ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความปรารถนาของดานิกา

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 : สายที่ไม่ได้รับ

    • อัปเดตล่าสุด 24 มิ.ย. 67


    คุณมีสายที่ไม่ได้รับ 21 สาย

    ข้อความอันปรากฏอยู่บนหน้าจอมือถือล้วนมาจากหมายเลขโทรศัพท์เดิม เป็นอีกครั้งที่เกศรินเลือกที่จะปล่อยให้เสียงโทรศัพท์มือถือดัง และเมื่อเห็นว่าเป็นหมายเลขเดียวกันก็เลยกดปิดเสียงไปเสีย แล้วหันมาสนใจกับงานของตัวเองที่ยังคงทำค้างไว้

    สบายใจหน่อยที่เวลานี้เป็นช่วงพักเที่ยงของคนทำงาน ทุกคนจึงออกไปพักรับประทานอาหาร ในห้องทำงานจึงเงียบเป็นพิเศษ ไม่ต้องมีคนมาถามให้ระคายหู แม้โดยปกติจะต้องมีการผลัดเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ในช่วงกลางวัน เผื่อว่าจะมีใครเข้ามาติดต่อราชการในช่วงพัก แต่สำหรับหน่วยงานเล็ก ๆ ในพื้นที่ปริมณฑลที่เกศรินทำงานอยู่ การมีเธออยู่แค่คนเดียวก็เพียงพอ และยิ่งไม่มีใครแบบนี้หญิงสาวจึงถือโอกาสพักสายตาสักนิด แล้วค่อยคิดว่าเมื่อตื่นขึ้นมาเธอจะไปหาอะไรใส่ท้อง

    แต่ยังไม่ทันที่จะหลับได้เกินสิบนาที ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

    ริน...

    เสียงใครคนหนึ่งกำลังเรียกเธอ มันไม่ได้มาจากความฝัน แต่เป็นเสียงจากคนคนหนึ่งที่รู้จักเธอเป็นอย่างดี

    ริน...

    ถูกเรียกอีกแล้ว ให้ตายเถอะจะปล่อยให้ได้พักผ่อนหน่อยไม่ได้รึไงกันนะ นานทีจะได้แอบงีบช่วงกลางวันโดยไม่มีใครรบกวนแท้ ๆ

    แป๊ะ!

    เสียงตบมือดังทำให้เกศรินสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที เมื่อปรับสายตาให้ชินกับความสว่างของห้องได้ เธอก็เห็นมือใหญ่ของกวินทร์ ที่มาพร้อมกับใบหน้าฉงนเหมือนสงสัยว่าเธอตื่นแล้วหรือยัง

    “อะไรเนี่ย! ตกใจหมด” เกศรินบ่นพึมพำอย่างหัวเสีย ที่ต้องตื่นออกจากฝันกลางวันอันแสนสบาย

    “ตื่นแล้วจริง ๆ ใช่ไหม”

    ชายหนุ่มโบกมือไปมา จนเธอต้องปัดมือเขาทิ้งด้วยความรำคาญ

    “ก็ตื่นแล้วน่ะสิ อยากตายใช่ไหมถึงได้มาปลุกตอนนอนเนี่ย” ใบหน้างอง้ำแสดงความไม่พอใจออกมา ที่จู่ ๆ ก็ถูกรบกวนการหลับ แม้จะเป็นเวลาอันสั้น แต่ก็ถือว่ามันช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดจากการทำงาน และชดเชยการนอนไม่หลับช่วงกลางคืนได้

    กวินทร์หัวเราะเบา ๆ เมื่อมองคนหงุดหงิดกำลังจัดระเบียบผมซอยสั้นให้เข้าที่เข้าทาง อันที่จริงเขาเองก็ไม่อยากจะกวนการพักผ่อนของเธอหรอก หากว่าไม่มีเหตุจำเป็นจริง ๆ

    “เมื่อกี้หัวหน้าถามเรื่องบันทึกการใช้รถ เห็นบอกว่า...”

    “บันทึกการใช้รถกับจำนวนน้ำมันที่เบิกไม่ตรงกันใช่ไหม”

    ดวงหน้าฉุนเฉียวตอบกลับอย่างรู้ดี เหตุเพราะมีไม่กี่เรื่องเท่านั้นที่จะทำให้หัวหน้างานอยากเจอหน้าเธอ แล้วอีกอย่างเรื่องนี้ก็เห็นข้อบกพร่องมาแต่ก่อนจะทำรายงาน แต่ที่ส่งไปทั้งที่รู้ว่าต้องถูกถาม ด้วยอยากให้ผู้เป็นหัวหน้างานได้เห็นในสิ่งที่เขาเองก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย

    “หัวหน้าแหละตัวดี เวลาจะใช้รถ ก็ให้คนเอารถออกไปเลย ฉันต้องทำหนังสือขอใช้รถตามหลังทุกที ส่วนไอ้คนขับก็ไม่ยอมเขียนบันทึก แล้วทีนี้จะมาบ่นอะไร”

    ฟังเธอพ่นความผิดพลาด ที่ไม่ค่อยจะมีใครรับผิดชอบด้วยอารมณ์ฉุนจัด พร้อมกับสาธยายออกมาได้ยาวเหยียด จนคนฟังรู้ได้ทันทีว่างานนี้คงได้ร่ายกันยาวแน่ ๆ

    “จะไปคุยกับหัวหน้าเองไหม” กวินทร์ตัดบท ถึงจะอยากช่วยเธอ แต่นอกเหนือหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง ต่อให้อยู่สำนักงานเดียวกัน เขาก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

    “อือ...เดี๋ยวไปเอง”

    เธอตอบรับด้วยคิ้วที่ผูกเข้าหากันมากกว่าเดิม จนชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความหงุดหงิดในน้ำเสียง

    “ท่าทางดูไม่ค่อยดีเลยนะ นอนไม่พอเหรอ”

    “ใช่ หมู่นี้นอนไม่ค่อยหลับน่ะ มีเรื่องกวนใจอยู่เรื่อยทั้งเรื่องงาน เรื่องที่บ้าน แล้วก็ยังมีพวกชอบป่วนวุ่นวายไปหมด” เธอเหมารวมถึงทุกเรื่องที่กำลังทำให้รำคาญใจ เอาแค่เรื่องงานก็น่าปวดหัวกับหัวหน้าที่หาเรื่องมาให้เธอไม่เว้นแต่ละวัน แล้วที่ยังไม่ได้เล่าให้เขาฟัง ก็คือเบอร์โทรศัพท์ที่มักจะโทร.มากวนใจเธอเสมอ ถึงเดี๋ยวนี้จะไม่ได้รับแต่ฝั่งนั้นก็มีความพยายามมากพอดู จะบล็อกทิ้งก็ไม่ได้เพราะกลัวว่าจะมีปัญหาถึงคนที่บ้าน ด้วยสายที่ว่านั่นก็ไม่ใช่แก๊งคอลเซนเตอร์เสียด้วย

    “ฉันว่าแกน่าจะหงุดหงิดเพราะพักผ่อนน้อยด้วยแหละ อะไรที่มันกวนใจก็ทิ้งไปเสียบ้าง อย่าเก็บเอามาคิดให้มันรกหัวเลย” กวินทร์พยายามทำให้เธอสบายใจ ก่อนจะเหลือบมองไปดูนาฬิกาบนผนัง “เหลือเวลาสิบห้านาทีก่อนบ่ายโมง ไปหากาแฟกินกันก่อนไหม จะได้ตาสว่าง”

    “ก็ดีเหมือนกัน บ่ายนี้คงได้เถียงกับหัวหน้าอีกยาว แล้วเดี๋ยวจะต้องกลับมาสวดไอ้หน่อยด้วย” เกศรินเห็นด้วย แล้วจึงหันไปหยิบเสื้อคลุมของตัวเอง พร้อมกับได้ยินเสียงใครสักคนดังมาจากมุมหนึ่งของสำนักงาน

    “อะไรอีกล่ะเจ๊”

    เกศรินหันไปตามเสียงจึงพบกับนายหน่อย คนขับรถตัวดีที่แอบมางีบช่วงกลางวันที่มุมหนังสือพิมพ์ พอเจอหนึ่งในต้นเหตุของปัญหา เธอจึงไม่รอช้าที่จะร่ายความผิดให้อีกฝ่ายรู้ตัว

    “ก็แกนั่นแหละ ขับรถให้หัวหน้าได้ แต่ให้เขียนบันทึกกลับขี้เกียจไม่ทำสักที มีปัญหาทีไรฉันนี่แหละที่ต้องแก้”

    “ขอโทษคร้าบ” นายหน่อยยกมือไหว้ท่วมหัว ในใจก็นึกด่าตัวเองว่าพลาดไปเสียแล้วที่คิดจะต่อปากต่อคำกับเกศริน เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไปสุดเขี้ยว ที่ไม่ว่าใครในสำนักงานก็ไม่อยากมีปัญหากับเธอ แม้แต่หัวหน้าเองก็ตาม

    “คราวหลังถ้ามีปัญหาอีก ฉันจะหาคนมาแทนแกคอยดู” หญิงสาวชี้นิ้วคาดโทษคนขับรถ ทั้งที่รู้อยู่ว่าบ่นไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ท้ายสุดแล้วเธอก็ต้องตามแก้ปัญหาอยู่ดี

    “โอเคคร้าบเจ้ริน อัญเชิญพี่วินช่วยพาเจ้แกไปร้านกาแฟโดยด่วนเลยคร้าบ ก่อนสำนักงานจะระเบิด”

    คนขับรถรีบผายมือให้กวินทร์พาหญิงสาวออกไปโดยเร็ว ก่อนที่เธอจะพ่นไฟเผาสำนักงานจนเจ้าหน้าที่คนอื่นไม่ต้องทำงานทำการไปเสียก่อน เพราะอย่างที่ทุกคนรู้ว่าเมื่อไรที่เกศรินอารมณ์ขึ้น เมื่อนั้นไม่ต้องมีใครได้ทำงานกันอย่างเป็นสุข

     

    ห่างออกมาจากสำนักงานไม่ไกลนัก กวินทร์ก็พาหญิงสาวมาถึงร้านกาแฟเล็ก ๆ ขนาดหนึ่งคูหาของอาคารพาณิชย์ที่เรียงรายยาวจนเกือบสุดถนน อันเป็นที่ประจำที่ทั้งสองมักจะมาพักผ่อนให้อยู่ห่างจากความตึงเครียดในที่ทำงานสักพัก เรียกได้ว่ามาบ่อยจนสนิทสนมกับเจ้าของร้านเป็นอย่างดี เพราะเมื่อเดินเข้ามา เจ้าของร้านกาแฟก็สามารถเอ่ยเมนูประจำที่ไม่เคยเปลี่ยนได้อย่างถูกต้อง

    “เอสเย็น กับอเมริกาโน่ ใช่ไหมครับ”

    เจ้าของร้านวัยหกสิบกลาง ๆ กล่าวอย่างคล่องแคล่ว นั่นคือชายสูงวัยผู้ซึ่งกวินทร์มักบอกเสมอว่านี่อาจเป็นอนาคตของเขาเมื่อเกษียณ ก็คงไม่ต่างจากใครหลายคนที่เป็นข้าราชการ ที่อาจหาธุรกิจสักอย่างไว้เป็นอาชีพเมื่อยามที่แก่ตัวและหมดเวลาทำงานราชการแล้ว

    ใช้เวลาไม่นาน กาแฟเย็นสองแก้วก็ถูกวางลงตรงหน้าของคนทั้งสอง ขณะที่ชายหนุ่มใช้หลอดดูดกาแฟสีดำไปเกือบครึ่งแก้วในคราวเดียว เกศรินกลับค่อย ๆ จิบความหวานมันปนขมอย่างไม่เร่งรีบนัก เพราะอยากใช้เวลาพักที่เหลืออยู่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะต้องไปรบรากับหัวหน้าหน่วยงานด้วยเรื่องเดิม ๆ ที่ไม่ว่าจะกี่ครั้ง หรือจะเปลี่ยนหัวหน้าใหม่สักกี่คน ปัญหาที่เจอก็ไม่เคยเปลี่ยน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×