คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ซ้ายพิฆาต
“ว่าไงจ๊ะ สาวน้อยจะไปไหนเหรอ” หนึ่งในสองคนนั้นเอ่ยถัก ฮารุกะก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ ดวงตากลมโตหวั่นวิตก เนื่องจากเป็นเวลากลางคืนและแสงไฟที่รอดเข้ามายังกลางตรอกได้เล็กน้อยทำให้ฮารุกะเห็นหน้าของทั้งสองคนไม่ชัด แต่ก่อนที่ฮารุกะจะทันหันหลังวิ่ง มือสากก็คว้าข้อมือเรียวไว้
“จะรีบไปไหนจ๊ะ ทำความรู้จักกันก่อนมั๊ย”
“นี่ปล่อยนะ...ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!!!”ทันที่ที่ถูกคว้าแขนไว้ ฮารุกะก็สะบัดสุดแรงพร้อมตะโกนเสียงดัง
“เฮ้ย!!!ทำให้เด็กนี่มันเงียบหน่อย เดี๋ยวคนเขาก็แห่กันมาหรอก” ชายอีกคนพูดก่อนที่จะเอามือปิดปากฮารุกะไว้ ฮารุกะยิ่งดิ้นเพราะความกลัว จึงถูกชายอีกคนที่จับมือเธอไว้ชกเขาที่ท้องจนตัวงอก่อนที่พวกมันจะพลักร่างบางให้นอนลงบนพื้น
มิยูเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากฮารุกะ แต่ก่อนที่กลุ่มของมิยูจะวิ่งเลยตรอกไป หางตาของริสะก็เหลือบไปเห็นภายในตรอก
“มิยู นั่น!!!”ริสะตะโกนเสียงดังก่อนจะชี้เขาไปในตรอก ภาพที่ทุกคนเห็นคือเงาร่างของคนสองคนที่กำลังก้มอยู่เหนือร่างเล็ก ๆ ที่นอนอยู่บนพื้น มิยูหันซ้ายหันขวามองหาตัวช่วยก่อนสายตาจะเป็นประกายจ้าเมื่อเห็นเด็กมัธยมต้นกลุ่มหนึ่งถึงลูกวอลเลย์ในมือกำลังเดินสวนมา
“เฮ้ย!!!”ทันทีที่เห็นว่าเงาร่างของคนที่อยู่ด้านบนกระชากเสื้อผ้าของคนใต้ร่างขาดทุกคนก็ร้องเสียงดังด้วยความตกใจก่อนที่จะได้ยินเสียงมิยูร้องว่าให้หลบและเสียงบางอย่างในอีกเสี้ยววินาที
“ย๊ะส์!!!” ลูกวอลเลย์บอลกระทบฝ่ามือข้างซ้ายของมิยูก่อนที่ลูกบอลจะพุ่งตรงด้วยความแรงของคนตบเข้าไปในตรอกกระแทกกับหัวของคนที่ค้ำอยู่บนร่างบางจนล้มคว่ำ
“โอ๊ย!!!”
“ปล่อยน้องฉันนะ!!!” ยูกิตะโกนเสียงดังพร้อมทั้งวิ่งตามหลังมิยูที่พอเสริฟ์ลูกวอลเลย์บอลเสร็จก็วิ่งเข้าไปในตรอกเล็กนั่น ทันที เมื่ออีกฝ่ายเห็นถ้าไม่ดีเพราะทางฝั่งมิยูมีคนมากกว่าจึงดึงเพื่อนที่กำลังมึนเพราะโดนลูกวอลเลย์จากฝ่ามือของมิยูกระแทกหัววิ่งออกไปอีกฝั่ง และเมื่อทุกคนวิ่งมาถึงตัวฮารุกะสองคนนั่นก็วิ่งพ้นตรอกออกไปแล้ว
“ตามมั๊ยกัปตัน”ฮิราอิหันมาถามชิสึรุ
“ไม่ต้องหรอก ดูน้องก่อนดีกว่า”ชิสึรุเอ่ยห้ามเพราะห่วงฮารุกะมากกว่า อีกอย่างตอนนี้อยู่ในช่วงการแข่งขันวีลีกถ้าเกิดไปมีเรื่องเข้าคงจะมีปัญหาต่อการเข้าร่วมการแข่งขันเป็นแน่
“ตัวเล็ก ๆ ฮารุกะจัง” ยูกิเขย่าตัวฮารุกะที่ดูเหมือนจะช็อกไปเพราะนัยน์ตากลมนั่นไม่ได้โฟกัสที่สิ่งใด
“ปล่อยนะ!!!...ปล่อยฉัน!!!...บอกให้ปล่อย!!!”แต่ทันทีที่โดนแตะตัวฮารุกะก็กรีดร้องโวยวายพร้อมสะบัดมือออกจากยูกิทันที
หมับ!!!
เป็นมิยูที่รวบร่างของฮารุกะเข้ามาในอ้อมแขนโดยไม่นำพาต่อการต่อต้านของฮารุกะแม้แต่น้อย ฝ่ามือหนาลูบกลุ่มผมนิ่มอย่างเบามือพร้อมกระซิบเบา ๆ ข้างหูฮารุกะที่ตัวสั่นเทา
“ชู่ว์...เด็กดี ปลอดภัยแล้วค่ะ ไม่ต้องกลัวแล้วนะคะ พี่อยู่นี่ ๆ”ฮารุกะรับรู้ถึงความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยจากสัมผัสแผ่วเบาของมิยูจึงทำให้ได้สตินัตย์ตากลมมองไปรอบ ๆ ก็เห็นพวกรุ่นพี่มองมาอย่างเป็นห่วง
“พี่ ๆ...”
“เป็นอะไรมั๊ยฮารุกะจัง”ฮิราอิหันมาถามคนตัวเล็กที่ตอนนี้ดูเหมือนจะได้สติแล้ว
“มะ...ไม่เป็นไรคะ คะ..แค่ตกใจนิดหน่อย”เสียงใสเอ่ยตอบ และเพราะไม่ต้องการจะให้ทุกคนเป็นห่วง ฮารุกะจึงฝืนตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งทั้งที่ยังคงขวัญเสียมือบางจึงยังกำชายเสื้อมิยูไว้แน่น
“โชคดีนะ...ที่เรามาทัน เฮ้ออออ”ยูกิถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ดูเหมือนว่าน้องจะไม่ได้รับบาดเจ็บเท่าไหร่นักนอกจากรอยถลอกตามเนื้อตัวและเสื้อที่ถูกกระชากจนขาด
“หนูเห็นพวกรุ่นพี่ค่ะ กำลังจะวิ่งตามไป แต่ก็....” ฮารุกะเอามืออีกข้างกุมเสื้อของตัวเองบริเวณหน้าอกที่ถูกฉีกขาดอีกข้างก็ยังคงกุมชายเสื้อของมิยูไว้พยายามที่จะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น มิยูก้มหน้าลงมองมือน้องที่กำเสื้อตัวเองสั่นอยู่น้อย ๆ ถึงจะพยายามทำตัวปรกติไม่ให้ทุกคนเป็นห่วงแต่ดูเหมือนร่างกายจะซื่อตรงต่อความรู้สึกมากกว่าเพราะมันกำลังแสดงออกว่ากลัว ก่อนที่เจ้าตัวจะถอดเสื้อวอร์มของตัวเองสวมให้คงตรงหน้าและจัดแจงดึงซิบรูดขึ้นจนสุด
“เอาเถอะ ๆ โชคดีเหมือนกันที่มิยูมันหัวเร็ว มือเร็วด้วยไม่รู้มันไปคว้าลูกวอลเลย์จากไหนมา จะว่าไปน่าสงสารพวกนั่นเหมือนกันเน๊อะโดนลูกเสริฟ์ฝีมือมิยูไปที สงสัยคงช้ำอีกหลายวัน555+”เมื่อเห็นบรรยากาศยังตึงเครียดนานะจึงพยายามสร้างสถานการณ์ขบขัน
“จริงด้วย ๆ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...อย่าแตะตัวเล็กถ้าไม่อยากเจอซ้ายพิฆาต555+”ริสะร่วมด้วยช่วยสร้างบรรยากาศก่อนที่ตากลมจะช้อนขึ้นมองมิยูอย่างสงสัยในคำพูดของริสะจนมิยูเองก็ทำอะไรไม่ถูก
“กลับเถอะ” ก่อนจะเอ่ยออกมาสั้น ๆ พร้อมกระตุกมือคนที่ตัวสั่นให้เดินตามออกมา...
“อ้าวคุณโคโช เป็นอะไรค่ะเหงื่อท้วมเชียว”ไอริเอ่ยทักโคโช แฟนหนุ่มที่นัดเธอทานข้าวเย็นนี้ ที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะเหนื่อยเพราะการหายใจหอบประกอบกับเหงื่อที่ไหลออกมา
“อ๋อ...เอ่อ...พอดีผมเพิ่งเลิกงานนะครับ กลัวคุณรอนานก็เลยรีบนิดหน่อย แหะ ๆ”โคโชตอบพร้อมกับยิ้มแห้ง ๆ ไอริที่พอได้ฟังเหตุผลก็ยิ้มออกมาอย่างอาย ๆ ที่ดูเหมือนคนรักของเธอจะให้ความสำคัญกับเธอมากแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ก็มาทันเวลานัดแท้ ๆ
“เป็นอะไรรึเปล่าค่ะ โคโช ฉันเห็นคุณกุมหัวหลายทีแล้ว”ระหว่างที่กำลังเดินหาร้านทานอาหารกันไอริก็สังเกตเห็นความผิดปรกติจากคนรัก
“อ๋อ...พอดีก่อนจะออกมาหาคุณซุ่มซ่ามไปหน่อยนะครับ ผมคุยกับเพื่อนร่วมงานอยู่ไม่ทันได้มองข้างหน้าเดินชนกระจกเข้าเต็มเปาเลยครับ ดูเหมือนมันจะช้ำน่ะครับ กดแล้วก็เจ็บ ๆ อยู่”
“แย่จังนะคะ อย่างนี้ไปหาหมอดีกว่ามั๊ยค่ะ เผื่อกระทบกระเทือนทางสมอง”
“โอ๊ย..คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”
“เอ๊ะ...นั่น”
“อะไรเหรอครับ??”
“อ๋อ..พวกน้อง ๆที่สโมสรน่ะคะ สงสัยจะออกมาหาอะไรกินกันเหมือนเรา เดี๋ยวเรียกพวกเขามานั่งกะเราดีมั๊ยค่ะ” แต่ก่อนที่ไอริจะทันได้ตะโกนเรียก โคโชก็รีบขัดขึ้นเสียก่อน
“เอ่อ...ผะ...ผมว่า อย่าเลยครับ” แต่เมื่อเห็นสายตาของไอริที่มองมาอย่างสงสัยจึงรีบพูดออกไป
“คือผมอยากทานกับคุณสองต่อสองมากกว่า นะ...นะครับ”
“ค่ะ”เมื่อเจอคำหวานไอริจึงรับคำอย่างว่าง่ายพลางเดินไปยังร้านอาหารที่เล็งไว้ โคโชหันมามองข้างหลังทันเห็นพวกของ
มิยูเลี้ยวไปอีกทางก่อนที่จะหายไปจากสายตาก็ถอดหายใจอย่างโล่งอก
“พาตัวเล็กไปอาบน้ำก่อนเถอะ มิยู เดี๋ยวฉันไปดูยาที่ห้องมาให้”เมื่อกลับมาถึงหอพักชิสึรุก็เอ่ยปากบอกเมื่อเห็นสภาพที่อิดโรยและรอยแผลของน้องเล็กสุด มิยูพาฮารุกะมาในห้องพักที่แบ่งให้นอนได้ห้องละสองคนและฮารุกะก็พักอยู่กับไอริ
“อ้าว ดูเหมือนพี่ไอริจะยังไม่กลับแหะ ฮารุกะเข้าไปอาบน้ำก่อนเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้วจะได้พักผ่อน”มิยูพูดเสร็จก็เดินไปที่ประตูเพื่อจะกลับห้องตัวเอง
“คะ...ค่ะ”ฮารุกะรับคำเสียงแผ่วจนมิยูจับสังเกตได้
“ตัวเล็กเข้าไปอาบน้ำเถอะค่ะ เดี๋ยวพี่นั่งรอเป็นเพื่อนอยู่ในห้องนี่แหละ”
“เอ๊ะ”ฮารุกะเงยหน้ามองมิยูอย่างอึ้ง ๆ ที่เหมือนจะรู้ว่าเธอยังกลัว
“อ้าว...ไปซิคะ เร็ว ๆ ดึก ๆแล้วจะหนาวนะ”แต่เมื่อเห็นฮารุกะยังไม่ยอมไปอาบน้ำสักที มิยูจึงพูดซ้ำ
“พี่จะอยู่นี่ สัญญาค่ะ”เอ่ยสัญญาพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ฮารุกะรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาร่างบางจึงยอมเดินเข้าห้องน้ำไป
ก๊อก ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูห้องหลังจากที่ฮารุกะเข้าห้องน้ำไปได้ไม่นาน มิยูจึงลุกไปเปิดประตูแทน
“อ้าว...พวกแกนี่ขนกันมาหมดเลยเหรอ นึกว่าจะมาแต่กัปตันซะอีก”หน้าห้องนั้น มีทั้ง สิซึรุ นานะ ริสะ ฮิราอิ รวมถึงยูกิด้วย
“พวกเราเอาโกโก้ร้อนมาให้น้องดื่มก่อนนอน จะได้หลับสบายขึ้น น้องล่ะ??”ยูกิถือแก้วโกโก้นำทุกคนเข้ามาภายในห้องพร้อมถามหาน้องที่น่าจะอยู่ในห้องแต่ตอนนี้ไม่อยู่
“น้องอาบน้ำอยู่นะ”
“แล้วแกล่ะ ไม่กลับไปอาบน้ำที่ห้องก่อนรึไง ทุกคนเขาอาบกันแล้วนะ”
“ไม่เป็นไรอ่ะ เดี๋ยวค่อยอาบ ฉันไม่อยากให้น้องอยู่คนเดียว”
“พี่ ๆ”
“อ้าวตัวเล็ก... อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ... มานั่งนี่ ๆ พวกพี่เอาโกโก้ร้อนมาฝาก ดื่มซะนะ จะได้รู้สึกดีขึ้น”ยูกิยื่นแก้วโกโก้ให้น้อง
ฮารุกะเอ่ยขอบคุณเบา ๆ พร้อมรับโกโก้มาดื่ม
“ขอโทษนะคะ เพราะหนูแท้ ๆ พี่ ๆ ถึงวุ่นวายกันไปหมด”เมื่อดื่มโกโก้หมดแก้วแล้วฮารุกะก็ก้มหัวลงเป็นการขอโทษรุ่นพี่
“อะไร??...ความผิดของฮารุกะที่ไหนล่ะ อย่าคิดมากซิ”สิซึรุพูดขึ้นและได้รับการพยักหน้าสนับสนุนจากสมาชิกที่เหลือภายในห้อง
“ทำแผลดีกว่า ตัวเล็กนั่งนี่เลยค่ะ ให้พี่ดูแผลหน่อย”มิยูตบที่นั่งตรงปลายเตียงให้ฮารุกะเดินไปนั่ง มือแกร่งจับร่างทั้งร่างของฮารุกะหันซ้ายหันขวาเพื่อทำแผลถลอกที่เกิดขึ้น
“เจ็บตรงไหนอีกมั๊ยค่ะ” เมื่อทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้วมิยูก็เอ่ยถามฮารุกะเพราะกลัวว่าจะมีแผลตรงไหนที่รอดสายตาเขาไปอีก
“เอ่อ...คือ...”
“คะ??”เมื่อเห็นน้องตะกุตะกักมิยูจึงเอ่ยถาม
“ความจริงหนูโดนชกที่ท้องด้วยคะ”เสียงหวานพึมพำแผ่วเบาด้วยความที่กลัวว่าจะโดนรุ่นพี่ดุที่ไม่ยอมบอกตั้งแต่แรก
“ทำไมไม่บอกพี่คะ เราต้องไปโรงพยาบาลแล้วนะ!!”หลังจากที่มิยูเปิดเสื้อของฮารุกะดูก็เห็นรอยช้ำรอยใหญ่อยู่บริเวณกลางท้อง จึงดุฮารุกะออกไปที่ไม่ยอมบอกตั้งแต่แรก
“ลุกเลยค่ะตัวเล็ก ใส่เสื้อคลุมซะ ไปโรงพยาบาลกัน”มิยูคว้าแขนน้องให้ลุกขึ้น จนฮารุกะส่ายหัวรัว ๆ
“ไม่เป็นไรคะ นากาโอกะซัง พะ...แผลแค่นี้เดี๋ยวก็หาย” เสียงหวานค้าน
“ไม่คะ คราวนี้พี่ไม่ตามใจเราแน่ ต้องไปให้หมอตรวจ” มิยูกอดอกยืนมองคนตัวเล็กกว่าที่กำลังก้มหน้าจนชิดอก
“เอ่อ...ฉันว่า...เอางี้มั๊ยมิยู...คืนนี้รอดูอาการน้องไปก่อน...ถ้ามันเจ็บหนักมากกว่านี้ค่อยพาไปโรงพยาบาล”ริสะที่เห็นท่าไม่ดีเริ่มคิดหาทางออก ก็ได้รับการสนับสนุนจากศีรษะเล็ก ๆ ที่ขยับขึ้นลง
“จริงด้วยมิยู...นี่ก็ดึกมากแล้วให้น้องพักผ่อนดีกว่า...แต่ฮารุกะจัง...ถ้าเจ็บหรือเป็นอะไรมากกว่านี้...ต้องบอกพวกพี่เข้าใจมั๊ยคะ”เป็นฮิราอิที่เอ่ยปากอีกคนเมื่อเห็นมิยูทำท่าว่าจะไม่ยอม
“มิยู”เมื่อมิยูยังเงียบยูกิจึงสะกิดเรียกให้ร่างสูงรับคำ
“เฮ้อออ...ก็ได้...”
“ดี ๆ ที่นี้...ตัวเล็กนอนได้แล้วนะคะ พวกพี่ก็จะไปพักแล้วเหมือนกัน เจอกันไปพรุ่งนี้นะ...”ชิสึรุเอ่ยตัดบทก่อนจะดันหลังทุกคนให้ออกจากห้องเพื่อให้ฮารุกะได้พัก
หลังจากที่ประตูปิดลงน้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลออกมาเงียบ ๆ ฮารุกะกำลังกลัวจากการที่ต้องอยู่คนเดียว ความเข้มแข็งที่เคยแสดงออกเพราะไม่ต้องการให้คนอื่นเป็นห่วงบัดนี้พังทลายลง มือเล็กเอื้อมมือไปปิดไฟดวงใหญ่ทั้งห้องจึงเหลือเพียงแสงสว่างจากโคมไฟข้างเตียง ร่างเล็กพยายามที่จะหลับแต่ดูเหมือนว่าจะทำไม่ได้เมื่อยามหลับตาที่ไรภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวจนฮารุกะเริ่มหวาดกลัวอีกครั้ง ร่างเล็กนอนร้องไห้เงียบ ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงเคาะประตูฮารุกะจึงค่อย ๆพาตัวเองมาเปิด อีกฝั่งหนึ่งของประตูมิยูกำลังเคาะห้องฮารุกะอีกครั้ง ยังไงเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้และก็เป็นจริงดั่งลางสังหรณ์ของร่างสูงเมื่อฮารุกะเปิดประตูออกมาพร้อมคราบน้ำตาที่นองอยู่เต็มหน้า มิยูรวบคนตัวเล็กเข้ามากอดทันที
“กลัวขนาดนี้ทำไมไม่บอกคะ ถ้าพี่ไม่มาเคาะห้องเราจะทำยังไง”เสียงทุ่มเอ่ยอยู่บนกระหม่อม ฮารุกะหลับตาซึมซับความอบอุ่นที่ได้รับ ก่อนจะเริ่มสะอื้นมากขึ้นเมื่อไม่อาจทนต่อความหวาดกลัวได้อีกต่อไปผสมกับความรู้สึกปลอดภัยในอ้อมแขนอุ่น มิยูพาฮารุกะมานอนบนเตียงก่อนจะห่มผ้าให้จนชิดคาง
“พี่จะนั่งเป็นเพื่อนตรงนี้ ฮารุกะหลับซะนะคะ”
“หนูหลับตาไม่ได้ค่ะนากาโอกะซัง หลับตาที่ไรหนูเห็นแต่ภาพพวกนั่น แววตาที่พวกมันจ้องมา มัน....”
“มันจะไม่เกิดขึ้นอีก...พี่สัญญา...อืมเอางี้ไม่คะ ไหนฮารุกะลองเล่าให้พี่ฟังซิว่าฝึกงานวันนี้วันแรกเป็นยังไงบ้าง”มิยูลูบศีรษะเล็กที่มีผมสลวยนุ่มมือก่อนจะหาเรื่องชวนคุยไปเรื่อย ๆ...
เวลาผ่านไปสักพัก
“...แล้วเรื่องที่แปลกนะคะ...ความจริง...นะ...หนู...อยากถาม...ห้าวววว”เสียงหวานเอ่ยเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในวันฝึกงานวันแรกให้มิยูฟังและดูเหมือนดวงตากลมโตกำลังจะปิดลงเพราะฝืนความง่วงไม่ไหวและสักพักลมหายใจก็เข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ มิยูยิ้มกับตัวเองเมื่อเห็นว่าฮารุกะหลับไปแล้ว ...เท็นชิก็ยังไม่เคยเปลี่ยนจริง ๆ ด้วย ลูบหัวแล้วจะหลับ...ยังเป็นเด็กน้อยติดสัมผัสคนเดิม...
ความคิดเห็น