทน
ณดาเอนหลังพิงเก้าอี้ในครัว ยกมือขึ้นหมุนไปมาในระดับสายตา
รอยแผลนี้ทำให้เธอนึกถึงใครบางคน ไม่ได้เพราะเจ็บปวดทางกายหรือใจ แต่เพราะหวนหาถึงเหตุการณ์เมื่อวาน
จริงๆ แล้วปิศาจก็ไม่ได้ไร้หัวจิตหัวใจไปเสียทุกเรื่อง เขาก็มีมุมที่อ่อนโยนและอ่อนแอเหมือนปุถุชนทั่วไปเช่นกัน หนึ่งในเรื่องที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องครอบครัวของเขา ‘แม่’ คือทุกสิ่งทุกอย่างของเขา เธออยากจะไปดูให้เห็นกับตาว่า คนสำคัญของเขาเป็นอยู่อย่างไรบ้าง เพราะเหตุนี้เธอจึงสอบถามเรื่องโรงพยาบาลที่ภัสสรรักษาตัวอยู่ หากเธอต้องการทำให้เขากลับมาฉายแสงได้ เธอจำเป็นต้องทำความรู้จักเขาให้ลึกซึ้งกว่านี้...ลึกซึ้งไปถึงความคิดและจิตใจ
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ หญิงสาวก็พร้อมออกเดินทาง ในระหว่างที่กำลังล็อคกุญแจประตูรั้วหน้าบ้านอยู่นั้นเอง สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นเงาดำตะคุ่มๆ ผ่านไปอย่างรวดเร็วทางด้านหลัง เกือบจะขวัญผวาเพราะนึกว่าเป็นผี เพราะฟ้าก็ยังไม่สว่างจ้าเต็มที่ แต่เมื่อเขม้นมองให้ดีอีกทีก็พบว่าที่เพิ่งผ่านไปแวบๆ ไม่ใช่ผี แต่เป็นคนที่มาวิ่งออกกำลังกายเท่านั้น
ใครกันเนี่ย ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย หน้าตาท่าทางยังกับคนจรจัด ไม่สิ...น่ากลัวกว่านั้นอีก ทำให้นึกถึงพวกโจรป่าเสียมากกว่า
ณดาหรี่ตามองหนุ่มผมยาว หนวดเคราครึ้มรุงรังแลดูสกปรกอย่างนึกสงสัย เขาสวมเสื้อกล้ามสีขาวโชว์ท่อนแขนบึกบึน และกางเกงสำหรับออกกำลังกาย เขากำลังวิ่งผ่านเธอไปโดยไม่ได้หยุดมองหรือทัก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะสิ่งที่ทำให้เธอตกใจคือ ชายคนนั้นเดินเข้าไปในบ้านทาวน์โฮมซึ่งอยู่ติดกันกับบ้านของเธอ
อ้าว...ที่แท้ไม่ใช่โจรป่า แต่เป็นเพื่อนบ้านใหม่ของเธอหรือนี่ หรือนี่จะเป็นผู้ชายท่าทางแปลกๆ ที่ป้าทองกวาวเคยเตือนในแชทกลุ่มของหมู่บ้านก่อนหน้านี้ คงเพราะเธอมัวแต่ยุ่งๆ กับการทำงานและรับมือกับท่านประธานแทบไม่เว้นแต่ละวัน จึงไม่ทันสังเกตเลยว่า บ้านหลังติดกันมีคนย้ายเข้ามาอยู่ใหม่แล้ว เพราะปกติก็เห็นปิดบ้านเงียบเชียบจนคิดว่าไม่มีคนอยู่
“สวัสดีค่ะ ฉันอยู่บ้านหลังนี้ คุณเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่หรือคะ”
หญิงสาวร้องทักทายอย่างเป็นมิตร คิดว่าเพื่อนบ้านจะหันมาพูดอะไรตามมารยาทสักสองสามคำบ้าง แต่ก็ไม่ เพราะเขาเพียงหันมามองเธอนิดหนึ่ง ก่อนจะผลุบหายเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว เหมือนไม่ต้องการสุงสิงกับเธอ
เออดี คนอะไรไม่มีอัธยาศัยเลย หยิ่งนักละก็ ต่างคนต่างอยู่เถอะ!
หญิงสาวไหวไหล่อย่างไม่สนใจ ก่อนจะเดินไปยังจุดรอรถกอล์ฟของหมู่บ้านเพื่อโดยสารต่อไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน
สำหรับคนบางคนเรื่องในอดีตคือความทรงจำที่แสนดี แต่สำหรับเขาแล้ว เรื่องในอดีตคือ รอยแผลเป็นที่คอยกัดกินจิตวิญญาณและตัวตนของเขาไปทีละนิด...ทีละนิด เขารังเกียจรอยแผลเป็นเหล่านี้ แต่ขึ้นชื่อว่าแผลเป็นแล้วมันไม่มีวันลบหายไปจากอดีตของเขาได้ ต่อให้ปรารถนาเพียงใดก็ตาม
เสียงฝีเท้าเล็กๆ ซึ่งคอยแต่จะวิ่งไปหลบซ่อนตามจุดต่างๆ ภายในคฤหาสน์ตามด้วยเสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจของนายน้อยนั้น เป็นสิ่งที่บรรดาบริวารและคนรับใช้ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่พวกเขาก็ไม่มีอำนาจหรือเรี่ยวแรงพอจะต่อต้าน ได้แต่ปล่อยให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุกวัน
‘แกอยู่ตรงนี้เองสินะ เมื่อกี้ฉันสั่งให้แกทำอะไร ทำไมแกถึงไม่ทำ!’
นวตา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พี่เหม
โว๊ะๆๆๆ
มาส่งตอนใหม่ รีบมาอ่านกันค่า วันนี้งานหนังสือวันแรก ใครว่างๆ ก็แวะไปรับบอสจากบูทสถาพรได้เลยนะ