ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซีซินหยาง ข้าอยากหย่ากับท่าน!!

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 สวัสดีเขาหัวซาน

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ค. 64


    บทที่ 1

    สวัสดีเขาหัวซาน

     

    แต่เอาเถอะไหน ๆ ก็หลุดเข้ามาแล้วคงย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้นอกจากเดินไปตามเส้นทางที่นักเขียนกำหนดเอาไว้ให้จิ้นซื่อตายอย่างโดดเดี่ยวนั่นแหละ

    ใช่ มันควรจะเป็นอย่างนั้น ก็บ้าแล้ว!! ใครมันจะไปอยากตายแบบนั้นกัน

    หลังจากนั่งสงบสติอารมณ์อยู่นาน สิ่งที่คิดได้คือเขาในร่างของจิ้นซื่อหลังจากนี้จะไม่สนใจอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งเนื้อเรื่องที่นักเขียนปูไว้ ในเมื่อตัวเขาที่น่าจะตายไปในโลกที่แล้วได้รับโอกาสจากใครสักคนที่ไม่รู้ว่าหวังดีหรือร้ายให้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งถึงจะเป็นในนิยายที่ยังอ่านไม่จบก็เถอะ อย่างน้อยเขาก็ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ จนมันจบลงที่ช่วงสุดท้ายของชีวิต

    อาจจะแยกออกมาจากการเป็นตัวหลักแล้วกลายเป็นตัวประกอบธรรมดา ๆ ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ถึงเนื้อหาในช่วงแรกจะเน้นไปที่ความรักของจิ้นซื่อก็เถอะ ยังไงเขาก็ไม่คิดจะสนใจความรักที่ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว

    เดิมทีก็รำคาญตัวละครตัวนี้อยู่แล้ว ในเมื่อได้มาเกิดเป็นตัวละครที่ตัวเองรำคาญก็จะจัดการแก้ให้มันไม่น่ารำคาญเหมือนเดิม ส่วนเนื้อเรื่องที่เหลืออีก 6 เล่มช่างมัน ยังไงตามนิยายจิ้นซื่อตายไปแล้วตั้งแต่เล่ม 7-12 คงไม่มีบทของเขา

    ที่น่าห่วงก็น่าจะเป็นตอนนี้ที่เขาไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องมันเดินมาถึงตอนไหนแล้วนี่สิ

    แต่เอาเถอะเขาจะเป็นตัวเองของตัวเอง จะประกาศให้คนในสำนักรู้ว่าจิ้นซื่อคนนี้ถึงแม้มันจะไม่มีแซ่นำหน้าเหมือนคนอื่น แต่ก็จะทำตัวให้ยิ่งใหญ่เท่าที่จะทำได้แล้วเดินมาตบหน้าคนที่ไม่เห็นหัวเขาในตอนนี้!!!

    เขาจะต้องยะ...

    เจ้าฟื้นแล้ว?”

    ทำไมต้องมีคนมาขัดขวางการมโนของฉันด้วย!!

    นึกแล้วก็หันไปมองทางเสียงของบุรุษปริศนา ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้เขาอึ้งไปชั่วขณะ

    บุรุษร่างสูงใหญ่คล้ายนักรบ ใบหน้าคมคายจนอยากเอานิ้วไปลองแตะดูว่ามันสามารถบาดได้หรือไม่ ไหนจะกล้ามหน้าท้องที่เรียงกันเป็นก้อนสวยสง่า นี่ยังไม่รวมรูปหน้าที่มองรวม ๆ แล้วหล่อจนไม่รู้จะหล่อยังไง

    ขอเบรกการบรรยายความหล่อไว้ก่อน ไอ้ตัวละครตัวนี้คือใครทำไมถึงไม่เคยอ่านเจอ!! เท่าที่จำได้คือจิ้นซื่อถูกไล่ให้มาอยู่คนเดียวในป่าไผ่ไม่ใช่เรอะ แล้วพอหนุ่มหน้าคมคนนี้คือใคร!

    เจ้าเป็นอะไรไป” บุรุษผู้นั้นเดินเข้ามาหาแต่จิ้นซื่อกลับถอยหลังจนเขาต้องหยุดชะงัก “เจ้ากลัวข้า?”

    จะ...เจ้าคือผู้ใด” น้ำเสียงตะกุกตะกักถูก ในใจก็นึกกลัวว่าตัวเองจะโดนฆ่าตายตั้งแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร

    นี่เจ้าคงไม่ได้โดนไม้ไผ่หักทับจนความจำสูญหายหรอกกระมัง”

    ไผ่หักทับ?”

    ใช่ เมื่อวานข้าออกไปวอร์มร่างกายในป่า แต่อยู่ดี ๆ เจ้าก็เดินเข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง ข้าเลยเผลอเตะต้นไผ่จนมันหักลงมาทับเจ้าจบสลบ”

    การตายว่าอนาถแล้วนะแต่การมีชีวิตอยู่ของนายนี่มันอนาถยิ่งกว่าอีกนะจิ้นซื่อ

    จิ้นซื่อมองคนตรงหน้าอีกครั้ง ไม่รู้สิแต่ในความรู้สึกมันรู้สึกแปลก ๆ กับคนคนนี้ แววที่มีทั้งความดุร้ายและอ่อนโยนแบบนั้น มันทำให้นึกถึงสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่โผล่มาในนิยาย

    ไป๋หยาง!” เสียงที่ถูกใช้เรียกค่อนข้างดังทำให้คนตรงหน้าสะดุ้งไปเล็กน้อย

    ใช่นั่นคือนามของข้า”

    ไป๋หยางคืองูเห่าสีเผือกที่มีลวดลายบนลำตัวชัดเจน ยิ่งเวลาที่ตัวมันอาบกับแสงพระจันทร์ยิ่งทำให้มันนดูสวยกว่าปกติแต่พิษของมันกลับร้ายแรงมากกว่างูเห่าตัวอื่นหลายเท่า อีกทั้งในเขี้ยวพิษของมันยังมีพิษด้วยกันถึงสามชนิดให้เลือกใช้อีกต่างหาก

    เดิมทีไป๋หยางอาศัยอยู่ในถ้ำลับแถวทางขึ้นเขาหัวซาน แต่เมื่อไม่นานมานี้ถ้ำของไป๋หยางถูกบุกรุกจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงจนทนอยู่ไม่ได้เลยต้องหนีออกมาเพราะทนความรำคาญไม่ไหว

    แต่เกิดเหตุไม่คาดคิดระหว่างทางไป๋หยางโดนทำร้ายอาการสาหัส ประสบกับจังหวะที่จิ้นซื่อกลับจากการเข้าไปในสำนักแต่โดนซีซินหยางไล่ออกมาพอดี พอจิ้นซื่อเห็นงูเจ็บก็เก็บมารักษาอย่างไม่รังเกียจกว่าจะรู้ว่าไป๋หยางเป็นสัตว์เซียนก็นานอยู่เหมือนกัน

    ในเนื้อเรื่องตรงนี้ยังมีบางอย่างที่ทำให้เขาไม่เข้าใจมาก ๆ

    หนึ่งคือ ไป๋หยางเป็นสัตว์เซียนก็ไม่น่าจะอ่อนแอจนถึงขั้นโดนชาวธรรมดาทำร้ายจนเจ็บหนักขนาดนี้

    สองคือ ในนิยายไม่เคยบรรยายถึงลักษณะของไป๋หยางเลยว่าหน้าตาในร่างมนุษย์เป็นยังไง เลยไม่ได้นึกถึงพอมาเจอตัวจริงก็ไม่คิดว่าจะหล่อขนาดนี้

    อ่า สนใจแค่ข้อหนึ่งก็พอส่วนของสองช่างหัวมันเถอะ

    ถ้าจะให้เดาเนื้อเรื่องตอนนี้คงอยู่ประมาณนิยายเล่ม 2

    เจ้าคิดอะไรอยู่ทำไม ถึงทำหน้าตาแบบนั้น” ไป๋หยางถามขึ้น

    เปล่า ๆ ข้าแค่คิดถึงซีหยางน่ะ” เอาตัวรอดเป็นยอดดี อ้างอะไรไปก่อนก็ได้แค่ไม่ให้ไป๋หยางรู้ว่าตนถูกเขานินทาอยู่ในใจ

    จะว่าไปขนาดงูที่มีซีนแค่ตอนใช้พิษฆ่าหูกวางอิงยังหล่อขนาดนี้แล้วจิ้นซื่อที่เป็นตัวเอกเล่า จะหล่อขนาดไหน แต่เท่าที่จำได้ก็...

    ใบหน้างดงามจนสามารถล่มสตรีทั้งเมืองได้ ผิวขาวสะอาดตานวลเนียนราวผิวเด็กแรกเกิด อีกทั้งเอวยังเล็กคอดราวสตรีในวังหลวง หากหลิวจิ้นซื่อเป็นสตรีก็คงจะมีบุรุษเข้ามาให้เลือกเป็นคู่อยู่ไม่ขาด’

    ชักอยากจะเห็นแล้วสิ

    ข้าว่าเจ้าเข้าไปพักเถอะ ดูจากท่าทางแล้วไม่น่าจะไหว” พูดจบไป๋หยางก็เดินอ้อมออกไปทางหลังเรือน

    พออีกคนเดินหายไปลับตาจิ้นซื่อก็เดินกลับไปยังห้องที่ตนเพิ่งเดินออกมา พอมองเห็นกระจกก็อดที่จะเข้าไปส่องไม่ได้ ช่วยไม่ได้นี่ก็คนมันอยากรู้นี่นา

    จิ้นซื่อเดินตรงไปหยุดอยู่หน้ากระจก ทันทีที่มองเห็นเงาสะท้อนของตนก็อดตื่นตะลึงไม่ได้ ในนิยายบรรยายไว้แล้วว่าสวยยิ่งกว่าสตรี แต่พอมาเจอของจริงคือ โคตรสวย สวยจนเขาอยากได้เอง อยากจะกราบงาม ๆ แล้วกล่าวคำขอโทษที่เคยด่าว่าน่ารำคาญ

    แต่ก็แปลกจิ้นซื่องามขนาดนี้ซีซินหยางไม่คิดหวั่นไหวหรือสัมผัสหน่อยหรือยังไง ช่างเถอะ เรื่องหัวใจของสองคนนี้มันไม่ใช่เรื่องของเขานี่เนอะ เอาเวลาไปคิดหาทางมีชีวิตอยู่ต่อจนถึงช่วงบั้นปลายชีวิตดีกว่า

     

    ยามจื่อ (23.00 – 01.00)

    พระจันทร์ดวงกลมส่องแสงสีเหลืองนวลสว่างจนมองเห็นสิ่งรอบข้างได้ชัดเจน เสียงไม้ไผ่ดังลั่นตามลมไม่ได้ทำให้นึกกลัว

    จิ้นซื่อนั่งอยู่บนตั่งไม้แขนทั้งสองข้างพาดทับกันอยู่บนราวระเบียงทางเดิน สายลมเย็น ๆ พัดผ่านอากาศเริ่มเย็นหากแต่คนที่นั่งอยู่กับไม่หวั่นต่อความหนาวเลยแม้แต่น้อย

    เขานอนไม่หลับ

    พยายามข่มตาเท่าไหร่ก็ไม่หลับเลยต้องออกมานั่งมองพระจันทร์ข้างนอก ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาในร่างนี้ก็ยังไม่มีอาหารหรือน้ำสักหยดตกถึงท้องเลย ในครัวก็ว่างเปล่าจนอดสงสัยไม่ได้ว่าปกติแล้วจิ้นซื่อกินอะไรเป็นอาหาร

    เรื่องกินไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับเขาอยู่แล้ว อดมามากกว่าหนึ่งวันก็เคยมาแล้ว นึกแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรำลึกถึงอดีตในโลกเดิมของตน

    ตั้งแต่เด็กเขาเติบโตมาในบ้านเด็กกำพร้า พออายุครบ 15 ก็โดนไล่ออกมาเพราะที่นั่นไม่สามารถรับเลี้ยงเด็กที่มีนิสัยชอบต่อยตีอย่างเขาได้

    ตอนออกมาอยู่ข้างนอกช่วงแรกเขายังคงหาทางเอาตัวรอดไม่ได้ ที่นอนก็ไม่มีอาศัยนอนหลบฝนหลบลมตามซอกตึก วันไหนโชคร้ายเจอเจ้าถิ่นก็ต้องออกแรงเพื่อให้ตัวเองได้ที่อยู่ เป็นแบบนี้อยู่หลายปีจนครูมวยมาเจอเขาที่กำลังหมดทางสู้กลายเป็นหมาจนตอก พ่อครูคงสงสารเลยรับเขาไปเป็นเด็กฝึกในค่าย แต่ไม่นานท่านก็จากไปเพราะโรคร้าย

    นั่นเลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่เหมือนจะดีของเขา ที่บอกเหมือนจะเพราะมันเกือบจะดีถ้าไม่นับรวมสิ่งที่ไม่อยากนึกถึง เขาก็คงจะใช้คำว่าดีได้อย่างเต็มปากเลยล่ะ

    เจ้ามานั่งทำอะไรที่นี่ เดี๋ยวก็ไม่สบาย”

    จิ้นซื่อเงยหน้าไปมองคนที่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง ก่อนจะคลี่ยิ้มฝืด ๆ ให้ไป๋หยางแล้วเปิดปากตอบคำถาม “นอนไม่หลับ”

    เจ้าคงหิว นี่ ข้าให้” หมั่นโถวสองลูกถูกยื่นมาตรงหน้า

    จิ้นซื่อยิ่งมือไปรับมาถือไว้แล้วกัดเข้าปากไปคำหนึ่งก่อนจะกล่าว “ขอบคุณ”

    กินเสร็จก็ไปนอนได้แล้ว ถ้าขืนเจ้ายังนั่งอยู่ตรงนี้คงได้เป็นหวัดแน่ ๆ” ว่าจบไป๋หยางก็เดินหายไปทางหลังเรือนตามเดิม

    แปลกคน จะมาก็มา จะไปก็ไป อยากจะว่าแต่ก็นึกขึ้นได้นั่นคืองูไม่ใช่คนแถมยังเป็นงูที่มีพิษอยู่ในเขี้ยวถึงสามชนิดซะด้วยสิ

    หลังจากหมั่นโถวลูกสุดท้ายหมดก็เดินกลับเข้ามานอนที่เดิม ไม่นานดวงตาก็ปิดสนิทแล้วความมืดมิดก็พาเขาเข้าสู่วังวนแห่งความฝัน

    ภาพตรงหน้ามืดสนิทไม่มีแม้แต่แสงสว่างจากพระจันทร์หรือตะเกียงให้มองเห็นทางข้างหน้า ขาเริ่มก้าวเดินตามความมืดก่อนจะเปลี่ยนเป็นวิ่ง แต่ไม่ว่าจะวิ่งเร็วขนาดไหนก็ไม่มีทางออกไปหาแสงสว่างสักที จนต้องหยุดยืนอยู่กับที่

    ในระหว่างที่กำลังท้อและหมดหนทางจู่ ๆ ก็มีเสียงชายชราดังมาจากทางด้านหลัง “ไง พ่อหนุ่มเทียนอี้ไม่สิหลิวจิ้นซื่อต่างหากเนอะ”

    ใคร!”

    เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ที่ข้ามาที่นี่เพราะข้ามีเรื่องต้องบอกกับเจ้า”

    “...”

    โลกที่เจ้าถูกส่งเข้ามาคือโลกคู่ขนานของนิยายเรื่องต่อให้ทิวาดับข้าก็จักยังรักเจ้า ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อที่จะทำเป็นเวอร์ชันรีไรท์ ซึ่งจะได้รับการตีพิมพ์ใหม่เป็นอีกเวอร์ชัน เนื้อเรื่องทั้งหมดจะดำเนินตามพล็อตเดิมแต่เป็นฉบับรีไรท์ออกมาที่จบคนละแบบต่างจากชุดแรกที่เคยวางขายเมื่อนานมาแล้ว”

    แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม”

    ดวงเจ้ายังไม่ถึงคราวตายเทียนอี้ ข้าเลยให้โอกาสเจ้าเข้ามาใช้ชีวิตต่อในนิยายที่อ่านก่อนตายไงเล่า”

    ไม่ต้องอ้อมให้มึนหัวได้มั้ย จะบอกอะไรก็บอกตรง ๆ”

    ก็ได้ ๆ แค่นี้ทำไมต้องทำตัวหงุดหงิดใส่ข้าด้วย” เสียงนั้นหายไปช่วงหนึ่งแล้วมันก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าแค่อยากให้เจ้าเข้ามาอยู่ในนิยายเรื่องเดิมแล้วหาทางเอาตัวรอดน่ะ อยากจะดูสักหน่อยว่าเจ้าจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์ทั้งหมดยังไง สิ่งที่เจ้าทำจะไม่ส่งผลกระทบต่อพล็อตหลักที่ปรากฏในนิยายหลักตามที่บอกไป ที่นี่คือโลกคู่ขนานที่ข้าสร้างมันขึ้นมาเพื่อใช้เป็นแนวทางของนักเขียน เจ้าอยากทำอะไรเจ้าย่อมทำได้ตามใจเจ้าเอง”

    ผมจะหย่ากับซีซินหยางแล้วไปใช้ชีวิตของตัวเอง”

    นั่นก็เรื่องของเจ้าจะได้หย่าง่าย ๆ อย่างที่เจ้าหวังหรือไม่อันนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับตัวนักเขียน ยังไงเจ้าก็เป็นแค่หนึ่งตัวละครที่ถูกนำมาใช้เป็นแนวทางแค่นั้น” ตามมาด้วยเสียงหัวเราะที่ดังก้องหูของจิ้นซื่อ “ข้าต้องไปแล้วขออวยพรให้เจ้ามีความสุขกับโลกใบใหม่ที่ข้าสร้างขึ้นมาให้ใหม่นะ บ๊ายบายย”

    เดี๋ยวก่อน!”

    เดี๋ยว”

    เดี๋ยว!!!” จิ้นซื่อดีดตัวลุกขึ้นมานั่งทันทีที่หลุดออกความฝัน

    เมื่อกี้มันคืออะไรแล้วเสียงนั่นคือเสียงของใคร ที่พูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงหรือเขาแค่ฝันตามความคิดของตัวเอง คำถามหลั่งไหลเข้ามาในสมอง แต่ก็ต้องสะบัดมันออกเพราะแสงสว่างจากข้างนอกบอกว่าเริ่มต้นเข้าสู่เช้าวันใหม่แล้ว

    น้ำที่ถูกตักขึ้นมาไว้ใช้จนเต็มถังถูกกวักขึ้นมาล้างหน้าล้างตาก่อนจะพาตัวเองไปที่กระจกบานเดิมที่ส่องไปเมื่อวาน ยิ่งมองเงาสะท้อนก็ยิ่งน่าหลงใหล ยิ่งจ้องเท่าไหร่ก็ยิ่งหลงรักมันเป็นสิ่งที่เขาคิดตั้งแต่เห็นหน้าจิ้นซื่อจนถึงตอนนี้

    มือขาวเอื้อมไปหยิบหวีไม้ขึ้นมาสางผมที่แผ่สยายยาวไปจนถึงเอว ไม่นานก็ถูกรวบขึ้นและจัดแต่งให้เป็นระเบียบอย่างที่ควรจะเป็น

    ต้องขอบคุณสกิลการจัดทรงผมให้น้องในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ทำให้เรื่องแบบนี้มันกลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา

    หลังจากเมื่อวานนี้นั่งเอ๋อหาทางออกให้ตัวเองมาทั้งวันแล้ว วันนี้ก็ไม่พลาดที่จะออกมาเดินสำรวจรอบ ๆ บรรยายโดยรวมถือว่าน่าอยู่เลยทีเดียว ติดตรงที่มีเสียงไม้ไผ่ดังเกือบตลอดนี่แหละที่เขาไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ แต่ถ้าจะให้อยู่ก็อยู่ได้ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วเพราะยังไงมันก็ดีกว่าไม่มีที่จะอยู่

    เดินมาได้ไม่นานขาสองข้างก็ต้องหยุดชะงักกะทันหัน เขาได้ยินเสียงบางอย่างลอยมาตามสายลม แถมยังเป็นเสียงที่เขาคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี

    ตั้งใจฟังดี ๆ แล้วเสียงมันดังมาจากทางทิศเหนือ จิ้นซื่อไม่รอช้าเดินไปยังจุดหมายทันที ยิ่งเดินก็ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งทำให้มั่นใจว่ามาถูกทางแล้วไม่มีผิดเพี้ยน

    ภาพที่ตรงหน้าคือไป๋หยางที่สวมเพียงกางเกงผ้าท่อนบนไร้เสื้อปกปิดเหมือนเมื่อวาน กำลังออกท่าทางเหมือนกันการฝึกฝนวิชาแต่ติดที่ว่าท่าทางพวกนั้นเขาก็ทำได้เช่นเดียวกัน

    จิ้นซื่อค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ มือแตะที่ไหล่ของอีกคนเบา ๆ

    ไป๋หยางตกใจจนสะดุ้งหมัดที่ตั้งการ์ดไว้ถูกปล่อยออกไปหาจิ้นซื่อตามสัญชาตญาณ

    จิ้นซื่อหลบหมัดของไป๋หยางได้เป็นอย่างดีแต่ด้วยสัญชาตญาณของนักสู้เขาเลยเผลอปล่อยหมัดสวนกลับไป ไป๋หยางที่ไม่ทันได้ตั้งตัวหลบไม่ทันทำให้หมัดของจิ้นซื่อต่อยเข้าที่เบ้าตาเต็มแรง

    โอ๊ย!” ไป๋หยางยกมือกุมเบ้าตาแล้วทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น

    จิ้นซื่อนั่งลงตามอีกคนก่อนจะกล่าวออกมาด้วยความตกใจเช่นเดียวกัน “ไป๋หยางเจ้าเจ็บหรือไม่”

    ไป๋หยางจ้องจิ้นซื่อไม่วางตา แต่ไม่ใช่แววตาที่แสดงถึงความโกรธแค้น มันเต็มไปด้วยความสงสัย เท่าที่เขารู้คือจิ้นซื่อเลิกฝึกวรยุทธไปตั้งหลายปีแล้ว ไม่สนใจแม้แต่ศาสตร์การต่อสู้ด้านอื่น ๆ เลยด้วยซ้ำ มาวันนี้กลับหลบหมัดของเขาได้ราวกับฝึกมานานหลายปีแถมยังรู้จักหวะการตอบโต้คู่ต่อสู้อีก มันเลยอดสงสัยไม่ได้ “นายเป็นใคร”

    มือที่กำลังจะแตะถึงใบหน้าของไป๋หยางหยุดชะงักกะทันหัน “หมายความว่าไง”

    จิ้นซื่อไม่มีทางที่จะทำแบบนี้ได้ อีกอย่างมวยสากลแบบนี้ที่นี่คงไม่มีใครเคยฝึกแน่ ๆ ฉันมั่นใจ”

    จิ้นซื่อหน้ากระตุกเพราะคำพูดของไป๋หยาง ว่าไปตามจริงเขารู้สึกแปลกตั้งแต่ไป๋หยางใช้คำว่าวอร์มแทนคำว่าฝึกแล้วล่ะ แต่ไม่คิดว่ามันจะมีคนหลุดเข้ามาในนี้เหมือนตัวเองเลยปล่อยผ่าน

    มาตอนนี้เขาเข้าใจมันทั้งหมดแล้วล่ะ มั้ง

    จิ้นซื่อหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วตอบอีกคน “เทียนอี้คือชื่อของผม”

    นาย!!” ไป๋หยางเผลอตะโกนออกมาเสียงดังเพราะตกใจและเหมือนจะไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

    รู้จักฉันเหรอ” จิ้นซื่อถามด้วยความประหลาดใจ

    ถามหน่อยเถอะในแวดวงของนักมวย ตอนนี้มีใครบ้างที่ไม่รู้จักนักชกไร้พ่ายบ้าง”

    ก็จริง” ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนู้น ตั้งแต่ขึ้นชกเวทีแรกจนถึงปัจจุบันไม่มีสักครั้งที่เขาเป็นฝ่ายแพ้เลย ยกเว้นก็แต่การขึ้นชกครั้งล่าสุดที่ทำให้เขาถึงแก่ชีวิตนี่แหละที่ทำให้เขาแพ้ แถมแพ้ครั้งแรกก็ตายเลยน่าขำ ๆ

    เป็นนายจริง ๆ เหรอ” ไป๋หยางถามซ้ำอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

    อืม” จิ้นซื่อพยักหน้า

    แล้วนายมาที่นี่ได้ยังไง หรือว่านายตายแล้ว?”

    จิ้นซื่อพยักหน้า

    ไม่ยักรู้ว่านายอ่านนิยายประเภทนี้ด้วย”

    เลิกถามเรื่องของฉันแล้วบอกเรื่องของนายมาสักทีเถอะน่า”

    ฉันชื่อจินเป็นนักมวยของค่ายคู่แข่งนาย ถ้านายจำได้เมื่อประมาณสี่เดือนที่แล้วมีคู่แข่งของนายไม่มาแข่งเพราะประสบอุบัติเหตุใช่มั้ยล่ะ” ไป๋หยางพูดมันออกมาด้วยน้ำเสียงที่เศร้าแต่ไม่นานก็ปรับมันขึ้นมาให้อยู่ในระดับปกติตามเดิม เขาไม่อยากนึกถึงตอนที่เขายังอยู่ในโลกฝั่งนู้นอีกแล้ว

    อย่าบอกนะว่าคือนาย”

    อืม ฉันเอง ฉันคือคนนั้นคนที่ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าฉันคือตัวเต็งในวันนั้น ฉันสามารถเอาชนะนายได้สบาย ๆ เพราะจำนวนการแพ้ของฉันมันน้อยกว่านักชกคนอื่นอยู่มาก แต่รู้มั้ยวันนั้นที่ฉันตายมันไม่ใช่อุบัติเหตุหรอก” ไป๋หยางยิ้ม

    หมายความว่าไง”

    รถที่ฉันนั่งไปโดนตัดสายเบรกน่ะ แล้วนายรู้มั้ยว่าใครเป็นคนทำ”

    ไม่รู้” ถึงจะตอบว่าไม่รู้แต่ใจมันกลับเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม

    คนของค่ายนายไง เขากลัวว่นายจะแพ้ฉันเลยทำให้ฉันตาย ๆ ไปซะจะได้สิ้นเรื่อง” ไป๋หยางหันไปมองอีกคน เห็นว่าตอนนี้สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยพูดต่อ “ไม่ต้องกลัวหรอกฉันไม่ทำอะไรนายหรอกน่า พวกเราน่ะมันก็แค่หุ่นเชิดที่พวกเขาเอาไว้หาชื่อเสียงกับเงินเข้ากระเป๋าเท่านั้นแหละ คิดดูสิแข่งมากี่ครั้งต่อกี่ครั้งส่วนแบ่งก็แทบไม่เข้าเราเลยด้วยซ้ำ”

    มันก็จริงของนาย” จิ้นซื่อนึกตามแต่ก็ถามในสิ่งที่ตัวเองยังไม่ค่อยเข้าใจออกมา “แล้วนายรู้รึเปล่าว่าทำไมเราถึงต้องมาที่นี่”

    ตาแก่นั่นส่งมา เขาบอกว่าฉันยังไม่หมดอายุขัยแต่ตายก่อนเลยถูกส่งใหม่มาเกิดใหม่ที่นี่นายก็น่าจะมาจากสาเหตุเดียวกับฉันนั่นแหละ” ไป๋หยางอธิบายคร่าว ๆ

    ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ การตายของเขาอาจจะไม่ใช้การช็อกเพราะอดนอนแต่เป็นเพราะยากระตุ้นอะไรสักอย่างที่รับเข้ามาในร่างกาย บวกกับร่างกายที่ไม่ค่อยได้พักผ่อนอยู่แล้วเลยทำให้ช่วงนั้นเป็นช่วงที่อ่อนแอเลยกลายเป็นแบบนี้สินะ

    ไป๋หยางเห็นว่าอีกคนเงียบไปก็พูดขึ้นมา “ไม่ต้องคิดมากเรื่องโลกนี้หรอก มันไม่ผลกระทบต่อนิยายที่ถูกพิมพ์ขายอยู่แล้ว อีกอย่างนิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่เก่ามาก ๆ คนเขียนก็อยากเอามันมารีไรท์เนื้อหาใหม่โดยใช้พวกเราเป็นตัวเดินเรื่องแทนที่เขาจะใช้สมองคิดเองก็แค่นั้น”

    ตาแก่ที่นายพูดถึงคือคนเขียนเหรอ”

    ไม่ใช่หรอกจะว่าไงดี ตาแก่นั่นไม่ใช่คนเขียนแต่คนเขียนเหมือนมีจิตผูกกับตาแก่นั่นที่เป็นเทพหรือเซียนอะไรสักอย่างนี่แหละฉันก็จำไม่ค่อยได้แล้วล่ะ”

    งั้นไม่ว่าเราจะทำอะไรในโลกนี้มันก็ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลัก แต่มันจะไปโผล่ในฉบับรีไรท์ที่เขาบอกว่าจะเขียนเนื้อเรื่องและตอนจบให้ต่างไปจากเดิม ส่วนเราก็ต้องทำตามเหตุการณ์ที่อยู่ในต้นฉบับต่อไปฉันเข้าใจถูกมั้ย” จิ้นซื่ออธิบายความคิดของตัวเองให้ไป๋หยางรู้

    ไป๋หยางพยักหน้าก็นึกตามที่อีกคนพูด ข้อนี้เขารู้มาตั้งแต่เข้ามาที่นี่แรก ๆ แล้ว จริง ๆ นักเขียนคนนั้นก็แค่ขายวิญญาณของตัวเองให้ตาแก่นั่นแทนการขายให้ซาตานผลมันเลยออกมาเป็นว่าตาแก่จะส่งคนที่ตายไปแล้วแต่อายุขัยยังไม่หมดมาที่นี่แทนเพื่อนใช้เป็นหนูทดลอง

    เขาบอกฉันว่าจะมีคนเข้ามาอีกแค่คนเดียวนึกไม่ถึงว่าจะเป็นนาย”

    ฉันก็ไม่นึกว่าจะเคยเจอคู่ต่อสู้ที่ยังไม่ทันได้ชกก็ชนะของตัวเองที่นี่เหมือนกัน”

    นายอยากลองชกกับฉันดูหน่อยมั้ยล่ะจิ้นซื่อ”

    จิ้นซื่อจ้องหน้าไป๋หยาง ไป๋หยางเองก็จ้องเขากลับเช่นเดิมกัน ไม่นานคนทั้งสองก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน พอตั้งสติได้จิ้นซื่อก็เป็นฝ่ายถามไป๋หยางก่อนอีกเช่นเคย

    นายอ่านมันถึงเล่มไหนแล้ว”

    เล่มเก้า กำลังจะขึ้นสิบแต่ตายก่อน นายล่ะ”

    หกกำลังจะเจ็ด งั้นนายก็นำฉันอยู่สองเล่มเพราะงั้นนายเป็นไกด์นะโอเค๊” จิ้นซื่อตกลงเอาเองเสร็จสับโดยไม่เปิดโอกาสให้ไป๋หยางเปิดปากพูดเลยแม้แต่น้อย “จะว่าไปตอนนี้เนื้อเรื่องมันถึงไหนแล้วนะ”

    ตอนที่ซีซินหยางใกล้จะกลับหรืออาจจะกลับมาแล้วเมื่อคืนตอนฉันออกไปหาอะไรมาให้นายกินบังเอิญไปได้ยินศิษย์ในสำนักพูดถึงเรื่องนี้พอดี”

    อือ ฉันควรจะทำยังไงต่อดี” จิ้นซื่อถามอย่างคิดไม่ตก

    ฉันไม่รู้ แต่เคยคิดอยู่ว่าถ้านายหย่าแล้วมันจะเปลี่ยนทั้งหมดแล้วกลายเป็นจุดจบเลยรึเปล่า”

    ฉันก็อยากทำแต่ตาแก่นั่นบอกฉันว่ามันไม่ง่ายถ้าคิดที่จะหย่าตอนนี้”

    ตอนนี้คือนายยังหย่าไม่ได้สินะ” ไป๋หยางทำท่าครุ่นคิด จิ้นซื่อดำเนินเรื่องยังไง มันย่อมส่งผลกระทบมาถึงเขาด้วย เพราะตาแก่นั่นกล่าวเอาไว้แล้วว่าเขากับจิ้นซื่อจะต้องเป็นคู่หูกัน แต่ดูทรงแล้วไม่น่าจะรอดง่าย ๆ

    อือ” เขาเองก็มีความที่ไม่ต่างจากไป๋หยางเท่าไหร่นัก

    งั้นนายก็” ยังพูดไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกล “เดี๋ยว! มีคนมา” ไป๋หยางที่ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คนก่อนแต่พลังทั้งหมดที่เขามีมันก็ยังคงอยู่ ประสาทสัมผัสของงูที่ทำให้รับรู้ถึงสถานการณ์แปลก ๆ ได้เร็วกว่าคนปกติ ไป๋หยางที่อยู่ในร่างของคนเปลี่ยนเป็นงูที่ตัวเล็กกว่าปกติเลื่อนเข้าไปหลบในกองใบไผ่

    จิ้นซื่อมองภาพนั้นอย่างอึ้ง ๆ ปกติเขาเป็นคนที่ชอบงูมาก ๆ ถึงขนาดที่เคยจะเลี้ยงพอได้มาเห็นงูเห่าแสงจันทร์ที่ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าหายากนักหายากหนาแบบนี้แถมยังเป็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้มันก็อดที่จะรู้สึกอยากเดินเข้าไปเล่นด้วยไม่ได้

    แต่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นไปหาก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดซะก่อน จนเขาเผลอจิ๊ปากด้วยความเสียดาย

    จิ้นซื่อ! เจ้าอยู่หรือไม่” เสียงของบุรุษปริศนาดังขึ้นมาจนทำให้เขาหันไปมอง

    บุรุษร่างสูงในอาภรณ์สีอ่อนกำลังส่งเสียงเรียกเขาอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ จิ้นซื่อเดินเข้าไปหาก่อนจะขานรับเบา ๆ “ข้าอยู่นี่”

    คนผู้นั้นหันมามองเขาก่อนจะยิ้มออกมา รอยยิ้มนี้มันอะไรกันในนิยายเรื่องนี้มีคนญาติดีกับจิ้นซื่อด้วยเหรอ

    ท่านพ่อให้ข้ามาบอกเจ้าว่าเย็นนี้ให้เข้าไปท่านมื้อเย็นที่สำนัก” ชายผู้นั้นเอ่ยยิ้ม ๆ

    จากการประมวลผลของสมอง คนคนนี้เรียกซีซูเย่ว่าพ่อ แล้วซีซูเย่ก็มีบุตรชายแค่สองคน ผลจากการคำนวณ คนคนนี้น่าจะเป็นซีซั่วหยางพี่ชายของซีซินหยางอย่างแน่นอน!

    จิ้นซื่อเจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ข้าเห็นเจ้าสีหน้าไม่ค่อยดีตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ข้าเรียกเจ้าอยู่นานสองนานเจ้ากลับไม่ตอบข้าเลย”

    ข้าสบายดี ท่านพี่มาเรียกข้าถึงที่นับว่ารบกวนท่านแล้ว” จิ้นซื่อพูดยิ้ม ๆ ถึงปากจะยิ้มแต่เสียงกรีดร้องที่ดังก้องอยู่ในใจไม่ได้เบาลงเลย

    ภาษาของที่นี่มันพูดอยากขนาดนี้เลยเหรอ!

    ซีซั่วหยางมองหน้าจิ้นซื่อที่มีศักดิ์เป็นน้องสะใภ้ของตนอย่างไม่ค่อยเข้าใจ ปกติเวลาเจอหน้าเขาหรือใครก็ตามในสำนัก สิ่งที่หลุดออกมาจากปากของจิ้นซื่อจะเป็นชื่อของน้องชายตน แต่วันนี้กลับเงียบไม่เอ่ยปากถามถึง แถมท่าทางยังสงบกว่าเมื่อก่อนมากทีเดียว แอบคิดเหมือนกันว่านี่อาจจะเป็นคราวโชคของซีซินหยางแล้วแน่ ๆ

    มีอะไรติดหน้าข้าหรือ” จิ้นซื่อถามเพราะเห็นว่าซีซั่วหยางเอาแต่จ้องหน้าตน

    เปล่า งั้นข้าขอตัวก่อน” จิ้นซื่อคารวะซีซั่วหยางตามที่เพิ่งจะนึกออกเมื่อกี้ว่าถ้าคุยกับญาติผู้ใหญ่สิ่งที่ควรทำคือความเคารพ ถึงแม้ว่าตอนแรกเขาจะลืมก็เถอะ

    หลังจากซีซั่วหยางหายไปลับตาแล้วจิ้นซื่อก็หันกลับมาหางูเห่าตัวน้อยที่เขามั่นใจว่ามันจะไม่งับเขาแน่ ๆ เมื่อเห็นว่าไป๋หยางยังไม่คืนร่าง ก็เดินเข้าไปหยิบมาวางไว้บนอุ้งมือตัวเองแล้วพากลับเรือน

    ไหน ๆ ก็มีโอกาสแล้วอะเนอะ แถมลายบนลำตัวสีขาวของไป๋หยางยังสวยกว่าตัวที่เขาเคยเจอในสวนสัตว์มันก็อดที่จะเอามาเล่นด้วยไม่ได้

    ไป๋หยางเพื่อนรักวันนี้เจ้าเสร็จข้าแน่5555555555555555

    ว่าแต่ว่า ที่ซีซั่วหยางเรียกเขาให้เข้าไปทานมื้อเย็นที่นั่นก็หมายความว่า...

    ซีซินหยางกลับมาแล้ว!!!

     

    talk : สวัสดีนักอ่านทุกคนด้วยค่ะตอนแรกเราเปิดแล้วนะคะ ที่มาช้าเพราะตัวเองล้วน ๆ เลยค่ะ เราว่ามันยังไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลยลองลบแต่งใหม่อยู่หลายครั้ง จนตัดสินใจได้ว่าจะเอาอันที่คิดว่าดีที่สุดมาอัปก่อนแล้วกัน เผื่อจะได้รู้ว่ามันโอเครึเปล่า ได้คำแนะนำเพิ่มมั้ย แฮะ ๆ

    ถ้ายังไงทุกคนสามารถแนะนำในส่วนที่ยังไม่โอเคได้นะคะ เรายินดีนำไปแก้ไขและปรับปรุงต่อไปค่า

    ส่วนพระเอกก็คือพระเอกนะคะ555 ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นใครเพราะมีคนเดียว ._.

    ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านกันนะคะ!

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×