คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Te-n-shi Chibi
“มิยู...คือ...”เมื่อออกมาจากห้องพยาบาลยูกิก็กำลังจะเอ่ยถามจากมิยู
“เท็นชิ”
“ฮะ...อะไร..??”ยูกิถามกลับงง ๆ เมื่ออยู่ดี ๆ มิยูก็โผล่งออกมา
“อยากรู้ใช่มั๊ย?? ระหว่างฉันกับฮารุกะนะ”
“อืม”ยูกิพยักหน้าเบา ๆ
“ฮารุกะ คือ “เท็นชิจิบิ” ของฉัน” ( Te-n-shi แปลว่านางฟ้า ส่วน Chibi แปลว่า ตัวเล็กหรือตัวจิ๋ว ในที่นี้ไรต์จะแปลว่านางฟ้าตัวน้อย)
“เฮ้ย!!!....ดะ...ดะ...ได้ไง ตัวเล็กนะเหรอ???”เพราะว่าเป็นเพื่อนสนิทจึงทำให้ยูกิรู้ดีว่าเท็นชิคืออะไรเพียงแต่ก็ยังอดตกใจไม่ได้ด้วยไม่คิดว่าคนในความทรงจำของเพื่อนจะมาปรากฏตัวที่นี้
“อืม...”
“แล้ว....”
“น้องจำฉันไม่ได้”มิยูตอบกลับเพื่อนเสียงเศร้า
“เฮ!!! ไม่เอาน่า ตอนนั้นน้องยังเด็กมากไม่ใช่เหรอ แกคงไม่หวังว่า เด็กขนาดนั้นจะจำทุกอย่างได้จนถึงวันนี้หรอกนะ”ยูกิตบบ่าเพื่อนอย่างให้กำลังใจแต่ก็ต้องเงียบไปเพราะมิยูหันมาด้วยแววตาที่แสดงถึงความเหนื่อยอ่อน
“ความจริงคือ...ฉันหวังว่ะ ถึงแม้จะจำเรื่องราวต่าง ๆไม่ได้ แต่จำฉันได้ก็คงดี แต่นี่น้องกลับจำฉันไม่ได้เลย”
“....”
“เท็นชินะ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตฉัน ในวันที่ฉันสูญเสียความฝัน...เป็นเขาที่ทำให้ฉันมีความหวังอีกครั้ง แต่ดูเหมือนฉันจะเป็นไม่ได้แม้แต่เสี้ยวของความทรงจำ เฮ้อออออ”
“แล้วแกรู้ได้ยังไงว่าเป็นน้อง??? อ๋อ...ชื่อสินะ”ยูกิถามเรื่องที่สงสัยก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคงเป็นชื่อที่ทำให้มิยูจำฮารุกะได้
“ฮึ...เท็นชิ ไม่มีวันหายไปจากความทรงจำของฉัน เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่ฉันจะจำเขาไม่ได้”มิยูยิ้มนิด ๆ เมื่อนึกถึงความทรงจำในวัยเยาว์อีกครั้งก่อนที่จะเริ่มเล่าต่อ
“เท็นชิแทบไม่เปลี่ยนเลย แก้มป่อง ๆ ตากลมโต...แต่น่าแปลกเวลายิ้มกลับตายี้ซะได้...หึหึ...อาจจะมีก็ตรงผมกับหุ่นละมั้งที่เปลี่ยน...เท็นชิตอนเด็ก ๆ อะนะตัวกลม ๆผมยาวสลวยชอบถักเปียเป็นที่สุด...”
...“พี่มิยู ฮารุกะจะถักเปีย”เด็กน้อยตัวกลมวิ่งเข้ามาภายในห้องพักของมิยู หลังจากที่เมื่อวานมิยูต้องลงทุนเดินไปซื้ออมยิ้มจากร้านสะดวกซื้อข้างล่างของโรงพยาบาลเพื่อมาง้อยัยหนูตากลมนั่งพองลมเข้าแก้มอย่างงอนเขาเต็มที่ เมื่อมาทวงสัญญาว่าเขาควรจะง้อเพราะเธองอน มิยูได้แต่หัวเราะขำ ไม่ใช่เพราะเขาผิดนะแต่เพราะเธองอน เอาเถอะ ๆ ตามใจเขาหน่อยก่อนที่ลมจะพองแก้มยุ้ย ๆ นั่นจนแตก หลังจากได้อมยิ้มสีหวานแก้มยุ้ย ๆ ที่พองลมนั่นก็เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง ๆ จนตากลมโตนั่นยี้ลง ทำเอามิยูเอ็นดูอยู่ไม่น้อย
“จะทำไงล่ะค่ะก็พี่แขนเจ็บอยู่นี่หน่า...ถักเปียให้ฮารุกะไม่ได้หรอก”
“ง่ะ...แต่หนูอยากให้พี่มิยูถักให้นี่หน่า คุณแม่กับพี่ ๆ พยาบาลไม่มีใครว่างถักให้ฮารุกะสักคน ทุกคนทิ้งฮารุกะอยู่คนเดียว”เด็กน้อยพูดหงอย ๆ
“อืม...งั้นเอางี้ เดี๋ยวพี่จะลองถักดู ฮารุกะจังมานั่งตรงนี้ซิค่ะ”เมื่อเห็นท่าทางหงอย ๆ ที่ไม่ค่อยเข้ากับเจ้าตัวเท่าไหร่ มิยูก็ใช้แขนซ้ายที่ยังใช้การได้ดีตบที่ว่างข้าง ๆตัวเองบนเตียงกว้าง เด็กน้อยฉีกยิ้มอย่างดีใจ พลางวิ่งไปกระโดดขึ้นเตียงพร้อมหันหลังให้มิยูอย่างรู้งาน โชคดีที่มิยูเข้าเฝือกเฉพาะที่ท่อนแขนทำให้ปลายนิ้วยังทำงานได้ดี แต่มันก็ทุลักทุเลไม่หน่อยที่จะต้องถักเปียให้เด็กน้อยตรงหน้าพร้อมมือที่เข้าเฝือกอยู่แบบนี้เนื่องด้วยเฝือกถูกโยงคล้องไว้กับคอ แต่สักพักดูเหมือนมิยูจะสังเกตเห็นว่าร่างเล็ก ๆ ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาเริ่มเอนไปเอียงมาก่อนจะหงายหลังมาพิงกับตัวเขา มิยูปล่อยผมที่กำลังถักอยู่พร้อมชะโงกหน้ามาดู ปรากฏว่าเด็กน้อยหลับและดูเหมือนจะหลับสนิทด้วย คนโตกว่าได้แต่ส่ายหน้าน้อย ๆ ปนขบขัน ก่อนจะรั้งร่างน้อยด้วยมือข้างเดียวลงนอนบนเตียงของตนเอง น่าขันที่คนป่วยต้องระเห็จตัวเองมานั่งโซฟามองดูเด็กน้อยในชุดฟอร์มของวอลเล่ย์บอลหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงเขา...
“ตายจริง!!! ฮารุกะจัง”แม่ของหนูน้อยเข้ามาในห้องเพื่อพามิยูไปทำกายภาพบำบัดทุกวัน แต่วันนี้แตกต่างแทนที่จะเห็น มิยูนั่งรออยู่บนเตียงกลับเป็นลูกสาวตัวเองที่กำลังนอนหลับอย่างสบายอารมณ์อยู่บนเตียงกว้าง ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของมารดา เด็กน้อยก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นพร้อมขยี้ตาอย่างงัวเงีย
“แม่ค่ะ เลิกงานแล้วเหรอ จะพาฮารุกะกลับบ้านแล้วใช่มั๊ย” เมื่อได้ฟังคำถาม มิยูกับนักกายภาพประจำตัวก็ได้แต่มองหน้ากันส่ายหัวพร้อมรอยยิ้ม
“ยังจ๊ะ แต่แม่ต้องพาพี่มิยูไปทำกายภาพ ฮารุกะไปรอแม่ที่ห้องพักก่อนนะ”
“ง่ะ...แต่แม่ค่ะ...พี่มิยูยังถักเปียให้หนูไม่เสร็จเลย”เด็กน้อยบอกแม่พร้อมจับปอยผมอีกข้างที่ยังไม่ได้ถักขึ้นมาให้แม่ดู
“ฮารุกะ!!!หนูให้พี่มิยูถักผมให้หนูได้ยังไง!!! พี่มิยูเจ็บแขนอยูเห็นมั๊ย!!!แล้วถ้าแขนพี่มิยูไม่หายหนูจะทำยังไง!!!”เมื่อโดนแม่ดุชุดใหญ่ เด็กน้อยก็ก้มหน้าลงไหล่เล็กๆเริ่มสั่นดวงตากลมคลอไปด้วยน้ำตา
“เอ่อ...คุณน้าคะ” เมื่อเห็นถ้าว่าตัวเล็กจะโดนดุชุดใหญ่มิยูจึงพยายามที่จะช่วย
“เฮ้อออ...เอาเถอะ ๆ เอาเป็นว่าเราไปกันดีกว่าจ๊ะ มิยูจัง”
“คุณน้าค่ะ...คือว่า”เมื่อเดินออกมาจากห้องมิยูพยายามที่จะอธิบายอีกครั้งด้วยความที่ว่ากลัวคนข้าง ๆจะยังโกรธจนเด็กน้อยถูกดุอีกครั้ง
“น้าต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะ ฮารุกะคงกวนมิยูจังไว้หลายเรื่อง...นี่ถ้าสามีน้ายังอยู่...น้าคงไม่ต้องพาฮารุกะจังมาเลี้ยงที่ทำงานแบบนี้ เฮ้อออออ...อ๋อ..ขอโทษทีนะจ๊ะ...น้าพูดอะไรก็ไม่รู้เน๊อะ..ฮาฮา”
“หมายความว่าพ่อของฮารุกะจัง เอ่อ...คือ...”
“จ๊ะ...ไม่อยู่แล้วล่ะ...เด็กคนนั้นน่ะติดพ่อเขามากเชียวล่ะ กว่าจะผ่านช่วงนั้นมาได้น้านี่แทบแย่เลย...ตอนเข้านอนพ่อเขาจะต้องลูบหัวจนกว่าฮารุกะจะหลับ เด็กคนนั้นนะเลยค่อนข้างจะเป็นเด็กติดสัมผัส”รอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้าขนาดที่เล่าถึงแม้จะเป็นรอยยิ้มเศร้า ๆ แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่น
“อ๊ะ...ถึงแล้วจ๊ะ...จากที่ฟังรายงานผลการรักษาของคุณหมอ วันนี้มิยูลองขยับข้อมือดูนะ ดูซิว่ามีอาการเจ็บแปลบ ๆ หรือเปล่า...เสร็จแล้วต้องทำซีทีสแกนอีกที ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดพรุ่งนี้คงถอดเฝือกได้แล้วล่ะ”…
“อะไร...เจ็บข้อมือเหรอมิยู” ยูกิที่เห็นเพื่อนกุมข้อมือข้างขวาไว้ก็เอ่ยถาม
“อ๋อเปล่าหรอก พอดีแค่คิดอะไรเพลิน ๆ นะ”
“อืม ๆ...แล้วนี่เตรียมตัวหรือยัง”
“เตรียมตัว?? เรื่องไรว่ะ” มิยูถามยูกิกลับ
“เอ๊า...ก็ซ้อมเสร็จ ไม่ต้องพาเด็กน้อยไปหาอะไรอร่อย ๆ กินหรือไง ผิดสัญญาโดนงอนขึ้นมาฉันไม่ช่วยนะโว๊ย”
“ห๊ะ...อะไร ๆ ใครจะไปหาอะไรกินเหรอ”นานะที่ซ้อมเสร็จแล้วเดินเข้ามาทันได้ยินที่ยูกิพูดกับมิยูพอดี
“อ๋อ...ก็...ว่าจะพาตัวเล็กไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อย ไปด้วยกันมั๊ยล่ะ”มิยูเอ่ยปากชวน
“ไปน่ะไปอยู่หรอก แต่ฉันสงสัยอะไรอย่างแกตอบคำถามฉันก่อนดิ”
“อะไรล่ะ”
“แกกับตัวเล็กนะ อะไร ยังไง กันแน่”
“อะไรคือ อะไรยังไง?? งงนะเนี่ย นานะ”มิยูเอ่ยกลับอย่างงง ๆ
“ก็หมายความว่า แกกับตัวเล็กน่ะ มีความสัมพันธ์กันยังไงนะซิ”ชิสึรุที่ฟังมาสักพักโพล่งขึ้นมา
“ใช่ ๆ ฉันก็อยากรู้”ริสะโผล่มาอีกคน
“ฉันด้วย”ตามด้วยฮิราอิ
“นี่พวกแก...เฮ้อออ เอาเถอะก็ไม่ได้คิดจะปิดบังอยู่แล้ว แต่เรื่องมันยาวว่ะ เอาไว้กลับมาค่อยเล่าให้ฟังแล้วกัน ตอนนี้ไปอาบน้ำแล้วออกไปหาอะไรกินกันดีกว่า” มิยูพูดก่อนจะเดินออกไปจากสนามซ้อม
“ดี ๆ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันหน้าหอพักนะ”
“ว๊าวววว พี่ ๆ ค่ะ ที่นี้สวยจัง”หลังจากออกมาจากหอพัก นักกีฬาทีมสปริงส์บางส่วนก็ออกมาเดินเล่นตามถนนคนเดินใกล้ ๆ ที่พัก และดูเหมือนเด็กน้อยจะตื่นเต้นในบรรยายกาศที่ไม่เคยเห็น
“ตัวเล็กระวังอย่าเดินห่างพวกพี่นะเดี๋ยวหลง”เมื่อเห็นฮารุกะที่ดูจะถูกใจไปเสียทุกอย่างกับร้านค้าต่าง ๆ ที่เรียงรายอยู่ทั้งสองข้างทางโดยที่ไม่ค่อยได้มองเพื่อนร่วมคณะเท่าไหร่มิยูก็เอ่ยเตือนขึ้น และเมื่อนั่งทานข้าวกันได้สักพักน้องเล็กสุดจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
“พี่ไปเป็นเพื่อนมั๊ย”
“ไม่เป็นไรค่ะ นากาโอกะซัง หนูเห็นห้องน้ำอยู่ตรงทางเดินถัดไปไม่กี่ร้านเอง เดี๋ยวหนูมานะคะทุกคน” พูดจบฮารุกะก็หมุนตัววิ่งออกไป
“ห่วงเกินไปเปล่า แค่เข้าห้องน้ำเอง”ยูกิที่เห็นมิยูได้แต่มองไปที่ประตูแทบจะทุกสิบวินาทีเอ่ยถาม
“แกไม่รู้อะไร เท็นชินะ ตัวหลงทิศที่เก่งที่สุดเลยล่ะ เป็นห่วงว่ะ ไปนานแล้วด้วย เดี๋ยวมานะ”พูดจบมิยูก็ลุกออกไปอีกคน ท่ามกลางสายตาของคนทั้งโต๊ะ
“เท็นชิ อะไรอ่ะ??”ริสะถาม
“เอาน่า เดี๋ยวคืนนี้มิยูมันก็เล่าแล้ว เก็บความสงสัยไว้ถามทีเดียวแล้วกัน”ยูกิตัดบท
“ทุกคน น้องหายไป ไม่อยู่ในห้องน้ำ ช่วยหาหน่อย” ก่อนที่ใครจะได้พูดอะไรอีกมิยูก็พลักประตูร้านเข้ามาพูดด้วยหน้าตาตื่น ๆ
สองชั่วโมงกว่าแล้วที่ฮารุกะหลงจากพวกรุ่นพี่ สองขาเรียวพยายามที่จะพาตัวเองกลับไปที่ร้านอาหารร้านเดิมแต่ดูเหมือนยิ่งเดินเธอจะยิ่งลง ประกอบกับท้องฟ้าที่มืดลงเรื่อย ๆ ทำให้ฮารุกะเริ่มกลัวเนื่องด้วยไม่คุ้นเคยกับสถานที่แล้วไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าเธอไม่รู้ทางกับหอพักแน่ ๆ ตากลมโตเริ่มกวาดมองไปรอบ ๆ แล้วก็เห็นรุ่นพี่อยู่อีกฟากหนึ่งของตรอกเล็ก ๆ ระหว่างตึก ขาเรียวจึงวิ่งเข้าไปในตรอกพร้อมตะโกนเรียก
“รุ่นพี่ค่ะ!!! พี่ยูกิ!!!นากาโอกะซัง!!!พี่ริ...สะ”เสียงเรียกรุ่นพี่แผ่วลงเมื่อขาเรียววิ่งเข้ามาถึงกลางตรอกแล้วมีคนสองคนดักอยู่ด้านหน้า
“เป็นไรอ่ะ มิยูหยุดทำไม”
“เงียบหน่อย เหมือนฉันจะได้ยินเสียงน้องเรียกนะ”มิยูหันซ้ายหันขวาพยายามฟังเสียงที่น้องเรียก
“ทางนี้...”พูดเสร็จก็ออกนำเพื่อน ๆ วิ่งกลับไปยังทางเดิมที่วิ่งผ่านมา
ความคิดเห็น