LOVE IN MEMORY
เรื่องทั้งหมดมันเริ่มจากการย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียนใหม่ กับ รักครั้งใหม่ ที่เล่าผ่านมุมมองของผู้ชายคนหนึ่งที่มีต่อคนรัก ซึ่งไม่รู้ว่าจะสมหวังหรือผิดหวัง?
ผู้เข้าชมรวม
63
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
คือเรื่องมีอยู่ว่าผม
รัก ผู้หญิงอยู่คนนึ่ง เรารู้จักกันมาตั้งแต่สมัยที่เรียน ปวช. ปี 1
จนตอนนี้ผมอายุ จะย่างเข้า 24 ปีแล้ว
เราอายุเท่ากันครับ (อันที่จริงเธอแก่กว่าผม 17 วัน เราเกิดเดือนเดียวกัน) ความรักครั้งนี้ของผมมันเหมือนอย่างกับละครที่ครบทุกรส
มีทุกอารมเลย สุข เศร้า ทั้งสมหวังและผิดหวัง
เป็นเรื่องจริงที่เกิดกับตัวผมเองจริงๆ
โดยเรื่องทั้งหมดมันเริ่มจากการย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียนใหม่
ของผม ซึ่งในสัปดาห์แรกของการเปิดเรียนนักเรียนใหม่ทุกคนต้องมาเข้าแถวเคารพธงชาติทุกๆวันอยู่แล้ว
ซึ่งผมเรียนสาขาวิชาอิเล็กฯ ส่วนเธอเรียนสาขาวิชาคอมฯ เราสองสาขาบังเอิญได้เข้าแถวข้างกัน
ทำให้ผมได้เจอกับเธอทุกๆวัน เธอคนที่ทำให้ผมหลงรักได้อย่างหัวปักหัวปำ มาเกือบ 6 ปี (และในปีนี้คงเป็นปีที่ 7 )
ใช้ครับมันเกือบจะเป็นรักแรกพบถ้าไม่ติดว่าตอนแรกที่เจอผมรู้สึกกับเธอ
ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แบบว่า ในการที่เจอเธอครั้งแรก เธอยืนอยู่ข้างผมในตอนเข้าแถวเคารพธงชาติ พอผมหันไปเจอเธอเข้า วินาทีแรกที่ พบเธอคือ
ผู้หญิงอะไร ตัวเล็กน่ารัก ตาก็กลมโต หน้าใส แบ๊วเลย ผิวพรรณนี่แปล่งปลั่งแบบออร่าออกมากๆ
ปิ๊งเลยครับ ทันใดนั้นผมหันไปถามเพื่อนว่ารู้จักเธอเปล่า ไอเพื่อนตัวดีมันก็บอกอย่างไวเลยว่า
เนี้ยเธอชื่อ (ขอใช้ชื่อแปลงนะครับ) แนน เป็นเมียไอ เต้ ซึ่งเจ้า เต้ คือเพื่อนใหม่ในแผนกของผมเป็นจอมรั่วตลกโปกฮา
เรียนบ้างไม่เรียนบ้างเล่นสนุกไปวันๆ
แถมขี้คุย อีกตั้งหาก ซึ่งผมเอง หลังจากได้ยินเช่นนั้นแวบแรกในความคิดของผมคือ เอ้ย!! ทำไมวะ ทำไมทำตัวแบบนี้วะ หน้าตาก็ดี ทำไมดันไปเลือกไอ เต้ มาทำ...วะ หรือ
ไอ เต้ มันมีดีอะไร? อายุก็เพิ่งแค่นี้เองไม่น่าเลยจริงๆ (จริงๆคือรู้สึกเสียดาย
แหะๆ) พอรู้เช่นนี้แล้วความรู้สึกทุกอย่าง ของผมที่มีต่อเธอก็จบไปเหลือไว้เพียงความเสียดายเพียงเท่านั้น
เข้าสู่สัปดาห์ที่สอง
ของนักเรียนใหม่ชีวิตผ่านไปวันๆ ยังคงสนุกกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในวิทยาลัยอยู่
ผมยังคงเจอเธอทุกวัน เข้าแถวข้างๆ กันเหมือนเดิมโดยไม่ได้คิดอะไร (ถอดใจไปแล้ว) จนกระเที่ยงวันหนึ่ง ผมอยู่ระหว่างทานมื้อเที่ยงกับกลุ่มเพื่อนผม
สายตาเหลือบไปเห็นเจ้า เต้ นั่งทานข้าวกับสาวแผนกคอมฯ ท่าทางกระหนุงกระหนิ๊งนางหนึ่งซึ่งไม่ใช่
แนน แน่ๆ แต่ที่แปลกใจยิ่งกว่าคือ แนน ครับ แนน นั่งอยู่อีกโต๊ะถัดไปกับกลุ่มเพื่อนๆเธอ
ครับ ซึ่งดู แนน เค้าไม่ได้แยแสต่อการกระทำของเจ้า เต้ เลยแม้แต่น้อย เลยหันไปถามเจ้า
สุ เพื่อนคนเดิม ที่นั่งทานข้าวด้วยกันว่า มรึงดูนั่นดิไหง่ไอ เต้ มันไปนั่งจีบสาวอยู่โต๊ะนู้นวะ
ทั้งๆที่เมียมันนั่งอยู่ใกล้ๆเลยนะนั่น ทันใดนั้นเองเพื่อนผมอีกคนชื่อ ปู (เป็นผู้หญิงนิสัยห้าวๆ
หน่อยแต่ไม่ใช่ทอมนะ) พูดสวนขึ้นมาว่า
มันก็นั่งอยู่กับเมียมันก็ถูกแล้วหนิ พร้อมกับย้อนถามผมกับ สุ ว่า
แล้วมรึงว่าใครที่เป็นเมีย ไอ เต้ ผมเลยแอบชี้ไปที่
แนน พร้อมบอกกับนาง ปู ว่านู้นไงคนนู้นไง ไอ สุ มันบอกตรู พอ ปู ปูหัวเราะก๊าก
เลยครับเท่านั้นละครับ ความจริงที่ผมกับ สุ รู้มาผิดๆ ก็ถูกเปิดเผยโดยนาง ปู เล่าทั้งหมดให้ฟังว่าแท้จริงแล้วเมียเจ้า
เต้ คือคนที่มันนั่งทานข้าวด้วยนั่นเหล่ะนางชื่อ แน๋น ซึ่งชื่อ แน๋น กับ แนน
มันออกเสียงคล้ายๆกัน และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมและ สุ เข้าใจผิดว่า แนน คือเมียของ
เต้ ความจริงคือไม่ใช่ เมียตัวจริงของ เต้ คือ แน๋น
จากการที่ผมได้รู้ความจริงเรื่องนี้แล้วมันทำให้ผมรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
ความรู้สึกดีๆที่มีต่อ แนน ในแวบแรกที่เจอมันกลับมาอีกครั้ง แถมมากขึ้นจนล้นอก
จะทำยังไงให้เธอได้รู้ ทำยังไงให้เธอได้เข้าใจ บลาๆ แต่!! ครับแต่ มันไม่ง่ายเลยที่ผู้ชายอย่างผมจะเดินเข้าไปจีบเธอ หรือบอกเธอว่าชอบเธอ
ซึ่งมันไม่ใช่นิสัยผมเลย แม้แต่จะทักก็ยังไม่กล้า โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ขี้อายมากๆๆ
(เฉพาะกับคนที่ยังไม่รู้จัก แต่ถ้าสนิทกันแล้ว จะตรงข้ามเลย) ผมพยามหาทางที่จะติดต่อเธอหรือทำความรู้จักกับเธอดู
ในสมัยยุค Social แรกๆนั้นคงไม่มีใครไม่รู้จัก HI5 ผมเองก็ไม่พลาดที่จะเล่นกับเขาเหมือนกัน แนน เองก็เล่น HI5 เหมือนกัน ผมไปสืบหา HI5 ของเธอมาจากเพื่อนผมอีกที
ซึ่งเพื่อนผมคนนี้ก็เคยเรียนห้องเดียวกับ แนน สมัย ม.ต้น แถมสนิทกันมาด้วย
บ้านก็รู้จัก เข้าทางผมเลย อิอิ ช้าอยู่ทำไมละครับ กด Add ไปเล๊ยย
หลังจากนั้นวันก็มาก็พบว่า แนน เธอรับ Add ผมแล้วเรียบร้อย
เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้ HI5 ครับที่ทำให้ผมได้เข้าถึง
แนน ได้มากขึ้นไปอีก
หลังจากที่เธอรับ Add ผมก็สวมวิญญาณสายลับเข้าไปเก็บข้อมูลทุกๆอย่าง ย้ำว่าทุกๆอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นรูป หรือ ความชอบอะไรต่างๆ ดูว่าใครมาจีบเธอบ้าง ฯลฯ
แต่มันก็ได้แค่ส่องอย่างเดียวอยู่อย่างนั้นครับ ปัญหาของผมคือจะทำยังไงให้เธอได้รับรู้ความรู้สึกผม
นั่นเหล่ะครับปัญหาใหญ่มากๆ จนแล้วจนรอดผมก็ปล่อยเวลาก็ผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์
ใกล้จะจบเทอมแรกแล้ว ใช้ชีวิตในวิทยาลัย อย่างเรื่อยเปื่อย ใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ ทุกครั้งเวลาเจอเธอ
ผมอยากเจอเธอมากถึงขนาดขัดคำสั่งพ่อที่ให้เลือกเรียน รด. แต่ผมดันไปเลือกเรียน ลูกเสือ
เพื่อที่จะได้เจอกับแนนในวิชาลูกเสือ ถึงแม้มันจะเป็นเวลาแค่ไม่กี้ชั่วโมงที่ผมได้เจอเธอ
และทำกิจกรรมร่วมกัน แม้ว่าในตอนนั้นผมก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะรู้รึเปล่า ว่าบนโลกนี้มีก็ผมอยู่ด้วย
แต่ผมก็Happyนะ
ผ่านไปแล้วหนึ่งภาคเรียน เข้าสู้ภาคเรียนที่สองของชีวิตเด็กปีหนึ่งเรื่องเรียนพอไหว
แต่เรื่องราว ความรักไม่ได้เรื่องไม่คืบหน้า
ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง ยังคงแอบรักเธอโดยที่ผมเองก็ยังไม่ได้บอกความรู้สึก
เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าผมคิดยังไงกับเธอ ใช่ครับ ผมเริ่มหลงรักเธอเข้าแล้ว รักข้างเดียวด้วยสินะ
(น้ำเน่าดีแท้) แต่มีอยู่ ครั้งหนึ่งขณะที่เรียนวิชาลูกเสือผมก็นั่งเล่นโทรศัพท์เครื่องใหม่
ไปเรื่อยเปื่อยตามภาษาคนเห่อ 555 อยู่ๆ มาย (เป็นเพื่อนผู้หญิงต่างแผนกกับผม
และเป็นเพื่อนสนิทมากๆกับ แนน เรียนแผนกเดียวกัน) เห็นโทรศัพท์เครื่องใหม่ผมเลยขอยืมดูหน่อย
ผมให้และก็ปล่อยเธอเล่นไปเรื่อยไม่ได้สนใจอะไร แอบเห็นเอาไปถ่ายรูป แนน ด้วยละเข้าทางผมเลย
(ประมาณว่าลองกล้อง) หลังจาก มาย เล่นจนพอใจแล้ว
มาย ก็คืนโทรศัพท์กลับมาให้ ผมก็รับมาแบบหน้านิ่งๆ แต่พอ มาย หันหลังให้เท่านั้นละ
ผมนี่รีบเปิดเข้าคลังภาพเลยครับ หารูปที่นางไปถ่าย แนน มา แอบกลัวว่า มาย ถ่ายแล้วจะลบรูปทิ้ง
แล้วก็เจอรูปนั้นครับ เป็นตอนที่ แนน ยิ้มพอดี ถ้าทางเหมือนจะหลบกล้องหน่อยๆ ผมนี่ปลื้มเลยครับ
ได้รูป แนน มาแบบ ไม่ต้องออกแรงแถมเป็นรูปที่ผมมีคนแค่เดียวด้วย (แอบภูมิใจลึกๆ) กลับบ้านจัดการตั้งเป็นภาพ
Desktop
เรียบร้อย ส่วนมือถือไม่ได้ตั้ง เดี๋ยวความลับแตก 5555
ในเทอมสองก็แทบจะเหมือนกับเทอมแรกทุกอย่าง
ผมยังคงทำอย่างเดิม กับเทอมแรก แต่กลับกัน
ผมรู้สึกว่า แนน เธอจะฮอตขึ้นแม้แต่เพื่อนในเผนกผมยังชอบเธอเลย
(แอบไปได้ยินมา) ก็นั่นแหล่ะฮะท่านผู้ชม คู่แข่งผมเยอะขึ้น
ซึ่งมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าผมกับเธอมันคงเป็นไปไม่ได้ แต่แล้วบ่ายวันหนึ่งในระหว่างที่ผมนั่งเล่นคอมฯ
อยู่ในห้องสมุด (ปกติแล้วกลุ่มผมมักจะมายึดคอมที่ห้องสมุดเป็นประจำ)
มีเสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้นอาจารย์ ฮัก จึงรับสาย ( อาจารย์ ฮัก เป็นผู้ดูแลห้องสมุดที่ผมไปนั่งกันประจำ
จึงค่อนข้างจะสนิทกับอาจารย์) จับใจความได้ว่าปลายสายคืออาจารย์ ไฝ โทรมาจากบนห้องประชุม
อาคารอำนวยการ มีปัญหาต้องการนักเรียนชายไปประกวดมารยาทไทย
ในการแข่งขันทักษะวิชาชีพในวันพรุ่งนี้ ยังไม่ทันได้ปรึกษาผม อาจารย์ ฮัก ได้เสนอชื่อผมไปให้อาจารย์
ไฝ พร้อมบอกคุณสมบัติผม บลาๆ แล้วไงต่อเหรอครับ อาจารย์ ไฝ ก็ตอบมาว่าเอา
เรียกผมขึ้นไปหาบนห้องประชุมจากนั้นก็วางสายไป พอเสร็จจากโทรศัพท์ อาจารย์ ฮัก แกก็หันมาถามผมว่า
เนส (คือชื่อผม) เธอจะไปประกวดมารยาทไทยไหม พอดีอาจารย์ ไฝ เค้าขาดคน
พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ผม ทางเลือกผมมีที่ไหนละครับ ผมก็เลยตอบตกลงไปแบบเกรงๆ อาจารย์เลยให้ขึ้นไปที่ห้องประชุม
อาคารอำนวยการตอนนี้เลย
หลังจากที่ออกมาจากห้องสมุดด้วยอาการ
งงๆ เดินไปอาคารอำนวยการพร้อมกับคิดในใจว่า จะเอาตรูไปทำไมหว่า
นี่ตรูดูเรียบร้อยถึงขนาดเค้าคัดไปประกวดมารยาทไทย เลยเชียว
สักครู่นึ่งก็เดินถึงอาคารอำนวยการ แล้วจึงเดินขึ้นชั้น 3 ซึ่งเป็นห้องประชุม
หลังจากเปิดประตูเข้าห้องประชุมก็พบอาจารย์ ไฝ แกก็แนะนำว่าเราต้องทำยังไง
อะไรบ้าง สรุปคือเค้าเอาผมไปเป็นตัวประกอบครับ รับบทเป็นพระในการแสดงถึงมารยาท
(เอาง่ายๆคือ เป็นพระปลอมๆ ให้เพื่อนที่เป็นคนประกวดจริง ไหว้ วู้...รอดแล้วตูนึกว่าจะยาก) หลังจากฟังอาจารย์พูดจบ
แกก็บอกเดี๋ยวเย็นนี้อยู่ซ้อมรวมก่อนนะ ครูจะไปเทรนเพื่อนเรื่องการไหว้ ให้ผม ไปนั่งรออยู่กับ แนน ก่อน ห๊ะ!! ได้ยินไม่ผิดครับ แนน จริงๆ
ผมหันไปตามมือที่อาจารย์ชี้ไป เจอ แนน นั่งอยู่กับเพื่อนเธอ
ที่พื้นมุมห้องประชุม (ห๊ะ เธอมาตอนไหนทำไมฉันไม่เห็นเธอ) อาจารย์บอกกับ แนน ว่านั่งคุยกันไปก่อนะ
พร้อมแนะนำตัวผมให้ทุกคนในกลุ่มว่าผมนี่ชื่อ เนส นะจะมาเป็นเล่นเป็นพระ บลาๆๆ ผมก็ยิ้มเขินๆรับไป ผมนั่งลงที่พื้นพร้อมทั้งคุยกับ
บ่าย ที่นั่งอยู่ข้างๆ (ซึ่งเป็นแฟนเพื่อนผมและก็เป็นเพื่อนเรียนห้องเดียวกับ
แนน บ่ายเป็นคนตลก เป็ปเดียวก็สนิทกันแล้ว ผมก็คุยกับ บ่าย ไปเรื่อย ระหว่างนั้นได้โอกาสดีรวบรวมความกล้าแกล้งเนียนถาม
แนน ว่า อ้าวแนนก็ไปประกวดมารยาทฯด้วยเหรอ? (ทำหน้านิ่งๆ 555 ) เธอก็ตอบ เปล่าเลยไม่ได้ประกวดแต่อยากไปด้วยเฉยๆ
พร้อมหัวเราะเบาๆและยิ้มเล็กน้อย
(ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าเธอไปทำไม 555 ) คำพูดแค่นั้นเหล่ะครับบวกกับการแสดงออกจากรอยยิ้มและดวงตาของเธอแล้ว
ผมนี่ใจละลายเลย ผมยังคงก็แกล้งโง่ถามนู่นนี่นั่น หาเรื่องคุยไปเรื่อย เราคุยกันแบบเขินๆ
จนตกเย็น ถึงเวลากลับบ้าน อาจารย์ ไฝ ก็บอกให้แยกย้ายกลับบ้านได้แล้วพร้อมทั้งนัดแนะเวลาไปแข่งในวันพรุ่งนี้
จากนั้นกลุ่มเราก็เดินลงจากตึกอำนวยการ ทั้งผมและเธอ ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เธอกลับบ้านกับพี่ชาย แต่แบบว่าใจผม
ใจผมครับ มันไปกับเธอแล้ว แนน
เช้าวันต่อมา เป็นวันที่ต้องไปแข่งขันทักษะฯ
ซึ่งการแข่งขันจัดอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคต่างอำเภอออกไป
ผมจึงต้องไปวิทยาลัยแต่เช้าตรู่เพื่อที่จะไปขึ้นรถให้ทัน ก่อนรถจะออกเห็นอาจารย์
ไฝ บอกว่าจะเข้าไปรับ แนน ที่บ้านก่อน
ผมนี่ตาลุกวาวเลยครับ 555 แม้จะยังไม่ได้จีบแต่ได้เห็นหลังคาบ้านก่อนก็ยังดี
พูดเสร็จก็ขับรถออกมาจากวิทยาลัย และก็เลี้ยวเข้าตลาดเพื่อเข้ามารับ แนน
แต่เอาเข้าจริงๆก็ไม่ได้เห็นบ้านเธอหรอกครับ เธอมายืนรออยู่หน้าปากซอยแล้ว แอบเฟลเล็กน้อย
แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นทางเข้าบ้านแล้วละนะ รถจอดรับ แนน ที่หน้าปากซอย
บังเอิญว่ารถที่นั่งมาเป็นรถปิคอัพเคป นั่งมาจากวิทยาลัยที่นั่งก็เต็มแล้ว
ผมซึ่งนั่งมาข้างในก็โชว์แมนเลยครับ ลุกออกให้แนนนั่ง และก็ออกมานั่งข้างหลังกระบะ
พร้อมทั้งอาสาถือกระเป๋าสะพายไวให้
โดยอ้างว่าข้างในมันแน่นเอากระเป๋ามานี่เดียวเค้าถือไว้ให้ ก็นั่นละฮะ นิดนึงก็เอา
พอขับรถมาถึงวิทยาลัยที่จัดการแข่งขัน ผมก็คืนกระเป๋าให้แนน
แนนรับและขอบคุณค่ะ (อย่างหวาน)จากนั้นเราก็ไปลงทะเบียน จับสลากว่าใครจะได้เริ่มก่อน
ซึ่งผลคือกลุ่มผมได้แสดงช่วงบ่าย ในระหว่างที่เรารอเวลาก็ต้องไปเก็บตัวนี้ห้อง
เราอยู่ด้วยกันจนเที่ยง ก็ถึงเวลาต้องแต่งตัว เตรียมเสื้อผ้าสำหรับประกอบการแสดง
(ประกวดมารยาทไทย) พอแต่งตัวเสร็จทุกคน (ยกเว้น แนน ซึ่งไม่รู้ว่ามาเพราะอะไร 555
) เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว ก็มาถ่ายรูปกันไว้เป็นที่ระลึก
ผมก็เอามือถือออกมาถ่ายรูปเก็บไว้ดูตามปกติ โดยขอให้ บ่าย ถ่ายให้หน่อย
นางก็ถ่ายให้ แต่พอนางถ่ายเสร็จนางจะเช็ครูป นางก็เข้าไปดูในคลังภาพสิครับ ผ่างๆ!! นางเห็นรูป แนน ในเครื่องผม
โอ้ละหว่า งานงอกเลย คราวนี้นางเซ้าซี้ใหญ่เลย ว่าผมมีรูป แนน เก็บไว้ได้ยังไงๆ
พร้อมทั้งยื่น โทรศัพท์ไปให้ แนน ดูและก็แซวว่าสองคนนี้นี่มันยังๆ
แนน ก็บอกไม่รู้พร้อมทำหน้าสงสัย (ช็อตนี้น่ารักอีกแล้ว)
สองสาวจ้องมาที่ผมเป็นตาเดียวกัน
เมื่อเจอสายตาพิฆาตจากทั้งสองสาว ผมก็เลยอ้ำอึ่งได้แต่แถต่อไปว่า
สงสัยตอนที่ มาย ยืมโทรศัพท์เค้าเล่นไง แล้วคงถ่าย แนน ไว้มั้ง คงลืมลบพอดีไม่เค้าค่อยได้ดูอะ
(ยังหน้านิ่งอยู่แหะๆ) พอได้ยินอย่างนี้ สองสาวคงคลายสงสัยไป (มั้ง) แต่นาง บ่าย ยังคงเอา
โทรศัพท์ผมถ่ายรูปต่อไป แล้วก็หันไปถ่ายรูป แนน ที่นั่งอยู่ข้างๆ คราวนี้แนนทำหน้าบูดๆ
เหมือนจะเซ็งๆ ใส่กล้องแถมสายหน้าหนีหลบกล้องอีกต่างหาก (หน้าบูดแต่ก็ยังน่ารักนะ) กำแล้วไงผม ใจเสียเลยทีนี้
คิดไปว่าเธอจะโกรธผมไหมนะ หรือจะว่าผมเป็นโรคจิตหรือป่าว กังวลไปหมด หลังจากที่นางบ่าย
ถ่ายรูปแนน เสร็จก็คืนโทรศัพท์กลับมาให้ผม ผมก็รับไว้ ซึ่งจากตรงนี้ผมก็นั่งนิ่ง
เงียบพูดอะไรไม่ออก จนกระทั้งถึงเวลาแสดง กลุ่มผมก็เข้าไปอีกห้องแข่งขันโดยที่ แนน ยืนคอยให้กำลังใจ(ทั้งหมด) รออยู่ข้างนอก
พอเสร็จจากการแสดงผมและเพื่อนๆ รวมทั้งแนน ก็กลับมาที่ห้องพักคอยเหมือนเดิมเพื่อเปลี่ยนชุด เป็นชุดนักศึกษาอีกครั้ง ผมก็แต่งตัวไปเรื่อยจนเสร็จ แล้วยืนง่วนอยู่กับการจัดเนคไท (ตอนนั้นจัดยังไงก็ไม่ตรง) อยู่ๆ แนน ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆคงขัดหูขัดตากับการจัดเนคไทของผมละมั่ง เธอลุกขึ้น เดินมาหยุดตรงหน้าผม พร้อมพูดว่าไหนมานี่เดี๋ยวผูกให้ใหม่ ถ้าทางรีบร้อน พูดเสร็จก็เอื้อมมือมาจัดการผูกเนคไทให้ผมใหม่ เธอยืนอยู่ต่อหน้าผมเลย (แนนครับผมจะละลายแล้ววว) อย่างกับว่าผมฝันไป ผมงี้จ้องหน้าเธอตาไม่กระพริบเลย เธอก็ง่วนอยู่กับการจัดเนคไท ที่คอเสื้อผมอยู่ โอ้วพระเจ้า ไม่เคยมองหน้าเธอชัดๆแบบนี้มาก่อน ระยะตรงหน้าผมและเธอเราห่างกันไม่ถึงก้าว เธออยู่ในระยะที่ผมสามารถเก็บทุกรายละเอียดบนใบหน้าเธอได้อย่างชัดแจนเป็นโมเม้นที่ผมไม่มีวันลืม อยากจะหยุดเวลาให้อยู่อย่างนี้ตลอดไปเลยยย ^^
ผลงานอื่นๆ ของ Nattapong Kamsanoi ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Nattapong Kamsanoi
ความคิดเห็น