คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 : หนีความจริง
“เชิญคุณเกศรินรับยาที่ช่อง 11 ค่ะ”
เสียงจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลปลุกเกศรินที่ยังจมอยู่กับความคิดตัวเองขึ้น ด้วยเรื่องงานรวมกับเรื่องที่คุยกับแม่เมื่อวานนั้น ทำให้ไปกระตุ้นกับความเครียดที่สะสมมานาน และอาการนอนไม่หลับก็เริ่มส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตจนต้องมาหาจิตแพทย์ก่อนเวลานัด เพื่อหาทางออกให้กับอาการที่กำลังเป็นอยู่ หญิงสาวเดินไปรับยาที่ช่องด้วยความเคยชิน ก่อนจะกลับมาหากวินทร์ที่นั่งคอยอยู่เก้าอี้ข้างเธอเมื่อครู่
“เสร็จแล้ว กลับกันเถอะ”
“ทำไมคราวนี้ได้ยามาเยอะเลย หมอว่าไงบ้าง” กวินทร์มองถุงยาที่เธอถือมาด้วยความประหลาดใจ และอดที่จะรู้สึกเป็นห่วงเธอขึ้นมาไม่ได้ ถึงปกติจะเห็นว่าเธอกินยาเยอะอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เหมือนจะมียาตัวใหม่ที่เขาไม่เคยเห็นด้วยเช่นกัน
“ก็เหมือนเดิมแหละ โรควิตกกังวล แล้วช่วงนี้ฉันนอนไม่ค่อยหลับด้วย หมอก็เลยให้ยามาเพิ่ม” หญิงสาวทำท่าปกติด้วยไม่เห็นเป็นเรื่องประหลาด อาจเพราะเธออยู่กับโรคนี้มานานจนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้วก็ได้ แต่ถ้าเมื่อไรที่เธอขาดยาพวกนี้นี่แหละ ทุกคนถึงค่อยมาเป็นห่วงเธอกัน
“มิน่า ช่วงนี้แกถึงได้หลับกลางวันเกือบทุกวัน” ชายหนุ่มพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ ทั้งที่ในใจเขานั้นแทบจะวิตกตามเธอไปด้วยคนแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งพักนี้ที่เธอแอบหลับช่วงกลางวันบ่อยครั้ง จนแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้ว
พูดถึงเรื่องนั้น เกศรินก็รู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกไปเกี่ยวกับตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อเธอพยายามพักผ่อนตอนกลางวันเพื่อชดเชยช่วงกลางคืนที่เธอนอนไม่หลับ แต่กลับไม่รู้สึกสดชื่นขึ้นมาเลย
“แต่ก็แปลกนะ เวลาหลับกลางวันฉันไม่รู้สึกเหมือนตัวเองได้พักผ่อนเลย”
“ทำไมงั้นล่ะ”
“ก็...ช่วงนี้มันชอบมีคนโทรมากวนตลอดน่ะ จะบล็อกทิ้งก็ไม่ได้ ขนาดฉันไม่รับก็ยังโทรไปกวนแม่แทนเลย” เธอพยายามอธิบายให้ชายหนุ่มพอเข้าใจอย่างคร่าว ๆ โดยไม่ลงรายละเอียดว่าคนที่โทรมาเป็นใคร แต่ก็มีบางสิ่งที่ยังสงสัย คือคนที่ว่านั่นทำไมถึงได้เจาะจงที่จะโทรหาเธอนัก ทั้งที่ถ้าเธอไม่รับก็น่าจะเลิกกวนใจกันได้แล้ว นี่อะไรกลับไปกวนแม่ต่ออีก มันต้องมีอะไรบางอย่างแน่ ถึงจะเป็นอย่างนั้นเกศรินก็ไม่พร้อมที่จะรับรู้อยู่ดี
พอได้ฟังกวินทร์ก็เริ่มนึกตามสิ่งที่เธอพูดถึง และคิดไปในทางร้ายเสียมากกว่าทางดี ยิ่งกับเธอที่อยู่กันแค่สองคนกับแม่ด้วย
“แล้วแกรู้ไหมว่าเป็นใครที่พยายามโทรหาแก”
“รู้…แต่ฉันยังไม่อยากจะเล่าว่ะ เรื่องมันยาว” เกศรินนิ่งไปสักพักหนึ่งเหมือนจะไม่อยากนึกถึง ก่อนจะบอกอะไรบางอย่างกับเขา “นึกถึงทีไร ไอ้อาการบ้า ๆ นั่นมันก็กลับมาอีก ตอนนี้ก็เริ่มกลัวว่ามันจะควบคุมไม่อยู่เข้าสักวัน”
ท่าทางของกวินทร์ดูตกใจอยู่มากกับเรื่องเล่าของเธอ อาจเพราะความเป็นเพื่อนกันมานาน เมื่อรู้ว่าเธอมีอาการที่แสดงออกมาว่าเริ่มจะน่าเป็นห่วง เขาเองก็คงวิตกและห่วงใยตามประสาคนสนิทกัน ถึงอย่างนั้นกวินทร์ก็ยังคงทำหน้าที่เป็นกำลังใจที่ดี และพยายามทำให้เธอสบายใจเสมอ
“คิดมาก กินยารอบนี้อาจดีขึ้นก็ได้” เขาพูดพลางตบบ่าหญิงสาวเบา ๆ แต่เมื่อมองเห็นผมซอยสั้นของเธอ สายตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นหมองเศร้าอยู่ครู่หนึ่ง ซึ่งเธอนั้นยังคงไม่ทันที่จะสังเกตเห็น
“นั่นสิ...ฉันก็หวังแบบนั้นแหละ”
เกศรินยิ้มเล็ก ๆ ให้กับความห่วงใยที่เพื่อนมีให้ และภาวนาให้เขาได้เจอกับใครสักคนที่ดี และพร้อมจะดูแลเขาเหมือนอย่างที่เขาดูแลเธอมาโดยตลอด
พอได้ตัวช่วยเรื่องการนอนหลับมาแล้ว ความรู้สึกสดชื่นก็พอจะกลับคืนมา ให้ยามเช้าได้กระชุ่มกระชวยขึ้นมาบ้าง และรู้สึกเหมือนตัวเองจะได้พักผ่อนมากกว่าเดิมอีกนิด โชคไม่ดีเท่าไรที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุด เธอจึงต้องรีบตื่นขึ้นมาตามเวลานาฬิกาปลุก เพื่อจะได้ไปทำงานในวันสุดท้ายของสัปดาห์ และกลับมาเพื่อใช้เวลาพักผ่อนกับวันหยุดสองวันต่ออาทิตย์ของมนุษย์เงินเดือนให้เต็มที่
เสร็จสิ้นจากการอาบน้ำแต่งตัว และจัดแจงกับทรงผมซอยสั้นของตัวเอง ที่ไม่ต้องทำอะไรไปมากกว่าการหวีและใส่น้ำมันให้ผมเป็นระเบียบ สวมชุดทำงานที่ประกอบไปด้วยกางเกงทำงาน เสื้อเชิ้ตตามสมัยนิยม และเสื้อคลุมที่สีเข้ากันกับชุดโดยรวม เสร็จแล้วหญิงสาวก็ลงมาด้านล่าง
และเห็นดาหลากำลังเตรียมข้าวของบางอย่างอยู่พอดี
“แม่จะไปไหนเหรอ”
“ลืมไปแล้วเหรอว่าวันนี้แม่ต้องไปโรงพยาบาลตามนัดน่ะ” ดาหลายังคงวุ่นวายอยู่กับของที่ต้องเตรียมให้พร้อมในการไปโรงพยาบาล ซึ่งอาจต้องใช้เวลาถึงเย็น
เกศรินเหลือบมองปฏิทินที่วงสีแดงเอาไว้ ปกติแล้วจะเป็นแม่เธอเอง ที่มักจะทำสัญลักษณ์ไว้กันลืม ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วก็รีบขอโทษขอโพยแม่ตัวเองยกใหญ่
“รินขอโทษนะแม่ ตอนนี้กี่โมงแล้วเนี่ย” เธอมองนาฬิกาที่บ่งบอกเวลาว่าสายแล้ว และหากเธอไปส่งแม่ที่โรงพยาบาลอาจไปถึงที่ทำงานไม่ทันเวลา “เอาไงดีล่ะเนี่ย”
“ก็เรียกรถให้แม่ด้วยแล้วกัน ส่วนแกก็รีบไปทำงานเถอะ แม่เตรียมของพร้อมแล้ว”
แม้สิ่งที่มารดาบอกจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเวลานี้ ทว่าเกศรินก็ยังอดที่จะเป็นห่วงและรู้สึกผิดไม่ได้
“เอางั้นเหรอแม่”
“เอาตามนั้นแหละ” ดาหลาบอกกับลูกสาว แล้วนึกอีกเรื่องขึ้นมาได้ “เออ…แล้วเรื่องลูกแกน่ะตกลงว่าจะเอายังไง”
เกศรินที่กำลังเข้าแอปพลิเคชันเรียกรถจากโทรศัพท์มือถืออยู่นั้นหยุดชะงัก ดวงตาของเธอมีอาการสั่นเล็กน้อยก่อนที่จะควบคุมเอาไว้ได้ แล้วก็กลับมาทำสีหน้าปกติ คล้ายกับว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่แม่เพิ่งบอกเมื่อครู่
“ก็ไม่ยังไงนะ รินไม่ห้ามถ้าแม่อยากจะเจอหลานอยู่แล้ว ขอแค่บอกกันก่อนก็พอ” พูดเสร็จเกศรินก็หันไปให้ความสนใจกับการเรียกรถ จนกระทั่งได้ยินเสียงของมารดาตอบกลับมา
“ลูกของแกเพิ่งบอกกับแม่ว่าจะมาเยี่ยมเสาร์อาทิตย์นี้”
หญิงสาวอึ้งไปชั่วขณะ ความวิตกกังวลเริ่มเกาะกุมจิตใจจนเธอเกือบจะควบคุมไม่อยู่ มันคล้ายกับเธอกำลังจะหายใจไม่ออกอยู่รอมร่อ
“ก็ดีแล้ว พรุ่งนี้รินจะได้ไปอยู่ที่อื่น แม่จะได้ใช้เวลาอยู่กับหลานให้เต็มที่” เธอบอกทั้งที่มือยังสั่นไม่หยุด ลึก ๆ ในใจแล้วตนเองก็เริ่มกระวนกระวายไปถึงการมาของลูกแท้ ๆ ที่อาจพ่วงใครบางคนที่เธอไม่อยากเจอหน้ามาด้วย
“แกจะหนีต่อไปแบบนี้ไม่ได้หรอกนะริน อีกอย่างที่เขามาก็เพราะมีเรื่องจำเป็นจริง ๆ แกไม่อยากรู้เหรอว่ามันเป็นเรื่องอะไร” ความพยายามในการเกลี้ยกล่อมของดาหลา ยังคงมีความหวังอยู่เต็มเปี่ยม ด้วยอยากให้แม่กับลูกได้เจอหน้ากันสักครั้ง เผื่อว่าจะช่วยให้เกศรินลืมความรู้สึกไม่ดีในอดีตได้บ้าง
ความคิดเห็น