คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : หัวใจของ...???
วันนี้ฮารุกะโดนโค้ชคุมิเรียกไปพบตั้งแต่เช้าตรู่ และตอนที่กลับออกมาแววตากลมก็ดูหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อยด้วยสิ่งที่โค้ชบอกเธอ
“บอกตามตรงนะ เธอน่ะมีพรสวรรค์การเล่นของเธอเมื่อวานกับทีมของฉันเป็นไปได้ดี ดูเหมือนเมื่อวานทีมเธอชนะด้วยนิจริงมั๊ย”
“ที่ชนะ เพราะพวกรุ่นพี่เขาเก่งค่ะ ไม่ใช่เพราะหนูหรอก”
“หึหึ...เธอเนี่ยน่า...ไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าเซตเตอร์นะเป็นหัวใจของตัวตีเลยนะ เซตเตอร์เซตไม่เข้าตัวตีไม่มีทางทำคะแนนได้”โค้ชคุมิพูดยิ้ม ๆ
“แต่ว่าหนู...”
“เอาล่ะ ๆ ที่เรียกมาวันนี้เพราะฉันเห็นพรสวรรค์และแววตาความมุ่งมั่นในตัวเธอ ฉันจะขอให้เธอเซ็นสัญญาเป็นนักกีฬาของทีมสปริงค์...เธอจะว่ายังไง”
“....”เมื่อเห็นฮารุกะเม้มปากอย่างใช้ความคิด โค้ชคุมิจึงตัดสินใจให้เธอได้มีทางเหลือและเวลาคิด
“ฉันไม่ได้บังคับนะ แต่ฉันเชื่อว่าเธอทำได้ เอากลับไปคิดดูก่อนก็ได้”
“ค่ะ”ฮารุกะรับคำก่อนจะเดินออกจากห้องของโค้ช ทางด้านโค้ชคุมิหลังจากที่ฮารุกะกลับออกไปสต๊าฟโค้ชที่นั่งอยู่ด้วยกันก็เอ่ยถามขึ้น
“โค้ชคุมิค่ะ ทางเราส่งชื่อมิยาชิตะซังเป็นหนึ่งในผู้เล่นทีมสปริงค์ไปแล้ว...แล้วนี่โค้ชบอกว่าให้เธอไปตัดสินใจก่อน...แล้วถ้าเธอปฏิเสธเราจะทำยังไงกันค่ะ”โค้ชคุมิรวบแฟ้มเอกสารมาถือพร้อมเดินออกจากห้องเพื่อไปคุมทีมในการซ้อมที่สนาม
“ก็บอกไปแล้วไง...เซตเตอร์นะเป็นหัวใจของตัวตี...ตัวตีขาดเซตเตอร์ไม่ได้หรอก...หึหึ”โค้ชคุมิหัวเราะก่อนจะปิดประตูห้องทิ้งให้สต๊าฟโค้ชมองตามอย่างงง ๆ
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่มิยาชิตะซังจะเซ็นหรือไม่เซ็นสัญญาฟ่ะ”สต๊าฟโค้ชเกาหัวอย่างงง ๆก่อนจะเดินตามโค้ชคุมิออกไป
การซ้อมวันนี้พุ่งไปที่ตำแหน่งตัวเซต โค้ชคุมิให้สต๊าฟโค้ชส่งบอลในลักษณะต่าง ๆ ให้เซตเตอร์เซตให้ตัวตีตบ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะที่ต่ำจนเซตไม่ได้ หรือต้องก้มลงไปเซต หรือลักษณะแก้ไขด้วยไหวพริบ และมีการเก็บสถิติจากสต๊าฟโค้ชที่อยู่รอบสนาม โดยชิสึรุ ตัวเซตตัวจริงสามารถแก้ไขสถานการณ์และเซตจนตัวตีทำแต้มได้คิดเป็นเปอร์เซ็นได้สูงถึง 84 % เลยที่เดียว ในขนาดที่ตัวเซตสำรองอย่างเซโกะที่คะแนนไม่ถึง 50% ด้วยซ้ำ เนื่องด้วยการแก้ไขและไหวพริบในการหลอกตัวบล็อกไม่แนบเนียนทำให้ตัวตีตบติดเน็ตหรือติดบล็อกหลายครั้ง จนโค้ชคุมิที่สังเกตุการณ์อยู่ถึงกับเครียด
“มิยาชิตะซังเธอลองดูหน่อยซิ”โค้ชคุมิหันไปเรียกฮารุกะที่เดินถือกระติกน้ำที่ใส่เครื่องดื่มสำหรับนักกีฬามาไว้ที่ข้างสนาม
“เอ๊ะ...หนูเหรอค่ะ”ฮารุกะใช้มือชี้ที่ตัวเอง ก่อนที่โค้ชคุมิจะพยักหน้าเป็นเชิงว่าใช่ ท่ามกลางสายตาลุ้น ๆ ของคนในทีมที่เคยเล่นวอลเลย์กับฮารุกะมาเมื่อวานและสายตางง ๆ ของคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่พวกมิยูกลับงงในสิ่งที่ว่าทำไมโค้ชถึงให้ฮารุกะลองมากกว่า
“แต่...หนู”
“เอาน่า...กลัวอะไร...นากาโอกะซังเธอไปพามิยาชิตะซังมาไป”โค้ชคุมิบอกมิยูที่กำลังยืนงง ๆ อยู่
“นากาโอกะซัง”โค้ชคุมิเรียกอีกครั้ง
“คะ...ค่ะ ๆ ๆ”มิยูรับคำก่อนเดินไปหาฮารุกะ
“รุ่นพี่ค่ะ...หนู”
“ไม่เป็นไรฮารุกะทำได้อยู่แล้ว...เมื่อวานยังทำได้เลยจริงมั๊ย”เมื่อเห็นแววตาที่ไม่มีความมั่นใจมิยูจึงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นให้กำลังใจ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงสงสัยว่าทำไมฮารุกะถึงไม่มั่นใจในการเล่นวอลเลย์ทั้ง ๆ ที่ก็เล่นมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่เมื่อรู้ว่าร่างบางตรงหน้าความจำเสื่อมก็ไม่แปลกใจอะไรนอกจากแปลกใจว่าทำไมยังเล่นได้ดีทั้ง ๆ ที่ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับการเล่นวอลเลย์บอลเหลืออยู่เลย...แต่คงเป็นเพราะสมองอาจลืมเลือนหากแต่ร่างกายยังจดจำ...มิยูเองก็ได้แต่หวัง...ถึงแม้สมองฮารุกะจะลืมเลือนแต่ขอแค่เพียงหัวใจยังจดจำ...เพียงเท่านี้เขาคงมีกำลังใจที่อยู่ทำตามความฝันและอยู่เคียงข้างคนตรงหน้าต่อไป...
“จัดตัวเหมือนเดิมนะ ชิสึรุออกมาก่อนให้มิยาชิตะซังเข้าไปแทนที่เหลือเป็นตัวจริงทั้งหมดนะ สต๊าฟเก็บสถิติด้วย ซ้อมให้เหมือนกับที่ซ้อมชิสึรุกับเซโกะเมื่อกี้เลยนะ” สิ้นคำสั่งโค้ชทุกคนเข้าประจำที่และผลสรุปก็คือฮารุกะสามารถเซตให้ตัวตบทำคะแนนได้คิดเป็นเปอร์เซนต์คือ 35% โค้ชคุมิมองรายละเอียดที่ทางสต๊าฟจดสถิติไว้ประกอบกับการที่เห็นการซ้อมด้วยตาตัวเองเมื่อสักครู่ก่อนที่จะหันไปหาสต๊าฟโค้ชอีกคนที่เก็บสถิติของตัวตบไว้ เมื่อนำเอกสารทั้งคู่มาประกอบกันโค้ชคุมิก็ปรากฏรอยยิ้มที่มุมปาก แล้วเรียกทุกคนมารวมกันก่อนที่จะประกาศเรื่องการซ้อมในวันนี้
“เอาล่ะ ชิสึรุ อยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ตามฟอร์ม ส่วนเซโกะเธอนะซ้อมกับทีมมานานแล้วนะประสิทธิภาพในการพัฒนาของเธอยังอ่อนมาก ควรตั้งใจฝึกซ้อมให้มากกว่านี้นะ ส่วนมิยาชิตะซัง ทุกคนอาจจะสงสัยว่าทำไมครั้งนี้ฉันถึงให้มิยาชิตะซังซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการฝึกมาร่วมทดสอบด้วย ฉันบอกเลยว่าฉันเห็นการเล่นของมิยาชิตะซังเมื่อวานและชอบมาก ฉันยังหวังว่าเธอจะรับข้อเสนอของฉันนะ”พูดจบโค้ชคุมิก็เดินออกไปทันที ทิ้งให้คนอื่น ๆ เข้ามารุมฮารุกะเพื่อถามว่าโค้ชเสนออะไร
“โค้ชคุมิค่ะ...โค้ช”
“ว่าไง”เมื่อเดินมาได้สักพักสต๊าฟโค้ชก็วิ่งตามมาพร้อมเรียกไว้
“สถิติวันนี้...ฉันว่ามิยาชิตะซังยังทำได้ไม่ดีนัก...ทำไมโค้ชถึงยังอยากได้เธอร่วมทีมอยู่ค่ะ”
“เธอมองสถิติภาพรวมโดยไม่ได้มองเจาะจงใช่ไหม???”
“หมายความว่าไงค่ะ??”
“สถิติถึงแม้จะได้ไม่ถึงครึ่งแต่ก็เป็นเพราะเราเก็บสถิติแบบรวมซึ่งมิยาชิตะซังมาพลาดตอนหลัง ๆ ทำให้คะแนนรวมค่อนข้างต่ำ แต่ต้น ๆ เธอทำได้ดีจนแทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ นั่นเพราะอะไรเธอรู้หรือเปล่า”
“....”
“เพราะเด็กคนนั้นร่างกายยังไม่แข็งแรงพอที่จะเผชิญกับเกมส์ยาว ๆ ด้วยรูปร่างที่ค่อนข้างจะบอบบางแต่ความสูงก็ใช้ได้อยู่นะ...แล้วเธอดูนี่ซิ”โค้ชคุมิยืนเอกสารส่วนที่เป็นของตัวตบให้สต๊าฟโค้ชดู
“เห็นมั๊ย...ว่าช่วงแรก ๆ ที่เด็กคนนั้นเซตเข้าเป้าตัวตีเราแต่ละคนมีประสิทธิภาพในการขึ้นทำคะแนนมากกว่าชิสึรุด้วยซ้ำ...โดยเฉพาะ...”โค้ชคุมิชี้ไปที่ชื่อของมิยูในเอกสาร สต๊าฟโค้ชที่เพิ่งสังเกตุเห็นข้อมูลก็ได้แต่ตาโต
“สถิติการกระโดดสูงกว่าที่ผ่านมา อาจจะเลยสามร้อยสิบไปแล้วมั้งแล้วยังพลังตบที่เร็วและรุนแรงกว่าตอนเก็บสถิติครั้งเก่าซะอีก...นากาโอกะซังอาจจะพัฒนาขึ้นด้วยประสบการณ์และการฝึกซ้อมก็ใช่...แต่หัวใจหลักของตัวตีก็คือเซตเตอร์...จริงมั๊ย”พูดจบโค้ชคุมิก็เดินออกไป
***************************************************
“หนูว่าจะปรึกษาพวกพี่อยู่เหมือนกันค่ะ แต่ยังไม่มีโอกาส”หลังจากที่ซ้อมเสร็จแล้วพวกมิยูก็พากันมาเดินเล่นไปเรื่อย ๆ ตามถนน
“เมื่อเช้าโค้ชเรียกหนูไปหา...บอกว่าอยากจะให้หนูเซ็นต์สัญญาเป็นนักกีฬาของทีม...”
“จริงอ่ะ”
“จริงดิ”
“จริง ๆ เหรอตัวเล็ก” เสียงรุ่นพี่เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น
“ดีจัง ๆ อย่างนี้ตัวเล็กก็เป็นนักกีฬาเหมือนพวกเราแล้วดิ”ยูกิเอ่ยยิ้มๆ
“พวกพี่ว่าดีเหรอค่ะ”ฮารุกะถาม
“แล้วทำไมมันจะไม่ดีล่ะค่ะ”นานะกลับ
“นั่นซิ...ทำไมตัวเล็กว่ามันจะไม่ดีล่ะ”ริสะเอ่ยขึ้นบ้าง ฮารุกะมองหน้าพี่ ๆ แต่ละคนก่อนจะถอนหายใจ
“เฮ้อออออ....ก็หนู...ไม่เคยเล่นวอลเลย์มาก่อนเลยนะคะ ที่ทำได้ดีจนโค้ชเห็นอาจจะแค่ฟลุตก็ได้”
“....”เสียงเงียบคือคำตอบ ความจริงทุกคนงงมากกว่าเพราะมิยูเคยเล่าว่าน้องเล่นวอลเลย์ตั้งแต่เด็กแต่เจ้าตัวดันบอกไม่เคยเล่น อีกอย่างคนไม่เคยเล่นที่ไหนจะคุ้นเคยและเล่นได้ดีขนาดนี้ ทุกคนส่งสายตาสงสัยไปยังมิยู แต่มิยูก็ไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากมองฮารุกะนิ่ง ๆ ก่อนที่ชิสึรุจะเอ่ยขึ้น
“เอาเป็นว่าตัวเล็กค่อย ๆ ตัดสินใจก็ได้ค่ะ ไม่ต้องรีบหรอก โค้ชก็บอกให้มาคิดดูก่อนใช่มั๊ย??”ฮารุกะจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
หลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนฮารุกะที่อาบน้ำเสร็จแล้วก็เอ่ยบอกยูกิที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่
“พี่ยูกิค่ะ เดี๋ยวหนูมานะ”
“ไปไหนค่ะ ตัวเล็ก มืดแล้วนะ”
“ไม่ได้ออกจากบริเวณสโมสรหรอกค่ะ แค่อยากคิดอะไรนิดหน่อย”
“อย่าขึ้นมาดึกนักก็แล้วกันคะ จะได้พักผ่อนเยอะ ๆ” ฮารุกะพยักหน้ารับก่อนจะเปิดประตูออกไป
“น้องล่ะ”เมื่อมิยูออกมาจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นฮารุกะก็เอ่ยถามจากเพื่อนสนิททันที
“แหม...ไอ้มิยูปล่อยน้องคาดสายตาหน่อยก็ได้...ยังไม่ทันไรถามถึงอีกแล้ว”
“อย่ามากวนน่า...เท็นชิไปไหน”
“ออกไปเดินเล่น”
“ออกไปเดินเล่น!!!ตอนนี้เนี่ยนะ แกปล่อยน้องไปได้ไง...มืดแล้วนะ”มิยูพูดพร้อมหุนหันจะออกจากห้องไปแต่พอเปิดประตูออกไปก็เจอกับพวกชิสึรุที่ออกันอยู่เต็มหน้าห้อง
“มากันทำไมเนี่ย”มิยูถาม
“แกต่างหากจะไปไหน”ฮิราอิสวนกลับ
“ไปตามน้อง”บอกพร้อมทั้งดันริสะที่ยืนขว้างอยู่ให้พ้นทาง แต่นานะดึงแขนไว้
“เมื่อกี้ฉันเห็นน้องอยู่ที่สวนนั่งเล่นในสโมสรนี่แหละ...ไม่ต้องห่วงหรอก สโมสรห้ามคนนอกเข้าก่อนได้รับอนุญาตอยู่แล้ว...ส่วนแกนะ...ไปนั่งนู่นเลย...ฉันมีเรื่องจะถามแล้วแกต้องตอบด้วย”นานะชี้ไปที่โซฟาที่อยู่ภายในห้อง
“พวกแกมีเรื่องอะไร...รีบถามฉันจะรีบตอบ...ห่วงน้อง”มิยูเอ่ยอย่างไม่พอใจนักด้วยความเป็นห่วงฮารุกะ
“ก็เรื่องน้องนั่นแหละ...ที่แกเล่าให้พวกฉันฟังน้องก็เล่นวอลเลย์มาตั้งแต่เด็กนี่น่า...แล้วทำไมน้องถึงบอกว่าไม่เคยเล่นล่ะ”
“ช่าย ๆ ฉันก็สงสัย...รึว่า!!!...แกจะจำเท็นชิจิบิของแกผิดคน!!!”ริสะโผลงขึ้นมา
“บ้าแล้ว!!!...นางฟ้าตัวน้อยของฉันนะมีคนเดียวและฉันไม่มีทางจำผิดแน่นอน...เพียงแต่ว่ามันเกิดเรื่องขึ้นนะ...เฮ้อออออ”มิยูถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องที่พ่อของฮารุกะมาบอกเขาให้เพื่อน ๆ ฟัง
*********************************************
“เอาไงดีนะเรา”ฮารุกะบ่นกับตัวเองเบา ๆ เธอออกมานั่งที่สวนนั่งเล่นของสโมสรได้สักพักแล้วแต่ก็ยังคิดไม่ตกเรื่องข้อเสนอของโค้ช เธอกำลังนึกถึงคนที่มาก่อน
...พี่ชิสึรุคงไม่มีปัญหาก็พี่เขาเป็นตัวจริงอยู่แล้วนี่...
...แต่เซโกะซังนี่ซิ...ถ้าเขาคิดว่าเราจะมาแทนที่เขาจะเป็นยังไงนะ...
...แล้วถ้าเราทำผลงานให้ทีมได้ไม่ดี...พวกพี่ ๆ ก็ต้องพลอยผิดหวังไปด้วย...
ฮารุกะจมอยู่กับความคิดของตัวเองจนไม่รู้สึกถึงมิยูที่มายืนอยู่ด้านหลัง หลังจากที่เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เพื่อนฟัง มิยูก็ขอตัวเดินออกมาตามฮารุกะ ท่ามกลางสายตาเห็นใจของเพื่อน ๆ ที่มิยูก็มองออกและเพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้น...ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเท็นชิของเขา...มิยูยืนมองฮารุกะพลางคิดถึงเรื่องที่เมื่อสักครู่
“ฉันไม่อยากให้น้องเป็นนักกีฬา”หลังจากที่เล่าเรื่องฮารุกะความจำเสื่อมให้ทุกคนฟังแล้วมิยูจึงเอ่ยความคิดของตัวเองออกมาหลังจากที่โค้ชคุมิแสดงเจตนาว่าต้องการให้เท็นชิของเขาเป็นนักกีฬา
“ทำไมล่ะ...ถ้าเป็นนักกีฬาน้องก็จะได้อยู่ใกล้แกในอีกระดับหนึ่ง...แกไม่อยากให้น้องอยู่ใกล้ ๆ หรอกเหรอ???”ยูกิเอ่ยถาม
“ใกล้แล้วยังไง???...ถ้าต้องเสี่ยงต่อการที่น้องจะจำเรื่องเลวร้ายในอดีตได้ขึ้นมามันคุ้มเหรอ...ฉันไม่อยากเห็นน้องต้องทรมานจากการสูญเสียครั้งนั้น”
“แสดงว่าแกไม่มั่นใจใช่มั๊ย”ริสะโผลงถามขึ้น
“ไม่มั่นใจอะไร”
“ก็ไม่มั่นใจว่าแกจะอยู่ข้างน้องไง”ชิสึรุขยายความ
“ฉันไม่เคยคิดจะห่างจากเท็นชิ”มิยูส่ายหน้าปฏิเสธ
“งั้นแกกลัวอะไร...ถ้าแกมั่นใจกับตัวเองแล้วว่าแกจะอยู่ข้างน้องเสมอมีอะไรต้องกลัวอีก...เพราะไม่ว่าน้องจะเจอเรื่องเลวร้ายแค่ไหน...น้องก็ยังมีมือของแกของประคองเวลาล้ม มีกำลังใจจากแกในเวลาที่ท้อแท้ หรือไม่ใช่??” ยูกิถามกลับ
และนั่นก็ทำให้มิยูได้คิด...เรื่องราวข้างหน้าจะเป็นยังไงเขาเองก็ยังไม่รู้...สิ่งที่เขารู้แน่ ๆ คือเขาจะอยู่กับน้องเสมอ...อย่างที่ยูกิว่าไม่มีอะไรต้องกลัว แค่ขอให้น้องมีความสุขกับสิ่งที่ทำก็พอ...มิยูจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหา
“...รุ่นพี่...”
“นั่งด้วยคนได้มั๊ย?”มิยูเอ่ยถามและโดยไม่รอคำตอบก็ทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ฮารุกะ
“คิดอะไรอยู่ค่ะ?”
“เรื่องสัญญา...”
“...”
“หนูสับสนคะ”
“ยังไงค่ะ?”
“มันเป็นไปไม่ได้ใช่มั๊ยคะ...ที่คนที่ไม่เคยเล่นวอลเลย์เลยอย่างหนู...อยู่ดี ๆก็ถูกยืนข้อเสนอแบบนี้มาให้”
“เป็นไปได้ซิค่ะ...อย่างน้อยก็คนตรงหน้าพี่นี่ไง”มิยูเอ่ยล้อยิ้ม ๆ
“ง่ะ...รุ่นพี่หนูซีเรียสนะคะ”ฮารุกะพองลมเข้าแก้ม มิยูหลุดหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างจริงจัง
“กำลังไม่สบายใจที่จะเลือกใช่มั๊ย”
“หนูกลัวค่ะ”
“.....”
“ถ้าหนูเลือกที่จะเป็นนักกีฬาทั้ง ๆ ที่หนูไม่เคยเล่นมันมาก่อน...หนูต้องเป็นตัวถ่วงพวกพี่ ๆ แน่ ๆ เลยค่ะ....แล้วอีกอย่างที่สปริงค์นี่ก็มีทั้งพี่ชิสึรุและเซโกะซังอยู่แล้ว...หนูไม่เข้าใจว่าโค้ชคุมิเขาจะให้หนูเซ็นต์สัญญาอีกทำไม ทีม ๆ นึงมีตัวเซตถึงสามคนมันไม่แปลกไปหน่อยเหรอคะ??แล้วอีกอย่าง...พี่ชิสึรุคงไม่เป็นไรเพราะพี่เขาเป็นตัวจริงอยู่แล้วแต่สำหรับเซโกะซังเขาจะคิดว่าหนูเป็นคู่แข่งเป็นศัตรูหรือเปล่าก็ไม่รู้”มิยูไม่ได้ขัดปล่อยให้ฮารุกะได้ระบายออกมาเรื่อย ๆจนหมดสิ่งที่กังวลภายในใจแล้วมิยูก็เลือกที่จะลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งข้าง ๆ ฮารุกะมานั่งยอง ๆตรงหน้ามือหนากระชับมือเล็กของคนตรงหน้าเอาไว้ทั้งสองข้าง
“ฮารุกะคะ...ฟังพี่นะ...ฮารุกะไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น...ตัดทุกอย่างออกให้หมด...แล้วตอบคำถามพี่ข้อเดียว...เวลาฮารุกะเล่นวอลเลย์บอลฮารุกะสนุกมั๊ย...ชอบมันหรือเปล่า”มิยูเงยหน้ามองนัยต์ตากลมที่ก้มลงมาสบตาเขา ฮารุกะเม้มปากอย่างใช้ความคิด ฮืม...ความจริงมันก็สนุกนะ...ได้ร่วมมือกัน...ได้ช่วยเหลือกัน...ได้เพื่อน...ได้คู่คิด...ได้รอยยิ้ม...และแม้เราทำจะพลาดกี่ครั้งเราก็ยังได้...กำลังใจ
“สนุกคะ...หนูชอบมัน”ฮารุกะพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม มิยูส่งรอยยิ้มคืนให้ก่อนจะคลึงมือเรียวในอุ้งมือตนเล่น ฮารุกะก้มลงสบตากับคนที่เงยหน้าขึ้นมาหาเธอพอดี
“สำหรับพี่...ฮารุกะไม่ใช่ตัวถ่วงแน่นอน...กลับกัน...ฮารุกะคือเซตเตอร์ที่ดีมาก ๆ สำหรับพี่...จังหวะที่พี่เทคตัวขึ้นไปกับลูกวอลเลย์ที่ฮารุกะเซตมาให้...พี่มีความมั่นใจทุกครั้งว่ามันจะได้คะแนน...ไม่ว่าจะในรูปแบบไหน...อันนี้ความลับนะพี่มั่นใจกว่าจังหวะที่ชิสึรุเซตให้ซะอีก”มิยูขยิบตาหนึ่งข้างพร้อมรอยยิ้มทะเล้น จนฮารุกะหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ตัดสินใจได้หรือยังคะ”มิยูปล่อยมือข้างหนึ่งจากมือเรียวเอื้อมไปลูบกลุ่มผมนิ่มแทน
“หนูจะเป็นเซตเตอร์ที่ดีได้ใช่มั๊ยค่ะ?”ฮารุกะถามหาความมั่นใจจากคนตรงหน้าด้วยแววตาที่ยังคงหวาดหวั่น
“สำหรับพี่ฮารุกะเป็นได้แน่นอนค่ะ และไม่ใช่แค่เซตเตอร์ที่ดี สำหรับพี่ฮารุกะจะเป็นเซตเตอร์ที่วิเศษที่สุด”มิยูสบตาฮารุกะด้วยแววตาแห่งความมั่นใจที่ฉายชัด ฮารุกะสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะระบายรอยยิ้มออกมา
“กลับกันเถอะค่ะ ดึกแล้ว...อากาศเย็น”มิยูชวนกลับหลังจากที่ไล่ฝ่ามือลงบนแก้มเนียมสัมผัสกับความเย็นเฉียบ ถึงแม้หน้าที่ซีดจะเริ่มแดงระเรื่อขึ้นก็เถอะมิยูหันหลังกลับ
“รุ่นพี่ค่ะ”แต่เสียงเรียกของฮารุกะก็ดังขึ้นจากด้านหลัง มิยูจึงหันกลับมาและยังไม่ทันได้ตั้งตัวใด ๆ สองแขนของฮารุกะก็โอบเข้ารอบเอวของเขาใบหน้าเนียนซบลงบนไหล่
“ขอบคุณนะคะ”เสียงหวานพึมพำแผ่วเบาขึ้นข้างหู มิยูที่พอตั้งสติได้ก็วาดแขนข้างหนึ่งที่หลังน้องและอีกข้างยกขึ้นลูบผมนิ่ม
“แค่นี้เอง...ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ฮารุกะหลับตาลงรับสัมผัสที่เธอเองก็สงสัยว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคย
“หนูสัญญาว่าหนูจะเป็นเซตเตอร์ที่ดีให้พี่คะ...อืมมมม...อันที่จริงหนูก็มีความลับนะคะ”ฮารุกะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทะเล้นจนมิยูต้องคล้ายอ้อมกอดก่อนจะสบตากับดวงตากลมแป๋วของคนตรงหน้า ฮารุกะยิ้มให้ใบหน้าสงสัยของมิยู
“...ในเสียววินาทีที่เซตลูกออกไปให้พี่...หนูเองก็เชื่อใจในตัวตีของหนูคะ...”ฮารุกะขยิบตาข้างหนึ่งเรียนแบบร่างสูงกว่าตรงหน้า จนมิยูเองก็หลุดขำเล็ก ๆ ก่อนจะดึงฮารุกะเข้ามากอดอีกครั้ง ฮารุกะระบายรอยยิ้มในอ้อมแขนแกร่งก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ขอบคุณที่มั่นใจในเซตเตอร์คนนี้นะคะ...เพราะเซตเตอร์คนนี้ก็เชื่อใจตัวตีเหมือนกัน”เสียงหวานพึมพำแผ่วเบา
“รู้อะไรมั๊ยค่ะ...ความจริงแล้ว...เซตเตอร์เป็นหัวใจของตัวตีนะ” เซตเตอร์คือหัวใจของตัวตี...ถ้าเป็นอย่างนั้น...หนูจะขอเป็นเซตเตอร์ของรุ่นพี่ตลอดไป ได้มั๊ยคะ... มันคงเป็นแค่ความคิดที่ฮารุกะคงไม่วันกล้าพูดมันออกมา...
ความคิดเห็น