คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : กำลังใจสำคัญ
“มิยู วันนี้เป็นอะไรหรือเปล่า ฟอร์มการเล่นแปลก ๆ นะ” เมื่อการแข่งขันจบลง ชิสึรุ โคะโต กัปตันทีมก็เดินเข้ามาถาม ACE ประจำทีมอย่าง นากาโอกะ มิยู เพราะถึงแม้ทีมฮิซะมิสึ สปริงส์ของตนจะชนะมาได้และมิยูจะเล่นได้โดดเด่นเพียงใด แต่ฟอร์มการเล่นของมิยูก็ดูแปลกตาไปจากทุกที...มันเหมือน...มีความไม่มั่นใจบางอย่างในการขึ้นทำแต้มแต่ละจังหวะ ซึ่งเจ้าตัวก็เพียงแต่เก็บสัมภาระลงกระเป๋าเงียบ ๆ โดยไม่มีคำอธิบายใด ๆ มีเพียง อิชิอิ ยูกิ เพื่อนร่วมทีมที่สนิทกับมิยูมากที่สุดเป็นคนหันมาตอบคำถาม
“ไม่มีอะไรมากหรอก กัปตัน แค่มิยูมันตื่นสายนะ”
“เห? ตื่นสายเกี่ยวอะไรกับฟอร์มการเล่น” กัปตันถามกลับด้วยสีหน้างงงวย
“ตื่นสาย...รีบ...ก็เลยลืมกำลังใจสำคัญ ความมั่นใจเลยถดถอยไง”
“กำลังใจสำคัญ?...อ๋ออออ...เฮ้ออออ...โล่งไปที...คิดว่ามิยูเจ็บซะอีก” กัปตันพึมพำเบา ๆ ก่อนจะคิดออกว่า กำลังใจสำคัญของมิยูนั้นคืออะไร ในขณะที่เจ้าตัวไม่ได้สนใจบทสนทนาที่ตัวเองเป็นหัวข้อสำคัญของเพื่อนสนิทกับกัปตันทีมสักนิด เมื่อเก็บของใส่กระเป๋าเสร็จ มิยูก็เร่งสาวเท้าออกจากห้องแต่งตัวอย่างไว
“อ้าว...เฮ้ย มิยูรอด้วย” เมื่อเห็นเพื่อนรักเดินดุ่ม ๆ ออกจากห้องไปยูกิจึงได้แต่ตะโกนตามหลังพร้อมคว้าสัมภาระของตัวเองตามเพื่อนไปติด ๆ
“สองคนนั้นรีบอะไรกันหนักหนา ยังไงถ้าคนไม่ครบรถสโมสรก็ไม่ออกอยู่แล้ว” อิวาซากะ นานะที่กำลังเก็บของอยู่ใกล้ ๆ หันมาพูดกับกัปตันที่ยังตั้งตัวไม่ติดที่คู่สนทนาผละไปซะดื้อ ๆ แต่ยังไม่ทันที่ชิสึรุจะได้ตอบอะไรกลับ ยูกิก็วิ่งหระหืดหระหอบกลับเข้ามา
“มิยูมันฝากบอกว่า มันจะกลับก่อนไม่รอรถสโมสรนะ ฝากบอกโค้ชด้วยนะกัปตัน ไปล่ะ บาย”
“เป็นไง นานะ ที่นี้ก็ไม่ต้องรอคนครบแล้วใช่ป่ะ” ชิสึรุหันมาถามนานะที่ได้แต่อ้าปากข้างกับการมาไวไปไวของยูกิอย่างขำ ๆ
“เฮ้อออ...เอาเถอะทำไงได้ล่ะ ก็นั่นมันของสำคัญของมิยูมันนี่นา ถ้าให้ห่างตัวนาน ๆ มิยูมันคงไม่สบายใจ”
“แต่ที่ฉันสงสัยอ่ะนะ...คือทำไมแค่นกกระเรียนกระดาษตัวเดียวถึงมีผลต่อฟอร์มการเล่นของมิยูมันได้” ชินนาเบะ ริสะ เดินเข้ามากอดคอนานะ
ก่อนจะเข้าร่วมวงสนทนาด้วยคำถามที่สงสัย
“ยากตรงไหน สภาพร่างกายอาจพร้อม...แต่นักกีฬาอย่างเราก็รู้ ๆ กันดี...ถ้าสภาพจิตใจไม่พร้อมต่อให้ร่างกายฟิตแค่ไหนก็ส่งผลต่อฟอร์มการเล่นเหมือนกันแหละ” ชิสึรุตอบกลับ
“แล้วทำไมนกกระเรียนตัวนั้นถึงได้มีความสำคัญต่อมิยูนัก?” คราวนี้เป็นนานะที่ถามขึ้นมาบ้าง เพราะถึงแม้ว่าทุกคนในทีมจะรู้ว่าทุกครั้งก่อนการแข่งขัน มิยูจะทำสมาธิโดยการหยิบนกกระเรียนกระดาษตัวนั่นขึ้นมาจ้องนิ่ง ๆ เหมือนรวบรวมกำลังใจ แต่ก็ไม่มีใครสักคนที่จะรู้ว่าความสำคัญจริง ๆ ของนกกระเรียนกระดาษตัวนั้น...
สนามซ้อมของสโมสร
เมื่อการซ้อมสิ้นสุดลง นักกีฬาทุกคนถูกเรียกมาเข้าแถวข้าง ๆ สนามเพราะโค้ชต้องการแนะนำให้รู้จักนักศึกษาที่จะขอมาฝึกงานเป็นนักกายภาพประจำทีมช่วงปิดเทอม
“น่ารักดีนี่น่า”
“อืม ๆ เห็นด้วยตาแป๋วเชียว เด็กน้อย”
“เห้ย ๆ ยิ้มแล้ว ๆ น่ารักมากๆ อ่ะ ว่ามั๊ยมิยู” เสียงซุบชิบดังขึ้นในแถวเมื่อนักกีฬาทุกคนได้เห็นหน้านักศึกษาที่จะมาฝึกงานในสโมสรแล้วยูกิที่เข้าแถวอยู่ใกล้ ๆ มิยูก็ถามความเห็นของเพื่อนสนิท มิยูไม่ได้ตอบกลับว่าอะไรมีเพียงแววตาที่ตะหนกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าตาของอีกฝ่ายสมองประมวลผลไปถึงความทรงจำในวัยเยาว์ความทรงจำที่เขาไม่มีวันที่จะให้มันลบเลือนตามการเวลา...
มิยูในวัย 7 ขวบ นอนเข้าเฝือกที่แขนข้างขวาอยู่ในโรงพยาบาลชื่อดังสำหรับรักษาและกายภาพบำบัดนักกีฬาที่บาดเจ็บโดยเฉพาะ
ตาเรียวมองแขนที่เข้าเฝือกของตัวเองอย่างเบื่อ ๆ หลังจากเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยระหว่างการซ้อมวอลเล่ย์บอลทำให้ข้อมือของตัวเองซ้นจนต้องเข้าเฝือก นี่ก็เข้าวันที่สองแล้วที่มิยูได้แต่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในห้องพัก...
เมื่อมีเสียงเปิดประตูดังขึ้นมิยูจึงหันไปให้ความสนใจกับคนที่เข้ามาด้วยความที่คิดว่าอาจจะเป็นเพื่อน ๆ ที่มาเยี่ยม แต่คนที่ยืนอยู่ตรงประตูกับเป็นเด็กหญิงคนหนึ่งที่มองดูคราว ๆ คงอายุน้อยกว่ามิยูประมาณสัก ปีสองปี เด็กหญิงส่งรอยยิ้มมาเป็นทัพหน้าเมื่อเห็นสีหน้างง ๆ ของมิยู
“หนูเอาของมาเยี่ยมค่ะ” เด็กหญิงพูดพร้อมกับก้มลงหยิบนกกระเรียนกระดาษที่อยู่ในตะกร้าใบเล็กที่ตัวเองถือมาส่งให้คนป่วยที่นั่งอยู่บนเตียง
“ขอบใจจ้า แต่เรารู้จักกันรึเปล่าเนี่ย” มิยูยืนมือซ้ายที่ไม่ได้บาดเจ็บไปรับของเยี่ยมไข้ที่อาจจะแปลกไปสักหน่อยในความคิดพลางเอ่ยถาม
“แม่หนูทำงานที่นี่ค่ะ หนูมาที่นี่ทุกวัน พี่เจ็บแขนเหรอค่ะ”ดูเหมือนเด็กน้อยจะตอบคำถามไม่ตรงประเด็นเท่าไร แต่ก็นั่นแหละจะไปเอาอะไรกับเด็กเนอะ มิยูได้แต่คิดขำ ๆ ในใจ
“เราเล่นวอลเล่ย์เหรอ?” มิยูเปลี่ยนเรื่องซะดื้อ ๆ เมื่อสังเกตเห็นการแต่งกายของเด็กน้อยตรงหน้าว่าอยู่ในชุดฟอร์มวอลเล่ย์บอล
“เงอะ...พี่ยังไม่ตอบคำถามหนูเลย”เด็กน้อยพองลมจนแก้มป่องกับการเปลี่ยนเรื่องกะทันหันของคนบนเตียงใบหน้าเล็ก ๆ เชิดขึ้นเล็กน้อยแสดงอาการงอนอย่างเต็มที่
“เราก็ตอบพี่ก่อนซิ” มิยูแกล้งกระเซ้ายิ้ม ๆ กับกิริยางอนเล็ก ๆ ของเด็กน้อย
“แต่หนูถามพี่ก่อน”
“แต่พี่เป็นผู้ใหญ่กว่า”
“ไม่เห็นเกี่ยว”
“เกี่ยวซิ ผู้ใหญ่ถามเป็นเด็กก็ต้องตอบซิ”
“แต่เด็กถามก่อนผู้ใหญ่ก็ต้องตอบเหมือนกันแหละ”เด็กหญิงเถียงอย่างไม่ยอมแพ้
ก๊อก ๆ ๆ
“ขออนุญาตนะคะ...ตายจริง ยัยหนูมากวนอะไรพี่เค้า” เมื่อสิ้นเสียงเคาะประตูและขออนุญาตหญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่งในชุดกายภาพของโรงพยาบาลก็เดินเข้ามา พร้อมอุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นเด็กหญิงในห้อง
“แม่ค่ะ”เด็กน้อยทักตอบผู้เข้ามาใหม่
“ออกไปเล่นข้างนอกนะลูก อย่ากวนพี่เค้า”
“ไม่ได้รบกวนอะไรหรอกคะ คุณน้า ให้น้องอยู่นี่ก็ได้”มิยูพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของเด็กน้อยกำลังหน้ามุ่ยที่โดนดุ
“ไม่ให้น้องรบกวนดีกว่าคะ เพราะเดี๋ยวน้าจะพาหนูไปพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำการทำกายภาพเบื้องต้นนะค่ะ”
“เงอะ...คุณแม่อ่ะ พี่เค้าบอกให้หนูอยู่ได้ไง”
“ฮารุกะจัง!!!”เสียงเรียกแผ่วเบาแต่เข้มอยู่ในทีเป็นการเตือน เมื่อเห็นเด็กน้อยทำหน้ามุ่ยผู้เป็นแม่จึงทำได้เพียงพูดจาปลอบใจ
“นะคะลูก เดี๋ยวหนูต้องเอานกกระเรียนไปเยี่ยมคุณตา กับ คุณน้า ที่อยู่ห้องข้าง ๆ ด้วยนิคะ เดี๋ยวคุณตากับคุณน้าจะรอน๊า” ผู้เป็นแม่เอ่ยยิ้ม ๆ นั่นเองที่ทำให้เด็กหญิงตาโตขึ้นอย่างตกใจที่ลืมไปเสียสนิท มิยูเห็นท่าทางก็หลุดขำเบา ๆ
“พี่ไม่ต้องมาหัวเราะหนูเลย เพราะพี่แหละ...ชวนหนูทะเลาะ...หนูลืมคุณตากับคุณน้าเลย”
“อ้าว พี่ผิดซะงั้น”
“ช่าย ๆ เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้หนูจะมาใหม่ พี่ต้องง้อหนูด้วยเพราะหนูงอน หึ!!”พูดจบเด็กหญิงก็เปิดประตูวิ่งปรู๊ดออกไป…
“...ยู มิยู!!”ยูกิกระซิบเพื่อนเสียงดังขึ้นเล็กน้อยเมื่อเรียกแล้วเพื่อนไม่ตอบ
“ว่าไง”
“ถามไม่ตอบ ฉันถามว่าน้องเขาน่ารักดีนะ ว่ามั๊ย”
“อืม...น่ารัก...แต่ฉันไม่ให้รักนะโว๊ย” ประโยคหลังมิยูได้แต่พึมพำเบา ๆกับตัวเอง
“มิยาชิตะ ฮารุกะ ยินดีที่ได้รู้จัก ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ”ฮารุกะโค้งทักทายให้ทุกคนในทีม
...พี่เจอเธอแล้ว นางฟ้าตัวน้อยของพี่...
ห้องทำงานทีมกายภาพของสโมสร
“มิยาชิตะซัง...นี่คือข้อมูลโภชนาการและตารางการฝึกซ้อมเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้เหมาะกับสภาพร่ายกายของนักกีฬาแต่ละคน...เอาข้อมูลไปศึกษาก่อนนะ” เมื่อเริ่มงานวันแรกมิซึโนะ ไอรินักกายภาพประจำทีมที่รับผิดชอบเป็นพี่เลี้ยงสอนงานให้ฮารุกะเริ่มด้วยการให้ฮารุกะทำความเข้าใจกับสภาพร่างกายนักกีฬาและโภชนาการที่นักกีฬาควรจะได้รับ ตากลมโตไล่อ่านข้อมูลที่รุ่นพี่ให้มาอย่างสนใจแต่ข้อมูลส่วนใหญ่ก็เป็นปรกติของนักกีฬาทั่วไปที่ฮารุกะศึกษามาแล้วจากตำราเรียนจึงไม่มีอะไรสะดุดใจมากนักจนมาถึงข้อมูลของ นากาโอกะ มิยู ฮารุกะขมวดคิ้วเข้าหากันริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงอย่างใช้ความคิด ก่อนจะเงยหน้าชำเลืองมองรุ่นพี่พร้อมเอ่ยถาม
“พี่ไอริค่ะ...ทำไม...นากาโอกะซังถึงยังต้องทานนมอย่างสม่ำเสมออยู่ละค่ะ ทั้ง ๆ ที่อายุ 22 โครงสร้างกระดูกน่าจะเข้าที่แล้ว ความสูงก็ไม่น่าจะเพิ่มได้อีก แถมยังต้องเป็นนมที่มีคุณค่าทางแคลเซียมสูงมาก ๆ ถ้านักกีฬาอยากทานเองก็คงเป็นเรื่องปรกติ แต่ถ้ามันอยู่ในโปรแกรมที่นักกายภาพต้องดูแล...แสดงว่า...นากาโอกะซัง...มีปัญหาบางอย่างใช่มั๊ยค่ะ”
“รู้จักสังเกตจังนะ เก่งมาก...แต่พี่บอกไม่ได้จ้า ถือเป็นความลับของงานและอีกอย่างนากาโอกะเขาก็ไม่อยากบอกใครด้วย แต่...ถ้ามิยาชิตะซังอยากรู้...คงต้องซื้อความไว้ใจจากนากาโอกะเอาเองนะ^^” ไอริยิ้มให้อย่างเอ็นดูและชื่นชมในสิ่งที่ฮารุกะแสดงความคิดเห็นออกมา เพราะมันหมายถึงฮารุกะค่อนข้างที่จะใส่ใจในงานที่ได้รับมอบหมาย เมื่อรุ่นพี่บอกออกมาแบบนั้นฮารุกะจึงได้แต่พยักหน้ารับรู้พร้อมก้มหน้าอ่านข้อมูลของนักกีฬาคนอื่นต่อไป
ครืด.....
“ฮารุกะจัง!!!”เสียงเปิดประตูมาพร้อมกับเสียงเรียกของยูกิที่เดินเข้ามาภายในห้องทำงานของทีมกายภาพ
“ค่ะ??” ฮารุกะตอบรับอย่างงง ๆ
“เที่ยงแล้วทานข้าวกันคะ พี่ไอริไปทานด้วยกันซิค่ะ”ยูกิบอกฮารุกะพร้อมชวนไอริ แต่ไอริส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมรอยยิ้ม
“พี่มีนัดแล้วจ๊ะ ฝากมิยาชิตะซังด้วยแล้วกันนะยูกิ ว่าแต่ว่าไปสนิทกันตอนไหนเนี่ย”ไอริชี้นิ้วไปมาระหว่างยูกิและฮารุกะถามขึ้นอย่างสงสัย ก็น้องเพิ่งมาถึงเมื่อวาน อยู่ ๆ วันนี้ยูกิก็มาชวนน้องทานกลางวันด้วย
“อ๋อ...ก็เมื่อวานตอนเย็นไง ที่น้องย้ายของเข้ามาอยู่ห้องพักสโมสรนะ พี่ไอริไม่อยู่หรอก ฉันเห็นน้องถือของเยอะแยะเลยไปช่วยยกของน้องเข้าห้องตอนฉันกลับออกมาพี่ไอริก็ยังไม่กลับเลย ฮั่นแน่...ไปไหนมาน๊า...”ยูกิลากเสียงยาวอย่างล้อเลียน เพราะรู้ดีว่าช่วงนี้ไอริกำลังอินเลิฟ ออกไปดินเนอร์ข้างนอกบ่อย ๆ
“ไปได้แล้ว...ไป๊...ฝากด้วยนะ”ไอริดันหลังทั้งฮารุกะและยูกิออกจากห้องอย่างไวด้วยความเขินที่ถูกล้อ
ความคิดเห็น