ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ...คือเธอเท่านั้น... (นากาโอกะ มิยู x มิยาชิตะ ฮารุกะ)

    ลำดับตอนที่ #1 : กำลังใจสำคัญ

    • อัปเดตล่าสุด 6 ม.ค. 57


     

    “มิยู วันนี้เป็นอะไรหรือเปล่า ฟอร์มการเล่นแปลก ๆ นะ” เมื่อการแข่งขันจบลง ชิสึรุ โคะโต กัปตันทีมก็เดินเข้ามาถาม ACE ประจำทีมอย่าง นากาโอกะ มิยู เพราะถึงแม้ทีมฮิซะมิสึ สปริงส์ของตนจะชนะมาได้และมิยูจะเล่นได้โดดเด่นเพียงใด แต่ฟอร์มการเล่นของมิยูก็ดูแปลกตาไปจากทุกที...มันเหมือน...มีความไม่มั่นใจบางอย่างในการขึ้นทำแต้มแต่ละจังหวะ ซึ่งเจ้าตัวก็เพียงแต่เก็บสัมภาระลงกระเป๋าเงียบ ๆ โดยไม่มีคำอธิบายใด ๆ มีเพียง อิชิอิ ยูกิ เพื่อนร่วมทีมที่สนิทกับมิยูมากที่สุดเป็นคนหันมาตอบคำถาม

    “ไม่มีอะไรมากหรอก กัปตัน แค่มิยูมันตื่นสายนะ”

    “เห? ตื่นสายเกี่ยวอะไรกับฟอร์มการเล่น” กัปตันถามกลับด้วยสีหน้างงงวย

    “ตื่นสาย...รีบ...ก็เลยลืมกำลังใจสำคัญ ความมั่นใจเลยถดถอยไง”

    “กำลังใจสำคัญ?...อ๋ออออ...เฮ้ออออ...โล่งไปที...คิดว่ามิยูเจ็บซะอีก” กัปตันพึมพำเบา ๆ ก่อนจะคิดออกว่า กำลังใจสำคัญของมิยูนั้นคืออะไร ในขณะที่เจ้าตัวไม่ได้สนใจบทสนทนาที่ตัวเองเป็นหัวข้อสำคัญของเพื่อนสนิทกับกัปตันทีมสักนิด เมื่อเก็บของใส่กระเป๋าเสร็จ มิยูก็เร่งสาวเท้าออกจากห้องแต่งตัวอย่างไว

    “อ้าว...เฮ้ย มิยูรอด้วย” เมื่อเห็นเพื่อนรักเดินดุ่ม ๆ ออกจากห้องไปยูกิจึงได้แต่ตะโกนตามหลังพร้อมคว้าสัมภาระของตัวเองตามเพื่อนไปติด ๆ

     

    “สองคนนั้นรีบอะไรกันหนักหนา ยังไงถ้าคนไม่ครบรถสโมสรก็ไม่ออกอยู่แล้ว” อิวาซากะ นานะที่กำลังเก็บของอยู่ใกล้ ๆ หันมาพูดกับกัปตันที่ยังตั้งตัวไม่ติดที่คู่สนทนาผละไปซะดื้อ ๆ แต่ยังไม่ทันที่ชิสึรุจะได้ตอบอะไรกลับ ยูกิก็วิ่งหระหืดหระหอบกลับเข้ามา

    “มิยูมันฝากบอกว่า มันจะกลับก่อนไม่รอรถสโมสรนะ ฝากบอกโค้ชด้วยนะกัปตัน ไปล่ะ บาย”

    “เป็นไง นานะ ที่นี้ก็ไม่ต้องรอคนครบแล้วใช่ป่ะ” ชิสึรุหันมาถามนานะที่ได้แต่อ้าปากข้างกับการมาไวไปไวของยูกิอย่างขำ ๆ

    “เฮ้อออ...เอาเถอะทำไงได้ล่ะ ก็นั่นมันของสำคัญของมิยูมันนี่นา ถ้าให้ห่างตัวนาน ๆ มิยูมันคงไม่สบายใจ”

    “แต่ที่ฉันสงสัยอ่ะนะ...คือทำไมแค่นกกระเรียนกระดาษตัวเดียวถึงมีผลต่อฟอร์มการเล่นของมิยูมันได้” ชินนาเบะ ริสะ เดินเข้ามากอดคอนานะ
    ก่อนจะเข้าร่วมวงสนทนาด้วยคำถามที่สงสัย

    “ยากตรงไหน สภาพร่างกายอาจพร้อม...แต่นักกีฬาอย่างเราก็รู้ ๆ กันดี...ถ้าสภาพจิตใจไม่พร้อมต่อให้ร่างกายฟิตแค่ไหนก็ส่งผลต่อฟอร์มการเล่นเหมือนกันแหละ” ชิสึรุตอบกลับ

    “แล้วทำไมนกกระเรียนตัวนั้นถึงได้มีความสำคัญต่อมิยูนัก?” คราวนี้เป็นนานะที่ถามขึ้นมาบ้าง เพราะถึงแม้ว่าทุกคนในทีมจะรู้ว่าทุกครั้งก่อนการแข่งขัน มิยูจะทำสมาธิโดยการหยิบนกกระเรียนกระดาษตัวนั่นขึ้นมาจ้องนิ่ง ๆ เหมือนรวบรวมกำลังใจ แต่ก็ไม่มีใครสักคนที่จะรู้ว่าความสำคัญจริง ๆ ของนกกระเรียนกระดาษตัวนั้น...

     

    สนามซ้อมของสโมสร
     

          เมื่อการซ้อมสิ้นสุดลง นักกีฬาทุกคนถูกเรียกมาเข้าแถวข้าง ๆ สนามเพราะโค้ชต้องการแนะนำให้รู้จักนักศึกษาที่จะขอมาฝึกงานเป็นนักกายภาพประจำทีมช่วงปิดเทอม

    “น่ารักดีนี่น่า”

    “อืม ๆ เห็นด้วยตาแป๋วเชียว เด็กน้อย”

    “เห้ย ๆ ยิ้มแล้ว ๆ น่ารักมากๆ อ่ะ ว่ามั๊ยมิยู” เสียงซุบชิบดังขึ้นในแถวเมื่อนักกีฬาทุกคนได้เห็นหน้านักศึกษาที่จะมาฝึกงานในสโมสรแล้วยูกิที่เข้าแถวอยู่ใกล้ ๆ มิยูก็ถามความเห็นของเพื่อนสนิท มิยูไม่ได้ตอบกลับว่าอะไรมีเพียงแววตาที่ตะหนกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าตาของอีกฝ่ายสมองประมวลผลไปถึงความทรงจำในวัยเยาว์ความทรงจำที่เขาไม่มีวันที่จะให้มันลบเลือนตามการเวลา...

     

            มิยูในวัย 7 ขวบ นอนเข้าเฝือกที่แขนข้างขวาอยู่ในโรงพยาบาลชื่อดังสำหรับรักษาและกายภาพบำบัดนักกีฬาที่บาดเจ็บโดยเฉพาะ
    ตาเรียวมองแขนที่เข้าเฝือกของตัวเองอย่างเบื่อ ๆ  หลังจากเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยระหว่างการซ้อมวอลเล่ย์บอลทำให้ข้อมือของตัวเองซ้นจนต้องเข้าเฝือก นี่ก็เข้าวันที่สองแล้วที่มิยูได้แต่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในห้องพัก...

           เมื่อมีเสียงเปิดประตูดังขึ้นมิยูจึงหันไปให้ความสนใจกับคนที่เข้ามาด้วยความที่คิดว่าอาจจะเป็นเพื่อน ๆ ที่มาเยี่ยม แต่คนที่ยืนอยู่ตรงประตูกับเป็นเด็กหญิงคนหนึ่งที่มองดูคราว ๆ คงอายุน้อยกว่ามิยูประมาณสัก ปีสองปี เด็กหญิงส่งรอยยิ้มมาเป็นทัพหน้าเมื่อเห็นสีหน้างง ๆ ของมิยู

    “หนูเอาของมาเยี่ยมค่ะ” เด็กหญิงพูดพร้อมกับก้มลงหยิบนกกระเรียนกระดาษที่อยู่ในตะกร้าใบเล็กที่ตัวเองถือมาส่งให้คนป่วยที่นั่งอยู่บนเตียง

    “ขอบใจจ้า แต่เรารู้จักกันรึเปล่าเนี่ย” มิยูยืนมือซ้ายที่ไม่ได้บาดเจ็บไปรับของเยี่ยมไข้ที่อาจจะแปลกไปสักหน่อยในความคิดพลางเอ่ยถาม

    “แม่หนูทำงานที่นี่ค่ะ หนูมาที่นี่ทุกวัน พี่เจ็บแขนเหรอค่ะ”ดูเหมือนเด็กน้อยจะตอบคำถามไม่ตรงประเด็นเท่าไร แต่ก็นั่นแหละจะไปเอาอะไรกับเด็กเนอะ มิยูได้แต่คิดขำ ๆ ในใจ

    “เราเล่นวอลเล่ย์เหรอ?” มิยูเปลี่ยนเรื่องซะดื้อ ๆ เมื่อสังเกตเห็นการแต่งกายของเด็กน้อยตรงหน้าว่าอยู่ในชุดฟอร์มวอลเล่ย์บอล

    “เงอะ...พี่ยังไม่ตอบคำถามหนูเลย”เด็กน้อยพองลมจนแก้มป่องกับการเปลี่ยนเรื่องกะทันหันของคนบนเตียงใบหน้าเล็ก ๆ เชิดขึ้นเล็กน้อยแสดงอาการงอนอย่างเต็มที่

    “เราก็ตอบพี่ก่อนซิ” มิยูแกล้งกระเซ้ายิ้ม ๆ กับกิริยางอนเล็ก ๆ ของเด็กน้อย

    “แต่หนูถามพี่ก่อน”

    “แต่พี่เป็นผู้ใหญ่กว่า”

    “ไม่เห็นเกี่ยว”

    “เกี่ยวซิ ผู้ใหญ่ถามเป็นเด็กก็ต้องตอบซิ”

    “แต่เด็กถามก่อนผู้ใหญ่ก็ต้องตอบเหมือนกันแหละ”เด็กหญิงเถียงอย่างไม่ยอมแพ้


    ก๊อก ๆ ๆ

    “ขออนุญาตนะคะ...ตายจริง ยัยหนูมากวนอะไรพี่เค้า” เมื่อสิ้นเสียงเคาะประตูและขออนุญาตหญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่งในชุดกายภาพของโรงพยาบาลก็เดินเข้ามา พร้อมอุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นเด็กหญิงในห้อง

    “แม่ค่ะ”เด็กน้อยทักตอบผู้เข้ามาใหม่

    “ออกไปเล่นข้างนอกนะลูก อย่ากวนพี่เค้า”

    “ไม่ได้รบกวนอะไรหรอกคะ คุณน้า ให้น้องอยู่นี่ก็ได้”มิยูพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของเด็กน้อยกำลังหน้ามุ่ยที่โดนดุ

    “ไม่ให้น้องรบกวนดีกว่าคะ เพราะเดี๋ยวน้าจะพาหนูไปพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำการทำกายภาพเบื้องต้นนะค่ะ”

    “เงอะ...คุณแม่อ่ะ พี่เค้าบอกให้หนูอยู่ได้ไง”

    “ฮารุกะจัง!!!”เสียงเรียกแผ่วเบาแต่เข้มอยู่ในทีเป็นการเตือน เมื่อเห็นเด็กน้อยทำหน้ามุ่ยผู้เป็นแม่จึงทำได้เพียงพูดจาปลอบใจ

    “นะคะลูก เดี๋ยวหนูต้องเอานกกระเรียนไปเยี่ยมคุณตา กับ คุณน้า ที่อยู่ห้องข้าง ๆ ด้วยนิคะ เดี๋ยวคุณตากับคุณน้าจะรอน๊า” ผู้เป็นแม่เอ่ยยิ้ม ๆ นั่นเองที่ทำให้เด็กหญิงตาโตขึ้นอย่างตกใจที่ลืมไปเสียสนิท มิยูเห็นท่าทางก็หลุดขำเบา ๆ

    “พี่ไม่ต้องมาหัวเราะหนูเลย เพราะพี่แหละ...ชวนหนูทะเลาะ...หนูลืมคุณตากับคุณน้าเลย”

    “อ้าว พี่ผิดซะงั้น”

    “ช่าย ๆ เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้หนูจะมาใหม่ พี่ต้องง้อหนูด้วยเพราะหนูงอน หึ!!”พูดจบเด็กหญิงก็เปิดประตูวิ่งปรู๊ดออกไป

     

    “...ยู มิยู!!”ยูกิกระซิบเพื่อนเสียงดังขึ้นเล็กน้อยเมื่อเรียกแล้วเพื่อนไม่ตอบ

    “ว่าไง”

    “ถามไม่ตอบ ฉันถามว่าน้องเขาน่ารักดีนะ ว่ามั๊ย”

    “อืม...น่ารัก...แต่ฉันไม่ให้รักนะโว๊ย” ประโยคหลังมิยูได้แต่พึมพำเบา ๆกับตัวเอง

    “มิยาชิตะ ฮารุกะ ยินดีที่ได้รู้จัก ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ”ฮารุกะโค้งทักทายให้ทุกคนในทีม

    ...พี่เจอเธอแล้ว นางฟ้าตัวน้อยของพี่...

     

    ห้องทำงานทีมกายภาพของสโมสร

    “มิยาชิตะซัง...นี่คือข้อมูลโภชนาการและตารางการฝึกซ้อมเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้เหมาะกับสภาพร่ายกายของนักกีฬาแต่ละคน...เอาข้อมูลไปศึกษาก่อนนะ” เมื่อเริ่มงานวันแรกมิซึโนะ ไอรินักกายภาพประจำทีมที่รับผิดชอบเป็นพี่เลี้ยงสอนงานให้ฮารุกะเริ่มด้วยการให้ฮารุกะทำความเข้าใจกับสภาพร่างกายนักกีฬาและโภชนาการที่นักกีฬาควรจะได้รับ ตากลมโตไล่อ่านข้อมูลที่รุ่นพี่ให้มาอย่างสนใจแต่ข้อมูลส่วนใหญ่ก็เป็นปรกติของนักกีฬาทั่วไปที่ฮารุกะศึกษามาแล้วจากตำราเรียนจึงไม่มีอะไรสะดุดใจมากนักจนมาถึงข้อมูลของ นากาโอกะ มิยู ฮารุกะขมวดคิ้วเข้าหากันริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงอย่างใช้ความคิด ก่อนจะเงยหน้าชำเลืองมองรุ่นพี่พร้อมเอ่ยถาม

    “พี่ไอริค่ะ...ทำไม...นากาโอกะซังถึงยังต้องทานนมอย่างสม่ำเสมออยู่ละค่ะ ทั้ง ๆ ที่อายุ 22 โครงสร้างกระดูกน่าจะเข้าที่แล้ว ความสูงก็ไม่น่าจะเพิ่มได้อีก แถมยังต้องเป็นนมที่มีคุณค่าทางแคลเซียมสูงมาก ๆ ถ้านักกีฬาอยากทานเองก็คงเป็นเรื่องปรกติ แต่ถ้ามันอยู่ในโปรแกรมที่นักกายภาพต้องดูแล...แสดงว่า...นากาโอกะซัง...มีปัญหาบางอย่างใช่มั๊ยค่ะ”

    “รู้จักสังเกตจังนะ  เก่งมาก...แต่พี่บอกไม่ได้จ้า ถือเป็นความลับของงานและอีกอย่างนากาโอกะเขาก็ไม่อยากบอกใครด้วย แต่...ถ้ามิยาชิตะซังอยากรู้...คงต้องซื้อความไว้ใจจากนากาโอกะเอาเองนะ^^” ไอริยิ้มให้อย่างเอ็นดูและชื่นชมในสิ่งที่ฮารุกะแสดงความคิดเห็นออกมา เพราะมันหมายถึงฮารุกะค่อนข้างที่จะใส่ใจในงานที่ได้รับมอบหมาย เมื่อรุ่นพี่บอกออกมาแบบนั้นฮารุกะจึงได้แต่พยักหน้ารับรู้พร้อมก้มหน้าอ่านข้อมูลของนักกีฬาคนอื่นต่อไป

    ครืด.....

    “ฮารุกะจัง!!!”เสียงเปิดประตูมาพร้อมกับเสียงเรียกของยูกิที่เดินเข้ามาภายในห้องทำงานของทีมกายภาพ

    “ค่ะ??” ฮารุกะตอบรับอย่างงง ๆ

    “เที่ยงแล้วทานข้าวกันคะ พี่ไอริไปทานด้วยกันซิค่ะ”ยูกิบอกฮารุกะพร้อมชวนไอริ แต่ไอริส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมรอยยิ้ม

    “พี่มีนัดแล้วจ๊ะ ฝากมิยาชิตะซังด้วยแล้วกันนะยูกิ ว่าแต่ว่าไปสนิทกันตอนไหนเนี่ย”ไอริชี้นิ้วไปมาระหว่างยูกิและฮารุกะถามขึ้นอย่างสงสัย ก็น้องเพิ่งมาถึงเมื่อวาน อยู่ ๆ วันนี้ยูกิก็มาชวนน้องทานกลางวันด้วย

    “อ๋อ...ก็เมื่อวานตอนเย็นไง ที่น้องย้ายของเข้ามาอยู่ห้องพักสโมสรนะ พี่ไอริไม่อยู่หรอก ฉันเห็นน้องถือของเยอะแยะเลยไปช่วยยกของน้องเข้าห้องตอนฉันกลับออกมาพี่ไอริก็ยังไม่กลับเลย ฮั่นแน่...ไปไหนมาน๊า...”ยูกิลากเสียงยาวอย่างล้อเลียน เพราะรู้ดีว่าช่วงนี้ไอริกำลังอินเลิฟ ออกไปดินเนอร์ข้างนอกบ่อย ๆ

    “ไปได้แล้ว...ไป๊...ฝากด้วยนะ”ไอริดันหลังทั้งฮารุกะและยูกิออกจากห้องอย่างไวด้วยความเขินที่ถูกล้อ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×