ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -360 ° OUR MEMORY: ฉันดีใจที่มีเธอ (YURI)

    ลำดับตอนที่ #7 : [SP] ค่ำคืนแห่งความทรงจำ

    • อัปเดตล่าสุด 2 ต.ค. 52


    ค่ำคืนแห่งความทรงจำ

     

     

                    เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลและ ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเรื่องแล้ว ถ้าบังเอิญชื่อบุคคล และเหตุการณ์ ไปตรงกับประสบการณ์ของท่านใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

     




    …………
    ……………………….
    ………………………………………

     

     

     

    ในการเรียนของภาควิชาพลศึกษา ปี 1 เทอมปลายนั้นจะมีวิชาที่ว่าด้วย กิจกรรมนันทนาการ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า วิชาเกมศึกษานั้นหละ ด่านแรกของการฝึกปฏิบัติ ที่ศูนย์สาธิตการพัฒนาเด็ก คณะพยาบาลศาสตร์ และโรงเรียนอนุบาลสาธิต ของมหาวิทยาลัย พวกเราต้องคิดเกมต่าง ๆ ให้น้อง ๆ เล่น เกมที่คิดนั้นต้องสามารถส่งเสริมพัฒนาการในด้านร่างกายและจิตใจของเล่นด้วย (มันเหมือนง่ายนะ แต่ยากมากกกกกก) และคุณคิดว่าเด็ก ๆ น่ารักใช่ไหม เด็ก ๆ จะว่านอนสอนง่ายใช่ไหม ฝันไปเถอะ คุณจะรู้ซึ้งมาก ถ้าเป็นนักศึกษาภาคพละฯ กับภาคประถม  ที่นี้หละคือแหล่งที่รวบของลิงทะโมนรุ่นเล็กครับ ไม่เชื่อผมเอาไอ้เล็กยืนยันครับเพราะตอนเด็ก ๆมันศิษย์เก่าที่นี้

     

    เอ๊ะ !! ลืมไปว่าต้องแนะนำตัวแล้ว ผม ติ๊กครับ คนหล่อ ๆ ขาว ๆ แต่เป็นคนอีสานแท้นั้นหละ ไม่ได้พูดเล่นนะ ปู่ทวดผมย้ายมาจากประเทศเพื่อนบ้าน มาตั้งรกรากที่จังหวัดนี้หละ แต่ไม่รู้เพราะอะไรรุ่นเหลนหน้าตาออกมาเป็นลูกครึ่งไทย – จีน กันหมด แต่ถามว่าพูดภาษาถิ่นอีสานได้ไหม บอกตรง ๆ เลยว่า





    พูด ไม่ได้ ครับ  ผมกับเล็ก และไอ้หน่า (เรียกไม่ค่อยจะลำเอียง) เป็นเหมือนกันคือ ฟังรู้เรื่อง แต่พูดไม่ได้  แจงมันเคยบอกว่าพวกผม เป็น...(เซ็นเซอร์)....เสียชาติเกิด

     

    ไอ้ติ๊กกกกก ระวัง!!!!!!!!!”  แย่..................แล้ว ไม้ควงกระบองที่ไอ้หน่า ผู้หญิงคนเดียวในภาควิชาที่กล้าหาญชาญชัยมาควงกระบองไฟและเล่นยิมนาสติกกับพวกผมกำลังลอยละลิ่วทางนี้แล้ว  ลืมบอกพรุ่งนี้จะมีการเข้าค่ายของน้องอนุบาลสาธิตครับ (ไฮโซเปล่าหละขนาดเรียนอนุบาลยังมีเข้าค่าย) พวกผมเลยต้องมาเตรียมงานพร้อม ๆ กับเพื่อน ๆ ภาควิชาประถมศึกษา (สาวประถมน่ารัก) ไอ้เตรียมงานไม่เท่าไหร่หรอก ครับ แต่ที่หนักคือ พวกผมต้องยิมนาสติกลอดบ่วงไฟ และควงกระบองไฟ โชว์ (ผู้ปกครอง) น้อง ๆ ในกิจกรรมเล่นรอบกองไฟ

     

                    "ว๊ากกกกกกกกกก!!!" เสียงผมแหกปากดังลั่นพร้อมกับคิดว่ากูเจ็บตัวแน่ พ่อแก้ว แม่ แก้วช่วยติ๊กด้วยยยยย แม่คร้าบ พ่อคร้าบบบบ ถ้ารอดกลับไปผมจะเป็นเด็กดี

     

    ตุ๊บ ! 

    แอ๊ก !

    กรี๊ด !~

     

    เสียงเกิดขึ้นพร้อมกัน 3 เสียง เลือกเองว่าจะเอาเสียงไหนก่อน เสียงกระบองหวายตกกระทบกับพื้น เสียงตัวผมล้มลงที่พื้น และเสียงร้องของสาว ๆ ประถม ฯ ที่อยู่ในเหตุการณ์

     

    ผัวะ!!

     

     ไอ้เวง มึงทำไมไม่หลบห่า ยืนบื้ออยู่ ถ้ากูผลักมึงไม่ทันนี้ หัวแตกเลยไหม ไอ้เล็กครับ ไม่รู้มันมาจากไหน ผลักผมให้พ้นรัศมีของกระบองหวาย แต่มือมันอ่ะลงที่หัวผมจัง ๆ เน้น ๆ  เจ็บอ่า............รุนแรงกับกูจัง กูจะร้องให้เพราะมึงเนี้ยหละ

     

    ติ๊ก หน่าขอโทษ ติ๊กไม่เป็นไรนะ ก่อนหน้านั้นน่าควงไม้ไผ่มันหนัก พอเปลี่ยนมาเป็นหวายมันเลยปรับน้ำหนักไม่ได้ หน่าขอโทษ ไอ้หน่าตัวต้นเหตุ วิ่งมายกมือไหว้ขอโทษ ไอ้เวง ไม่ควงปรับน้ำหนักก่อนวะ เห็นหญิงน่ารัก ๆ หน่อยไม่ได้แมร่งโชว์เพาวว์

     

    เล็กอย่าไปว่าติ๊กมันเลยน่า หน่าผิดเองงงง ดีมากกเพื่อนบอกมันด้วย กูเจ็บแขนก็เจ็บนิดเดียวแต่ หัวเจ็บมากกกกกกก

     

    ไม่เป็นไร ๆ มันพลาดกันได้หน่า ขอบใจมากเล็ก ผมบอกหน่าให้สบายใจ ผมเข้าใจเพราะผมเองก็เป็นหนึ่งในนักแสดงมันพลาดกันได้จริง ๆ และไม่ลืมที่จะหันไปขอบใจเล็กที่ยืนทำหน้ายักษ์อยู่ใกล้ ๆ

     

    เอ่อ ๆ แล้วไป ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไอ้หน่ามึงอ่ะกะน้ำหนักดี ๆ สิวะ เดียวคนอื่นโดนลูกหลง คิดดูสิถ้ามีไฟอยู่มันไม่หนักกว่านี้เหรอ?” เวงได้ทีทำเอาใหญ่ ไอ้หน่ามันพยักหน้าหงึก ๆ ตามที่ไอ้เล็กสั่งสอน+บน (ยังกับคนแก่) เดินไปหยิบไม้กระบองไปซ้อมฝึกต่อ

     

    ส่วนมึง ถ้าอยากตายนักเดียวกูฆ่ามึงเอง แรงไอ้หน่าแรงแค่นี้ไม่ตายแค่พิการ กูขี้เกียจไปเยี่ยมมึงหลายรอบ ไปงานศพที่เดียวเลยดีกว่า

     

    อ้าวว ไอ้เวงเมื่อกี้ได้ยินเห็นด่าไอ้หน่าอยู่แหม็บ ๆ มาตอนนี้จะแช่งกูซะแล้ว

     

    …………
    ……………………….
    ………………………………………

     

     

    เวลาผ่านไปจนถึงตี 2 ตอนนี้พวกผมเตรียมค่ายสำหรับอุปกรณ์ไป 90 % ไม่ไหวแล้วครับเหนื่อยก็เหนื่อย หิวก็หิว ตอนเช้าต้องตื่นมาช่วยคุมเด็ก ๆ เดินทางไกล แต่เช้าอีก หันไปมองผู้ร่วมชะตากรรม ผม เล็ก ออย ต้น และ โอ๊ต ดูหน้าแต่ละคนจะหลับคากองอุปกรณ์แล้ว ส่วนสาว ๆ ประถม และสาว (มีด้วยเหรอะ?) ภาคผม อาจารย์ไล่ไปกลับหอตั้งแต่ 3 ทุ่มแล้วครับ ตอนนี้คงถึงคราวพวกผมไปบ้างหละ ถ้าให้หลับที่นี้คงไม่ไหว

     

    อาจารย์ครับ พวกผมกลับไปพักผ่อนก่อนนะครับ ผมพูดเสียงอ่อนเสียงหวานสุด ๆ (เพราะความง่วง) กับอาจารย์ที่เตรียมงานด้วยกัน

     

    ได้ ๆ กลับไปด้วยกันเลย สิ ใครจะนอนที่นี้ก็ไปนอนฟูกโน้น ขอบใจทุกคนมาก พรุ่งนี้เจอกัน

     

    อ้าวบทจะเลิกไงเลิกงานอย่างนี้วะ งง จริง รู้งี้ผมขอตั้งนานแล้วหละ ผม เล็ก ออย และต้น ต้องกลับหอครับ หอเราอยู่หลังมอ ส่วนโอ๊ตนี้มันขับรถกลับบ้านในตัวเมืองครับอยู่คนละที่กับเรา

     

    ติ๊กมึงปั่นจักรยานมึงไปก่อนดิ เดียวพวกกูขับรถเป็นเพื่อน เจริญหละไอ้ออยง่วงก็ง่วงจะให้กูปั่นจักรยาน

     

    กูซ้อนท้ายมอ' ไซด์ มึงไม่ได้เหรอออย  มองหน้ามันทำตาปริบ ๆ

     

    “ท้ายรถกูมีไว้ให้แจงเท่านั้น” โหยยยย ไอ้นี่ อย่าให้กูมีมอไซด์ กับแฟนนะมรึง

     

    ป๊าบ!!

     

    สัดพูดไม่คิดถึงกูนะมึง ไอ้ต้น เอาม้วนกระดาษฝาดหัวไอ้ออย สมน้ำหน้ามัน อยากเจ็บตัวก่อนกลับ  อ๋อ ผมลืมว่ามีไอ้ต้น ส่วนน้อง(รถ)ป๊อบ ของไอ้เล็ก ผมคงไม่พึ่งมันแล้วกลัวมันงอนใช้ของมันมาก น้ำมันไม่ช่วยเติม

     

    พวกมึงจะคุยกันนานอีกไหม กูง่วง เดียวกูขับป๊อบแล้วยันจักยานมึงก็ได้ติ๊ก ถ้าขี้เกียจนักอ่ะ ไอ้เล็กรู้ใจกูอีกนะมึง ใครจะไปขยันปั่นจักรยานตอนนี้หละครับ จากอนุบาลสาธิต ถึงหลังมอ อย่างต่ำก็ 5 กิโลเมตร ไม่ใช่ใกล้ ๆ แถมสภาพภูมิศาสตร์ มหาวิทยาลัยผม มันตั้งอยู่บนภูเขาลูกเล็ก ๆ หลาย ๆ ลูกชัด ๆ ปั้นเองปวดขาตาย (ได้ข่าวปั่นมาเหล่สาวเต้นแอโรบิกทุกวัน)

     

    เมื่อตกลงกันได้แล้วก็เดินแยกย้าย ไปเอาพาหนะคู่ใจกลับหอนอนหละครับ ของผมจักรยานเสือภูเขา หม่อมย่าซื้อให้หลานรัก เนื่องในโอกาสสอบติดมหาวิทยาลัย แต่หม่อมย่าคร้าบบบบบบ ผมอยากได้ ผมบอกอยากได้มอไซด์ ไม่ใช่จักรยาน

     

    ด้านหน้าที่จอดรถ ติดถนนใหญ่ของอนุบาลสาธิต มีต้นไม้ใหญ่ผูกผ้าหลากสีไว้ต้นหนึ่ง ต้นไม้ต้นนี้มีเรื่องเล่า และตำนานอยู่คู่มหาวิทยาลัยผมมาหลายปี ถามว่าอากาศตอนนี้เป็นยังไงผมตอบได้เลยว่า เย็นแบบแปลก ๆ จมูกได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของ ดอกไม้กลางคืน ผมสูดอากาศหายใจเข้าปอดลึก ๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะเริ่มปั่นจักรยานออกมา รถของออยนำขบวนออกไปก่อน  และเล็กขับรถออกมาเป็นคนสุดท้าย เพื่อเข้าสู่ถนนสายหลักเพื่อเข้าไปในมหาวิทยาลัย

     

    “พี่~นักศึกษา~~~~ค่ะ~~~~~~

                      แว่วเสียงเย็นที่ลอยมาตามลม ทำให้อดแปลกใจไม่ได้ ตอนนี้ตี 2 จะตี 3 แล้ว จะมีน้อง ๆ ที่ไหนมาเล่นตอนนี้ ครู่นั้นเหมือนมีอะไรวิ่งผ่านหางตาผม ทำให้เหลียวมองไปที่ต้นไม้ต้นนั้น

     

    ผมเจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง สูงเพียว ใส่ชุดขาว ใส่ผ้าซิ้น (ผ้าถุง) สีขาว ชุดคล้าย ๆ ชุดที่ย่าของผมใส่ไปถือศลี 8 ที่วัด ผมยาวปล่อยสยายไปตามลม

     

    “ใครมาทำอะไรดึก ๆ ดื่น ๆ แถวนี้”  นั้นคือสิ่งที่ผมคิดในใจ เมื่อผมมองไปที่หน้าของเธอ นั้นหละให้ผมขนลุก.............................ก็คือ เธอไม่มี หู ตา จมูก บนหน้าเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ผมมองลงไปที่ดูที่ขา คะ ...คะ........คือ ..............ธะ.........ธะ........ เธอไม่มีขาครับ  แต่ตอนนี้ขาผมแข็งไปหมดแล้ว จะปั่นจักรยานก็ปั่นไม่ได้ จะสวดมนต์ก็คิดออกแต่คำว่า นะโม นะโม เลยมองไปที่เธอคนนั้นอีกครั้ง

     

    ช๊อก....................... คิดได้แค่นี้หละครับ เมื่อเธอคนนั้นยิ้มให้ผม  ยิ้ม............... ใช่ยิ้ม จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่บนหน้าเธอไม่มีอวัยวะใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ผมคิดว่าเธอยิ้มให้ผม เป็นคุณ คุณจะยิ้มตอบไหม ? สำหรับผมเหรอะ ................

     


    ชิบหายแล้ว วววววววววววว!

     


    ก่อนที่จะได้คิดนั้น .........เล่นกูแล้ว จากหน้าที่ผมคิดว่ายิ้มให้ผม ตอนนี้...... หน้าของเธอเริ่มหาย ไปทีละเล็ก ทีละน้อย พร้อมกับเสียง “พี่~นักศึกษา~~~~ค่ะ~~~~~~ลอยมาตามลมนั้นอีก

     

    มองไปข้างหน้า เห็นสีแดงของไฟท้ายไอ้ออยกับไอ้ต้นอยู่ริบ ๆ  ไอ้เล็กขับรถมาใกล้ ๆ เรามองตากัน ผมว่า ผมสองคนคงอยู่ด้วยกันขนาดมองตาแล้วรู้ใจ ชั่งใจอยู่สักพัก

     

    ตะติ…..ติ๊ก มึงเห็นอย่างที่กูเห็นไหม? เล็กถามผมด้วยเสียงสั่น ๆ แม้หน้าหล่อ ๆ ของมันจะไม่แสดงออกไรก็ตาม

     

    อืม กะ....กะ... กูก็ว่ากูเห็นเหมือนกัน

     

    อย่างนี้ใครจะไปอยู่หละคร้าบบบบบบบบบ แผ่นดิมึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     

    …………
    ……………………….
    ………………………………………

     

                    ผมไม่แน่ใจว่า ถึง U – Cen ได้อย่างไรแต่จำได้แน่ ๆ ว่าผมปั่นจักรยานแซงรถป๊อบของไอ้เล็กเท่านั้นหละ ตอนนี้ปวดขาโครตตตตตต ไอ้ออยกับไอ้ต้น นั่งโซ้ยต้มเส้นยังกับอดยากมาเป็น 10 ปี

     

                    “เอิ้ยอิ๊ก เอี้ยเอ็ก อวกอึงอาอ้า”   (เชี้ยติ๊ก เชี้ยเล็กพวกมึงมาช้าวะ- ซับไตเติ้ล) ไอ้ออยพูดทัก ทั้ง ๆ ที่ปากมันยังคาบ (ทีน) ไก่ ขอให้ติดคอนะมรึง ช้าได้ไงวะ นี่จากอนุบาลสาธิต มานี่ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที ความเร็วไม่น้อยกว่า 60 กม. /ชม. นะมรึง

     

                    “ออย ตอนพวกมึงขับออกมาเห็นอะไรป่ะ ? ” ก้นยังไม่ทันติดพื้นไอ้เล็กก็ถามขึ้น

     

                    “ไม่เห็นมีอะไรนิมึง กูขับรถรอพวกมึงตั้งนานไม่เห็นตามมา เลยมาหาอะไรกินก่อนนี่หละ”  

     

    “อืม.............” ผมสบตากับไอ้เล็กอีกรอบ ผมรู้ว่ามันอยากจะพูดอะไร แต่ก่อนอื่น


     

    “เล็กไปนอนกับกูนะ ไอ้บอลมันกลับบ้านกูไม่กล้าอยู่ห้องคนเดียว......”   

     

     

     

    และแล้ว ...............คืนนั้นผมกับมันทำกิจกรรมร่วมกันจนถึงเช้า................................................

     







     

     

      

     

     

     

     

     

    เอ๊ะ ! คิดอะไรอยู่ครับ   แค่พวกผมนอนไม่หลับ เล่นเกมกันถึงเช้าเฉย ๆ มันนอนไม่ได้ หลอนจริง ๆ

     

     

     

     

     





     

     

     

     

    Note :



                   ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านค่ะ  ต้อนรับหนังเรื่องมหาวิทยาลัยสยองขวัญสักหน่อย ใครอยู่แถว ๆ นั้น (แถวไหน ? ) เราว่าคงได้ยินเรื่องราวกับบ่อย ๆ แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนเรา ส่วนของเรายังทำใจเขียนไม่ได้ นี่นั่งพิมพ์ไปขนลุกไป เรื่องจริงมันไม่ได้ตลกขนาดนี่


                    ถึงคุณ AnGeL -of- KilLeR นั้นสินะ เอาเป็นว่าสถานที่เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ ที่มีเนื้อที่ประมาณหกพันไร่ ตั้งอยู่จังหวัดที่ขึ้นชื่อว่าเมืองหลวงของภาคอีสาน ไม่ก็สังเกตจกชื่อสถานที่เอานะ เพื่อความปลอดภัยของเรา (แค่นี้ก็บอกจะหมดเปลือกแล้ว)  ^ ^





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×