ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ...คือเธอเท่านั้น... (นากาโอกะ มิยู x มิยาชิตะ ฮารุกะ)

    ลำดับตอนที่ #7 : หัวใจของ...???

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.พ. 57


    วันนี้ฮารุกะโดนโค้ชคุมิเรียกไปพบตั้งแต่เช้าตรู่ และตอนที่กลับออกมาแววตากลมก็ดูหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อยด้วยสิ่งที่โค้ชบอกเธอ

    “บอกตามตรงนะ เธอน่ะมีพรสวรรค์การเล่นของเธอเมื่อวานกับทีมของฉันเป็นไปได้ดี ดูเหมือนเมื่อวานทีมเธอชนะด้วยนิจริงมั๊ย”

    “ที่ชนะ เพราะพวกรุ่นพี่เขาเก่งค่ะ ไม่ใช่เพราะหนูหรอก”

    “หึหึ...เธอเนี่ยน่า...ไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าเซตเตอร์นะเป็นหัวใจของตัวตีเลยนะ เซตเตอร์เซตไม่เข้าตัวตีไม่มีทางทำคะแนนได้”โค้ชคุมิพูดยิ้ม ๆ

    “แต่ว่าหนู...”

    “เอาล่ะ ๆ ที่เรียกมาวันนี้เพราะฉันเห็นพรสวรรค์และแววตาความมุ่งมั่นในตัวเธอ ฉันจะขอให้เธอเซ็นสัญญาเป็นนักกีฬาของทีมสปริงค์...เธอจะว่ายังไง”

    “....”เมื่อเห็นฮารุกะเม้มปากอย่างใช้ความคิด โค้ชคุมิจึงตัดสินใจให้เธอได้มีทางเหลือและเวลาคิด

    “ฉันไม่ได้บังคับนะ แต่ฉันเชื่อว่าเธอทำได้ เอากลับไปคิดดูก่อนก็ได้”

    “ค่ะ”ฮารุกะรับคำก่อนจะเดินออกจากห้องของโค้ช ทางด้านโค้ชคุมิหลังจากที่ฮารุกะกลับออกไปสต๊าฟโค้ชที่นั่งอยู่ด้วยกันก็เอ่ยถามขึ้น

    “โค้ชคุมิค่ะ ทางเราส่งชื่อมิยาชิตะซังเป็นหนึ่งในผู้เล่นทีมสปริงค์ไปแล้ว...แล้วนี่โค้ชบอกว่าให้เธอไปตัดสินใจก่อน...แล้วถ้าเธอปฏิเสธเราจะทำยังไงกันค่ะ”โค้ชคุมิรวบแฟ้มเอกสารมาถือพร้อมเดินออกจากห้องเพื่อไปคุมทีมในการซ้อมที่สนาม

    “ก็บอกไปแล้วไง...เซตเตอร์นะเป็นหัวใจของตัวตี...ตัวตีขาดเซตเตอร์ไม่ได้หรอก...หึหึ”โค้ชคุมิหัวเราะก่อนจะปิดประตูห้องทิ้งให้สต๊าฟโค้ชมองตามอย่างงง ๆ

    “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่มิยาชิตะซังจะเซ็นหรือไม่เซ็นสัญญาฟ่ะ”สต๊าฟโค้ชเกาหัวอย่างงง ๆก่อนจะเดินตามโค้ชคุมิออกไป

     

    การซ้อมวันนี้พุ่งไปที่ตำแหน่งตัวเซต โค้ชคุมิให้สต๊าฟโค้ชส่งบอลในลักษณะต่าง ๆ ให้เซตเตอร์เซตให้ตัวตีตบ  ไม่ว่าจะเป็นลักษณะที่ต่ำจนเซตไม่ได้ หรือต้องก้มลงไปเซต หรือลักษณะแก้ไขด้วยไหวพริบ และมีการเก็บสถิติจากสต๊าฟโค้ชที่อยู่รอบสนาม โดยชิสึรุ ตัวเซตตัวจริงสามารถแก้ไขสถานการณ์และเซตจนตัวตีทำแต้มได้คิดเป็นเปอร์เซ็นได้สูงถึง 84 % เลยที่เดียว ในขนาดที่ตัวเซตสำรองอย่างเซโกะที่คะแนนไม่ถึง 50% ด้วยซ้ำ เนื่องด้วยการแก้ไขและไหวพริบในการหลอกตัวบล็อกไม่แนบเนียนทำให้ตัวตีตบติดเน็ตหรือติดบล็อกหลายครั้ง จนโค้ชคุมิที่สังเกตุการณ์อยู่ถึงกับเครียด

    “มิยาชิตะซังเธอลองดูหน่อยซิ”โค้ชคุมิหันไปเรียกฮารุกะที่เดินถือกระติกน้ำที่ใส่เครื่องดื่มสำหรับนักกีฬามาไว้ที่ข้างสนาม

    “เอ๊ะ...หนูเหรอค่ะ”ฮารุกะใช้มือชี้ที่ตัวเอง ก่อนที่โค้ชคุมิจะพยักหน้าเป็นเชิงว่าใช่ ท่ามกลางสายตาลุ้น ๆ ของคนในทีมที่เคยเล่นวอลเลย์กับฮารุกะมาเมื่อวานและสายตางง ๆ ของคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่พวกมิยูกลับงงในสิ่งที่ว่าทำไมโค้ชถึงให้ฮารุกะลองมากกว่า

    “แต่...หนู”

    “เอาน่า...กลัวอะไร...นากาโอกะซังเธอไปพามิยาชิตะซังมาไป”โค้ชคุมิบอกมิยูที่กำลังยืนงง ๆ อยู่

    “นากาโอกะซัง”โค้ชคุมิเรียกอีกครั้ง

    “คะ...ค่ะ ๆ ๆ”มิยูรับคำก่อนเดินไปหาฮารุกะ

    “รุ่นพี่ค่ะ...หนู”

    “ไม่เป็นไรฮารุกะทำได้อยู่แล้ว...เมื่อวานยังทำได้เลยจริงมั๊ย”เมื่อเห็นแววตาที่ไม่มีความมั่นใจมิยูจึงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นให้กำลังใจ  ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงสงสัยว่าทำไมฮารุกะถึงไม่มั่นใจในการเล่นวอลเลย์ทั้ง ๆ ที่ก็เล่นมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่เมื่อรู้ว่าร่างบางตรงหน้าความจำเสื่อมก็ไม่แปลกใจอะไรนอกจากแปลกใจว่าทำไมยังเล่นได้ดีทั้ง ๆ ที่ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับการเล่นวอลเลย์บอลเหลืออยู่เลย...แต่คงเป็นเพราะสมองอาจลืมเลือนหากแต่ร่างกายยังจดจำ...มิยูเองก็ได้แต่หวัง...ถึงแม้สมองฮารุกะจะลืมเลือนแต่ขอแค่เพียงหัวใจยังจดจำ...เพียงเท่านี้เขาคงมีกำลังใจที่อยู่ทำตามความฝันและอยู่เคียงข้างคนตรงหน้าต่อไป...

     

    “จัดตัวเหมือนเดิมนะ ชิสึรุออกมาก่อนให้มิยาชิตะซังเข้าไปแทนที่เหลือเป็นตัวจริงทั้งหมดนะ สต๊าฟเก็บสถิติด้วย ซ้อมให้เหมือนกับที่ซ้อมชิสึรุกับเซโกะเมื่อกี้เลยนะ” สิ้นคำสั่งโค้ชทุกคนเข้าประจำที่และผลสรุปก็คือฮารุกะสามารถเซตให้ตัวตบทำคะแนนได้คิดเป็นเปอร์เซนต์คือ 35% โค้ชคุมิมองรายละเอียดที่ทางสต๊าฟจดสถิติไว้ประกอบกับการที่เห็นการซ้อมด้วยตาตัวเองเมื่อสักครู่ก่อนที่จะหันไปหาสต๊าฟโค้ชอีกคนที่เก็บสถิติของตัวตบไว้ เมื่อนำเอกสารทั้งคู่มาประกอบกันโค้ชคุมิก็ปรากฏรอยยิ้มที่มุมปาก แล้วเรียกทุกคนมารวมกันก่อนที่จะประกาศเรื่องการซ้อมในวันนี้

    “เอาล่ะ ชิสึรุ อยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ตามฟอร์ม ส่วนเซโกะเธอนะซ้อมกับทีมมานานแล้วนะประสิทธิภาพในการพัฒนาของเธอยังอ่อนมาก ควรตั้งใจฝึกซ้อมให้มากกว่านี้นะ ส่วนมิยาชิตะซัง ทุกคนอาจจะสงสัยว่าทำไมครั้งนี้ฉันถึงให้มิยาชิตะซังซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการฝึกมาร่วมทดสอบด้วย ฉันบอกเลยว่าฉันเห็นการเล่นของมิยาชิตะซังเมื่อวานและชอบมาก ฉันยังหวังว่าเธอจะรับข้อเสนอของฉันนะ”พูดจบโค้ชคุมิก็เดินออกไปทันที ทิ้งให้คนอื่น ๆ เข้ามารุมฮารุกะเพื่อถามว่าโค้ชเสนออะไร

     

    “โค้ชคุมิค่ะ...โค้ช”

    “ว่าไง”เมื่อเดินมาได้สักพักสต๊าฟโค้ชก็วิ่งตามมาพร้อมเรียกไว้

    “สถิติวันนี้...ฉันว่ามิยาชิตะซังยังทำได้ไม่ดีนัก...ทำไมโค้ชถึงยังอยากได้เธอร่วมทีมอยู่ค่ะ”

    “เธอมองสถิติภาพรวมโดยไม่ได้มองเจาะจงใช่ไหม???”

    “หมายความว่าไงค่ะ??”

    “สถิติถึงแม้จะได้ไม่ถึงครึ่งแต่ก็เป็นเพราะเราเก็บสถิติแบบรวมซึ่งมิยาชิตะซังมาพลาดตอนหลัง ๆ ทำให้คะแนนรวมค่อนข้างต่ำ แต่ต้น ๆ เธอทำได้ดีจนแทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ นั่นเพราะอะไรเธอรู้หรือเปล่า”

    “....”

    “เพราะเด็กคนนั้นร่างกายยังไม่แข็งแรงพอที่จะเผชิญกับเกมส์ยาว ๆ ด้วยรูปร่างที่ค่อนข้างจะบอบบางแต่ความสูงก็ใช้ได้อยู่นะ...แล้วเธอดูนี่ซิ”โค้ชคุมิยืนเอกสารส่วนที่เป็นของตัวตบให้สต๊าฟโค้ชดู

    “เห็นมั๊ย...ว่าช่วงแรก ๆ ที่เด็กคนนั้นเซตเข้าเป้าตัวตีเราแต่ละคนมีประสิทธิภาพในการขึ้นทำคะแนนมากกว่าชิสึรุด้วยซ้ำ...โดยเฉพาะ...”โค้ชคุมิชี้ไปที่ชื่อของมิยูในเอกสาร สต๊าฟโค้ชที่เพิ่งสังเกตุเห็นข้อมูลก็ได้แต่ตาโต

    “สถิติการกระโดดสูงกว่าที่ผ่านมา อาจจะเลยสามร้อยสิบไปแล้วมั้งแล้วยังพลังตบที่เร็วและรุนแรงกว่าตอนเก็บสถิติครั้งเก่าซะอีก...นากาโอกะซังอาจจะพัฒนาขึ้นด้วยประสบการณ์และการฝึกซ้อมก็ใช่...แต่หัวใจหลักของตัวตีก็คือเซตเตอร์...จริงมั๊ย”พูดจบโค้ชคุมิก็เดินออกไป

     

                           ***************************************************

     

     

    “หนูว่าจะปรึกษาพวกพี่อยู่เหมือนกันค่ะ แต่ยังไม่มีโอกาส”หลังจากที่ซ้อมเสร็จแล้วพวกมิยูก็พากันมาเดินเล่นไปเรื่อย ๆ ตามถนน

    “เมื่อเช้าโค้ชเรียกหนูไปหา...บอกว่าอยากจะให้หนูเซ็นต์สัญญาเป็นนักกีฬาของทีม...”

    “จริงอ่ะ”

    “จริงดิ”

    “จริง ๆ เหรอตัวเล็ก” เสียงรุ่นพี่เอ่ยถามอย่างตื่นเต้น

    “ดีจัง ๆ อย่างนี้ตัวเล็กก็เป็นนักกีฬาเหมือนพวกเราแล้วดิ”ยูกิเอ่ยยิ้มๆ

    “พวกพี่ว่าดีเหรอค่ะ”ฮารุกะถาม

    “แล้วทำไมมันจะไม่ดีล่ะค่ะ”นานะกลับ

    “นั่นซิ...ทำไมตัวเล็กว่ามันจะไม่ดีล่ะ”ริสะเอ่ยขึ้นบ้าง ฮารุกะมองหน้าพี่ ๆ แต่ละคนก่อนจะถอนหายใจ

    “เฮ้อออออ....ก็หนู...ไม่เคยเล่นวอลเลย์มาก่อนเลยนะคะ ที่ทำได้ดีจนโค้ชเห็นอาจจะแค่ฟลุตก็ได้”

    “....”เสียงเงียบคือคำตอบ ความจริงทุกคนงงมากกว่าเพราะมิยูเคยเล่าว่าน้องเล่นวอลเลย์ตั้งแต่เด็กแต่เจ้าตัวดันบอกไม่เคยเล่น อีกอย่างคนไม่เคยเล่นที่ไหนจะคุ้นเคยและเล่นได้ดีขนาดนี้ ทุกคนส่งสายตาสงสัยไปยังมิยู แต่มิยูก็ไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากมองฮารุกะนิ่ง ๆ ก่อนที่ชิสึรุจะเอ่ยขึ้น

    “เอาเป็นว่าตัวเล็กค่อย ๆ ตัดสินใจก็ได้ค่ะ ไม่ต้องรีบหรอก โค้ชก็บอกให้มาคิดดูก่อนใช่มั๊ย??”ฮารุกะจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

     

    หลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนฮารุกะที่อาบน้ำเสร็จแล้วก็เอ่ยบอกยูกิที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่

    “พี่ยูกิค่ะ เดี๋ยวหนูมานะ”

    “ไปไหนค่ะ ตัวเล็ก มืดแล้วนะ”

    “ไม่ได้ออกจากบริเวณสโมสรหรอกค่ะ แค่อยากคิดอะไรนิดหน่อย”

    “อย่าขึ้นมาดึกนักก็แล้วกันคะ จะได้พักผ่อนเยอะ ๆ” ฮารุกะพยักหน้ารับก่อนจะเปิดประตูออกไป

    “น้องล่ะ”เมื่อมิยูออกมาจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นฮารุกะก็เอ่ยถามจากเพื่อนสนิททันที

    “แหม...ไอ้มิยูปล่อยน้องคาดสายตาหน่อยก็ได้...ยังไม่ทันไรถามถึงอีกแล้ว”

    “อย่ามากวนน่า...เท็นชิไปไหน”

    “ออกไปเดินเล่น”

    “ออกไปเดินเล่น!!!ตอนนี้เนี่ยนะ แกปล่อยน้องไปได้ไง...มืดแล้วนะ”มิยูพูดพร้อมหุนหันจะออกจากห้องไปแต่พอเปิดประตูออกไปก็เจอกับพวกชิสึรุที่ออกันอยู่เต็มหน้าห้อง

    “มากันทำไมเนี่ย”มิยูถาม

    “แกต่างหากจะไปไหน”ฮิราอิสวนกลับ

    “ไปตามน้อง”บอกพร้อมทั้งดันริสะที่ยืนขว้างอยู่ให้พ้นทาง แต่นานะดึงแขนไว้

    “เมื่อกี้ฉันเห็นน้องอยู่ที่สวนนั่งเล่นในสโมสรนี่แหละ...ไม่ต้องห่วงหรอก สโมสรห้ามคนนอกเข้าก่อนได้รับอนุญาตอยู่แล้ว...ส่วนแกนะ...ไปนั่งนู่นเลย...ฉันมีเรื่องจะถามแล้วแกต้องตอบด้วย”นานะชี้ไปที่โซฟาที่อยู่ภายในห้อง

    “พวกแกมีเรื่องอะไร...รีบถามฉันจะรีบตอบ...ห่วงน้อง”มิยูเอ่ยอย่างไม่พอใจนักด้วยความเป็นห่วงฮารุกะ

    “ก็เรื่องน้องนั่นแหละ...ที่แกเล่าให้พวกฉันฟังน้องก็เล่นวอลเลย์มาตั้งแต่เด็กนี่น่า...แล้วทำไมน้องถึงบอกว่าไม่เคยเล่นล่ะ”

    “ช่าย ๆ ฉันก็สงสัย...รึว่า!!!...แกจะจำเท็นชิจิบิของแกผิดคน!!!”ริสะโผลงขึ้นมา

    “บ้าแล้ว!!!...นางฟ้าตัวน้อยของฉันนะมีคนเดียวและฉันไม่มีทางจำผิดแน่นอน...เพียงแต่ว่ามันเกิดเรื่องขึ้นนะ...เฮ้อออออ”มิยูถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องที่พ่อของฮารุกะมาบอกเขาให้เพื่อน ๆ ฟัง

     

                                              *********************************************

     

    “เอาไงดีนะเรา”ฮารุกะบ่นกับตัวเองเบา ๆ เธอออกมานั่งที่สวนนั่งเล่นของสโมสรได้สักพักแล้วแต่ก็ยังคิดไม่ตกเรื่องข้อเสนอของโค้ช เธอกำลังนึกถึงคนที่มาก่อน

    ...พี่ชิสึรุคงไม่มีปัญหาก็พี่เขาเป็นตัวจริงอยู่แล้วนี่...

    ...แต่เซโกะซังนี่ซิ...ถ้าเขาคิดว่าเราจะมาแทนที่เขาจะเป็นยังไงนะ...

    ...แล้วถ้าเราทำผลงานให้ทีมได้ไม่ดี...พวกพี่ ๆ ก็ต้องพลอยผิดหวังไปด้วย...

    ฮารุกะจมอยู่กับความคิดของตัวเองจนไม่รู้สึกถึงมิยูที่มายืนอยู่ด้านหลัง หลังจากที่เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เพื่อนฟัง มิยูก็ขอตัวเดินออกมาตามฮารุกะ ท่ามกลางสายตาเห็นใจของเพื่อน ๆ ที่มิยูก็มองออกและเพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้น...ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเท็นชิของเขา...มิยูยืนมองฮารุกะพลางคิดถึงเรื่องที่เมื่อสักครู่

    “ฉันไม่อยากให้น้องเป็นนักกีฬา”หลังจากที่เล่าเรื่องฮารุกะความจำเสื่อมให้ทุกคนฟังแล้วมิยูจึงเอ่ยความคิดของตัวเองออกมาหลังจากที่โค้ชคุมิแสดงเจตนาว่าต้องการให้เท็นชิของเขาเป็นนักกีฬา

    “ทำไมล่ะ...ถ้าเป็นนักกีฬาน้องก็จะได้อยู่ใกล้แกในอีกระดับหนึ่ง...แกไม่อยากให้น้องอยู่ใกล้ ๆ หรอกเหรอ???”ยูกิเอ่ยถาม

    “ใกล้แล้วยังไง???...ถ้าต้องเสี่ยงต่อการที่น้องจะจำเรื่องเลวร้ายในอดีตได้ขึ้นมามันคุ้มเหรอ...ฉันไม่อยากเห็นน้องต้องทรมานจากการสูญเสียครั้งนั้น”

    “แสดงว่าแกไม่มั่นใจใช่มั๊ย”ริสะโผลงถามขึ้น

    “ไม่มั่นใจอะไร”

    “ก็ไม่มั่นใจว่าแกจะอยู่ข้างน้องไง”ชิสึรุขยายความ

    “ฉันไม่เคยคิดจะห่างจากเท็นชิ”มิยูส่ายหน้าปฏิเสธ

    “งั้นแกกลัวอะไร...ถ้าแกมั่นใจกับตัวเองแล้วว่าแกจะอยู่ข้างน้องเสมอมีอะไรต้องกลัวอีก...เพราะไม่ว่าน้องจะเจอเรื่องเลวร้ายแค่ไหน...น้องก็ยังมีมือของแกของประคองเวลาล้ม มีกำลังใจจากแกในเวลาที่ท้อแท้ หรือไม่ใช่??” ยูกิถามกลับ

    และนั่นก็ทำให้มิยูได้คิด...เรื่องราวข้างหน้าจะเป็นยังไงเขาเองก็ยังไม่รู้...สิ่งที่เขารู้แน่ ๆ คือเขาจะอยู่กับน้องเสมอ...อย่างที่ยูกิว่าไม่มีอะไรต้องกลัว แค่ขอให้น้องมีความสุขกับสิ่งที่ทำก็พอ...มิยูจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหา

    “...รุ่นพี่...”

    “นั่งด้วยคนได้มั๊ย?”มิยูเอ่ยถามและโดยไม่รอคำตอบก็ทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ฮารุกะ

    “คิดอะไรอยู่ค่ะ?”

    “เรื่องสัญญา...”

    “...”

    “หนูสับสนคะ”

    “ยังไงค่ะ?”

    “มันเป็นไปไม่ได้ใช่มั๊ยคะ...ที่คนที่ไม่เคยเล่นวอลเลย์เลยอย่างหนู...อยู่ดี ๆก็ถูกยืนข้อเสนอแบบนี้มาให้”

    “เป็นไปได้ซิค่ะ...อย่างน้อยก็คนตรงหน้าพี่นี่ไง”มิยูเอ่ยล้อยิ้ม ๆ

    “ง่ะ...รุ่นพี่หนูซีเรียสนะคะ”ฮารุกะพองลมเข้าแก้ม มิยูหลุดหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างจริงจัง

    “กำลังไม่สบายใจที่จะเลือกใช่มั๊ย”

    “หนูกลัวค่ะ”

    “.....”

    “ถ้าหนูเลือกที่จะเป็นนักกีฬาทั้ง ๆ ที่หนูไม่เคยเล่นมันมาก่อน...หนูต้องเป็นตัวถ่วงพวกพี่ ๆ แน่ ๆ เลยค่ะ....แล้วอีกอย่างที่สปริงค์นี่ก็มีทั้งพี่ชิสึรุและเซโกะซังอยู่แล้ว...หนูไม่เข้าใจว่าโค้ชคุมิเขาจะให้หนูเซ็นต์สัญญาอีกทำไม ทีม ๆ นึงมีตัวเซตถึงสามคนมันไม่แปลกไปหน่อยเหรอคะ??แล้วอีกอย่าง...พี่ชิสึรุคงไม่เป็นไรเพราะพี่เขาเป็นตัวจริงอยู่แล้วแต่สำหรับเซโกะซังเขาจะคิดว่าหนูเป็นคู่แข่งเป็นศัตรูหรือเปล่าก็ไม่รู้”มิยูไม่ได้ขัดปล่อยให้ฮารุกะได้ระบายออกมาเรื่อย ๆจนหมดสิ่งที่กังวลภายในใจแล้วมิยูก็เลือกที่จะลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งข้าง ๆ ฮารุกะมานั่งยอง ๆตรงหน้ามือหนากระชับมือเล็กของคนตรงหน้าเอาไว้ทั้งสองข้าง

    “ฮารุกะคะ...ฟังพี่นะ...ฮารุกะไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น...ตัดทุกอย่างออกให้หมด...แล้วตอบคำถามพี่ข้อเดียว...เวลาฮารุกะเล่นวอลเลย์บอลฮารุกะสนุกมั๊ย...ชอบมันหรือเปล่า”มิยูเงยหน้ามองนัยต์ตากลมที่ก้มลงมาสบตาเขา ฮารุกะเม้มปากอย่างใช้ความคิด ฮืม...ความจริงมันก็สนุกนะ...ได้ร่วมมือกัน...ได้ช่วยเหลือกัน...ได้เพื่อน...ได้คู่คิด...ได้รอยยิ้ม...และแม้เราทำจะพลาดกี่ครั้งเราก็ยังได้...กำลังใจ

    “สนุกคะ...หนูชอบมัน”ฮารุกะพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม มิยูส่งรอยยิ้มคืนให้ก่อนจะคลึงมือเรียวในอุ้งมือตนเล่น ฮารุกะก้มลงสบตากับคนที่เงยหน้าขึ้นมาหาเธอพอดี

    “สำหรับพี่...ฮารุกะไม่ใช่ตัวถ่วงแน่นอน...กลับกัน...ฮารุกะคือเซตเตอร์ที่ดีมาก ๆ สำหรับพี่...จังหวะที่พี่เทคตัวขึ้นไปกับลูกวอลเลย์ที่ฮารุกะเซตมาให้...พี่มีความมั่นใจทุกครั้งว่ามันจะได้คะแนน...ไม่ว่าจะในรูปแบบไหน...อันนี้ความลับนะพี่มั่นใจกว่าจังหวะที่ชิสึรุเซตให้ซะอีก”มิยูขยิบตาหนึ่งข้างพร้อมรอยยิ้มทะเล้น จนฮารุกะหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ

    “ตัดสินใจได้หรือยังคะ”มิยูปล่อยมือข้างหนึ่งจากมือเรียวเอื้อมไปลูบกลุ่มผมนิ่มแทน

    “หนูจะเป็นเซตเตอร์ที่ดีได้ใช่มั๊ยค่ะ?”ฮารุกะถามหาความมั่นใจจากคนตรงหน้าด้วยแววตาที่ยังคงหวาดหวั่น

    “สำหรับพี่ฮารุกะเป็นได้แน่นอนค่ะ และไม่ใช่แค่เซตเตอร์ที่ดี สำหรับพี่ฮารุกะจะเป็นเซตเตอร์ที่วิเศษที่สุด”มิยูสบตาฮารุกะด้วยแววตาแห่งความมั่นใจที่ฉายชัด ฮารุกะสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะระบายรอยยิ้มออกมา

    “กลับกันเถอะค่ะ ดึกแล้ว...อากาศเย็น”มิยูชวนกลับหลังจากที่ไล่ฝ่ามือลงบนแก้มเนียมสัมผัสกับความเย็นเฉียบ ถึงแม้หน้าที่ซีดจะเริ่มแดงระเรื่อขึ้นก็เถอะมิยูหันหลังกลับ

    “รุ่นพี่ค่ะ”แต่เสียงเรียกของฮารุกะก็ดังขึ้นจากด้านหลัง มิยูจึงหันกลับมาและยังไม่ทันได้ตั้งตัวใด ๆ สองแขนของฮารุกะก็โอบเข้ารอบเอวของเขาใบหน้าเนียนซบลงบนไหล่

    “ขอบคุณนะคะ”เสียงหวานพึมพำแผ่วเบาขึ้นข้างหู มิยูที่พอตั้งสติได้ก็วาดแขนข้างหนึ่งที่หลังน้องและอีกข้างยกขึ้นลูบผมนิ่ม

    “แค่นี้เอง...ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ฮารุกะหลับตาลงรับสัมผัสที่เธอเองก็สงสัยว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคย

    “หนูสัญญาว่าหนูจะเป็นเซตเตอร์ที่ดีให้พี่คะ...อืมมมม...อันที่จริงหนูก็มีความลับนะคะ”ฮารุกะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทะเล้นจนมิยูต้องคล้ายอ้อมกอดก่อนจะสบตากับดวงตากลมแป๋วของคนตรงหน้า ฮารุกะยิ้มให้ใบหน้าสงสัยของมิยู

    “...ในเสียววินาทีที่เซตลูกออกไปให้พี่...หนูเองก็เชื่อใจในตัวตีของหนูคะ...”ฮารุกะขยิบตาข้างหนึ่งเรียนแบบร่างสูงกว่าตรงหน้า จนมิยูเองก็หลุดขำเล็ก ๆ ก่อนจะดึงฮารุกะเข้ามากอดอีกครั้ง ฮารุกะระบายรอยยิ้มในอ้อมแขนแกร่งก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก

    “ขอบคุณที่มั่นใจในเซตเตอร์คนนี้นะคะ...เพราะเซตเตอร์คนนี้ก็เชื่อใจตัวตีเหมือนกัน”เสียงหวานพึมพำแผ่วเบา

    “รู้อะไรมั๊ยค่ะ...ความจริงแล้ว...เซตเตอร์เป็นหัวใจของตัวตีนะ” เซตเตอร์คือหัวใจของตัวตี...ถ้าเป็นอย่างนั้น...หนูจะขอเป็นเซตเตอร์ของรุ่นพี่ตลอดไป ได้มั๊ยคะ... มันคงเป็นแค่ความคิดที่ฮารุกะคงไม่วันกล้าพูดมันออกมา...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×