ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {fic :: exo} You're my Moon~☽ (KaiLu) [END]

    ลำดับตอนที่ #27 : You’re my Moon ☽ :: 17 :: Love sick [The end]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 822
      3
      6 เม.ย. 57

              ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมมีต้นเหตุ

     

     

     

              คนเราเวลาไม่สบายก็มีต้นเหตุ

     

              และต้นเหตุที่ทำให้นักฟุตบอลดาวรุ่งคนดังอย่างลู่หาน

     

    ต้องมาล้มป่วยแบบนี้

     

    ก็คงหนีไม่พ้น ความรักอันล้นของครูจงอิน...

             

             

     

     

    “ ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!” เสียงนกหวีดจากผู้จัดการทีมสาวดังลั่นลากเสียงยาวจนทำเอานักฟุตบอลที่มัวแต่นอนเล่นอยู่ข้างสนามต้องรีบยันตัวเองลุกขึ้นออกวิ่งรอบสนามหลังจากแอบอู้มาได้เกือบๆ 15 นาที มินซอกยันตัวเองพร้อมออกวิ่งเคียงข้างไปกับเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ทำหน้าเหยเกแปลกๆ พอถามก็เป็นอะไรรึป่าวก็ไม่ยอมตอบ สุดท้ายเขาก็เลยไม่อยากจะคาดคั้นอะไรมาก

     

     

     

    “ ลู่หาน... แม่มึงจะมาหารึป่าววะ ?”

     

     

     

    “ แม่ ?”

     

     

     

    “ เออ... แม่มึงอะ ปกติก็มาช่วงฝึกซ้อมไม่ใช่หรอ”

     

     

     

    “  ใช่... แต่ปีนี้คงไม่มา เห็นว่าจะไปเที่ยวกับพ่อ”

     

     

     

    “ มึงไหวป่าววะ ?”

     

     

     

    “ ไหวดิวะ”

     

     

     

    “ เพิ่งเสียประตูไปก็งี้แหละนะ กูบอกมึงแล้วใช่มั๊ยว่าอย่าเปลืองตัวๆ แล้วดูมึงทำ ดูมึงทำ... มึงนี่มันก็นะ...”

     

     

     

    “ .....................”

     

     

     

    “ เถียงกูบ้างก็ได้ ไอ้... เฮ้ยยยยยย! ไอ้ลู่หาน!!!” ดวงตาเรียวที่ตอนแรกมองตรงไปข้างหน้าไม่ได้สนใจเพื่อนข้างกาย ได้แต่พูด พูด พูด แล้วก็พูดอยู่คนเดียวไม่ทันได้ใส่ใจ พอไม่ได้รับการสนใจเลยอดจะพูดจิกกัดเพื่อเล็กน้อยพร้อมกับเหลือบตาไปมอง แต่ไหงกลายเป็นว่าเพื่อนเขาไปนอนอยู่บนพื้นหญ้า ถ้าไม่ติดว่ามันหมดสติไป มินซอกสัญญาว่าจะขอด่าท่านอนที่แสนมุ้งมิ้งของเพื่อน แต่คือไม่ใช่เวลา งานช่วยเพื่อนต้องมาก่อน

     

     

     

    “ ย่า!!! ถอยออกไปๆ” ซันนี่วิ่งลัดสนามจากอีกด้านเข้ามาพร้อมกับเจสสิก้าที่ได้แต่ลงไปพัดให้กับลู่หาน ใบหน้าสวยนั้นเต็มไปด้วยความกังวล มันไม่ใช่เรื่องปกติที่ใครสักคนในทีมจะเป็นลมหรือหมดสติ อันที่จริงส่วนมากการบาดเจ็บหรือมีแผลเลือดออกอาจจะเป็นสถานการณ์ที่เจอกันบ่อยกว่า

     

     

     

    “ พาไปห้องพยาบาลก่อนๆ” ร่างสูงของแทคยอนเอ่ยขึ้นก่อนจะหันไปขอแรงให้มินซอกช่วยพยุงเพื่อนตัวเล็ก ในตอนแรกเขาเห็นสายตาเป็นห่วงเป็นใยของผู้จัดการทีมอย่างเจสสิก้าก็อดจะห่วงไม่ได้เหมือนกัน ลู่หานไม่ใช่คนที่ป่วยง่ายๆ ซึ่งนี่เป็นอะไรที่ผิดปกติมากๆ

     

     

     

    หลังจากแพทย์ประจำทีมดูอาการให้กับนักเต็มของทีมแล้วก็ได้ข้อสรุปมาว่าเกิดจากการอ่อนเพลีย ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งทันทีที่มินซอกได้ฟังก็อยากจะแหกปากค้านในทันที ขาดน้ำอะไรก็ในเมื่อเพื่อนของเขามันซัดน้ำส้มที่เขาซื้อเอาไว้ไปจนหมดกล่อง นายแพทย์หนุ่มตัวเล็กก็ได้แต่ยิ้ม เอ่ยบอกถึงอาการมีไข้ของลู่หานที่ยิ่งฟัง เจสสิก้า แทคฮยอน รวมไปถึงซันนี่ก็มีอาการเหวอไปตามๆกัน

     

     

     

    ปกติลู่หานป่วยยากมาก

     

     

    ยากที่สุดในทีม

     

     

     

    มินซอกอยากจะบอกเหลือเกิน

     

     

     

    ว่าไม่ใช่เพราะฝน ฟ้า อากาศ

     

     

     

    แต่เป็นเพราะครูจงอินอะไรนั่นคนเดียวเลย!!

     

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

     

     

                ดวงตากลมค่อยๆปรือลืมขึ้นในที่สุด กระพริบตาปรับโฟกัสก็พบว่าเป็นพนังห้องนอนภายในหอ แถมดูเหมือนว่าเขาจะถูกพามานอนกลางห้องตรงโซฟาแทนที่จะเป็นเตียงนอนที่อยู่ห่างออกไป อาการปวดเมื่อยตัวที่เกิดขึ้นทำให้ลู่หานอดจะครางออกมาน้อยๆไม่ได้ เขารู้ดีอาการปวดตัวของักกีฬาแตกต่างจากอาการปวดตัวของการเป็นไข้ยังไง ซึ่งเขาไม่ชอบเอาเสียเลยเวลาป่วย ถึงจะนานๆ(สัก 3 ชาติครั้ง)ก็เถอะ

     

     

     

                “ ลู่หาน....” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าหล่อที่เข้ามาอยู่ในโฟกัสก็ทำให้เจ้าของชื่ออดที่จะขมวดคิ้วด้วยความงงไม่ได้ ดวงตากลมปิดลงทันทีคล้ายไม่มั่นใจว่าตัวเองตื่นแน่แล้วหรือเปล่า

     

     

     

    “.................”

     

     

     

    “ ลู่หาน...”

     

     

     

    “...................”

     

     

     

    “ ที่รัก...” ไม่ใช่แค่ดวงตาที่เบิกกว้าง แต่ร่างกายยังผุดลุกขึ้นนั่งทันที เรียกเสียงหัวเราะให้กับร่างสูงได้เป็นอย่างดี ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าของคนรักที่อยู่ตรงหน้า ทันทีที่ได้รับข้อความจากเพื่อนร่วมห้องของลู่หานว่าเจ้าตัวไม่สบาย เขาเองก็แทบไม่มีสมาธิจะสอนเต้น โชคดีเหลือเกินที่คริสอู๋เพื่อนรักของเขาว่าง และพร้อมจะมาช่วยติวเด็กฝึกหัดในการดูแลของเขาทั้งหมด เพื่อเป็นการเตรียมตัวเดบิวต์ที่อาจจะเกิดขึ้นในไม่ช้า

     

     

     

    ทันทีที่เห็นว่าลู่หานไม่ได้เป็นอะไรมากเขาก็อดโล่งใจไม่ได้ รู้ดีว่าคนตัวเล็กดื้อรั้นแถมยังซื่อมากขนาดไหน และเหมือนว่ามินซอกเองก็จะรู้เช่นกันถึงได้รับส่ง SOS ขอความช่วยเหลือจากจงอินในทันที ลู่หานกวาดตามองไปรอบๆห้อง พยายามจะหาเพื่อนตัวดีที่ชวนเขาคุยตอนวิ่งจนปวดหัวตุบๆก่อนที่จะวูบไปในเวลาต่อมา

     

     

     

    “ มินซอกไม่อยู่หรอก”

     

     

     

    “ ไปไหนอ่า ?”

     

     

     

    “ เห็นบอกว่าจะไปปรึกษาการเงิน”

     

     

     

    “ ตอนนี้เนี่ยนะ... ท่าจะบ้า เพื่อนไม่สบายไม่รู้จักเป็นห่วง ไปนั่งเล่นไพ่เฉยเลย” ใบหน้าหวานบึ้งตึงเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆเอนตัวลงนอนตามแรงดันของจงอินที่กดไหล่เขาเอาไว้

     

     

     

    “ นอนซะ ใครจะไปไหนก็ไม่ต้องสนใจ ตอนนี้นอนก่อนเลย...”

     

     

     

    “ มาได้ไง ?”

     

     

     

    “ ขับรถมา”

     

     

     

    “ กวนหรอ ?”

     

     

     

    “ ก็ขับมาจริงๆ”

     

     

     

    “ ครูจงอินคนพูดน้อยนี่ไม่รู้หายไปไหนแล้วเนอะ”

     

     

     

    “ ก็ลองกลับไปเป็นแค่คนรู้จักกันในรายการเหมือนเดิมสิ เดี๋ยวก็เจอเอง”

     

     

     

    “  มีประชดๆ”

     

     

     

    “ นอนซะ...”

     

     

     

    “ แล้วมานี่ใครอยู่กับเด็กๆ?” หลับตาแต่ปากบางก็ยังเอ่ยถามนู่นนี่ไม่ยอมหยุด ลู่หานมีคำถามร้อยแปดหันข้อที่จะถามออกไปนั่นแหละ เพราะตอนนี้ตาของเขาสว่างมากถึงมากที่สุด ถึงจะบอกว่าไม่สบาย แต่ร่างกายก็ไม่ได้อ่อนแออะไรขนาดนั้น คนอื่นอาจจะนอนซมแต่กับลู่หานไม่ใช่ เขาเป็นนักกีฬาที่นานๆที นานมากจนลืมไปแล้วว่าเป็นไข้ครั้งล่าสุดตอนไหน

     

     

     

    จงอินจ้องมองใบหน้าหวานที่ถึงจะป่วยแต่ก็ดูไม่ค่อยออกเท่าไหร่นัก ริมฝีปากบางที่ขยับเปล่งเสียงออกมานั่นยิ่งน่าหมันไส้ จงอินไม่เคยคิดว่าตัวเองจะแลดูเป็นคนโรคจิตแบบนี้มาก่อนในชีวิต ใบหน้าคมโน้มลงไปใกล้ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะทาบทับลงไปที่ริมฝีปากช่างพูด ซึ่งทันทีที่ความอบอุ่นที่คุ้นเคยทาบทับลงมา ลู่หานก็เหมือนถูกดูดคำพูดที่กำลังจะพูดไปจนหมด กำลังจะเผยอปากตอบรับหากแต่อีกฝ่ายกลับผละออกมาจ้องหน้าเสียก่อน

     

     

     

    “ ไม่เอา... เดี๋ยวติดไข้”

     

     

     

    เดี๋ยวนะ...

     

     

    คนป่วยเงิบแทบไม่ทัน!!!

     

     

     

    “ มองหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง ?”

     

     

     

    ต้องให้อธิบายอารมณ์ตอนนี้มั๊ย!??

     

     

     

    “ เคลิ้มหรอ...”

     

     

     

    ครูจงอินคนแสนดี... งานเคลิ้มต้องมา

     

     

    พอมาแล้วก็ดับเคลิ้มคนอื่นเพราะกลัวว่าจะติดไข้

     

     

    แบบนี้ลู่หานต้องจัดการยังไงดีเนี่ย ตอบ!!??

     

     

     

    ลู่หานไม่ได้ตอบอะไรออกไป อันที่จริงก็เขินจนไม่อยากจะมองหน้าจงอินแล้วด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายดูจะไม่คิดอย่างนั้น แถมยังมีการหัวเราะเยาะเบาๆอีกด้วยต่างหาก ร่างบางของนักฟุตบอลพลิกตัวหันหน้าเข้ากับพนักพิงของโซฟา หลบหนีทั้งสายตาและเสียล้อเลียนจากอีกคน ให้ตายเถอะ! ครูจงอินก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าลู่หานก็เคลิ้มตลอดถ้าอะไรๆมันจะเกี่ยวกับครูจงอิน

     

     

     

    “ น่ารักขนาดนี้ แฟนใครเนี่ย...” น้ำเสียงทุ้มติดจะอ้อนถูกกระซิบข้างๆหูคนป่วย ดูเหมือนจะจงอินจะรู้ตัวว่าทำอีกฝ่ายอายจนงอนไปแล้วในตอนนี้ ทีนี้ก็ต้องเข้ากระบวนการง้อ

     

     

     

    “ ...................”

     

     

     

    “ ลู่หาน...”

     

     

     

    “ ....................”

     

     

     

    “ งอนอะไร หือ? เป็นคนป่วยแล้วยังจะงอนอีก”

     

     

     

    “ ป่าว...”

     

     

     

    “ ไม่เชื่อ”

     

     

     

    “ ตามใจ!

     

     

     

    เพราะอีกคนมัวแต่ฮึดฮัดเลยไม่ทันได้ระวัง กว่าลู่หานจะรู้สึกตัวอีกทีก็ตัวลอยเพราะถูกวงแขนแกร่งอุ้มขึ้นทั้งตัว จากที่ไอ้ไม่ค่อยจะป่วยตอนนี้เขารู้สึกว่าเรี่ยวแรงมันหายไปจนหมด จงอินยิ้มหวานแบบที่น้อยครั้งจะได้เห็น และมันก็คุ้นๆเหมือนว่าครั้งก่อนที่ได้เห็นจะเป็นสาเหตุที่ต้องมาไข้ขึ้นอย่างตอนนี้

     

     


                “ ไม่เอานะ!” ทันทีที่หลังสัมผัสกับเตียงนอนของตัวเองลู่หานก็ต้องร้องเสียงลั่น ให้ตายเถอะ! ครูจงอินอาจจะไม่เข้าใจคำว่าป่วย ป่วย ป่วยอะ คือไม่สบาย คือเป็นไข้ คือเพราะครูจงอินนั่นแหละเป็นต้นเหตุ!

     

     

     

    “ ก็ลู่หานงอน”

     

     

     

    “ แล้วไง ?”

     

     

     

    “ ก็จะง้อ”

     

     

     

    “ ง้อแบบนี้ ครูจงอินมีแต่ได้กับได้”

     

     

     

    “ แต่ลู่หานก็ชอบไม่ใช่หรอ”

     

     

     

    “ ใครบอก!?”

     

     

     

    “ ก็คืนนั้นลู่หานบอกเอง”

     

     

     

    “ .............” ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่ถูกคร่อมอยู่ในขณะนี้ ลู่หานได้แต่หน้าเหวอ ดวงตากลมเบิกกว้างก่อนจะจิกเพื่อปรามคนตัวสูง แต่ดูเหมือนจงอินจะไม่ได้กลัวอะไรเลยสักนิด มือหนายกขึ้นลูบเบาๆที่แก้มใส ดวงตาคมสื่อความหมายลึกซึ้งเกินกว่าจะมีคำพูด จงอินไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เวลาเพียงแค่สามเดือนกว่าๆ จะทำให้เขาตกหลุมรักคนนี้ๆอย่างยากที่จะถอนตัว

     

     

     

    ลู่หานไม่แน่ใจเลยว่าความรักคืออะไร เขาไม่เคยเข้าใจและไม่เคยพบเจอมันในชีวิตจริงด้วยซ้ำไป แต่ครูจงอินทำให้เขาได้รู้จัก น่าแปลกที่เวลาแค่ไม่นานจะทำให้เขารู้สึกยอมทุกอย่างจนไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่สิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย

     

     

     

    “ ผมไม่ได้กลัวติดไข้ลู่หานก็รู้”

     

     

     

    “......................”

     

     

     

    “ ต่อให้ติดผมก็ไม่สนใจหรอก”

     

     

     

    “.......................”

     

     

     

    “ ผมรู้ว่าลู่หานจะดูแลผม เหมือนที่ผมมาดูแลลู่หาน”

     

     

     

    “ .......................”

     

     

     

    “ เวลาแบบนี้ทีไร ผมกลายเป็นคนพูดมากทุกที ทั้งๆที่ปกติจะเป็นลู่หานที่เอาแต่พูด”

     

     

     

    “ .........................”

     

     

     

    “ ครูจงอิน.....”

     

     

     

    “ ครับ ?”

     

     

     

     

    “ ครูจงอิน....”

     

     

     

    “ หือ ?”

     

     

     

    “ จงอินอ่า....”

     

     

    “ ....................”

     

     

     

     

     

    “ รัก...”

     

     

     

     

    จงอินยิ้มหวานกับคำว่ารักที่ลู่หานพูดออกมา คนพูดก็เช่นกัน มันอาจจะแปลกเวลาที่คนสองคนจะมาพูดอะไรหวานเลี่ยนกันไปมา จริงอย่างที่จงอินว่า ลู่หานมักจะเงียบเสียทุกครั้งเวลาที่เขาทำหวานใส่ กลายเป็นครูจงอินที่ช่างเจรจามากกว่าจะเป็นคนนิ่งสงบปากสงบคำ และก็เช่นเดียวกันกับลู่หาน คนช่างพูดกลายเป็นไม่มีแม้แต่คำตอบจากคำถามของอีกฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้นลู่หานก็รู้ว่าจงอินจะเข้าใจ ริมฝีปากหนาทาบทับลงบนรอยยิ้มหวานตรงหน้า ลึกซึ้งราวกับจะใช้แทนคำสัญญาว่าจะเป็นแบบนี้ตลอดไป

     

     

     

    แค่คำสั้นๆของลู่หาน

     

    แต่สำหรับจงอินแล้ว

     

     

     

     

    แทนคำเป็นร้อยเป็นพัน

     

     

     

     

               

     

              แค่เรารักกัน

     

     

              ก็พอแล้ว

     

     

     

     

     

    ::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~:: THE END ::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::

     

     

     

     

    งื้อออออออออออออออออออออออ~

    จบแล้ววววววววววววววววววววววว

    จบจริงอะไรจริง จบเท่านี้แหละค่ะ TT

    อาจจะเป็นตอนจบที่ธรรมดาและไม่น่าประทับใจเอาซะเลย (อย่าว่าเค้านะ)

    อันที่จริงเค้าคิดว่าความหวานของคู่นี้ไปได้อีกไกลเลยนะ

    แต่อยากจบแบบนี้ อยากให้ทุกคนเก็บกลับไปฟินกันต่อในจินตนาการ

     

    ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันและเป็นกำลังใจมาตลอดนะคะ

    ทั้งๆที่เม้นแล้วก็ไม่เม้น เราเข้าใจดี

    แล้วก็ขอบคุณมากๆจริงๆ

    หวังว่าจะยังคงติดตามกันต่อไปนะคะ

    รักทุกคนจัง

     

    ปล. มีใครอยากจะถามอะไรเค้าบ้าง เม้นถามได้เลยนะ

    เค้าจะมาตอบ เผื่อมีข้อสงสัยว่า เฮ้ย! ทำไมจบแบบนี้ แล้วสรุปอะไรยังไงต่อ 555

    แล้วเด็กฝึกหัดล่ะ ?

    แล้วคริสอู๋ล่ะ ?

    แล้วเจสสิก้าล่ะ ?

    เผื่อว่าจะมีคำตอบให้... เผื่อนะคะ 55555

    (รีดเดอร์บอก อย่ากวนทรีนนนน!! #Sorry คิ!)

     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×