ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {fic :: exo} You're my Moon~☽ (KaiLu) [END]

    ลำดับตอนที่ #15 : You’re my Moon ☽ :: 9 :: Let's do it ~ Call me maybe

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 664
      4
      22 ม.ค. 57

              แค่บางที แค่บางครั้ง

     

              บางช่วงอารมณ์

     

              บางความรู้สึก

     

     

     

              ที่อยากจะโทรไปหา

     

              อยากได้ยินเสียง...

             

     

     

     

                จงอินขยับริมฝีปากของตัวเองอยากจะพูดคำบางคำมากมาย หากแต่เสียงในลำคอที่ควรจะมีกลับหายไปอย่างน่าสงสัย ร่างบางของใครบางคนที่ส่งยิ้มมาให้ทำให้ลมหายใจติดขัด ความอึดอัดราวกับถูกบีบรัดหัวใจก่อนเกิดขึ้นมา ความรู้สึกบางอย่างถูกตีขึ้นมาที่บริเวณกระบอกตา กระตุ้นต่อมน้ำตาให้เริ่มกระบวนการสร้างหยดน้ำใสๆ แต่ยังไม่ทันจะเสร็จสิ้นกระบวนการ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงการมองเห็นของเขาแค่ฝ่ายเดียวก็ตาม เขาต้องละความสนใจจากมันไปเสียก่อน

     

     

     

                “ ครูไคเป็นอะไรรึป่าวฮะ”

     

     

     

                “ ป่าวหรอก... พอดีครูกำลังนึกท่าเต้นน่ะ”

     

     

     

                “ แต่ว่าครูไคดูไม่ค่อยดีเลยนะฮะ”

     

     

     

                “ งั้นพักหน่อยแล้วกันนะแบคฮยอน...” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเนือยๆ ก่อนจะพาตัวเองเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาที่มุมห้อง ดวงตาคมปิดสนิทหากแต่สติของเขายังมีครบถ้วน รอยยิ้มสดใสที่ยังคงตรึงตราตรึงใจเขาไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม จงอินจำไม่ได้แล้วว่านานแค่ไหนที่พยายามหลีกเลี่ยงการนำพาคนๆนั้นเข้ามาในสายตา

     

     

     

              ความเจ็บปวดที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่เคยจางหาย

     

     

              คนบางคนไม่อยากจำ

     

    แต่ก็ไม่อยากลืม...

     

     

     

    หลายต่อหลายครั้งในรอบ 3 ปีที่ได้แต่กดเบอร์มือถือเดิมๆ โทรไปได้ยินเสียงที่บอกว่าหมายเลขนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้ จงอินรู้ดีว่าทำไม เพราะเจ้าของเครื่องและเบอร์ทิ้งมันเอาไว้ ไว้ที่ไหนซักแห่งที่เขาเองก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆคือมันไม่ได้อยู่ข้างกายเจ้าของมันอีกแล้ว และอาจจะไม่มีวันที่จะได้กลับไปยืนเคียงข้างด้วยแน่นอน

     

     

     

    ดวงตาคมลืมขึ้น เอื้อมมือไปคว้ามือถือที่วางไว้ใกล้ๆตัว ใช้นิ้วสัมผัสหน้าจอเพื่อจ้องมองหมายเลขที่ขึ้นโชว์ กดโทรออกไปส่งๆก่อนจะยกมันขึ้นแนบหู รอฟังเสียงหญิงสาวที่เขาไม่รู้จักเอ่ยบอกการทำงาน ว่าถ้าหากเขาต้องการฝากข้อความถึงเจ้าของหมายเลขนี้ กรุณารอจนกว่าจะมีเสียงสัญญาณ และก็เป็นอีกครั้งที่จงอินรอเสียงสัญญาณนั้น

     

     

     

    “ ฉันคิดถึงนาย... คิดถึงนาย... คิดถึงที่สุด...”

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

     

                “ ลู่หาน! มึงจะจ้องมือถืออีกนานมั๊ย? เวลาซ้อมนะเว้ย ลงมาซ้อมได้แล้ว!!” เจ้าของชื่อเงยหน้าจากจอมือถือในมือ ดวงตากลมตวัดสายตาไปมองเพื่อนสนิทแก้มกลมที่ตอนนี้กำลังยืนเท้าเอวกระดิกเท้าจ้องมองมาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ส่วนคนอื่นๆในทีมทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นเด็กกำลังตั้งใจซ้อมกันเป็นอย่างดี ลู่หานถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นสะบัดไล่ให้มินซอกไปไกลๆ

     

     

     

               
                “ สันดาน
    !!!! โอ๊ย!!!” ยังไม่ทันที่มินซอกจะได้ด่าจบประโยค มือบางๆของผู้ดูแลขาโหดประจำโซลเอฟซีก็ฟาดเอากลางศีรษะ ถึงมันจะไม่ได้เจ็บมากแต่มันก็เจ็บ! มินซอกตวัดสายตาหันกลับไปมองซันนี่ที่ยืนคาบนกหวีดอยู่ มินซอกกำลังจะอ้าปากบ่นแต่เสียงนกหวีดก็ดังขึ้นและนั่นทำให้เขาหัวเสียจนต้องรีบวิ่งลงไปซ้อมทันที

     

     

     

              แน่นอนว่าความยุติธรรมมีน้อยบนโลกนี้

     

              และในโซลเอฟซีก็แน่นอนว่ามันไม่มีเลย

     

     

     

              ใขณะที่มินซอกโดนเจ๊ซันนี่ด่าและลงไม้ลงมือ

     

              แต่ลู่หานมักจะได้รับรอยยิ้มหวานๆ

     

              รวมไปถึงการตามใจเสมอๆ

     

     

              แหมมมมม!!! โคตรยุติธรรม!!!!!

     

     

     

                เจสสิก้าทิ้งตัวนั่งลงข้างๆคนในการดูแลที่นั่งหน้ามุ่ยมาตลอดวัน ตั้งแต่ที่ออกวิ่งลู่หานก็ดูจะอารมณ์ไม่ค่อยดี คิ้วขมวดคล้ายกำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา พร้อมกับเสียงบ่นพึมพำภาษาจีนที่เธอฟังออกบ้างเป็นบางคำ แต่ถึงอย่างนั้นก็จับใจความไม่ค่อยจะได้ อยากจะถามออกไปแต่ก็ไม่กล้าพอ เธอมักจะรอ... รอจนกว่าลู่หานจะเป็นฝ่ายไว้ใจพอที่จะเล่าให้เธอฟังได้

     

     

     

                ลู่หานรับรู้ถึงการมาของคนข้างๆแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ละสายตาออกไปจากหน้าจอ อันที่จริงจะพูดว่าเขาโกรธเจสสิก้าก็คงจะได้ เพราะเธอเป็นคนจัดตารางงานให้กับเขา มันจะไม่มีปัญหาและทำให้เขาต้องนั่งหงุดหงิดจนไม่เป็นอันซ้อมตลอดทั้งวันแบบนี้เลย ถ้าหากเพียงเจสสิก้าจะเจียดเวลาซัก 2 วันเพื่อให้เขาได้ไปเรียนเต้น

     

     

     

              แต่ไม่เลย!!!!

     

              ตารางงานชัดเจนว่าเขาต้องอยู่ซ้อมที่สโมสรทุกวัน

     

     

              โปรดฟังอีกครั้งว่าทุกวัน!!!!!

     

     

     

                ในขณะนี้ ตอนนี้ได้ครบกำหนดวันที่ 4 เข้าไปแล้วที่ลู่หานไม่ได้แม้แต่จะเห็นหน้าจงอิน ยอมรับกับตัวเองตลอดเวลาอยู่แล้วว่าการเต้นเป็นเพียงข้ออ้าวที่จะทำให้เขาได้เจอกับครูจงอิน แต่ถึงอย่างนั้นพอห่างหายไปเขาเองก็คิดถึงมันขึ้นมาเหมือนกัน ถึงตัวผู้สอนจะมีส่วนที่ทำให้คิดถึงอยู่เกือบๆ 50% ก็ตามที

     

     

     

                “ เจสสิก้า...”

     

     

     

                “ หือ ?”

     

     

     

                “ หงุดหงิดอะ”

     

     

     

                “ ..................”

     

     

     

                “ โทรหรือไม่โทรดีล่ะ ?” ดวงตาคู่สวยหันมามองคนข้างๆตัว เธอไม่รู้ว่าลู่หานเอ่ยออกมาถามเธอนั้นต้องการคำตอบมั๊ย เพราะมันแผ่วเบาลงหลังจากที่บอกว่าตอนนี้เจ้าตัวกำลังหงุดหงิด

     

     

     

                “ โทรหาใครล่ะ ?”

     

     

     

                “.....................”

     

     

     

                “ คิดถึงมากรึป่าว ?”

     

     

     

                “........................” ลู่หานไม่ได้ตอบอะไร ไม่ใช่ตอบไม่ได้แต่เลือกที่จะไม่ตอบออกไปต่างหาก แม้จะสับสนในคำตอบแต่ในใจลึกๆแล้วเขาเองรู้ดีว่าตอนนี้รู้สึกยังไง

     

     

     

              “ ถ้าคิดถึงมากก็โทรไปเลย” เจสสิก้าเอ่ยตอบพร้อมกับส่งยิ้มน้อยๆมาให้ คนในการดูแลเงยหน้าขึ้นมามองส่งยิ้มหวานๆเป็นการตอบแทนคำตอบที่เธอสามารถทำให้เขาหายสับสนไปได้ไม่มากก็น้อย ยิ้มหวานๆที่เธอมักจะเป็นคนสร้างมันขึ้นมา แต่ไม่มีวันที่จะได้ครอบครอง

     

     

     

    บางสิ่งบางอย่าง

     

    ได้แค่มองก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว...

     

     

     

    เจสสิก้าลุกออกไปแล้ว เพราะแทคยอนเพื่อนร่วมทีมของลู่หานที่อยู่ในการดูแลหกล้มหน้าคว่ำกลางสนามบอล แถมยังออกอาการออดอ้อนผู้ดูแลจนหน้าหมันไส้ ลู่หานอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ สายตาของแทคยอนที่มองไปยังผู้จัดการคนสวยนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่เขาเองก็อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ บางทีอาจจะเป็นรู้สึกดี มีความสุข ปลาบปลื้ม มีความหวัง หรือแม้กระทั่งมีความรัก

     

     

     

    ต่อให้แทคยอนจะยิ้มจนปากฉีกไปถึงใบหูหรืออะไรก็ตาม แต่ใบหน้าสวยๆของเจสสิก้าก็ยังคงนิ่งเรียบอยู่เหมือนเดิม เธอไม่ได้ยิ้มหรือแสดงอาการอะไรแม้ว่ารอยยิ้มของร่างสูงที่นอนแผ่หลาอยู่บนสนามหญ้าจะดูมีเสน่ห์มากแค่ไหนก็ตาม ลู่หานที่กำลังมองอยู่ก็อดที่จะมองดวงตาคู่สวยนั้นไม่ได้ สายตาที่มองมาเหมือนไม่ได้ใส่ใจและไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก

     

     

     

    สายตาที่บ่งบอกว่าไม่สำคัญ

     

    เป็นเพียงแค่หน้าที่ที่จำเป็นจะต้องทำ

     

     

     

    สายตาที่เหมือนกับที่ครูจงอินมองมา

     

    สายตาที่บ่งบอกว่าไม่พิเศษ...

     

     

     

    มือถือเครื่องหรูถูกยัดใส่กระเป๋าเป้ด้านข้างอย่างลวกๆ ลู่หานลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเอง ย่อตัวลงผูกเชือกรองเท้าของตัวเองให้แน่นพอจนมั่นใจว่าเวลาที่ลงไปซ้อมจะไม่หลุดออกมาง่ายๆ ขาเรียวออกวิ่งเข้าไปในสนาม ยกมือขึ้นโบกให้กับมินซอกที่กำลังวิ่งเลี้ยงลูกฟุตบอลอยู่อีกด้านหนึ่งของสนาม 

     

     

     

    ตอนแรกลู่หานคิดว่าเขาจะโทรไปหาครูจงอิน อย่างน้อยๆการไม่ได้เจอกันถึง 4 วันก็ทำให้เขาคิดถึงอีกฝ่าย แล้วครูจงอินล่ะ จะคิดถึงเขามั๊ย? ซึ่งคำตอบมันก็ง่ายๆคือ ไม่... เหตุผลอะไรที่ทำให้เขาเชื่อว่าเป็นแบบนี้น่ะหรอ ก็ไม่รู้สิ... ลู่หานแค่คิด คิดว่ามันก็คงจะเป็นอย่างนั้น ทั้งๆที่เคยบอกว่าให้มาสนิทสนมกันไว้ แต่สิ่งที่จงอินทำมันก็บ่งบอกให้รู้อยู่แล้ว ว่ามันยากที่จะสนิทกันแบบนั้น

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

     

              “ ครูไคเอาแต่เหม่อทั้งวันเลย สงสัยเพราะพี่ลู่หานไม่มีเรียนเต้นแน่ๆ! เด็กชายตัวขาวเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจทันทีที่แผ่นหลังหนาของครูประจำห้องพ้นออกไปพร้อมด้วยประตูห้องซ้อมที่ปิดลง วันนี้ครูไคของพวกเขาเอาแต่เหม่อลอย เต้นผิดเต้นถูก ทำเอาลูกศิษย์อย่างพวกเขาถึงกับไปไม่เป็น ก็เรื่องแบบนี้มันเกิดทุกวันซะที่ไหน

     

     

     

    ครูไคผู้แสนเพอร์เฟค

     

    แต่กลับเต้นผิด

     

     

    ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วนะ!

     

     

     

    “ ไม่หรอก...”

     

     

     

    “ หมายความว่ายังจื่อเทา?”

     

     

     

    “ ไม่ใช่เพราะพี่ลู่หาน...” จื่อเทาเอ่ยออกมาเพียงเท่านั้นก่อนจะหันไปสนใจจอมือถือในมือของเซฮุนต่อ คนได้ฟังคำตอบก็เลยกดปิดคลิปเพลงแล้วยัดมันลงไปในกระเป๋ากางเกง หันมามองด้วยสายหงุดหงิด ยกนิ้วขึ้นบีบจมูกโด่งของคนข้างๆด้วยความหมันไส้ จนคนถูกกระทำได้แต่ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บที่แล่นขึ้นมาที่ดั้งของตนเอง

     

     

     

    “ ทำเป็นรู้ดี!

     

     

     

    “ ก็นายไม่รู้เองต่างหากล่ะ

     

     

     

    “ ไม่รู้เรื่องอะไร ?”

     

     

     

    “ คนรักของครูไคไง...”

     

     

     

    จื่อเทาเปิดประเด็นมาได้สวย แน่นอนว่าหัวข้อการพูดคุยเรื่องของลู่หานตกลงไป เมื่อมีบางอย่างที่น่าสนใจมากกว่า ริมฝีปากหน้าเม้มเข้าหากันเหมือนไม่อยากจะเล่า แต่เพราะโดนเซฮุนฟาดเข้าที่กลางหน้าผากดังเพี๊ยะ เขาก็เลยต้องจำยอมเอ่ยปากเล่าออกมา จะหาว่าเขาสอดรู้สอดเห็นก็คงไม่ได้ ให้เรียกว่าใส่ใจในบุคคลรอบข้างจะดีกว่า

     

     

     

    เพราะจื่อเทาอัธยาศัยดีกับรุ่นพี่ชาวจีนที่เป็นเด็กฝึกหัดของบริษัทเมื่อช่วง 3-4 ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้ผันตัวไปเป็นครูสอนภาษารวมถึงทำงานในค่ายเพลงแทนแล้ว เวลารู้จักใครใหม่ๆเขาเองก็จะไปเล่าให้พี่คนนั้นฟัง ซึ่งก็เลยได้ข้อมูลกลับมาด้วยไม่มากก็น้อย สำหรับข้อมูลของครูไคก็เลยได้มาบ้าง แต่ก็ไม่ได้เยอะ... และดูเหมือนเรื่องคนรักของครูไคจะเป็นอะไรที่จัดว่าเด็ดและเป็นความลับแบบสุดๆ

     

     

     

    ก็อย่างที่บอกว่าเด็ดรวมไปถึงเป็นความลับมากที่สุด จื่อเทาก็เลยได้รู้มาแค่ว่าครูไคในตอนแรกก็เป็นเด็กฝึกหัดมาก่อน ต่อมาคนรักของครูไคก็ได้เดบิวต์ แต่พี่ชายคนนั้นไม่ยอมบอกเขาว่าคนรักของครูไคเป็นใคร มีชื่อว่าอะไร แต่เขาก็พอจะเดาได้ว่าต้องเป็นศิลปินในค่ายอย่างแน่นอน การคบกันถูกสั่งให้เก็บเป็นความลับแล้วพอคนๆนั้นมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆก็กลายเป็นคำสั่งห้ามคบ เขาก็รู้มาเท่านี้ แต่ไม่รู้ว่าต่อจากนั้นทั้งสองคนจะคบกันต่อหรือว่าอย่างไร แต่ในความรู้สึกของเขาหลายอย่างดูค้างคาบอกไม่ถูก

     

     

     

    “ แล้วไง ?”

     

     

     

    “ นั่นสิ่... แล้วไง?”

     

     

     

    “ ฉันคิดว่าครูไคคงจะคิดถึงคนรักคนนั้นแน่ๆ” เซฮุนและแบคฮยอนทำหน้ายู่ หลังจากที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดจบแบบงงๆ แน่ล่ะ ข้อมูลของจื่อเทามีแต่ความไม่แน่นอนเต็มไปหมด บางอย่างก็น่าเชื่อถือและบางอย่างก็ดูไม่น่าเชื่อ ถึงจะรู้ก็เถอะว่ามีกฎห้ามออกเดท แต่ยังไงๆพวกเขาก็คิดว่ามันคงไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก

     

     

     

    “ ไม่ใช่หรอก... ยังไงๆก็พี่ลู่หาน”

     

     

     

    “ ไม่ใช่พี่ลู่หาน...”

     

     

     

    “ ยังไงๆก็พี่ลู่หาน!

     

     

     

    “ ก็บอกว่าไม่ใช่พี่ลู่หาน...”

     

     

     

    “ ยังไงๆก็พี่ลู่หาน!!!!!

     

     

     

    “ ถ้านายมองตาครูไคดีๆ นายจะรู้ว่ามันไม่ใช่เพราะพี่ลู่หาน...” จื่อเทาบอกทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะผละออกไปจากห้อง ไม่อยากต่อปากต่อคำกับเซฮุน เพราะคนตัวขาวมักจะเถียงแบบเอาสีข้างเข้าถู จนบางเหตุผลที่ยกเอามาอ้างเพื่อเถียงเอาชนะมันก็ไม่ได้เหมาะสมเลยแม้แต่น้อย เซฮุนนิ่งเงียบไปอย่างใช้ความคิด ก็อาจจะเป็นอย่างที่จื่อเทาว่า หรือไม่ก็อาจจะไม่ใช่

     

     

     

    แต่แล้วยังไง ?

     

    เซฮุนจะเชียร์พี่ลู่หานให้รุกครูไค

     

     

    ไม่แคร์อะไรทั้งนั้น! นี่พูดเลย!! เยเฮทททท~!!

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

     

                เสื้อนักฟุตบอลสีฟ้าของสโมสรโซลเอฟซีถูกถอดออกจากตัวเจ้าของแล้วเหวี่ยงลงไปนอนอยู่ในตะกร้าสำหรับใส่ผ้ารอซักที่ด้านหนึ่งของห้อง ตามมาด้วยกางเกงฟุตบอล เผยให้เห็นร่างเกือบเปลือยเปล่าหากแต่เพราะมีบ็อกเซอร์ติดอยู่ในเอว ผิวขาวใสราวกับน้ำนมขัดกันยิ่งนักกับกิจกรรมที่ทำเป็นอาชีพอย่างนักฟุตบอล ลู่หานทิ้งตัวลงนอนราบบนโซฟาหน้าทีวี คว้ามือถือขึ้นมาจ้องมองอีกครั้ง

     

     

     

                การออกกำลังและลงไปร่วมซ้อมกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆในสโมสรก็ทำให้เขารู้สึกดีและสมองปลอดโปร่งขึ้นมาอย่างมากเลยทีเดียว มินซอกยังคงเป็นคู่หูรับส่งบอลที่ดีเยี่ยม ลู่หานรู้สึกว่าตัวเองเล่นไม่ดีเท่ากับวันอื่นๆ อาจจะเพราะมีเรื่องกวนใจหรือไม่อีกอย่างหนึ่งก็คือ คนในทีมนั้นพัฒนาตนเองจนเก่งขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีมากๆ

     

     

     

                มินซอกเดินกลับเข้ามาในห้องแล้วก้าวยาวๆเข้าห้องน้ำไป ตั้งใจว่าพออาบน้ำเสร็จแล้วจะออกมานอนเลย แต่เมื่อเวลาผ่านไปเพื่อนรักของเขาก็ยังไม่มีทีที่ว่าจะหยุดจ้องมือถือของตัวเองซักที จะให้ทำเป็นไม่ใส่ใจก็ไม่ได้ แน่ล่ะ... นี่เพื่อนรักทั้งคน แล้วตลอดวันมากนี้ลู่หานก็ดูไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย เหม่อๆ รับลูกพลาด แถมยังทำประตูได้น้อยกว่าปกติจนน่าใจหาย

     

     

     

                “ เป็นอะไร ?”

     

     

     

                “ หือ ?”

     

     

     

                “ วันนี้เล่นโคตรแย่ เอาแต่นั่งจ้องจอโทรศัพท์ แถมยังตีหน้ายุ่งทั้งวัน เป็นอะไร ?”

     

     

     

                “  ปะ...”

     

     

     

                “ ถ้าตอบว่าป่าว กูยันมึงติดกำแพงห้องแน่ๆ!” มินซอกเอ่ยบอกพลางจ้องหน้าเพื่อนรักที่ค่อยๆยันตัวตันเองลุกขึ้นมานั่งดีๆ เขาทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาตัวเล็กข้างๆ ลู่หานวางมือถือลงบนโต๊ะด้านหน้า แลบลิ้นเลียริมฝีปากน้อยๆเพราะรู้สึกว่ามันแห้งผากอย่างไม่น่าเชื่อ คนมองได้แต่นั่งเงียบๆ นั่งประมวลท่าทีของเพื่อนก็ยิ่งคิดว่ามันแปลก ลู่หานไม่ค่อยจะประหม่าให้เขาได้เห็นมากนักหรอก

     

     

     

                “ มึงเป็นอะไรรึป่าว นี่กูถามมึงจริงๆนะ”

     

     

     

                “ มึง... กูเป็นอะไรก็ไม่รู้ว่ะ กูไม่รู้อะ... ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเป็น”

     

     

     

                “ เกี่ยวกับครูไคที่มึงเล่าให้กูฟังหรอ?” มินซอกก็พอจะรู้หลังจากฟังมาจากที่เพื่อนเล่า เอาเข้าจริงๆเขาเองก็คิดว่าคงเป็นแค่อาการอยากมีเพื่อนใหม่ แล้วก็ความบ้าบอของเพื่อนเขา ก็คิดแค่ว่าลู่หานอาจจะปลื้มครูไคอะไรนั่นเหมือนที่ปลื้มนักเตะในดวงใจอย่างคริสเตียโน โรนัลโด

     

     

     

                “ กูอยากเจอ อยากมอง อยากไปหา อยากได้ยินเสียง... แม่งเหมือนคนบ้าเลย!

     

     

     

                “.....................”

     

     

     

                “ ทั้งๆที่กูก็เห็นอยู่แล้วว่าเขาไม่ได้สนใจอะไรกูเลยสักนิด”

     

     

     

                “ ...................”

     

     

     

                “ นี่ไม่ได้พาดราม่าอะไรนะมึง กูก็แค่รู้สึกอะ บางทีถ้ากูแค่สนุกๆอยากมีเพื่อนใหม่กูก็ไม่ต้องมานั่งแคร์อะไรแบบนี้หรอก แต่นี่มันไม่ใช่... กูว่ามันไม่ใช่...”

     

     

     

                มินซอกพยักหน้าอย่างเช้าใจ มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วสำหรับพวกเขา ก็ถ้าไม่ได้คิดอะไรมากมายก็ไม่ต้องไปใส่ใจ ถ้าทำไปแล้วอีกฝ่ายไม่อยากตอบรับก็แค่ถอยหลังเดินออกมาแล้วก็เดินเครื่องไปข้างหน้าหาคนใหม่ คนไม่ใช่ยังไงก็ไม่ใช่ ต่อให้เจอคนที่ใช่ใครจะรู้ว่าวันข้างหน้าอาจจะเจอคนที่ใช่กว่า เขาเองก็ไม่รู้จะให้คำนิยามไอ้ประโยคข้างบนนี้ยังไง แต่เอาเป็นว่ามันเป็นวิถีทางของความรักในแบบที่พวกเขารู้จักก็แล้วกัน

     

     

     

                “ กูว่ามึงชอบครูไคนั่นจริงๆแล้วล่ะ ไม่ใช่แค่อยากจะสนิทแบบเพื่อนแล้วมั้ง...”

     

     

     

                “ ไม่รู้ว่ะ...”

     

     

     

                “ ครูไคนี่น่ารักขนาดไหนวะ ถึงได้ทำให้มึงเป็นถึงขนาดนี้ได้อะ... ถ้าให้กูเดานะ คนจะตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ ยิ้มหวานๆ ผมยาวๆ อกอึ๋มๆ ชัวร์!” ลู่หานได้แต่แค่นหัวเราะออกมาเบาๆ การคาดเดาของมินซอกนั้นเคยแม่นยำมาตลอด จำได้ว่ามีอยู่ฤดูกาลหนึ่งในการแข่งขันฟุตบอลลีคเล็กๆ เพื่อนรักของเขาสามารถคาดเดาผู้แพ้ชนะไปจนถึงจำนวนประตูในแต่ละสนามได้เลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ลู่หานเริ่มไม่ค่อยจะแน่ใจแล้วล่ะ

     

     

     

              ตัวเล็กๆ

     

              ครูไคตัวใหญ่กว่าเขาอีก

     

     

     

              ผิวขาวๆ

     

              ผิวสีแทนเซ็กซี่ ดีกว่าเยอะ...

     

     

     

              ยิ้มหวานๆ

     

              ถ้าการยิ้มแล้วรู้สึกว่าน่ารักเรียกว่ายิ้มหวาน ก็คงจะใช่...

     

     

     

              ผมยาวๆ

     

              ก็ยาวกว่าขนคิ้วอะ ถือว่ายาวก็แล้วกัน...

     

     

     

     

              อกอึ๋มๆ

     

              อันนี้ต้องกลับไปดูอีกที ไม่ทันได้สังเกต

     

              แต่ที่แน่ๆ ครูไคของลู่หานน่ะ พลิ้วยิ่งกว่าใคร!

     

     

     

                “ ทำหน้าโรคจิตแบบนี้ กำลังคิดอะไรอุบาทๆอยู่รึป่าววะมึงอะ!” มินซอกเอ่ยออกมาเรียกสติคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ลู่หานหันมายิ้มกว้างๆแล้วก็ขำออกมา อันที่จริงก็ไม่ได้คิดอะไรไม่ดีแบบที่มินซอกคิดเลยนะ แค่กำลังหาคำตอบจากคำถามที่ว่าทำไมเขาถึงเป็นได้ขนาดนี้ ครูไคต้องน่ารักมากแน่ๆ แต่บางทีมินซอกอาจะลืมคิดไปถึงชื่อ ไค เอาจริงๆนะ... ลู่หานคิดว่าออกจะแมน จะน่ารักตัวเล็กแบบที่มินซอกคิดไปได้ยังไงกัน

     

     

     

                “ ป่าวอะ... แค่กำลังคิดว่าครูไคเป็นอย่างที่มึงพูดรึป่าว”

     

     

     

                “ แล้วเป็นมั๊ยล่ะ?”

     

     

     

              “ ไม่อะ... ครูไคตรงกันข้ามกับที่มึงพูดทุกอย่างเลย”

     

     

     

                “ .....................”

     

     

     

              “ แต่เรื่องที่บอกว่าน่ารักอะ... ครูไคน่ารักจริงๆ”

     

     

     

                เพื่อนร่วมห้องคนสนิทเดินออกจากห้องไปแล้ว บ่นว่าอยากไปลงทุนเกร็งกำไรที่ห้องของบัง ยงกุก ไม่ใช่การไปนั่งปรึกษาเรื่องหุ้นในตลาดและการลงทุนอะไรแบบนั้นหรอก แหม! โลกสวยเกินไป คิดสวยหรูเกินไปถ้าแบบนั้นอะนะ พูดลเยว่ามันก็แค่การเล่นไพ่ ให้เงินมันหมุนเวียนกันไปในวง แน่นอนว่ามินซอกเป็นขอประจำแบบไม่ต้องสงสัย บ่อยครั้งที่เขาเองก็ชอบจะไปสังสรรค์แบบนั้นกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆห้องอื่น แต่เพราะวันนี้เขามีอะไรคาใจให้คิดมากเกินไป

     

     

     

              โทร

     

              หรือ

     

              ไม่โทร

     

     

              ดีนะ!!??

     

     

     

                แน่ล่ะ... คำถามนี้มันติดอยู่ในหัวสมองจนแทบจะฝังตัวเข้าไปในซีรีบรัมอยู่แล้ว ลู่หานรู้ดีว่าถ้าหาคำตอบจากคำถามนี้ได้แล้ว คำถามต่อไปก็จะตามมาอย่างเช่นว่า ถ้าบอกว่าโทร แล้วจะโทรไปทำไม โทรไปมีธุระอะไร โทรไปแล้วจะกวนครูจงอินมั๊ย และอื่นๆอีกมากมายที่จะสรรหามาให้ได้คิดจนสมองแทบจะแตกได้

     

     

     

                ลู่หานไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนขอยืนยันอีกครั้ง เขาไม่แน่ใจว่าความรู้สึกนี้จะเรียกว่าลึกซึ้งและมากกว่าใครๆ หรือจะเรียกว่าความรักได้รึป่าว เขาไม่เคยมีความรักในแบบนั้นมาก่อน หลายครั้งที่ในใจคิดว่าเพราะปลื้มในการเต้นของจงอินเลยทำให้เขาอยากจะสนิทด้วยเป็นพิเศษ แต่พอคิดได้แบบนั้นสัญญาณเตือนบางอย่างก็มักจะร้องบอกออกมาว่ามันไม่ใช่...

     

     

     

                ลู่หานไม่รู้ และคงจะไม่มีทางรู้ได้เลยแน่ๆว่าจงอินจะคิดยังไงหากรู้ว่าเขาเผลอรู้สึกดีๆกับอีกฝ่ายนอกเหนือจากสถานะของการเป็นครูและนักเรียน ไม่ใช่ว่าเขาเองไม่พยายามจะห้ามความรู้สึกที่เกิดขึ้น เขาห้ามมันจนไม่รู้จะห้ามยังไง แต่ก็ห้ามไม่เคยจะได้เลยสักครั้ง ผู้ชายรักกับผู้ชายถึงแม้ว่าจะได้รับการยอมรับแล้วในวงกว้าง แต่ถึงอย่างนั้นในสถานะของนักฟุตบอลอย่างเขาเองก็พูดยากเหมือนกัน

     

     

     

                พูดกันตามตรงจงอินเองก็แสดงออกถึงความแมนและลู่หานก็รู้สึกถึงมันได้ เขาเองก็มีความแมนที่เต็มร้อยไม่ต่างกัน เพราะอย่างนั้นมันจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ถูกแทรกเข้ามาในสมองให้เขาได้กังวลเล่นและไม่กล้าที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไปแม้แต่อย่างเดียว นอกเสียงจากค่อยๆดำเนินความสัมพันธ์ไปอย่างช้าๆด้วยความไม่แน่ใจ

     

     

     

                มือถือเครื่องหรูถูกยกขึ้นมาดูอีกครั้ง หากแต่คราวนี้มีการต่อสายออกไป คำพูดของเจสสิก้าเมื่อตอนกลางวันดังขึ้นในหัวของเขาพร้อมๆกับที่เขาตัดสินใจโทรไปยังเบอร์ที่เมมชื่อเอาไว้ว่า ครูจงอินการนั่งฟังเสียง ตู๊ด... ในการต่อสายออกไปยังด้านนอกนี่เป็นอะไรที่ค่อนข้างจะทรมานใจน่าดู แต่เพียงไม่นานการรอคอยก็สิ้นสุดลงพร้อมๆกับเสียงปลายสายที่ดังขึ้น

     

     

     

                ‘ ยอบอเซโย ไคพูดครับ...

     

     

     

                “ ครูจงอิน...”

     

     

     

                ลู่หาน ?

     

     

     

                “ รู้ด้วยอะ!

     

     

     

                จำเสียงได้... ลู่หานอยากจะวิ่งรอบสนาม กระโดตีลังกาซัก 3 รอบ 8 รอบ เอาให้มึนหัวจนอ้วกไปเลยก็ได้นะ ต่อด้วยการถอดเสื้อควงเหนือหัวโชว์ แถมด้วยท่าเลี้ยงลูกด้วยการประสานแขนโยกไปมาเหมือนกล่อมเด็กให้นอน ความรู้สึกนี้คือยิ่งกว่ายิ่งประตูได้ซะอีก เหมือนกับเตะฟุตบอล 3 ลูกเข้าประตูได้ในเวลาเดียวกัน

     

     

     

                “ เก่งอะ...” คือลู่หานไม่รู้จะตอบอะไรออกไปดี ก็คนปลายสายเล่นตอบออกมาแบบนั้น

     

     

     

                หึหึ... แล้วนี่ไปเอาเบอร์มาจากไหน ทีมงานหรอ?

     

     

     

                “ ป่าว... เอามาจากแบคฮยอน”

     

     

     

                “ อ่อ...”

     

     

     

                “ เอ่อ... ครูจงอินทำอะไรอยู่ ผมไม่ได้รบกวนใช่มั๊ย ?”

     

     

     

                กำลังนอนฟังเพลง คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

     

     

     

              “ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย นี่ใช่คิดถึงผมอยู่รึป่าว ?” ถามออกไปทั้งๆที่ริมฝีปากมีรอยยิ้มกว้าง แต่ก็ได้ไม่นานเท่าไหร่ลู่หานอยากจะตบปากตัวเองเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากอีกฝั่งเลยแม้แต่น้อย

     

     

     

              ก็คิดนะ...

     

     

     

     

              “ ....................” นักฟุตบอลคนแมนไม่รู้จะตอบอะไรออกไปเลย ตอนนี้กำลังฟินได้ที่ ถ้าครูจงอินจะตอบแบบให้ความหวังกันขนาดนี้ ลู่หานจะให้คะแนนอีกหนึ่งพันแต้มเอาไปเติมใส่ไว้ในความรู้สึกดีๆให้มันล้นไปจนถึงคำว่ารักเลย

     

     

     

    คิดว่าจะซ้อมเต้นทันไหม จะลืมท่าเต้นไปแล้วรึป่าว

     

     

     

    ครูจงอินน่าจะลาออกจากค่ายเพลงไปได้แล้ว

     

    ถ้าชอบดับฝันคนอื่นขนาดนี้

     

    คงไม่เหมาะกับการไปเป็นครูสอนเหล่านักล่าฝันทั้งหลายหรอก...

     

     

     

    เวลาร่วงเลยไปเกือบครึ่งชั่วโมง ลู่หานมักจะเป็นฝ่ายตั้งคำถามและรอฟังคำตอบจากปลายสายเสียมากกว่า จงอินเองก็ตอบคำถามเขาทุกคำถามแล้วแต่ว่าจะสั้นบ้างยาวบ้างไปตามสาระของคำถาม ซึ่งพูดก็พูดเถอะ ส่วนใหญ่สาระน้อย เลยได้ฟังแต่คำตอบสั้นๆ พูดถึงการถ่ายทำรายการที่ตอนนี้ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วแต่ทักษะการเต้นของลู่หานก็ยังไม่พัฒนาไปเท่าไหร่นัก

     

     

     

    ครูจงอินเอ่ยให้กำลังใจเขาเกือบตลอดเวลา แน่นอนว่าทุกๆครั้งก็ทำให้เขายิ้มจนแก้มแทบแตก มินซอกเดินกลับเข้ามาในห้องเพื่อมาถอนเงินในกระปุกออมสินรูปเด็กน้อยแก้มยุ้ยไปทำทุนต่อก็ส่งสายตามามองล้อๆ แน่นอนว่ามินซอกไม่ได้ถามว่าลู่หานคุยกับใคร แค่รอยยิ้มกว้างๆก็พอจะเดาได้แล้ว

     

     

     

    “ ครูจงอิน...”

     

     

     

    ครับ ?

     

     

     

    “ พูดครับอีกแล้วอะ... ใช่สิ!” ลู่หานว่าจะเอ่ยลาแล้วนะ แต่เพราะจงอินเปิดประเด็นมาให้ต่อเองนะ เขาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆแต่ก็ไม่ได้ยินแม้แต่คำแก้ตัวอะไรจากอีกฝ่ายอีก แม้ว่าจะอยากคุยต่อแต่ลู่หานก็หมดเรื่องที่จะพูดแล้ว ถ้าไม่เกรงใจจะขุดเอาเรื่องบรรพบุรุษมาเล่าให้ฟังเลย แต่ตอนนี้อย่าดีกว่า พยายามมากเกินไป เยอะเกินไปมันก็ไม่ดี

     

     

     

    “ ครูจงอินอย่าลืมเมมเบอร์ของผมไว้นะ”

     

     

     

    โอเค…

     

     

     

    “ ครูจงอิน...”

     

     

     

    หือ ?

     

     

     

    “ โทรหาได้มั๊ย?”

     

     

     

    ได้สิ...

     

     

     

    “ เวลาคิดถึงก็โทรหาได้ใช่มั๊ย?”

     

     

     

    ลู่หานลุ้นคำตอบจากปลายสายเสียยิ่งกว่าตอนกำลังจะยิงลูกโทษด้วยซ้ำไป แม้มันจะดูเป็นคำถามที่เสี่ยวในระดับเบื้องต้น แต่ถ้าไม่เริ่มลู่หานก็จะต้องเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ตอนนี้เขาอยากแสดงออกให้อีกฝ่ายรู้ ถึงจะไม่มั่นใจว่ามันจะเป็นความรักหรือป่าว แต่ตอนนี้มันก้าวข้ามความปลื้มมาแล้วและในไม่ช้ามันก็จะก้าวข้ามผ่านไปยังความรู้สึกที่มากกว่านั้นเช่นกัน

     

     

     

    ก็แล้วแต่ ไม่รู้สิ...

     

     

     

    นี่คืออนุญาตใช่มั๊ย!!??

     

    กระโดดตีลังกา 3 รอบให้เป็นรางวัล!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::

     

    ขอโทษที่ไรท์มาช้าหน่อยนะคะ

    พอดีช่วงนี้ยุ่งๆ (ยุ่งแต่ไปเปิดเรื่องใหม่คืออะไร!!? 55)

     

    ใครว่าพี่ลู่มุ้งมิ้งเหมือนเด็ก ม.ปลายแอบชอบรุ่นพี่บ้าง 555

    ตอนต้นๆเหมือนจะดราม่าเนอะ ทั้งสองคนเลย

    แต่ทำไมตอนท้ายๆถึงดูมุ้งมิ้งก็ไม่รู้

    คนมีความรักก็แบบนี้แหละค่ะ เช้าคิดมาก กลางวันไม่คิด เย็นคิดอีกแล้ว เข้าใจยากจริงๆ 55

     

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเป็นกำลังใจ

    และอ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ ^0^

     

     

     

     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×